Autumn in Korea [23-29 October 2024]

กระทู้สนทนา
       อันยองไม่ได้ไปเกาหลี มาร่วม ๆ 4 ปีกว่า ตั้งแต่โควิดจนกระทั่งเริ่มดีขึ้น เริ่มเปิดให้ไปเที่ยวกันได้แล้ว...และได้ลง K-eta ได้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว จนจะหมดอายุ ก็เลยคิดว่า น่าจะไปก่อนที่จะหมดอายุดีกว่า แต่รอบใหม่ K-eta มีอายุ 3 ปีแล้ว เริ่มหาตั๋วเครื่องบิน ในราคา Low Cost แต่ขากลับ ต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม (สำหรับซื้อของ ขนมกลับมา) และอยากไปในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ก็ไปหาข้อมูล ว่า มันจะเริ่มเปลี่ยนสี ในช่วงประมาณ เดือน ตุลาคม 2024 ระหว่าง  17-31 ตุลาคม 2024 จองไม่นาน ก็ได้ตั๋วมาในช่วง  23-29 ตุลาคม 2024 
      ข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการท่องเที่ยวในเกาหลีใต้
      - เงินที่ใช้ เงิน Won  เรทที่แลกไป 1000 won = 0.0249 บาท 
      - แอพที่ใช้เดินทาง ,ท่องเที่ยว ,ภาษา ที่ได้ใช้จริง  อาทิ Papago (แอพแปลภาษา) , Never Map (ค้นหารถเมล์,รถไฟฟ้าใต้ดิน) , Korea subway,Kakao Taxi
  
      - บัตรโดยสาร T-Money , Climate Card  (ค่าบัตร T-Money ราคาเริ่มต้นที่  4,000 won ลายธรรดา ,บัตร Climate Card อยู่ที่ 3,000 won)
         T-Money ใช้ได้ทั้งขนส่ง รถเมล์ ,รถไฟฟ้าใต้ดิน , ซื้อของตามร้านสะดวกซื้อ 7-11 , Cu ,GS25
         Climate Card เป็นบัตรสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น เป็นบัตรแบบเหมาจ่าย (1,3,5,7 วัน) สำหรับรถเมล์ และและรถไฟฟ้าใต้ดิน (บางเส้น ยังไม่ครอบคลุมทุกสาย) สามารถใช้ภายในโซล นอกพื้นที่ ยังไม่ได้ (ถือว่า เป็นบัตรที่คุ้มค่าคุ้มราคามาก) สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ 
             *** การเติมเงินลงในบัตรT-money และ Climate Card สามารถเติมได้ที่ตู้อัตโนมัติภายในสถานีรถไฟใต้ดินทุกแห่ง
            เงื่อนไขการใช้บัตร Climate Card
                                                                        ตัวอย่างบัตร Climate Card และ T-Money และ 
      ทริปนี้จะเที่ยวใน Seoul และ  Suwon 
      * ที่พัก โรงแรมที่เดียวทั้งหมด 6 คืน   " Hotel Ivory"  ตกคืนละประมาณ  2,000 บาท (ไม่รวมอาหารเช้า) ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน Line 4 สีฟ้า Chungmuro Exit 7 
      การเดินทางเข้าเมือง Seoul
      * ขาไป (ไม่เร่งรีบ) นั่งรถไฟด่วนสนามบิน (Airport RailRoad Express) หรือ AREX มี 2 แบบด้วยกัน คือ แบบ Express Non-Stop และแบบ All Stop เราเลือก All Stop (เพราะราคาต่างกันครึ่งต่อครึ่ง ) รถไฟ All-Stop จะผ่านสถานีตามนี้ เราจะไปลง Seoul Station แล้วเลือกต่อ รถไฟใต้ดิน หรือรถเมล์ เพื่อเข้าเมืองอีกทีนึง
     * ขากลับ จะเลือกใช้รถบัส Airport Limousins ต่อเดียวถึงสนามบิน (เพราะมีสัมภาระมีของฝาก) จะใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 20 นาที ราคาจะอยู่ที่ 17,000 Won/ คน
     - เวลาที่เกาหลีใต้ เร็วกว่า ที่ไทย  2 ชั่วโมง
     - Internet เราเลือกเปิด Roaming จากที่ไทยไป โดยใช้เบอร์เดิม (ไม่อยากเปลี่ยนซิม แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน) ค่าย Dtac 7GB|10วัน ราคาอยู่ที่ 399 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
     - เดินทางต่างประเทศ จำเป็นต้องทำประกันการเดินทาง (เผื่อความอุ่นใจ) เลือก ของ tune protect เลือกระดับมาตรฐาน 7 วันอยู่ที่ 274 บาท 
     * ตม. เกาหลีใต้ เค้าก็ทำหน้าที่ของเค้านั่นแหละ บางคนไปฟัง บางคนดู ตม. โหด โน้นนี่นั่น (อย่าเสพข่าวเยอะ) แค่เตรียมข้อมูลให้ครบถ้วน เช่น ตั๋วเครื่องบินไปกลับ , โรงแรม , แพลนเที่ยว ,ลง K-Eta ให้ผ่านก่อนที่จะจองตั๋วเครื่องบิน จะได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย ราคาลง K-eta อยู่ที่ 10,306 Won  = 283.22 บาท(ข้อมูลเมื่อ พฤษภาคม 2567) ถ้าลงผ่าน มีอายุ 3 ปี
     - อากาศ ช่วงที่ไป จะอยู่ที่ 12-16 องศา (กำลังเย็น ๆ สบาย)  ตามไปเที่ยวกันได้เลย
Day 1 Airport DMK > Incheon International Airport > Hotel Ivory > LOtte Mart Seoul Station (Zettaplex)
         ผ่าน ตม.เกาหลี แล้วหาซื้อบัตร T-Money กะ Climate Card  เดินออกมาจะเจอร้าน CU หาซื้อบัตรได้ แต่ Climate Card อาจจะหมด ต้องไปดูตามสถานีรถไฟใต้ดิน seoul station หรือร้านสะดวกซื้อในเมือง เดินทางด้วยรถไฟด่วน Arex All Stop > Seoulstaion > ต่อรถเมล์ สาย  604 มาลงสถานี Chungmuro station เดินไปทางขวา ตรงหัวมุมจะมีร้านกาแฟ ชื่อ Mega Coffee เดินอีกนิด จะมีบันไดลง ไปเรื่อย ๆ ไม่นาน ก็จะเห็น รร.ที่จะพัก ขึ้นไปชั้น  10 ติดต่อ counter ฝากกระเป๋าไว้ก่อน รร.เช็คอินเวลา 16.00 น.  ไปหาข้าวกลางวันทาน (วันแรกก็ชิว ๆสบาย ๆ )  

     ***ใช้แอพ Never Map
           
      ห้องพักจะอยู่ที่ชั้น 9 (อุปกรณ์ใช้ในห้องน้ำ พวก ผ้าเช็ดตัว , แปรงสีฟัน ,ยาสีฟัน ,สบู่ )สามารถมาหยิบได้ที่ชั้น 10 ได้ตลอดเวลา บริการตัวเอง ที่ชั้น 10 ก็จะมีมุมโต๊ะสำหรับทานอาหาร และมีไมโครเวฟ ,น้ำร้อน ,น้ำเย็น บริการ (กาแฟ ,ชา แบบซอง) น้ำดื่มจะมีในตู้เย็นในห้องพัก ในคืนแรก คืนต่อ  ๆ ไป ก็สามารถนำขวดเป่ามาเติมน้ำเย็น ที่จุดบริการได้ ตอนเย็นแวะไปซื้อของกิน ใน Lotte mart สาขา Seoul STation (Zettaplex) 
     🚇 line 4 Chungmuro > Seoul Station 
Day 2 Hwaseong Fortress (수원 화성) >Cafe Paletscent > Starfield Suwon > Hongdae (Suwon City)
      🚇 Suwan Station /AK Plaza ต่อด้วยรถเมล์ สาย 66-4 | 66 | 60 ลงป้าย Jangan Park เดิน 2 นาที จะถึง ป้อมฮวาซอง เดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอ ร้าน คาเฟ่ Cafe Paletscent

     
                                                                                             
Cafe Paletscent
     เดินทางกันต่อไปห้องสมุด starfield แลนมาร์คใหม่ ที่เมืองซูวอน อยู่ชั้น 4-6
   🚇 line 1 ลงสถานี Hwaseo Exit 1 เดินไปห้าง Starfield
 
 เดินทางกลับ เพื่อไป Hong dae หาของกิน เดินเล่น  มีน้องๆ วัยรุ่น มาเปิดเพลงเต้น กันด้วย
Day 3 Eunpyeong Hanok Village (은평한옥마을) > Jingwansa Temple [진관사(서울) ] > SeongSu-Dong
          ม.บ้านสไตล์ฮันอก ที่สร้างขึ้นมาใหม่ พื้นหลังเป็นภูเขา บุกฮันซาน ได้รับการยกย่องให้เป็น “ปอดแห่งกรุงโซล” 
          🚇 สถานี Euljiro 1 (il) ga ทางออก 4  (เดิน 5 นาที) ขึ้นรถเมล์ 701 ที่ป้าย IBK (Euljiro 2-ga IBK Head Office, Seoul Employment and Labor Administration)
 จากม.อึนพยองฮันอก เดินไปด้านหลัง ก็จะเจอวัน Jingwansa Temple
กลับเข้าเมือง เพื่อมาแหล่ง shopping Seongsu - Dong (มี Flagship store "Dior" รูปด้านอาคารด้านนอกถอดรูปแบบมาจาก 30 Montaigne ร้าน flagship store เก่าแก่กลางปารีส โดยปรับให้มีความทันสมัยเข้ากับย่านโดยการเลือกใช้วัสดุเหล็กแวววาวและกระจกเชื่อมกันเป็น glass house คาดการณ์ว่าจะเปิดถึงกลางปี 2025)  แบรนด์เนมต่างๆ ก็จะอยู่ที่นี่หลายแบรนด์ อาทิ Tamburin , Standoil  และขนมปังเกลือที่ขึ้นชื่อ
자연도소금빵 Saltbread in Seaside  (1 set มี 4 ชิ้น = 12,000 won)
   🚇ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 2 (สายสีเขียว) ลงสถานี Seongsu Station ทางออก 3
Day 4 Changdeokgung Palace > Cafe Onion >วัดโชเกชา > สะพานสายรุ้งบันโพ (ริมแม่น้ำฮัน)
       พระราชวังซังด๊อกกุง 창덕궁) เป็นพระราชวังลำดับที่สอง ซึ่งถูกสร้างขึ้นต่อจาก พระราชวังเคียงบก  ( Gyeongbokgung Palace) การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี ค. ศ. 1405 และแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1412 ในรัชสมัยของกษัตริย์แทจง (Taejong of Joseon, 태종; ค.ศ. 1367 – ค.ศ. 1422)  พระราชวังแห่งนี้มีความสำคัญในการเป็น ที่พำนักของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ ในสมัยราชวงศ์โชซอน (Joseon Dynasty) 
         🚇สถานี Anguk Exit 3 เดินออกมาประมาณ 5 นาที  ปิดทุกวันจันทร์  ค่าเข้าชม คนละ 3,000 Won  เปิด 09.00-17.30 น. หลังจากชมพระราชวังเสร็จเรียบร้อย เดินกลับมาร้าน คาเฟ่ สไตล์ฮันอกได้ที่ cafe Onion 
  มาไหว้พระกันต่อที่วัดโชกเยซา (Jogyesa, 조계사) วัดที่เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายเซน นอกจากนี้วัดยังเป็นสถานที่หลัก และมีความสำคัญ ในการจัดการบรรยาย, พิธีกรรม และการจัดกิจกรรมทางพุทธศาสนา รวมไปถึงกิจกรรมอื่น ๆ ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะการจัดพิธีแห่โคมไฟรูปดอกบัว ในวันก่อนวันประสูติของพระพุทธเจ้า ซึ่งตรงกับวันที่ 8 เดือน 4 ของปีจันทรคติ โดยขบวนแห่นี้ จะเริ่มต้นตั้งแต่ สนามกีฬาทงแดมุน (Dongdaemun Stadium) จากนั้นเคลื่อนขบวนไปตามถนนชุงโน (Jungno-ro) และมาสิ้นสุดที่วัดแห่งนี้
  🚇Jonggak Station ( Seoul Subway Line 1) และเดินออกทางออกที่ 2 จากนั้นเดินตรงไป 70 เมตรและข้ามถนน แล้วเดินต่อไปอีก 100 เมตร ก็จะถึงวัด  จากนั้น เราก็จะไปดูแสงสี เสียงกันที่สะพานบันโพ ซึ่งก็เริ่มเปิดไฟในเวลา 19.30 น. เป็นเวลา 20 นาที  แล้วหามาม่า กับ ไก่ทอด กิน ที่ริมแม่น้ำฮันพร้อมชมโชว์ 
Day 5 Hwadam Botanic Garden > Myeongdong 
        Hwadam Botanic Garden (화담숲)
      🚇รถไฟใต้ดินสาย 7 ลงที่สถานี Gonjam Exit 2 ออกจากประตูมา ทางขวา เดินมาเรื่อย ๆ จะเจอ ป้ายรถเมล์ ขึ้นรถเมล์สีเหลือง no.9 (จะมีสายเดียวที่ไปที่สวนฮวาดัม ) รอนานอยู่ประมาณ 30-45 นาที แต่ใครที่ไม่อยากรอก็เรียก Taxi (ค่าTaxi ประมาณ  10,000 Won)  ขากลับก็รอนั่งรถเมล์ No.9 ตรง Konjam Resort  ค่าเข้าสวน คนละ 11,000 Won
                                                                                                                                                                  [/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่