ก่อนอื่นเลย ขอบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเราโดยตรง แต่เป็นเรื่องของครอบครัวพี่สาวเราแท้ๆ แม่ที่กล่าวถึงก็เป็นแม่เราด้วยค่ะ บอกก่อนนะคะ ว่าไม่ได้จะนินทาแม่นะคะ แค่อยากระบายค่ะ ทุกเรื่องที่เราจะเล่านี้ เคยพูดกะแม่ไปทั้งหมดแล้ว แต่แม่โกรธค่ะและไม่ยอมรับ เลยไม่รู้จะพูดยังไงอีก
แม่เราเป็นคนดื้อและรั้นมากกก เชื่อมั่นในความคิดตัวเองสุดๆ ถ้าลองเชื่ออะไรไปแล้ว เปลี่ยนความคิดยาก ยกตัวอย่างเลย แม่เราเล่นเฟสและไลน์ด้วย อะไรที่แชร์ต่อๆกันมา แม่ก็เอามาส่งต่อ และเชื่ออย่างที่เขาบอกจริงๆ เช่น เล่นโทรศัพท์ในที่มืดแล้วตาบอด แม้ตอนหลังจะมีหมอออกมาแก้ข่าว ว่าไม่เป็นความจริง มันไม่ถึงขั้นทำให้ตาบอดได้ แต่แม่ก็เชื่อไปแล้วค่ะ อันนี้แค่เล็กๆน้อยๆนะคะ
เรามีพี่สาว 1 คนทำงานอยู่บริษัทรถยักษ์ใหญ่ เคยแต่งงานและมีลูกแล้ว แต่ก็เลิกกับพ่อของลูกแล้วและตอนนี้ก็มีแฟนใหม่แล้ว พ่อเราเสียแล้ว ส่วนแม่ก็เป็นแม่บ้าน อยู่บ้านเลี้ยงหลานเฉยๆ เราก็ไม่ได้อยู่บ้านกะแม่ แต่ไปทำงานอยู่อีกที่นึง แต่จะส่งเงินให้แม่ทุกเดือน
ปัญหาก็คือ แม่ไม่ชอบลูกเขยคร่า แม่ชอบพูดเสมอ ว่าจะมีแฟนก็หาให้มันดีๆ ให้มันเลี้ยงเราได้ ไม่ใช่มาแต่ตัว คือแม่จะพูดประมาณว่าให้หาแฟนรวยๆ นะ แต่เรากะพี่สาวไม่ได้คิดว่าจะหาคนรวย เราก็จะแย้งตลอดว่า คนรวยเขาก็ไปเอากะคนรวยสิคะ เราไม่รวยใครจะมามอง
พี่เขยเป็นคนภาคใต้ตอนบน แต่ก็ยอมย้ายมาอยู่กะพี่สาวและทำงานบริษัทรถ แต่คนละบริษัทกะพี่สาว มีรถยนต์ 1 คัน ที่แม่ของพี่เขยดาวน์ให้เป็นของขวัญ ในความคิดเราว่าดีแล้ว ที่บ้านมีผู้ชายมาอยู่ด้วย ตอนแรกมีแต่ผู้หญิง 3 คนทั้งแก่และเด็ก แต่แม่ก็ยังบ่นๆ เรื่องพี่เขยมาแต่ตัว
ตอนเราพาแฟนมาบ้านครั้งแรก แม่ก็ถามใหญ่เลยว่า หน้าที่การงานเป็นยังไง อยู่ที่ไหน และอีกมากมาย
หลานของเรา เข้ากันได้ดีกะพี่เขยมาก พี่เขยก็รักหลานเหมือนลูกตัวเองเลย แต่แม่ก็ยังอคติกะพี่เขย ไม่รู้ทำไม ถึงขนาดตอนที่เรากะแม่ไปทำบุญต่อชะตาด้วยกัน แม่ก็ยังถามเรื่องคู่ของพี่สาว พระยังบอกเลยว่าเป็นคู่แท้ เหมือนแม่จะขัดใจอยู่หน่อยๆ
แฟนเราบอกสงสารพี่เขยเนอะ ยังบอกเลยว่าอึดอัดแทน คือบ้านก็ไม่ใช่บ้านตัวเองแล้ว ยังอยู่เหมือนส่วนเกินอีก
แม่เป็นคนขี้บ่นมากกกก และชอบเปรียบเทียบ ลูกบ้านโน้นเป็นอย่างโน้น แต่พอพี่สาวชวนไปเที่ยว ไม่ไปซะอย่างนั้น บอกขี้เกียจ ฃ
เราส่งเงินให้แม่ทุกเดือนเป็นเงินก้อน แต่พี่สาวให้แม่เป็นรายวัน ซึ่งรวมแล้วเยอะกว่าที่เราให้อีก แต่แม่ก็ชอบเปรียบเทียบอ่ะ เรารู้ว่าพี่สาวก็น้อยใจ คือแม่จะโอ๋เรามากกว่า เราจะกลับไปหาแค่แม่ปีละครั้ง เราก็เคยพูดกะแม่ว่าอย่าเปรียบเทียบกะคนอื่นเลย แม่ก็โกรธ แม่บอกว่าไม่ได้เปรียบเทียบแค่พูดให้ฟังเฉยๆ แล้วก็บ่นๆ ว่าต่อไปจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว เฮ้อ แล้วก็เงียบไปประมาณวันสองวัน แล้วก็เอาอีก เป็นเหมือนเดิมอีก
เรื่องเลี้ยงหลานเหมือนกัน คือแม่เลี้ยงมาตั้งแต่เกิดจนตอนนี้จะ 8 ขวบละ แม่จะไม่ให้ใครยุ่งเลย และหลานคนเดียวด้วย โอ๋มาก ตามใจสุดๆ ที่จริงตามใจกันทั้งบ้านแหละ แต่แม่อยู่กะหลานมากกว่า และแม่ชอบเสียงดัง คืออะไรไม่พอใจนิดหน่อย ก็จะชอบตวาด เสียงดัง ตอนนี้หลานก็เป็นค่ะ เสียนิสัยแล้ว อะไรไม่ได้ดั่งใจ เสียงดัง ยายหลานทะเลาะ เถียงกันเสียงดังลั่นบ้าน เดี๋ยวนี้เวลาเรากลับบ้านจะไม่อยู่นาน อย่างมากก็แค่ 3-4 วัน คือเราไม่ชอบเสียงดังอ่ะ
และของเล่นเต็มบ้าน บอกให้เอาไปบริจากบ้างก็ไม่ยอม แล้วก็อยากได้ใหม่ตลอด ไม่รักษาคำพูดด้วย คือประมาณว่าอยากได้ของเล่นใหม่ แต่ไม่มีวาระพิเศษก็บอกขอเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้า พี่สาวก็ซื้อให้ พอถึงวันเกิดขออีกละ เราเข้าใจว่ามันอยู่ที่การสอนของผู้ใหญ่ด้วย
เวลาเรากลับบ้าน หลานจะกลัวและ ไม่ค่อยกล้าเสียงดัง เพราะเราดุและไม่คุ้นกะเรา เราจะบอกจะสอนตลอด ว่าต้องรู้จักแบ่งปัน ของเล่นเยอะแยะ เอาไปบริจากให้คนอื่นบ้าง ถ้าของเล่นเต็มบ้านอย่างนี้ เราก็ไม่ซื้ออะไรให้หรอก นางร้องไห้ไปหายายคร่า ยายก็เข้าข้างหลาน ว่าหลานหวงของ ไม่เอาให้ใครหรอก เฮ้อ สอนยากทั้งยายทั้งหลานเลย เสียเด็กจริงๆ
เคยบอกพี่ีสาวกะแม่ไปแล้ว เรื่องหลานเนี่ย เสียเด็กแล้ว เคยส่งบทความให้อ่าน เพราะเราคนนอกเห็นว่าหลานก็เป็นบางข้อนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มาดู บาป 14 ประการ ที่พ่อแม่ทำต่อลูก ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ และอาจเป็นสาเหตุให้ชีวิตของลูกดำเนินไปอย่างไม่ถูกไม่ควร สำรวจตัวเองดูว่าคุณเผลอทำแบบนี้อยู่หรือเปล่า..
คุณหมอขอบอก..พ่อแม่โปรดหยุดบาป 14 ประการ ทำร้ายลูก (โดยไม่รู้ตัว) .. ก่อนสายเกินไปนะครับ!
พ่อแม่บางคน (๑)
ทำร้ายลูกด้วยการรักเขามากเกินไป ผลก็คือเกิดภาวะรักจนหลง ลูกของตนถูกทุกอย่าง ลูกของตนดีกว่าคนอื่นเสมอ อันส่งผลให้ลูกกลายเป็นคนมีอัตตาสูง เชื่อมั่นตนเองในทางที่ผิด ชอบดูถูกคน เป็นตัวปัญหา แต่ไม่ยอมรับว่าตนเป็นคนสร้างปัญหา
พ่อแม่บางคน (๒)
ทำร้ายลูกด้วยการตามใจเขามากเกินไป ผลก็คือพ่อแม่กลายเป็นข้าช่วงใช้ของลูก ส่วนลูกกลายเป็น “ลูกบังเกิดเกล้า” ที่พ่อแม่ต้องยอมให้เขาทุกอย่าง ที่หนักกว่านั้นก็คือ ถ้าพ่อแม่ไม่ยอมตามที่ลูกต้องการลูกบางคนก็ถึงขั้นทุบตีทำร้ายพ่อแม่
พ่อแม่บางคน (๓)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่กล้าห้ามปรามสั่งสอนเมื่อลูกทำผิด ทำเลว ทำบาป ผลก็คือ ลูกสูญเสียสามัญสำนึก แยกแยะถูกผิดดีชั่วไม่เป็น มองไม่เห็นเส้นแบ่งทางจริยธรรมว่า ดีเป็นอย่างไร ชั่วเป็นอย่างไร จึงกลายเป็นนักเลงอันธพาล ระรานคนเขาไปทั่ว
พ่อแม่บางคน (๔)
ทำร้ายลูกด้วยการให้เงินลูกเพียงอย่างเดียว ผลก็คือ ลูกไม่รู้จักคุณค่าของเงิน ไม่เห็นคุณค่าของผู้ที่หา/และให้เงิน ยิ่งได้เงินมาก ยิ่งผลาญเงินเก่ง มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ และทั้งๆที่ใช้จ่ายเงินสูง แต่กลับมีคุณภาพชีวิตต่ำ
พ่อแม่บางคน (๕)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมให้ลูกเรียนรู้ที่จะพึ่งตนเอง เกรงว่าหากให้ลูกทำอะไรด้วยตนเองแล้วเขาจะลำบาก ผลก็คือเมื่อโตขึ้นลูกกลายเป็นลูกแหง่ที่พึ่งตนเองไม่ได้ ทำอะไรด้วยตนเองไม่เป็น ยิ่งเติบโตยิ่งเป็นตัวปัญหาของสถาบันครอบครัว
พ่อแม่บางคน (๖)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมส่งเสริมให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดี มัวแต่สนใจลงทุนในการทำธุรกิจเป็นร้อยเป็นพันล้าน แต่ไม่รู้จักลงทุนในการสร้างลูกให้เป็นปัญญาชน ผลก็คือลูกเติบโตแต่ตัว แต่ทว่ามีสติปัญญาที่ต่ำต้อย ขาดทักษะการคิด การใช้เหตุผล การทำงาน การเข้าสังคม เขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถร่วมเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมเท่านั้นแต่ยังสร้างปัญหาให้สังคมอีกต่างหาก
พ่อแม่บางคน (๗)
ทำร้ายลูกด้วยการทำแต่งานสังคมสงเคราะห์นอกบ้าน โดยลืมไปว่าคนที่ตนต้องสงเคราะห์ก่อนดูแลก่อนต้องให้ความรักก่อนก็คือลูก ผลก็คือแม้จะกลายเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ประสบความสำเร็จนอกบ้าน สังคมสรรเสริญ แต่กลับเป็นพ่อแม่ที่ล้มเหลวในบ้าน และลูกกลายเป็นเด็กที่ขาดความรัก ความอบอุ่น ไม่พร้อมจะแบ่งปันความรักและความอบอุ่นให้ใคร
พ่อแม่บางคน (๘)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักยกย่องชมเชยลูกเมื่อเขาประสบความสำเร็จในการเรียน ในการทำงาน หรือในการทำกิจกรรมใดๆก็ตาม ผลก็คือลูกกลายเป็นคนใจคอคับแคบ ยกย่องชมเชยใครไม่เป็น เมื่อเห็นคนอื่นได้ดีมีความสำเร็จ เขาจึงเป็นนักอิจฉาริษยาตัวฉกาจ ที่จ้องแต่จะหาทางทำลายคุณงามความดีของคนอื่น
พ่อแม่บางคน (๙)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักสอนเขาให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ผลก็คือ เมื่อโตขึ้น เขาจึงพร้อมผละหนีพ่อแม่ไปอย่างไม่รู้สึกผิด ไม่เห็นความจำเป็นว่า การเป็นลูกที่ดีนั้น จะต้องกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ของตนอย่างไร
พ่อแม่บางคน (๑๐)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่สอนลูกให้รู้จักการบำเพ็ญตนเป็นผู้ให้ ผลก็คือเมื่อโตขึ้นเขาจึงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ คิดแต่จะกอบโกย คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวจนมองไม่เห็นหัวคนอื่น แทนที่จะถือหลัก “ยิ่งรวยยิ่งให้ ยิ่งได้ยิ่งแบ่ง”กลับถือหลัก “ยิ่งรวยยิ่งคอร์รัปชั่น ยิ่งแบ่งปันยิ่งสูญเสียเปล่า”
พ่อแม่บางคน (๑๑)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมให้ลูกรู้จักตัดสินใจด้วยตนเอง ผลก็คือ ลูกกลายเป็นคนขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำอะไร ส่งผลให้ไร้ภาวะผู้นำ ต้องเดินตามคนอื่นโดยดุษฎี
พ่อแม่บางคน (๑๒)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่สอนให้ลูกรู้จักสมบัติของผู้ดี ผลก็คือเขากลายเป็นคนหยาบกระด้างทั้งทางกาย ทางใจ ใจคอโหดหินทมิฬชาติ ขาดความสุภาพอ่อนน้อม ขาดสัมมาคาราวะ ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักประมาณตน ครองตน ครองงานไม่เป็น ไม่เห็นคุณค่าของระเบียบประเพณี กฎหมาย จรรยาจารีตของสังคม ไม่เคารพในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนดีของเพื่อนมนุษย์
พ่อแม่บางคน (๑๓)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่แนะนำให้ลูกรู้จักคบเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตร (เพื่อนแท้) ผลก็คือรอบกายของเขาจึงมีแต่บาปมิตร (เพื่อนเทียม) คอยประจบสอพลอ คอยหลอกล่อให้ทำความเลวทรามต่ำช้า ติดสุรา ยาเสพติด นำพาชีวิตไปในทางเสียหาย ตกอยู่ใต้วังวนของอบายมุข สนุกสนาน ไม่สนใจหาแก่นสารให้กับชีวิต
พ่อแม่บางคน (๑๔)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักสร้างสภาพแวดล้อมให้ลูกเป็นคนรักการอ่าน รักการเขียน รักการเรียนรู้ รักการเดินทาง ปล่อยให้เขาศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองไปตามยถากรรม ผลก็คือเขากลายเป็นคนหูตาคับแคบ ขาดความรู้พื้นฐาน ขาดความรู้รอบตัว ขาดความกระตือรือร้น ไม่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ การคิด พูด ทำ ไม่เฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง ขาดความแหลมคม ตามไม่ทันโลก ตกข่าว เป็นคนว่างเปล่าทางความรู้ (รอบตัว) ความคิด จิตใจ และไม่มีรสนิยมอย่างอารยชน
ว.วชิรเมธี
๒๙ มกราคม ๒๕๕๒
กาฐมัณฑุ, เนปาล
แต่ 2 คนนั่นไม่ยอมรับ บอกว่าไม่จริงซะหน่อย ฉันไม่ได้เลี้ยงแบบนั้น หลานเป็นเด็กดี
ที่เราทำงานคือต้องเจอ ทั้งเป็นครอบครัวเล็ก ครอบครัวใหญ่ และครอบครัวใหญ่มาก หลากหลายชาติสุดๆ
ครอบครัวคนจีน 8 ใน 10 ที่เคยเจอนี่นรกสุดๆ เด็กไม่มีมารยาทเอาซะเลย ทั้งวิ่งไปวิ่งมารบกวนชาวบ้านเขา ไม่มีความเกรงใจคนรอบข้าง พ่อแม่ก็ไม่ห้าม
ส่วนครอบครัวทางยุโรปนี่ี 8 ใน 10 เช่นกันน่าจะเอาไปประกวดมารยาทงาม สอนลูกดีมาก เด็กก็น่ารัก
มาถึงหลานตัวเอง ก็ไม่ได้ถึงขั้นเด็กนรกนะ แค่เอาแต่ใจมากแค่นั้นเอง
ส่วนเรื่องแม่กะพี่เขย เคยบอกแม่แล้วว่าปล่อยวางบ้าง อย่าอคตินักเลย แม่ก็เถียงว่าไม่ได้อคติ แล้วจะปล่อยได้ไง นี่ขนาดบ่นนะ ยังขนาดนี้เลย เราก็ว่ามีผู้ชายมาอยู่ที่บ้านก็ดีแล้ว กันขโมยขโจร แม่ว่าแล้วมันอยู่ซะที่ไหน วันๆเลิกงาน ก็ออกไปหาเพื่อน ส่วนเรื่องซักผ้า แม่จะซักรีดเฉพาะของตัวเองกะหลาน ส่วนของพี่เขยกะพี่สาว พี่สาวทำเอง
เราก็เข้าใจพี่เขยนะ อยู่บ้านก็โดนบ่น อืดอัด ก็ต้องออกไปหาเพื่อนข้างนอกสิ ถ้าบ้านมันน่าอยู่ ใครก็อยากอยุ่ นี่มีแต่เสียงบ่น เสียงยายหลานทะเลาะกัน
แม่เราขี้บ่นมากกก บ่นได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ บางที่เรื่องเล็กๆ แม่ก็บ่นจนเหมือนเรื่องคอขาดบาดตาย บ่นซ้ำๆ ไปหลายวัน บางทีผ่านไปแล้ว ก็ยังขุดเอาขึ้นมาบ่นอีก และเราก็ได้แต่บอกพี่สาวว่าให้อดทนนะ
มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้แม่ปล่อยวางได้ เราสงสารพี่เขยกะพี่สาวอ่ะ
ปัญหาแม่ยายกะลูกเขย นึกว่าจะมีแต่ในนิยาย จะทำยังไงดี ให้แม่ปล่อยวาง
แม่เราเป็นคนดื้อและรั้นมากกก เชื่อมั่นในความคิดตัวเองสุดๆ ถ้าลองเชื่ออะไรไปแล้ว เปลี่ยนความคิดยาก ยกตัวอย่างเลย แม่เราเล่นเฟสและไลน์ด้วย อะไรที่แชร์ต่อๆกันมา แม่ก็เอามาส่งต่อ และเชื่ออย่างที่เขาบอกจริงๆ เช่น เล่นโทรศัพท์ในที่มืดแล้วตาบอด แม้ตอนหลังจะมีหมอออกมาแก้ข่าว ว่าไม่เป็นความจริง มันไม่ถึงขั้นทำให้ตาบอดได้ แต่แม่ก็เชื่อไปแล้วค่ะ อันนี้แค่เล็กๆน้อยๆนะคะ
เรามีพี่สาว 1 คนทำงานอยู่บริษัทรถยักษ์ใหญ่ เคยแต่งงานและมีลูกแล้ว แต่ก็เลิกกับพ่อของลูกแล้วและตอนนี้ก็มีแฟนใหม่แล้ว พ่อเราเสียแล้ว ส่วนแม่ก็เป็นแม่บ้าน อยู่บ้านเลี้ยงหลานเฉยๆ เราก็ไม่ได้อยู่บ้านกะแม่ แต่ไปทำงานอยู่อีกที่นึง แต่จะส่งเงินให้แม่ทุกเดือน
ปัญหาก็คือ แม่ไม่ชอบลูกเขยคร่า แม่ชอบพูดเสมอ ว่าจะมีแฟนก็หาให้มันดีๆ ให้มันเลี้ยงเราได้ ไม่ใช่มาแต่ตัว คือแม่จะพูดประมาณว่าให้หาแฟนรวยๆ นะ แต่เรากะพี่สาวไม่ได้คิดว่าจะหาคนรวย เราก็จะแย้งตลอดว่า คนรวยเขาก็ไปเอากะคนรวยสิคะ เราไม่รวยใครจะมามอง
พี่เขยเป็นคนภาคใต้ตอนบน แต่ก็ยอมย้ายมาอยู่กะพี่สาวและทำงานบริษัทรถ แต่คนละบริษัทกะพี่สาว มีรถยนต์ 1 คัน ที่แม่ของพี่เขยดาวน์ให้เป็นของขวัญ ในความคิดเราว่าดีแล้ว ที่บ้านมีผู้ชายมาอยู่ด้วย ตอนแรกมีแต่ผู้หญิง 3 คนทั้งแก่และเด็ก แต่แม่ก็ยังบ่นๆ เรื่องพี่เขยมาแต่ตัว
ตอนเราพาแฟนมาบ้านครั้งแรก แม่ก็ถามใหญ่เลยว่า หน้าที่การงานเป็นยังไง อยู่ที่ไหน และอีกมากมาย
หลานของเรา เข้ากันได้ดีกะพี่เขยมาก พี่เขยก็รักหลานเหมือนลูกตัวเองเลย แต่แม่ก็ยังอคติกะพี่เขย ไม่รู้ทำไม ถึงขนาดตอนที่เรากะแม่ไปทำบุญต่อชะตาด้วยกัน แม่ก็ยังถามเรื่องคู่ของพี่สาว พระยังบอกเลยว่าเป็นคู่แท้ เหมือนแม่จะขัดใจอยู่หน่อยๆ
แฟนเราบอกสงสารพี่เขยเนอะ ยังบอกเลยว่าอึดอัดแทน คือบ้านก็ไม่ใช่บ้านตัวเองแล้ว ยังอยู่เหมือนส่วนเกินอีก
แม่เป็นคนขี้บ่นมากกกก และชอบเปรียบเทียบ ลูกบ้านโน้นเป็นอย่างโน้น แต่พอพี่สาวชวนไปเที่ยว ไม่ไปซะอย่างนั้น บอกขี้เกียจ ฃ
เราส่งเงินให้แม่ทุกเดือนเป็นเงินก้อน แต่พี่สาวให้แม่เป็นรายวัน ซึ่งรวมแล้วเยอะกว่าที่เราให้อีก แต่แม่ก็ชอบเปรียบเทียบอ่ะ เรารู้ว่าพี่สาวก็น้อยใจ คือแม่จะโอ๋เรามากกว่า เราจะกลับไปหาแค่แม่ปีละครั้ง เราก็เคยพูดกะแม่ว่าอย่าเปรียบเทียบกะคนอื่นเลย แม่ก็โกรธ แม่บอกว่าไม่ได้เปรียบเทียบแค่พูดให้ฟังเฉยๆ แล้วก็บ่นๆ ว่าต่อไปจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว เฮ้อ แล้วก็เงียบไปประมาณวันสองวัน แล้วก็เอาอีก เป็นเหมือนเดิมอีก
เรื่องเลี้ยงหลานเหมือนกัน คือแม่เลี้ยงมาตั้งแต่เกิดจนตอนนี้จะ 8 ขวบละ แม่จะไม่ให้ใครยุ่งเลย และหลานคนเดียวด้วย โอ๋มาก ตามใจสุดๆ ที่จริงตามใจกันทั้งบ้านแหละ แต่แม่อยู่กะหลานมากกว่า และแม่ชอบเสียงดัง คืออะไรไม่พอใจนิดหน่อย ก็จะชอบตวาด เสียงดัง ตอนนี้หลานก็เป็นค่ะ เสียนิสัยแล้ว อะไรไม่ได้ดั่งใจ เสียงดัง ยายหลานทะเลาะ เถียงกันเสียงดังลั่นบ้าน เดี๋ยวนี้เวลาเรากลับบ้านจะไม่อยู่นาน อย่างมากก็แค่ 3-4 วัน คือเราไม่ชอบเสียงดังอ่ะ
และของเล่นเต็มบ้าน บอกให้เอาไปบริจากบ้างก็ไม่ยอม แล้วก็อยากได้ใหม่ตลอด ไม่รักษาคำพูดด้วย คือประมาณว่าอยากได้ของเล่นใหม่ แต่ไม่มีวาระพิเศษก็บอกขอเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้า พี่สาวก็ซื้อให้ พอถึงวันเกิดขออีกละ เราเข้าใจว่ามันอยู่ที่การสอนของผู้ใหญ่ด้วย
เวลาเรากลับบ้าน หลานจะกลัวและ ไม่ค่อยกล้าเสียงดัง เพราะเราดุและไม่คุ้นกะเรา เราจะบอกจะสอนตลอด ว่าต้องรู้จักแบ่งปัน ของเล่นเยอะแยะ เอาไปบริจากให้คนอื่นบ้าง ถ้าของเล่นเต็มบ้านอย่างนี้ เราก็ไม่ซื้ออะไรให้หรอก นางร้องไห้ไปหายายคร่า ยายก็เข้าข้างหลาน ว่าหลานหวงของ ไม่เอาให้ใครหรอก เฮ้อ สอนยากทั้งยายทั้งหลานเลย เสียเด็กจริงๆ
เคยบอกพี่ีสาวกะแม่ไปแล้ว เรื่องหลานเนี่ย เสียเด็กแล้ว เคยส่งบทความให้อ่าน เพราะเราคนนอกเห็นว่าหลานก็เป็นบางข้อนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ 2 คนนั่นไม่ยอมรับ บอกว่าไม่จริงซะหน่อย ฉันไม่ได้เลี้ยงแบบนั้น หลานเป็นเด็กดี
ที่เราทำงานคือต้องเจอ ทั้งเป็นครอบครัวเล็ก ครอบครัวใหญ่ และครอบครัวใหญ่มาก หลากหลายชาติสุดๆ
ครอบครัวคนจีน 8 ใน 10 ที่เคยเจอนี่นรกสุดๆ เด็กไม่มีมารยาทเอาซะเลย ทั้งวิ่งไปวิ่งมารบกวนชาวบ้านเขา ไม่มีความเกรงใจคนรอบข้าง พ่อแม่ก็ไม่ห้าม
ส่วนครอบครัวทางยุโรปนี่ี 8 ใน 10 เช่นกันน่าจะเอาไปประกวดมารยาทงาม สอนลูกดีมาก เด็กก็น่ารัก
มาถึงหลานตัวเอง ก็ไม่ได้ถึงขั้นเด็กนรกนะ แค่เอาแต่ใจมากแค่นั้นเอง
ส่วนเรื่องแม่กะพี่เขย เคยบอกแม่แล้วว่าปล่อยวางบ้าง อย่าอคตินักเลย แม่ก็เถียงว่าไม่ได้อคติ แล้วจะปล่อยได้ไง นี่ขนาดบ่นนะ ยังขนาดนี้เลย เราก็ว่ามีผู้ชายมาอยู่ที่บ้านก็ดีแล้ว กันขโมยขโจร แม่ว่าแล้วมันอยู่ซะที่ไหน วันๆเลิกงาน ก็ออกไปหาเพื่อน ส่วนเรื่องซักผ้า แม่จะซักรีดเฉพาะของตัวเองกะหลาน ส่วนของพี่เขยกะพี่สาว พี่สาวทำเอง
เราก็เข้าใจพี่เขยนะ อยู่บ้านก็โดนบ่น อืดอัด ก็ต้องออกไปหาเพื่อนข้างนอกสิ ถ้าบ้านมันน่าอยู่ ใครก็อยากอยุ่ นี่มีแต่เสียงบ่น เสียงยายหลานทะเลาะกัน
แม่เราขี้บ่นมากกก บ่นได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ บางที่เรื่องเล็กๆ แม่ก็บ่นจนเหมือนเรื่องคอขาดบาดตาย บ่นซ้ำๆ ไปหลายวัน บางทีผ่านไปแล้ว ก็ยังขุดเอาขึ้นมาบ่นอีก และเราก็ได้แต่บอกพี่สาวว่าให้อดทนนะ
มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้แม่ปล่อยวางได้ เราสงสารพี่เขยกะพี่สาวอ่ะ