สวัสดีค่ะ แนะนำตัวก่อน ชื่อ รุ้ง ค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกใน PANTIP เลย
ปกติจะเขียนบล็อกเที่ยวใน blogspot ชื่อ mydoraerung ค่ะ เพื่อน ๆ แวะไปดูก่อนได้
CLICK
กระทู้แรกนี้ เขียนไว้แล้วใน blogspot แต่อยากให้เพื่อน ๆ PANTIP ได้อ่านด้วย ตื่นเต้นมากค่ะ เพราะไปเที่ยวเกาหลีใต้ครั้งแรก
ซึ่งเป็นช่วงที่มีดราม่า #แบนเกาหลี พอดี
ภาษาที่ใช้ อาจมีใช้อารมณ์บ้าง โมโหบ้าง เพราะตอนเขียนก็นึกถึงสถานการณ์ที่เจอตอนนั้นค่ะ ... เรามาเริ่มกันเลย
ต้องผ่าน ตม.เกาหลีใต้ให้ได้
สวัสดีจ้า รุ้งเอง ไปเที่ยวกลับมารอบนี้ กระสับกระส่ายตั้งแต่คิดว่าจะไปแล้ว เพราะปัญหาเรื่อง ตม.เกาหลี มาแรงมาก จริงๆก็แรงมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังเป็น 1 ประเทศที่อยากจะไปสักครั้ง (ตอนนี้คิดว่าครั้งเดียวก่อน ในอนาคตยังไม่รู้)
ในบรรดาเพื่อนๆ และคนรู้จัก ไปกันหลายรอบแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร เลยคิดว่าถึงเวลาแล้วแหละ บวกกับอิจฉาเพื่อนที่เตรียมไปเที่ยวไต้หวัน เลยเอาวะ ลองเสี่ยงดู คิดเผื่อไว้แล้วว่า ถ้าเขาจะไม่ให้เข้าประเทศ ก็ถือว่าโชคร้ายไปแล้วกัน
รุ้งจองตั๋วตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และเดินทางวันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2566 โดย Air asia X ค่ะ นี่ๆ จะบอกว่า ซื้อตั๋วแยกคนละขา ขนาดรวมชาร์จบัตรเครดิตแล้วนะ ยังถูกกว่าซื้อไปกลับ 1,000 กว่าบาทเลย งงไปเลยจ้า ... ส่วน K-ETA ลงไว้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์แล้ว เลือกที่พัก 24 GUESTHOUSE Seoul staion เพราะเผื่อเวลาสำหรับวันเดินทางกลับไทยเอาไว้ จะได้ไม่ต้องมาแบบรีบๆ
เหลือเวลาอีกตั้งหลายเดือน ชิลมากพูดเลย ดูที่เที่ยวไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็จะไปที่ฮิตๆในโซลนั่นแหละ ไม่ต้องคิดเยอะ รีวิวต่างๆมีเพียบ ... ตอนแรกทำแพลนเป็นภาษาไทย ทำเสร็จหมดแล้วด้วย ทำเหมือนปกติที่เคยทำ แต่มีรีวิวบอกว่า ให้ทำเป็นภาษาอังกฤษ สรุปต้องรื้อใหม่หมด
ระหว่างรอวันจะไปเที่ยว ก็ส่องทวิตเตอร์เรื่อง ตม.ตลอด โดยเฉพาะคำถามแปลกๆของ ตม. และยิ่งใกล้วันเดินทาง ก็ยิ่งประสาทแดก เพราะข่าวด้านลบถาโถมเข้ามาเยอะมาก เลยพยายามหาอ่าน คนที่เขาผ่านเข้าเมืองได้ปกติ ฮีลใจไว้ก่อน
บรรดารีวิวต่างๆ ก็แนะนำว่าต้องจำทุกอย่างให้ได้นะ รุ้งใช้วิธีจำเหมือนตอนจำคำตอบไปสอบ นั่นคือ "ระบายสี" แล้วก็เช็กเส้นทางอีกรอบ โดย Never หรือ Google เวอร์ชันเกาหลี ... อันไหนไม่ถูก ไม่ต้องลบ เอาปากกาขีดทิ้ง แล้วเขียนใหม่ไปเลย เผื่อว่าถ้าต้องให้ ตม.ดูจริงๆ จะได้ยืนยันว่า เราทำแพลนเที่ยวเองนะ ... ไม่อยากจะอวด บอกเลย ได้หมดทุกอย่างโดยไม่ต้องท่องจำเลย เอ๊า! ก็ทำเองกับมือ จะจำไม่ได้ได้ไง เอาซี้
ตอนแรก รุ้งจองซิมการ์ดแบบไปรับที่เกาหลีใต้ แต่ยกเลิกจ้ะ เพราะต้องคิดเผื่อทุกอย่าง เผื่อไม่ได้เข้าเมือง ทุกอย่างต้องคิดเผื่อเรื่อง ตม.ทั้งหมด เลยยกเลิกซิมนั้น แล้วมาซื้อของ dtac GO INTER แทนค่ะ เพราะเปิดใช้งานตั้งแต่ในไทยได้เลย สามารถใช้ในประเทศได้ 6 ชม. ก่อนบิน ซื้อกับ KLOOK แล้วไปรับที่สุวรรณภูมิค่ะ อ้อ โปรให้เพิ่มอีก 4 GB หมดแล้วนะคะ
บัตร T-money ก็เหมือนกัน ซื้อกับ KLOOK แบบบัตรเปล่าๆ ซื้อไว้เลยเอาไว้เป็นหลักฐานว่า ต้องการมาเที่ยวจริงๆ อย่างที่บอก คือ ทุกอย่างต้องคิดเผื่อเรื่อง ตม.ทั้งหมดจริงๆ
เงินวอน รุ้งแลกกับ SUPERRICH สีส้มค่ะ ไม่มีแบงก์ย่อยนะคะ ถามเขาแล้ว จะมีก็ต่อเมื่อมีลูกค้ามาขายคืนค่ะ แลกมา 550,000 won กับแลกใส่บัตร Travel card 150,000 won
ชีวิตนี้ไม่เคยไปสุวรรณภูมิ
ก่อนหน้านี้ คำนวนเวลาไว้แล้วว่า จากบ้านไปสุวรรณภูมิ ใช้เวลาเท่าไหร่ กลัวจะไปไม่ถูก ถึงขั้นทดลองนั่งรถไฟไปดูสถานที่ก่อนเลย ป๊าดดดด แล้วก็ไปรับซิมการ์ด กับบัตร T-money ด้วย ... โอเค ไปง่ายเวอร์
ช่วงก่อนจะถึงวันเดินทาง แพนิคหนักมาก กลัวไม่ได้เข้าเมือง บนสิจ้ะ บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำภูมิลำเนา , ใส่เสื้อสีอะไรจะโชคดี , โทรไปหาพ่อแม่ให้ช่วยอวยพรให้โชคดี ชีวิตไม่เคยต้องทำอะไรขนาดนี้ ^0^ อ่านเจอรีวิวว่า คนไปครั้งแรกจะผ่านหมด อืม สบายใจละ
เครื่อง Take off ตี 2 ครึ่งหน่อยๆ แต่กลัวจะใช้เวลาไปอาคาร SAT1 นาน เพราะเห็นรีวิวว่า ไกลโคตร ออกจากบ้านตั้งแต่ 3 ทุ่มนิดๆ โดยรถไฟฟ้าล้วนๆ จาก MRT สีม่วง > สีน้ำเงิน ไปลงสถานีเพชรบุรี 47 บาท และไปขึ้น Airport Rail Link สถานีมักกะสัน 45 บาท ใช้เวลา 1 ชั่วโมงโดยประมาณ ถึงสุวรรณภูมิตอน 4 ทุ่มกว่า
ตอนเช็กอินที่เคาท์เตอร์ เลยให้พนักงานช่วยบอกทาง "หนูไม่เคยมาสุวรรณภูมิเลยค่ะ" ก็ไปตามที่เขาบอก มีป้ายบอกทางไป SAT1 ชัดเจน เล็งป้าย S101-S128 ไว้เลย นั่นๆ บันไดเลื่อนอยู่หลังรูปปั้นค่ะ ... ลงไปจะเจอน้องพนักงาน ยืนอยู่ 2-3 คน ช่วยตรวจตั๋วกับพาสปอร์ตอีกรอบ ก่อนจะไปขึ้นรถไฟเชื่อมต่ออาคาร รถไฟไม่มีคนขับนะคะ น้องวิ่งได้เอง ^_^
เดินไกลจริงพ่อจ๋าแม่จ๋า ได้ GATE S105 โน่นจ้ะ สุดทางเลย เดินไปทางฝั่งซ้ายของช้าง ... ช่วงนี้ ร้านอาหารมีแค่ 3-4 ร้าน พวก McDonald's Burger King ร้านกาแฟ ประมาณนี้ แต่ในอนาคตเขาบอกว่า จะมาเพิ่งอีก
ซื้อ Burger King มานั่งกิน ทำทุกอย่างให้นานที่สุด ก็ยังไม่ถึงเวลาสักที ดื่มน้ำ ไปฉี่ ไปฉี่ ดื่มน้ำ อยู่อย่างนั้น 555555555 ระหว่างรอ ก็มองๆการแต่งตัวของ นทท.คนอื่นๆ คุมโทนกันสุดฤทธิ์ อาจจะเพราะในรีวิวบอกว่า คนเกาหลีแต่งตัวคุมโทนมาก สีขาว ดำ เทา อะไรแบบนี้ ในขณะที่รุ้งใส่เสื้อสีม่วง เพราะดูมาแล้วว่า ใส่สีม่วงวันนี้ คือ ปัง!!
ใจเต้นตึ๊กตั๊ก ตม.น่าจะแกล้ง
นั่งมาเกือบ 6 ชม. ไม่เคยนั่งท้ายเครื่องขนาดนี้ นั่งหางเครื่องเลย (หางเครื่องที่ไม่ได้แปลว่าแดนเซอร์ 555555) คือแถวก่อนแถวสุดท้ายอะ นั่งกับมนุษย์ลุง ที่วางแขนที่พนักแขนตลอดเวลา ไม่เผื่อให้กูบ้างเลย ได้ เบียด
เลย เบียดมา กูเบียดกลับ
ถึงแล้วจ้า สนามบินนานาชาติอินชอน ฝนตกจ้า แล้วก็มาถึงช่วงเวลานาทีชีวิต ว่า มาถึงแล้วกลับเลย หรือได้เข้าไปเที่ยวอย่างที่ตั้งใจมาจริงๆ ... อ้อ ทุกคนที่ลง K-ETA แล้ว ไม่ต้องเขียน Arrival card กับใบศุลกากร ค่ะ เคยอ่านเจอในทวิตเตอร์ว่า ไม่ต้องเขียน Arrival card แล้ว แต่สงสัยเรื่องใบศุลกากร ยังต้องเขียนไหม ไม่เห็นแอร์แจกเลย ก่อนจะลงจากเครื่องเลยไปถามแอร์ เขาบอกว่าไม่ต้องเขียนทั้งคู่ค่ะ เพราะมีข้อมูลเราในระบบแล้ว มาถึงหน้า ตม. ก็มีป้ายใหญ่เบิ้มติดไว้จริงๆ ไม่ต้องเขียนค่ะ ... แต่ถ้าไม่มี K-ETA ก็เขียนเหมือนเดิมค่ะ
ช่วงที่ต่อแถว นี่ก็เล็งไว้เลย ช่องไหนสั้น เข้าช่องนั้นแหละ ... พอใกล้จะถึงคิว ตม.เปลี่ยนตัวค่ะ เขาคงนั่งมานานแล้ว (ในใจคิด แล้วทำไมมาเปลี่ยนตอนนี้) พอคนใหม่มานั่ง ป้าคนก่อนหน้ารุ้ง ก็โดนถามเลย จนลูกสาวเขาต้องไปช่วยกันคุย แต่ค่ะ แต่ ... ช่องข้างๆ เป็นช่องสำหรับคนที่มีลูกน้อยมาด้วย พอเจ้าหน้าที่ตรวจแม่ลูกคู่นี้เสร็จ เขาก็เรียกรุ้งไปค่ะ
ในรีวิวแนะนำว่า หลังยื่นพาสปอร์ตแล้ว ก็จ้องเจ้าหน้าที่ไปเลย แล้วก็ยื่นแค่พาสปอร์ตพอ ยังไม่ต้องแสดงอย่างอื่น โอเค ทำตามนั้นเป๊ะๆ ... เจ้าหน้าที่ดูข้อมูลในจออยู่นาน คีย์ก๊อกแก๊กๆ แปะสติกเกอร์ป้าบบบ (ในใจคือ เย้!! ผ่านแล้วโว้ย) แล้วเขาก็พูดว่า Leave พูดมาคำเดียวโดดๆเลย
อินี่สตั้นไป 1 วิ แล้วตอบว่า Eight November (เอ้จท์ โนเว็มเบอร์) ตม.พูดทวนคำรุ้งกลับมา หรือเขาฟังว่ารุ้งพูด Egg ไข่หรือเปล่า นี่ก็พูดใหม่ Eight พร้อมชูนิ้วว่า 8 เอ้จท์ๆ เอ้กๆ กันอยู่แป๊บ (ตอนนี้กำลังคิดว่า เขาแกล้งทำ เพื่อให้เราเผยพิรุธหรือเปล่า ถ้ามีอะนะ) แล้วเขาก็ขอดูหลักฐาน นี่ก็งัดใบจองตั๋วขากลับให้ดู ... เขาดูอยู่สักแป๊บ ก็ส่งกระดาษคืน แบบโยนหน่อยๆ โยนเบาๆ แล้วก็ส่งพาสปอร์ตที่แปะสติกเกอร์เข้าเมืองให้ค่ะ
ได้เวลาฟินแล้วโว้ยยยยยยย ไปขึ้นรถไฟเชื่อมต่ออาคาร เพื่อไปยัง T1 จะได้ไปขึ้น AREX ซึ่งเป็น Airport Railroad เข้ากรุงโซลกันค่ะ
เดินตามป้ายเลยนะทุกคน ไม่หลงแน่นอน เพราะทุกคนต้องไปทางเดียวกัน อิอิ ^_^ ตั้งใจไว้แล้วว่า ตอนขาเข้าจะนั่งแบบ All stop train หยุดทุกสถานี ประมาณ 1 ชั่วโมง ซื้อตั๋วจากตู้ได้เลย เห็นแบบผ่านๆตา ว่า 4550 won อ้าว ขึ้นราคาเหรอ ที่ดูในเว็บรถไฟ บอกว่า 4150 won เป็นตั๋วเที่ยวเดียว สามารถ Refund ได้ 500 won ค่ะ ไปกันเล้ย ^0^
รถไฟมีแบบ Express ด้วยค่ะ รถสีส้ม วิ่งไม่หยุดถึงสถานีโซล ประมาณ 45 นาที ราคา 9000 won คิดไว้ว่าวันกลับจะนั่งแบบนี้ ขึ้นฝั่งตรงข้ามประตูกระจกค่ะ
ป้ายบอกชื่อสถานี และเสียงประกาศในรถไฟ มี 3 ภาษาค่ะ เกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ ตอนได้ยินภาษาญี่ปุ่นคือตกใจแป๊บ มาถูกประเทศเปล่าวะ อ๋อ มาเกาหลีถูกแล้ว
ถึงแล้ว Seoul Station ในตำนาน เคยเห็นแต่ในเน็ต เคยดูหนังซอมบี้ ได้มาถึงจริงๆแล้ว นี่คิดมาจากบ้านเลยนะ จะต้องถ่ายรูปหน้าสถานีก่อน ประกาศให้โลกรู้ว่า ถึงเกาหลีจริงๆนะโว้ย 55555555
** มีต่อด้านล่างค่ะ [/
ฟินเวอร์ 4 วัน 3 คืน เที่ยว "โซล" เกาหลีใต้ (ตอนที่ 1)
สวัสดีจ้า รุ้งเอง ไปเที่ยวกลับมารอบนี้ กระสับกระส่ายตั้งแต่คิดว่าจะไปแล้ว เพราะปัญหาเรื่อง ตม.เกาหลี มาแรงมาก จริงๆก็แรงมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังเป็น 1 ประเทศที่อยากจะไปสักครั้ง (ตอนนี้คิดว่าครั้งเดียวก่อน ในอนาคตยังไม่รู้)
ในบรรดาเพื่อนๆ และคนรู้จัก ไปกันหลายรอบแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร เลยคิดว่าถึงเวลาแล้วแหละ บวกกับอิจฉาเพื่อนที่เตรียมไปเที่ยวไต้หวัน เลยเอาวะ ลองเสี่ยงดู คิดเผื่อไว้แล้วว่า ถ้าเขาจะไม่ให้เข้าประเทศ ก็ถือว่าโชคร้ายไปแล้วกัน
รุ้งจองตั๋วตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และเดินทางวันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2566 โดย Air asia X ค่ะ นี่ๆ จะบอกว่า ซื้อตั๋วแยกคนละขา ขนาดรวมชาร์จบัตรเครดิตแล้วนะ ยังถูกกว่าซื้อไปกลับ 1,000 กว่าบาทเลย งงไปเลยจ้า ... ส่วน K-ETA ลงไว้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์แล้ว เลือกที่พัก 24 GUESTHOUSE Seoul staion เพราะเผื่อเวลาสำหรับวันเดินทางกลับไทยเอาไว้ จะได้ไม่ต้องมาแบบรีบๆ
เหลือเวลาอีกตั้งหลายเดือน ชิลมากพูดเลย ดูที่เที่ยวไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็จะไปที่ฮิตๆในโซลนั่นแหละ ไม่ต้องคิดเยอะ รีวิวต่างๆมีเพียบ ... ตอนแรกทำแพลนเป็นภาษาไทย ทำเสร็จหมดแล้วด้วย ทำเหมือนปกติที่เคยทำ แต่มีรีวิวบอกว่า ให้ทำเป็นภาษาอังกฤษ สรุปต้องรื้อใหม่หมด
ระหว่างรอวันจะไปเที่ยว ก็ส่องทวิตเตอร์เรื่อง ตม.ตลอด โดยเฉพาะคำถามแปลกๆของ ตม. และยิ่งใกล้วันเดินทาง ก็ยิ่งประสาทแดก เพราะข่าวด้านลบถาโถมเข้ามาเยอะมาก เลยพยายามหาอ่าน คนที่เขาผ่านเข้าเมืองได้ปกติ ฮีลใจไว้ก่อน
บรรดารีวิวต่างๆ ก็แนะนำว่าต้องจำทุกอย่างให้ได้นะ รุ้งใช้วิธีจำเหมือนตอนจำคำตอบไปสอบ นั่นคือ "ระบายสี" แล้วก็เช็กเส้นทางอีกรอบ โดย Never หรือ Google เวอร์ชันเกาหลี ... อันไหนไม่ถูก ไม่ต้องลบ เอาปากกาขีดทิ้ง แล้วเขียนใหม่ไปเลย เผื่อว่าถ้าต้องให้ ตม.ดูจริงๆ จะได้ยืนยันว่า เราทำแพลนเที่ยวเองนะ ... ไม่อยากจะอวด บอกเลย ได้หมดทุกอย่างโดยไม่ต้องท่องจำเลย เอ๊า! ก็ทำเองกับมือ จะจำไม่ได้ได้ไง เอาซี้
บัตร T-money ก็เหมือนกัน ซื้อกับ KLOOK แบบบัตรเปล่าๆ ซื้อไว้เลยเอาไว้เป็นหลักฐานว่า ต้องการมาเที่ยวจริงๆ อย่างที่บอก คือ ทุกอย่างต้องคิดเผื่อเรื่อง ตม.ทั้งหมดจริงๆ
ก่อนหน้านี้ คำนวนเวลาไว้แล้วว่า จากบ้านไปสุวรรณภูมิ ใช้เวลาเท่าไหร่ กลัวจะไปไม่ถูก ถึงขั้นทดลองนั่งรถไฟไปดูสถานที่ก่อนเลย ป๊าดดดด แล้วก็ไปรับซิมการ์ด กับบัตร T-money ด้วย ... โอเค ไปง่ายเวอร์
ช่วงก่อนจะถึงวันเดินทาง แพนิคหนักมาก กลัวไม่ได้เข้าเมือง บนสิจ้ะ บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำภูมิลำเนา , ใส่เสื้อสีอะไรจะโชคดี , โทรไปหาพ่อแม่ให้ช่วยอวยพรให้โชคดี ชีวิตไม่เคยต้องทำอะไรขนาดนี้ ^0^ อ่านเจอรีวิวว่า คนไปครั้งแรกจะผ่านหมด อืม สบายใจละ
เครื่อง Take off ตี 2 ครึ่งหน่อยๆ แต่กลัวจะใช้เวลาไปอาคาร SAT1 นาน เพราะเห็นรีวิวว่า ไกลโคตร ออกจากบ้านตั้งแต่ 3 ทุ่มนิดๆ โดยรถไฟฟ้าล้วนๆ จาก MRT สีม่วง > สีน้ำเงิน ไปลงสถานีเพชรบุรี 47 บาท และไปขึ้น Airport Rail Link สถานีมักกะสัน 45 บาท ใช้เวลา 1 ชั่วโมงโดยประมาณ ถึงสุวรรณภูมิตอน 4 ทุ่มกว่า
อินี่สตั้นไป 1 วิ แล้วตอบว่า Eight November (เอ้จท์ โนเว็มเบอร์) ตม.พูดทวนคำรุ้งกลับมา หรือเขาฟังว่ารุ้งพูด Egg ไข่หรือเปล่า นี่ก็พูดใหม่ Eight พร้อมชูนิ้วว่า 8 เอ้จท์ๆ เอ้กๆ กันอยู่แป๊บ (ตอนนี้กำลังคิดว่า เขาแกล้งทำ เพื่อให้เราเผยพิรุธหรือเปล่า ถ้ามีอะนะ) แล้วเขาก็ขอดูหลักฐาน นี่ก็งัดใบจองตั๋วขากลับให้ดู ... เขาดูอยู่สักแป๊บ ก็ส่งกระดาษคืน แบบโยนหน่อยๆ โยนเบาๆ แล้วก็ส่งพาสปอร์ตที่แปะสติกเกอร์เข้าเมืองให้ค่ะ
ได้เวลาฟินแล้วโว้ยยยยยยย ไปขึ้นรถไฟเชื่อมต่ออาคาร เพื่อไปยัง T1 จะได้ไปขึ้น AREX ซึ่งเป็น Airport Railroad เข้ากรุงโซลกันค่ะ