สวัสดีครับ
นี้เป็นกระทู้แรกที่ผมได้มีโอกาสมาบอกเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวต่างแดนครั้งแรกของผมเลย
อันที่จริงก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก หลายครั้งละครับ เพียงแต่ครั้งนี้เพื่อนๆอยากให้ลองมาตั้งกระทู้ดู ฮ่าๆ
ยังไงก็ขอฝากกระทู้นี้ไว้ในดวงใจของเพื่อนๆที่แวะเข้ามาดูละกันเนอะ
***สำหรับเพื่อนๆที่สนใจและทำความรุ้จักกับโซลใน part แรกจบแล้ว
สามารถรับชม part 2 ได้ตามเพจข้างล่างนี้เลยคร้าบ***
โอเค งั้นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับ i’m SEOUL alone กันก่อนเลยดีกว่า
เดาไม่ยากเลยว่ากระทู้นี้ต้องเป็นรีวิว โซล ประเทศเกาหลีใต้อย่างแน่นอน
ส่วน alone ฮึ ก็คนเดียว เหงาๆไง สรุปสั้นๆเลยว่า โซลคนเดียวอะแก
ไม่มีไรมากมันทับศัพท์มาจากประโยคภาษาอังกฤษว่า i’m so alone นั้นเอง
สำหรับเพื่อนคนไหนที่ติสจัด หรือไม่ติสก็อโลนได้สบายๆถ้าชอบความเป็นส่วนตัวก็จัดไปเลย
ไม่ต้องรอเพื่อนให้เสียเวลงเวลาทำมาหาเที่ยว ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงเลือก โซล ประเทศเกาหลีใต้ละ
นี้มันก็หน้าร้อน ส่วนใหญ่เค้าไปกันหน้าหนาวนี้ เอ้า ถ้าไปตามคนอื่นมันก็ไม่เฟี้ยวดิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อันที่จริงคือก่อนหน้าไปญี่ปุ่นมาครับ และก็เห็นว่าเกาหลีใต้อยู่ใกล้นิดเดียวเอง ก็เลยตัดสินใจไปโซลต่อดีกว่า
อ๊ะๆๆ ไม่ต้องห่วงว่าทำไมมารีวิวเกาหลีก่อน ก็เพราะว่าญี่ปุ่นไปหลายสถานที่มาก
อาจต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูลเยอะนิดหน่อยครับ ไงก็จะมารีวิวให้ดูกันอีกในไม่ช้าเนอะ
สำหรับระยะเวลาท่องเที่ยวในโซลของผม ใช้เวลา 10 วัน
ก็เที่ยวแบบสบายๆค่อยๆเก็บไปวันละสองสามที่ เดินเจออะไรใหม่ๆก็แวะถ่ายรูป เก็บประสบการณ์ไปเรื่อยครับ
พูดเกริ่นมาแบบนี้ละ ถือโอกาสฝาก IG ของผมเลยละกันเนอะ
เข้าไปดูรูปเพิ่มเติมสำหรับทริปนี้ ได้ที่
IG : banks.de.voyage
หรือ hashtag
#imSEOULalone นะคร้าบ
ส่วนเพื่อนๆคนไหนอยากมาเที่ยวโซลแบบผม ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานหลายวันขนาดนี้นะครับ 4-5 วันก็เพียงพอแล้ว
โซล เป็นเมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ที่ได้รับขนานนามใหม่ว่า new tokyo
นอกจากโซลจะเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ของเอเชียแล้ว ยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่ที่เค้าอนุรักษ์ไว้
ผสมผสานกับความเป็นสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว เรียกได้ว่า โซล เป็นเมืองหลวงที่มีความสดใสทางด้านวัฒนธรรม
และเทคโนโลยีไม่แพ้เมืองรุ่นพี่อย่างโตเกียวเลย ที่สำคัญค่าครองชีพเค้าก็ไม่แพงมากจนเกินไปด้วย
อาหารก็แซป จัดจ้านไม่แพ้พี่ไทยเราทีเดียวเชียว
ส่วนเรื่องที่ผมจะนำเสนอในกระทู้นี้ส่วนใหญ่จะเป็นไลฟสไตล์ของคนในโซลครับ
จะเน้นหนักไปทางการใช้ชีวิต วัฒนธรรม สถานที่ฮอตฮิตผ่านมุมมองภาพถ่ายของผม
ไม่ต้องพูดไรมาก ดูรูปละอ่านบรรยายไปพร้อมกัน โอเค๊!!!
PART 1 "BASIC INFO"
เตรียมความพร้อมก่อนที่เราจะไป SEOUL ด้วยกัน
-
แลกเงิน ให้พร้อมกับค่าใช้จ่ายตามจำนวนวันที่เราอยู่ในโซล ถ้าไม่พอเราสามารถใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตได้ครับ
ทุกเคาเตอร์ มินิมาท ร้านค้าเล็กๆไปจนถึงร้านใหญ่ๆสามารถรูดปื๊ดได้หมดเลย
-
Pocket Wifi เพื่อนๆสามารถเลือกซื้อได้ที่เคาเตอร์บริเวณใกล้ทางออกจากประตูผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ
มีหลายเครือข่ายมากมายเลยครับ จะสะดวกมากสำหรับเพื่อนที่พก ipad, laptop และติดมือถืออย่างหนัก (เช่นผมเป็นต้น ฮ่าๆ)
เพื่อนๆจะพึงพอใจกับแพคเกจอันลิมิตมากมาย และความเร็วของอินเตอเน็ต(ที่ไวพอๆกับเนตที่บ้านผม) เช่าและคืนได้ที่สนามบิน
หรือตัวแทนจำหน่ายใกล้เคียงที่พักของเพื่อนๆ ไงก็ต้องสอบถามที่เคาเตอร์ดีๆนะครับว่ามีกี่เคาเตอร์ที่รับคืนบ้าง
แต่ผมว่าเช่าให้พอดีกับวันที่เราใช้งานละมาคืนที่สนามบินจะสะดวกที่สุดครับ ราคาอยู่ที่ประมาณ 4,000-8,000 วอน/วัน
ถ้าเพื่อนๆไปกันหลายคนสามารถลงแชร์ได้เลย เพราะ pocket wifi เครื่องเดียวสามารถต่อได้ถึง 7 อุปกรณ์เลย คุ้มมั่ก
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ pocketwifikorea.com ครับผม
*** ผมเลือกเช่าซิมการ์ดกับแพคเกจอินเตอเนตอันลิมิต ของเครือข่าย olleh 10 วัน ราคาประมาณ 32,000วอน
ตกเป็นเงินไทยประมาณ 980 บาท แต่จะต้องมัดจำค่าเช่าแพงนิดที่ 100,000 วอน (ประมาณ 3,000 บาท)
ไม่ต้องห่วง เราจะไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่ม เค้าจะเก็บเงินส่วนที่เรามัดจำไว้เป็นอย่างดี
ก็มีการกรอกข้อมูลเล็กน้อย ละก็มีใบเสร็จเพื่อเป็นหลักฐานให้เราตอนนำซิมการ์ดมาคืน
เราก็แค่ระบุกับเค้าว่าจะนำซิมการ์ดมาคืนวันไหน สถานที่ไหน(เท่าที่จำได้มีที่มยองดอง สนามบินนานาชาติกิมโป)
เมื่อเราคืนซิมการ์ดพร้อมใบเสร็จเรียบร้อยแล้วเค้าก็จะคืนเงินมัดจำเราเต็มจำนวนคร้าบ
ปล.เก็บใบเสร็จให้ดีดีนะคร้าบ
-
Tourist Information Centre เป็นศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่มีกระจายอยู่ทั่วไปในสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งครับ
เราสามารถขอรายละเอียดการเดินทาง สอบถามเส้นทางต่างรวมถึงขอแผนที่การเดินทางก็ได้ครับ บางย่านจะมี "คนใส่เสื้อแดง"
ทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลเคลื่อนที่คอยช่วยเหลือเหล่านักท่องเที่ยว และยังสามารถพูดอังกฤษ จีน และญี่ปุ่นได้คล่องครับ
-
Tax Refund อันนี้สำคัญมากสำหรับเพื่อนคนไหนที่เน้นชอปปิ้งและซื้อสินค้าตั้งแต่ 30,000 วอน ในร้านค้าที่มีสัญลักษณ์นี้
ที่สำคัญอย่าลืมบอกคนขายว่าขอ vat refund form ด้วยนะคร้าบ จากนั้นตอนเช็คอินที่สนามบินก่อนบินกลับไทย ให้นำของที่ซื้อ
และฟอร์มทั้งหมดไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ custom ประทับตรา ถ้าชิ้นไม่ใหญ่มากก็ถือขึ้นเครื่องได้แต่ถ้าชิ้นใหญ่และอยากโหลด
ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่แล้วเอาไป declare ที่เคาเตอร์ oversize baggage ก่อนจะโหลดกระเป๋านะครับ
จากนั้นเราก็ไปรับเงินคืนที่เคาเตอร์ tax refund ในสนามบินชั้น 3 หน้า gate 28 แต่ตอนนี้สะดวกมากเพราะมีเคาเตอร์ refund ทั่วโซลเลย
ลองเข้าไปเช็คข้อมูลได้ที่ global-taxfree.com ได้คร้าบ
การเดินทางของผม
เนื่องจากก่อนหน้าทริปโซลผมอยู่ประเทศญี่ปุ่นครับ จึงเลือกเดินทางจากสนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
ด้วยสายการบิน peach airlines เวลาท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่นประมาณ 18.10 น.
เดินทางถึงสนามบินนานาชาติอินชอน (ICN) เวลา 20.00 น.
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครับ ญี่ปุ่นกับเกาหลีใช้ time zone เดียวกัน เร็วกว่าประเทศไทยเรา 2 ชั่วโมง
สำหรับเพื่อนๆที่จะเดินทางมาโซล สามารถเลือกใช้สายการบินจากประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็น thai airways, cathay pacific, air asia X โอ้ว มากมายเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง
*** ผมแนะนำเป็น air asia X ละกันเนอะ
เดี๋ยวนี้เค้ามีบินตรงมาเกาหลีใต้ละ ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเครื่อง ละก็ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปได้เยอะเลย
แค่ดูเรื่องน้ำหนักสัมภาระ ละก็แพคเกจให้ดีๆเพราะจะมีบวกๆมากมาย ฮ่าๆ
ผมมีอีกเว็ปไซด์นึงมาแนะนำคือ skyscanner.co.th เว็ปนี้สแกนราคาให้เกือบทุกสายการบิน ลองไปทดลองหากันดูน้า
จากสนามบินไปที่พัก
1. KAL Limousine Bus
(เวลาทีให้บริการตั้งแต่ 05.00 – 22.30น.) ใช้บริการได้ที่ด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร ชั้นที่ 1
ออกจากตัวอาคารปุ๊ปก็จะเห็นเป็นเคาเตอร์ขายตั๋วอยู่ด้านหน้าเลยครับ ตอนซื้อตั๋วเราก็ถามเจ้าหน้าที่เค้าได้เลยว่า
เราพักโรงแรมนี้ต้องนั่งรถสายไหนไป พนักงานก็จะแนะนำเราเอง ตั๋วเที่ยวเดียวราคาประมาณ 14,000 วอน
ใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง เราจะลงจุดไหนให้บอกคนขับตั้งแต่แรกขึ้นรถนะครับ
หรือเราก็คอยเช็กดูว่า station ที่เค้าจอดมีที่ไหนบ้าง
หรือเพื่อนๆจะประหยัดเวลาด้วยการเข้าไปเช็คใน kallimousine.com ก่อนเดินทางก็จะดีมากเน้อ
*** ผมเลือกเดินทางโดย bus limousine ครับ เพราะว่า
- เค้ามีที่เก็บกระเป๋าให้ + มีพนักงานช่วยยกกระเป๋า
- เก้าอี้เบาะใหญ่นั่งสบายมาก ไม่ฟิคที่
- เห็นวิวรอบข้างชัดเจน ถ้านั่งรถไฟจะมีบางช่วงที่ต้องลงใต้ดิน อาจไม่สุนทรีย์เท่า ฮ่าๆ
- มีโทรทัศน์ให้ดูด้วย (ถึงฟังไม่รู้เรื่องก็โอเคครับ ได้สัมผัสความเป็นเกาหลีแบบไม่มีซัพดีเนอะ)
- สถานีรถ limousine จะอยู่ติดถนน สถานที่และโรงแรมสำคัญๆ เวลาลงเราก็แค่ลากเป๋าเข้าโรงแรม ง่ายๆไม่เหนื่อยมาก
ถ้านั่งรถไฟฟ้ามาอาจลำบากตอนขนสัมภาระครับ เพราะบ้านเค้าไม่ได้มีบันไดเลื่อนมากมาย ว่าง่ายๆคือเค้าฟิตเดินกันนั้นเอง
ไม่ต้องพูดถึงลิฟท์นะ อาจจะหายากเพราะสถานีรถไฟฟ้าที่โซลมีทางออกมากมาย อาจงงและสับสนได้
เลยไม่แนะนำถ้าเพื่อนๆขนสัมภาระไปเยอะ และไม่อยากเหนื่อยตั้งแต่วันแรกของการเดินทางคร้าบ
2. Incheon Airport Railroad Express (A’REX)
(เวลาที่ให้บริการตั้งแต่ 06.00 – 22.00น.) รถไฟความเร็วสูง จอดที่สถานี seoul station
จากนั้นต้องเดินหรือต่อรถไฟใต้ดินไปสถานีที่โรงแรมเราอยู่นั้นเอง
ถ้าเป็นตั๋วแบบ express ราคาประมาณ 8,000 วอน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
ตั๋วธรรมดา ราคาอยู่ที่ 3,950 วอน ใช้เวลาประมาณ 55 นาทีคร้าบ
3. taxi
ราคาประมาณ 60,000-70,000 คร้าบ
ในโซล
1. Subway
(เวลาที่ให้บริการตั้งแต่ 05.20 - 24.00น.) รถไฟฟ้าใต้ดินของเกาหลีใต้มีคนใช้มากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากญี่ปุ่น
เป็นเพราะว่ารถไฟฟ้าเค้าสะดวกมากๆ เราสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ในโซลโดยที่ไม่ต้องเสียค่ารถแพงๆเลย
ราคาเริ่มต้นเฉลี่ยเที่ยวละ 1,150 วอน เพื่อนคนไหนที่เดินทางระยะเวลาหลายวันผมแนะนำให้ซื้อ T-money* เลย
*เรามาพูดถึงรายละเอียดเจ้าบัตร T-Money กันนิดหน่อยดีกว่า T-Money เป็นเสมือนบัตรเติมเงินครับ
ถ้าเปรียบเทียบกับบัตรในไทยเราก็จะเหมือนบัตร rabbit ที่พวกเราใช้เติมเงินเวลาขึ้นรถไฟฟ้าไง แต่ T-Money มันเจ๋งกว่านั้นมาก
เราสามารถเติมเงินในบัตรจำนวนกี่วอนก็ได้ เงินของเราก็จะอยู่ในบัตรไม่ต้องพกธนบัตรไปเยอะๆ
นอกจาก T-Money สามารถใช้ในการขึ้นรถไฟฟ้าได้แล้ว (ได้ส่วนลดค่ารถไฟฟ้าเที่ยวละ 100 วอนด้วยนะ)
ยังสามารถใช้จ่ายตามร้านอาหาร ร้านค้าได้ทุกที่เลย แค่แตะบัตรก็ใช้จ่ายได้สะดวกสบาย
ส่วนตู้ขายบัตรและตู้เติมเงิน T-Money มีทุกสถานีรถไฟฟ้าครับ เวลาเพื่อนไปซื้อหรือเติมเงินก็กดเลือกปุ่มภาษาอังกฤษได้เลย
ละก็ใส่เงินไป เครื่องจะแสกนและก็เติมเงินให้เราอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องกดปุ่มหลายขั้นตอนให้ปวดหมอง
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.smrt.co.kr คร้าบ
2. Bus นอกจากโซลจะมี Subway ที่ไปได้ทุกที่แล้วรถเมล์ก็สามารถเช่นกันครับ
มีดีตรงที่เราสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองได้ด้วย (แม้ว่าจะใช้เวลามากกว่ารถไฟฟ้าใต้ดินอยู่นิด)
ราคาก็เท่ากับรถไฟฟ้าใต้ดิน 1,150 วอน สามารถใช้ T-Money ได้เหมือนกันคร้าบ
เพื่อนๆคนไหนจะใช้บริการรถเมล์ก็ดูป้าย ดูสถานที่ให้ดีๆนะคร้าบ แฮะๆ
3. Taxi วิธีนี้เหมาะสำหรับเพื่อนๆที่ไปกับเพื่อนร่วมเดินทางหลายคนครับ ถือว่าไม่แพงมากนักฮะ
แท๊กซี่ในโซลมีกันอยู่สองแบบ แบบธรรมดา (สีส้มหรือสีเงิน) และ deluxe (สีดำป้ายเหลือง) ราคาต่างกันเท่าตัวเลย ไงก็ดูกันดีๆน้า
4. เดิน อันนี้ผมชอบมากเลย เป็นวิธีทำความรู้จักกับเมืองได้ดีที่สุดครับ เราก็แค่วางแผนดีๆว่าวันนี้เราจะไปไหนบ้าง
และมีสถานที่ใกล้เคียงที่เราพอจะเดินไปได้ไม๊ อาจมีเหนื่อยบ้างก็ถือว่าออกกำลังกายเนอะ แต่ผลที่ได้คือเกินคาดคิดมากครับ
เพื่อนๆจะได้สถานที่ใหม่ๆที่หลายคนยังไม่เคยมาหรืออาจได้ภาพสวยๆแปลกตากว่าคนอื่นกลับบ้านไปครับ
[CR] i'm SEOUL alone โซลคนเดียวก็เฟี้ยวได้แฮะ! part.1
นี้เป็นกระทู้แรกที่ผมได้มีโอกาสมาบอกเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวต่างแดนครั้งแรกของผมเลย
อันที่จริงก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก หลายครั้งละครับ เพียงแต่ครั้งนี้เพื่อนๆอยากให้ลองมาตั้งกระทู้ดู ฮ่าๆ
ยังไงก็ขอฝากกระทู้นี้ไว้ในดวงใจของเพื่อนๆที่แวะเข้ามาดูละกันเนอะ
สามารถรับชม part 2 ได้ตามเพจข้างล่างนี้เลยคร้าบ***
โอเค งั้นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับ i’m SEOUL alone กันก่อนเลยดีกว่า
เดาไม่ยากเลยว่ากระทู้นี้ต้องเป็นรีวิว โซล ประเทศเกาหลีใต้อย่างแน่นอน
ส่วน alone ฮึ ก็คนเดียว เหงาๆไง สรุปสั้นๆเลยว่า โซลคนเดียวอะแก
ไม่มีไรมากมันทับศัพท์มาจากประโยคภาษาอังกฤษว่า i’m so alone นั้นเอง
สำหรับเพื่อนคนไหนที่ติสจัด หรือไม่ติสก็อโลนได้สบายๆถ้าชอบความเป็นส่วนตัวก็จัดไปเลย
ไม่ต้องรอเพื่อนให้เสียเวลงเวลาทำมาหาเที่ยว ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงเลือก โซล ประเทศเกาหลีใต้ละ
นี้มันก็หน้าร้อน ส่วนใหญ่เค้าไปกันหน้าหนาวนี้ เอ้า ถ้าไปตามคนอื่นมันก็ไม่เฟี้ยวดิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับระยะเวลาท่องเที่ยวในโซลของผม ใช้เวลา 10 วัน
ก็เที่ยวแบบสบายๆค่อยๆเก็บไปวันละสองสามที่ เดินเจออะไรใหม่ๆก็แวะถ่ายรูป เก็บประสบการณ์ไปเรื่อยครับ
พูดเกริ่นมาแบบนี้ละ ถือโอกาสฝาก IG ของผมเลยละกันเนอะ
เข้าไปดูรูปเพิ่มเติมสำหรับทริปนี้ ได้ที่ IG : banks.de.voyage
หรือ hashtag #imSEOULalone นะคร้าบ
ส่วนเพื่อนๆคนไหนอยากมาเที่ยวโซลแบบผม ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานหลายวันขนาดนี้นะครับ 4-5 วันก็เพียงพอแล้ว
นอกจากโซลจะเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ของเอเชียแล้ว ยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่ที่เค้าอนุรักษ์ไว้
ผสมผสานกับความเป็นสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว เรียกได้ว่า โซล เป็นเมืองหลวงที่มีความสดใสทางด้านวัฒนธรรม
และเทคโนโลยีไม่แพ้เมืองรุ่นพี่อย่างโตเกียวเลย ที่สำคัญค่าครองชีพเค้าก็ไม่แพงมากจนเกินไปด้วย
อาหารก็แซป จัดจ้านไม่แพ้พี่ไทยเราทีเดียวเชียว
ส่วนเรื่องที่ผมจะนำเสนอในกระทู้นี้ส่วนใหญ่จะเป็นไลฟสไตล์ของคนในโซลครับ
จะเน้นหนักไปทางการใช้ชีวิต วัฒนธรรม สถานที่ฮอตฮิตผ่านมุมมองภาพถ่ายของผม
ไม่ต้องพูดไรมาก ดูรูปละอ่านบรรยายไปพร้อมกัน โอเค๊!!!
PART 1 "BASIC INFO"
เตรียมความพร้อมก่อนที่เราจะไป SEOUL ด้วยกัน
- แลกเงิน ให้พร้อมกับค่าใช้จ่ายตามจำนวนวันที่เราอยู่ในโซล ถ้าไม่พอเราสามารถใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตได้ครับ
ทุกเคาเตอร์ มินิมาท ร้านค้าเล็กๆไปจนถึงร้านใหญ่ๆสามารถรูดปื๊ดได้หมดเลย
- Pocket Wifi เพื่อนๆสามารถเลือกซื้อได้ที่เคาเตอร์บริเวณใกล้ทางออกจากประตูผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ
มีหลายเครือข่ายมากมายเลยครับ จะสะดวกมากสำหรับเพื่อนที่พก ipad, laptop และติดมือถืออย่างหนัก (เช่นผมเป็นต้น ฮ่าๆ)
เพื่อนๆจะพึงพอใจกับแพคเกจอันลิมิตมากมาย และความเร็วของอินเตอเน็ต(ที่ไวพอๆกับเนตที่บ้านผม) เช่าและคืนได้ที่สนามบิน
หรือตัวแทนจำหน่ายใกล้เคียงที่พักของเพื่อนๆ ไงก็ต้องสอบถามที่เคาเตอร์ดีๆนะครับว่ามีกี่เคาเตอร์ที่รับคืนบ้าง
แต่ผมว่าเช่าให้พอดีกับวันที่เราใช้งานละมาคืนที่สนามบินจะสะดวกที่สุดครับ ราคาอยู่ที่ประมาณ 4,000-8,000 วอน/วัน
ถ้าเพื่อนๆไปกันหลายคนสามารถลงแชร์ได้เลย เพราะ pocket wifi เครื่องเดียวสามารถต่อได้ถึง 7 อุปกรณ์เลย คุ้มมั่ก
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ pocketwifikorea.com ครับผม
*** ผมเลือกเช่าซิมการ์ดกับแพคเกจอินเตอเนตอันลิมิต ของเครือข่าย olleh 10 วัน ราคาประมาณ 32,000วอน
ตกเป็นเงินไทยประมาณ 980 บาท แต่จะต้องมัดจำค่าเช่าแพงนิดที่ 100,000 วอน (ประมาณ 3,000 บาท)
ไม่ต้องห่วง เราจะไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่ม เค้าจะเก็บเงินส่วนที่เรามัดจำไว้เป็นอย่างดี
ก็มีการกรอกข้อมูลเล็กน้อย ละก็มีใบเสร็จเพื่อเป็นหลักฐานให้เราตอนนำซิมการ์ดมาคืน
เราก็แค่ระบุกับเค้าว่าจะนำซิมการ์ดมาคืนวันไหน สถานที่ไหน(เท่าที่จำได้มีที่มยองดอง สนามบินนานาชาติกิมโป)
เมื่อเราคืนซิมการ์ดพร้อมใบเสร็จเรียบร้อยแล้วเค้าก็จะคืนเงินมัดจำเราเต็มจำนวนคร้าบ
ปล.เก็บใบเสร็จให้ดีดีนะคร้าบ
- Tourist Information Centre เป็นศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่มีกระจายอยู่ทั่วไปในสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งครับ
เราสามารถขอรายละเอียดการเดินทาง สอบถามเส้นทางต่างรวมถึงขอแผนที่การเดินทางก็ได้ครับ บางย่านจะมี "คนใส่เสื้อแดง"
ทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลเคลื่อนที่คอยช่วยเหลือเหล่านักท่องเที่ยว และยังสามารถพูดอังกฤษ จีน และญี่ปุ่นได้คล่องครับ
- Tax Refund อันนี้สำคัญมากสำหรับเพื่อนคนไหนที่เน้นชอปปิ้งและซื้อสินค้าตั้งแต่ 30,000 วอน ในร้านค้าที่มีสัญลักษณ์นี้
ที่สำคัญอย่าลืมบอกคนขายว่าขอ vat refund form ด้วยนะคร้าบ จากนั้นตอนเช็คอินที่สนามบินก่อนบินกลับไทย ให้นำของที่ซื้อ
และฟอร์มทั้งหมดไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ custom ประทับตรา ถ้าชิ้นไม่ใหญ่มากก็ถือขึ้นเครื่องได้แต่ถ้าชิ้นใหญ่และอยากโหลด
ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่แล้วเอาไป declare ที่เคาเตอร์ oversize baggage ก่อนจะโหลดกระเป๋านะครับ
จากนั้นเราก็ไปรับเงินคืนที่เคาเตอร์ tax refund ในสนามบินชั้น 3 หน้า gate 28 แต่ตอนนี้สะดวกมากเพราะมีเคาเตอร์ refund ทั่วโซลเลย
ลองเข้าไปเช็คข้อมูลได้ที่ global-taxfree.com ได้คร้าบ
การเดินทางของผม
เนื่องจากก่อนหน้าทริปโซลผมอยู่ประเทศญี่ปุ่นครับ จึงเลือกเดินทางจากสนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
ด้วยสายการบิน peach airlines เวลาท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่นประมาณ 18.10 น.
เดินทางถึงสนามบินนานาชาติอินชอน (ICN) เวลา 20.00 น.
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครับ ญี่ปุ่นกับเกาหลีใช้ time zone เดียวกัน เร็วกว่าประเทศไทยเรา 2 ชั่วโมง
สำหรับเพื่อนๆที่จะเดินทางมาโซล สามารถเลือกใช้สายการบินจากประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็น thai airways, cathay pacific, air asia X โอ้ว มากมายเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง
*** ผมแนะนำเป็น air asia X ละกันเนอะ
เดี๋ยวนี้เค้ามีบินตรงมาเกาหลีใต้ละ ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเครื่อง ละก็ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปได้เยอะเลย
แค่ดูเรื่องน้ำหนักสัมภาระ ละก็แพคเกจให้ดีๆเพราะจะมีบวกๆมากมาย ฮ่าๆ
ผมมีอีกเว็ปไซด์นึงมาแนะนำคือ skyscanner.co.th เว็ปนี้สแกนราคาให้เกือบทุกสายการบิน ลองไปทดลองหากันดูน้า
จากสนามบินไปที่พัก
1. KAL Limousine Bus
(เวลาทีให้บริการตั้งแต่ 05.00 – 22.30น.) ใช้บริการได้ที่ด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร ชั้นที่ 1
ออกจากตัวอาคารปุ๊ปก็จะเห็นเป็นเคาเตอร์ขายตั๋วอยู่ด้านหน้าเลยครับ ตอนซื้อตั๋วเราก็ถามเจ้าหน้าที่เค้าได้เลยว่า
เราพักโรงแรมนี้ต้องนั่งรถสายไหนไป พนักงานก็จะแนะนำเราเอง ตั๋วเที่ยวเดียวราคาประมาณ 14,000 วอน
ใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง เราจะลงจุดไหนให้บอกคนขับตั้งแต่แรกขึ้นรถนะครับ
หรือเราก็คอยเช็กดูว่า station ที่เค้าจอดมีที่ไหนบ้าง
หรือเพื่อนๆจะประหยัดเวลาด้วยการเข้าไปเช็คใน kallimousine.com ก่อนเดินทางก็จะดีมากเน้อ
*** ผมเลือกเดินทางโดย bus limousine ครับ เพราะว่า
- เค้ามีที่เก็บกระเป๋าให้ + มีพนักงานช่วยยกกระเป๋า
- เก้าอี้เบาะใหญ่นั่งสบายมาก ไม่ฟิคที่
- เห็นวิวรอบข้างชัดเจน ถ้านั่งรถไฟจะมีบางช่วงที่ต้องลงใต้ดิน อาจไม่สุนทรีย์เท่า ฮ่าๆ
- มีโทรทัศน์ให้ดูด้วย (ถึงฟังไม่รู้เรื่องก็โอเคครับ ได้สัมผัสความเป็นเกาหลีแบบไม่มีซัพดีเนอะ)
- สถานีรถ limousine จะอยู่ติดถนน สถานที่และโรงแรมสำคัญๆ เวลาลงเราก็แค่ลากเป๋าเข้าโรงแรม ง่ายๆไม่เหนื่อยมาก
ถ้านั่งรถไฟฟ้ามาอาจลำบากตอนขนสัมภาระครับ เพราะบ้านเค้าไม่ได้มีบันไดเลื่อนมากมาย ว่าง่ายๆคือเค้าฟิตเดินกันนั้นเอง
ไม่ต้องพูดถึงลิฟท์นะ อาจจะหายากเพราะสถานีรถไฟฟ้าที่โซลมีทางออกมากมาย อาจงงและสับสนได้
เลยไม่แนะนำถ้าเพื่อนๆขนสัมภาระไปเยอะ และไม่อยากเหนื่อยตั้งแต่วันแรกของการเดินทางคร้าบ
2. Incheon Airport Railroad Express (A’REX)
(เวลาที่ให้บริการตั้งแต่ 06.00 – 22.00น.) รถไฟความเร็วสูง จอดที่สถานี seoul station
จากนั้นต้องเดินหรือต่อรถไฟใต้ดินไปสถานีที่โรงแรมเราอยู่นั้นเอง
ถ้าเป็นตั๋วแบบ express ราคาประมาณ 8,000 วอน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
ตั๋วธรรมดา ราคาอยู่ที่ 3,950 วอน ใช้เวลาประมาณ 55 นาทีคร้าบ
3. taxi
ราคาประมาณ 60,000-70,000 คร้าบ
ในโซล
1. Subway
(เวลาที่ให้บริการตั้งแต่ 05.20 - 24.00น.) รถไฟฟ้าใต้ดินของเกาหลีใต้มีคนใช้มากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากญี่ปุ่น
เป็นเพราะว่ารถไฟฟ้าเค้าสะดวกมากๆ เราสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ในโซลโดยที่ไม่ต้องเสียค่ารถแพงๆเลย
ราคาเริ่มต้นเฉลี่ยเที่ยวละ 1,150 วอน เพื่อนคนไหนที่เดินทางระยะเวลาหลายวันผมแนะนำให้ซื้อ T-money* เลย
*เรามาพูดถึงรายละเอียดเจ้าบัตร T-Money กันนิดหน่อยดีกว่า T-Money เป็นเสมือนบัตรเติมเงินครับ
ถ้าเปรียบเทียบกับบัตรในไทยเราก็จะเหมือนบัตร rabbit ที่พวกเราใช้เติมเงินเวลาขึ้นรถไฟฟ้าไง แต่ T-Money มันเจ๋งกว่านั้นมาก
เราสามารถเติมเงินในบัตรจำนวนกี่วอนก็ได้ เงินของเราก็จะอยู่ในบัตรไม่ต้องพกธนบัตรไปเยอะๆ
นอกจาก T-Money สามารถใช้ในการขึ้นรถไฟฟ้าได้แล้ว (ได้ส่วนลดค่ารถไฟฟ้าเที่ยวละ 100 วอนด้วยนะ)
ยังสามารถใช้จ่ายตามร้านอาหาร ร้านค้าได้ทุกที่เลย แค่แตะบัตรก็ใช้จ่ายได้สะดวกสบาย
ส่วนตู้ขายบัตรและตู้เติมเงิน T-Money มีทุกสถานีรถไฟฟ้าครับ เวลาเพื่อนไปซื้อหรือเติมเงินก็กดเลือกปุ่มภาษาอังกฤษได้เลย
ละก็ใส่เงินไป เครื่องจะแสกนและก็เติมเงินให้เราอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องกดปุ่มหลายขั้นตอนให้ปวดหมอง
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.smrt.co.kr คร้าบ
2. Bus นอกจากโซลจะมี Subway ที่ไปได้ทุกที่แล้วรถเมล์ก็สามารถเช่นกันครับ
มีดีตรงที่เราสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองได้ด้วย (แม้ว่าจะใช้เวลามากกว่ารถไฟฟ้าใต้ดินอยู่นิด)
ราคาก็เท่ากับรถไฟฟ้าใต้ดิน 1,150 วอน สามารถใช้ T-Money ได้เหมือนกันคร้าบ
เพื่อนๆคนไหนจะใช้บริการรถเมล์ก็ดูป้าย ดูสถานที่ให้ดีๆนะคร้าบ แฮะๆ
3. Taxi วิธีนี้เหมาะสำหรับเพื่อนๆที่ไปกับเพื่อนร่วมเดินทางหลายคนครับ ถือว่าไม่แพงมากนักฮะ
แท๊กซี่ในโซลมีกันอยู่สองแบบ แบบธรรมดา (สีส้มหรือสีเงิน) และ deluxe (สีดำป้ายเหลือง) ราคาต่างกันเท่าตัวเลย ไงก็ดูกันดีๆน้า
4. เดิน อันนี้ผมชอบมากเลย เป็นวิธีทำความรู้จักกับเมืองได้ดีที่สุดครับ เราก็แค่วางแผนดีๆว่าวันนี้เราจะไปไหนบ้าง
และมีสถานที่ใกล้เคียงที่เราพอจะเดินไปได้ไม๊ อาจมีเหนื่อยบ้างก็ถือว่าออกกำลังกายเนอะ แต่ผลที่ได้คือเกินคาดคิดมากครับ
เพื่อนๆจะได้สถานที่ใหม่ๆที่หลายคนยังไม่เคยมาหรืออาจได้ภาพสวยๆแปลกตากว่าคนอื่นกลับบ้านไปครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น