จาก 95 กิโลกรัม เหลือ 65 กิโลกรัม ในระยะเวลา 4 เดือน จริงหรือหลอกมาดูกัน !!!

กระทู้คำถาม
ผมใช้วิธีลดน้ำหนัก แบบนับแคลอรี่นะครับ (ปรับใช้มาจากคุณ จอห์น วิญญู)
             ก่อนอื่นนะครับ ผมขอเรียกตัวเองว่าบอยนะครับ ผมเป็นคนอ้วนมากแต่โชคดีที่ไม่ดำ ฮ่าๆๆ น้ำหนัก 95 กิโลครับ ลดน้ำหนักโดยใช้วิธีการนับแคลจากคุณจอห์น วิญญูและอื่นๆมาปรับใช้ในการลดน้ำหนัก

ผมจะบอกหลักๆของการลดน้ำหนัก มีอยู่ไม่กี่ข้อหรอกครับ ถ้าคุณทำตามหรือนำไปปรับใช้ให้เข้ากับวิถีชีวิตของคุณเอง ผมรับรองเลยครับน้ำหนักคุณลดแน่ๆ
สิ่งที่ผมจะบอกต่อไปนี้ถ้าคิดว่ามันส่งผลเสียกับตัวคุณก็ไม่ควรทำนะครับ อ่านแล้วนำไปคิดวิเคราะห์เองนะครับว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวคุณเองทั้งหมด ถ้าคุณเชื่อแล้วมีคนอื่นที่ไม่เชื่อ มาบอกคุณว่ามันไม่ดีมันจะส่งผลอะไรต่างๆนาๆให้คุณฟัง แล้วคุณก็กลัวแล้วก็เลิกเชื่อ สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรเลยก็อ้วนเหมือนเดิม

ผมขอบอกก่อนนะครับสำหรับตัวผมเอง ตั้งแต่ลดน้ำหนักมา ตอนนี้ 5 เดือนแล้วครับ กินข้าวปกติ(เท่าคนปกติเขากินกันข้าวธรรมดาไม่มันมาก 3 มื้อ)น้ำหนักก็ไม่ขึ้นไม่ลงนะครับถ้าคุณคิดว่าวิธีผมจะส่งผลให้เกิดโยโย่เอฟเฟค

โยโย่เอฟเฟคในความคิดของผมนะครับอันนี้ผมก็ไม่ได้รู้ลึกหรอกนะครับ มันคือการที่เราลดน้ำหนักแบบหักดิบแล้วพอน้ำหนักถึงเป้าหมายแล้วเราก็กลับไปกินเหมือนเดิม(กินเยอะเท่าตอนที่อ้วน)สุดท้ายเราก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิมครับ คุณจะสังเกตได้จากวิธีลดน้ำหนักแบบธรรมดานะครับที่บอกว่ากินเท่าไรก็ได้แต่ขอให้ออกกำลังกายทุกวันเป็นประจำ  น้ำหนักก็จะลงเอง จากที่ผมทำมานะครับ มันลดลงจริงครับแต่ช้ามาก ผมลด 10 กิโล ใช้เวลาอย่างต่ำที่สุด 6 เดือน นะครับ แล้วพอกลับมากินแบบคนอ้วนก็ส่งผลให้เกิดโยโย่เอฟเฟคได้เหมือนกันครับ (ทุกสิ่งทุกอย่างที่เล่าให้ฟังนี้ผมได้ทดลองกับตัวเองทั้งหมดเลยครับฮ่าๆๆ)

คุณอ้วนเพราะอะไรนั้นหรอ?  ก็เพราะว่าคุณกินเยอะนั้นแหละครับ ถ้าจะให้พูดง่ายๆ สมมุติว่าคุณกินไป 3500 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ร่างกายคุณเผาผลาญพลังงาน 2000 กิโลแคลต่อวัน ออกกำลังกายอีก สมมุติว่า 500 กิโลแคลละกันนะครับ จะเห็นได้ว่าเรากินเกินที่ร่างกายต้องใช้ ถึง 1000 กิโลแคล แล้ว 1000 กิโลแคลนี้หายไปไหน มันก็เก็บสะสมเป็นพลังงานสำรองในร่างกายของเราเองนั้นแหละครับอยู่ในรูปไขมันนั้นเอง ไม่แปลกหรอกครับที่น้ำหนักจะไม่ลดลง ถ้าไม่จัดการที่ต้นเหตุ นั้นก็คือการกิน เอาล่ะจะเล่าแล้วนะครับ


ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนครับว่าที่เราอ้วนเป็นเพราะอะไร ถ้าคำตอบของพวกคุณเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่การกินผมขอให้พวกคุณไม่ต้องอ่านต่อนะครับ เพราะมันจะไปขัดกับความเชื่อของพวกคุณเอง

อย่างแรก คุณลดไปทำไม หาเป้าหมายให้เจอก่อน สำคัญมากที่สุด มันเป็นสิ่งแรกเลยนะครับที่คุณจะต้องทำก่อนจะลงมือลดน้ำหนัก

เพราะอะไรนั้นหรอ? เพราะว่าถ้าเราลดแบบไม่มีเป้าหมายสุดท้ายเราก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิมครับ
ตัวอย่างนะครับ เช่น ผม ลดน้ำหนักโดยมีเป้าหมายหลักๆก็คืออยากให้คนที่ผมชอบหันมาสนใจผมบ้าง นี้คือเป้าหมายของผม จะเห็นได้ว่าผมทำเพื่อคนอื่น ขอแนะนำนะครับให้ลดเพื่อคนอื่นเพราะมันเกิดแรงจุงใจในการลดน้ำหนักมากกว่าลดเพื่อตัวเอง ส่วนทำเพื่อตัวเองเช่น ลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง อะไรประมาณนี้อะครับมันเกิดแรงจุงใจน้อยกว่าการลดเพื่อคนอื่น พอเราเจอเป้าหมายของเราแล้ว

ขั้นที่ 2 โม้ให้เพื่อนสนิทเราฟังครับว่าเราจะลดน้ำหนัก โม้ทุกวัน แต่ต้องทำตามที่เราโม้นะครับไม่งั้นก็จะถูกมองว่าเป็นคนขี้โม้นะครับ ฮ่าๆๆ โม้เรื่องลดน้ำหนัก เช่น ไอ่เฉด น้ำหนักกูลดไป 1 โลแล้ววะ จากที่กินเท่านี้ๆ ไอ่เฉด น้ำหนักกูขึ้นอะตั้ง 2โล ไอ่เฉดน้ำหนักกูลง 0.2 วะจากที่นอนดึก อะไรประมาณนี้ เล่าให้ฟังให้ทั้งหมดว่าเกิดอะไรกับเราบ้างในตอนที่เราลดน้ำหนัก เพื่อนเราอาจจะรำคาญนะครับแต่มันเป็นวิธีสร้างแรงจุงอย่างหนึ่ง

ขั้นที่สามขั้นการลด สำคัญน้อยกว่าขั้นแรกแต่ก็สำคัญนะครับถ้ามีเป้าหมายแต่ไม่ลงมือทำก็จบครับไม่ลดหรอกครับฮ่าๆๆ ในขั้นนี้แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนนะครับนะครับ

อย่างแรก เข้าไปที่เวปนี้ครับ

http://www.lovefitt.com/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%93%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2-bmi/

เพื่อเช็คว่าเราอยู่ในเกณฑ์ไหน ควรน้ำหนักเท่าไร

อย่างที่ 2 เข้าไปที่

http://www.lovefitt.com/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-bmr/

เพื่อดูว่าในหนึ่งวันเราใช้พลังงานไปเท่าไรต่อวันเข้าไปตรวจวัดทุกๆน้ำหนักลด 5 กิโลนะครับ พอคำนวนได้แล้ว ก็ทำตามนั้นครับ ไม่ต้องออกกำลังกายก็ได้ครับ เพราะทุกวันๆเราก็ไม่ออกอยู่แล้วฮ่าๆๆไม่ออกซัก 3-4  เดือนไม่เป็นไรหรอกมั้ง ฮ่าๆๆ จริงๆเป็นไหม? น่าจะเป็นนะครับจากที่รู้ๆกันอยู่นะครับ  จริงๆควรออกกำลังกายด้วยแต่เรากินน้อยแล้วกลัวว่าเราจะใช้ร่างกายหนักเกินไปน่ะครับ ผมเลยแนะนำให้ไม่ออกดีกว่า

อย่างที่ 3 ลงมือปฏิบัติ

ผมจะเล่าเรื่องของผมให้ฟังนะครับว่าใน 4 เดือนนี้ผมทำอะไรบ้างกินอะไรบ้างอย่างละเอียดเลยนะครับอาจจะยาวหน่อยนะครับฮ่าๆๆ
ผมจากที่ หนัก 95 กิโล ตอนนี้เหลือ 65 กิโล ลดไป 30 กิโลภายในระยะเวลา 4 เดือน ตอนแรกที่ลดน้ำหนักผมก็หาเมนูที่แคลน้อยๆแต่กินแล้วอิม ไม่เจอหรอกครับอาศัย กินเยอะแต่แคลน้อยเอาครับ ผมไม่กินข้าวนะครับหาคาโบไฮเดดที่ไม่ใช่ข้าวกินแทนเพราะข้าวให้พลังงานมาก ย่อยง่ายหิวง่าย ผมเลือกกินวุ้นเส้นครับถามว่ามันไม่หิวง่ายกว่าข้าวหรอ หิวง่ายกว่าครับแต่แคลน้อยกว่าอย่างที่บอกผมอาศัยการกินเยอะให้มันอิ่มแทนการกินแบบปกติ
เช่น กินต้มจืด 2 ถ้วยต่อมื้อ หรือ 3 เลยก็ได้ จริงๆ 2 ถ้วยก็อิ่มมากแล้วนะครับ

ช่วงแรกผมลดโดยการไม่กินข้าวเลย 1 เดือนเติม กินแต่ต้ม จืดวุ้นเส้นจริงๆ 1 เดือน เริ่มจากการกินต้มจืด 2 ถ้วยต่อมื้อ ขนมอีก1-2ถุง (ขนมที่แคลน้อยๆนะครับเดียวจะเอาไว้ให้ที่อาหารที่แนะนำตอนท้ายๆนะครับ)
กินน้ำผลไม้หรือน้ำที่มีความหวาน 1 กล่อง น้ำเปล่าอีกแล้วแต่จะอิ่ม ทำอย่างนี้ 1 เดือนครับ
มีหลายคนถามว่าทำได้ไงอะ อย่าลืมเป้าหมายของเราครับ พูดกับตัวเองตลอดเรื่องเป้าหมายของตัวเองในตอนที่เราจะตบะแตก ฮ่าๆๆ แต่ก็สามารถให้รางวัลกับตัวเองได้นะครับ ใน 1 อาทิตย์ กินข้าวซักมื้อ ก็ได้ครับ

ช่วงแรกๆจะทำยากหน่อยนะครับ ช่วงอาทิตย์แรกเฉย จริงๆเรากินอิ่มทุกมื้อก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ แล้วจากนั้นก็ค่อยๆลดปริมาณอาหารลง จากต้มจืด 2 ถ้วยก็เหลือ 1ถ้วย ขนมและเครื่องดื่มเหมือนเดิม หลังจากนั้นอีกตอนไปสั่งกับข้าว ก็บอกแม่ค้าว่า ไม่เอาเต้าหู้ ต่อจากนั้นอีก ไม่เอาเส้น กินแต่ผักต้มกับหมูก็พอ(ควรหาต้มจืดที่เป็นอาหารตามสั่งนะครับจะได้สั่งอาหารตามที่เราอยากกินได้หรือทำกินเองจะดีมากๆเลยครับ) ส่วนคาโบไฮเดรดก็ได้จากการกินขนมอยู่แล้วหรือหาอะไรกินอย่างอื่นแทนที่เป็นพวกแป้งอะ ผมทำแบบนี้จนครบ 1 เดือน น้ำหนัก เหลือ 85 ลดไป 10 กิโลครับ หลังจากนั้นเดือนที่ 2 กินเหมือนเดิม ลดไปอีก เหลือ 78 ลดไป 7 กิโลครับ เดือนที่ 3 เปลี่ยนเมนูครับไม่ไหวแล้วฮ่าๆๆ กินเกี้ยวซ่าในเซเว่นครับ 1 ห่อต่อ 1 มื้อ ทั้งเดือน เหลือ 72 ลดลง 6 กิโลครับ ส่วนเดือน ที่ 4 เดือนสุดท้าย เดือนนี้เริ่มกินปริมาณเพิ่มขึ้นเพื่อปรับให้กลับมาเป็นการกินปกติครับ แต่ก็กินเกี้ยวเหมือนเดิมนะครับ ลดลงเหลือ 65 กิโล ลดลงไป อีก 7 กิโล รวมทั้งหมด ก็ 30 กิโลกรัม ในระยะเวลา 4 เดือน เออ...ลืมบอกไป ผมออกกำลังกายด้วยนะครับคืออยากผอมไวๆนะครับ ฮ่าๆ ออกเท่าที่ทำได้ ใน เดือนที่ 4 นะครับ 3 เดือนแรก แทบจะไม่ได้ออกเลยนอกจากทำแลปฮ่าๆ  

ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะลดน้ำหนัก
1.     กินน้อยแต่น้ำหนักไม่ยอมลง คงที่เป็นอาทิตย์  2 อาทิตย์หรือเป็น 3 อาทิตย์ก็มี
http://ppantip.com/topic/34142446
2.    นอนดึกเลยทำให้หิวมื้อดึกทำไงดี
http://ppantip.com/topic/34142493
3.    ลดแบบนี้จะหน้ามืดไหมครับ
http://ppantip.com/topic/34142520
4.    จะส่งผลเสียอะไรกับร่างกายบ้างในระยะสั้นและในระยะยาว
http://ppantip.com/topic/34143535
5.    แล้วหนังที่หย่อนยานทำไงดีครับหลังจากลดน้ำหนัก
http://ppantip.com/topic/34143542
6.    จะเกิดโยโย่เอฟเฟคไหมครับ
http://ppantip.com/topic/34143546
คำถามพวกนี้ผมจะตั้งกระทู้แยกให้นะครับเพราะบางปัญหาก็ยาวนะครับ ฮ่าๆๆ ต้องค่อยๆแก้ กันไป
เมนูอาหารที่ผมกินตลอดเวลา 4 เดือน นะครับ

เมนูอาหารหลัก
1.ต้มจืดวุ้นเส้น

2.เกี้ยวซ่าในเซเว่น

3.ข้าวเหนียวหมูห่อ 20 บาท กินไม่ติดมันนะครับ

4.ผัดกระเพราเจในเซเว่น

5.ไข่ต้ม


เมนูอาหารว่าง(ขนม)
1.ขนมพวกสาหร่ายอบกรอบ ผมแนะนำให้กินพวกซีลีโกะนะครับ แคลน้อยมาก ฮ่าๆ อร่อยด้วย

2.อื่นๆ



เมนูน้ำหวาน


สุดท้ายนี้นะครับ ถ้าอยากกินอะไรที่นอกเหนือจากนี้ก็คำนวนแคลกันเอาเองนะครับพยายามไม่ให้กินเกิน 2000 คือหัวใจหลัก แล้วแต่บางคนก็ใช้พลังงานต่อวัน 1500 ก็มี แต่ปกติจะอยู่ประมาณ 2000 ครับ สู้ๆครับเป็นกำลังใจให้กับคนอ้วนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง และคนอื่นๆที่ตังใจลดน้ำหนักนะครับ  อมยิ้ม02อมยิ้ม02อมยิ้ม16อมยิ้ม16อมยิ้ม02อมยิ้ม02
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่