เมื่อวานนี้ผมเขียนเรื่อง การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี 2475
และตั้งทฤษฏี ว่า เผลอๆ ประชาธิปไตยของเรา มันกำเนิดมาจาก อนาธิปไตย ด้วยซ้ำ
เพราะมันเป็นความต้องการของคนหัวก้าวหน้าเพียงไม่กี่คน
มิได้มีความยึดโยงกับคนส่วนใหญ่เลยแม้แต่นิดเดียว
เป็นไงล่ะ
กระทู้โดนอุ้มครับ (ฮา)
ไม่เป็นไรครับ WM เขาอ้างว่า มันอาจมีผู้ด้อยวุฒิภาวะในห้องนี้
ลากเบี่ยงประเด็นไปด้วยความชำนิชำนาญ (มีเยอะครับ ไอ้พวกนี้)
ก็พอเข้าใจได้ครับ
ต่อจากทฤษฏีเมื่อวาน นะครับ
ว่า ณ สมัยนั้น เรายังไม่มีความรู้เรื่องการปกครองแบบใหม่กันซักเท่าไหร่เลย
คำว่า ประชาธิปไตย รัฐสภา หรือ รัฐะรรมนูญ ก็ยังไม่มีบัญญัติในภาษาไทย
ผมว่า ความเข้าใจในสาระของประชาธิปไตย มันน้อยมากครับ
จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ประชาชนก็มีความเข้าใจประชาธิปไตยที่แตกต่างกัน (อย่างยิ่ง)
แน่ล่ะ
คนเรามันไม่เท่ากันครับ มันต่างกันด้วยโอกาสทางการศึกษา พื้นเพ และภาวะอีกหลายๆ
เรื่องธรรมดา
นั่นอธิบายได้ว่า ทำไม (ยกตัวอย่าง) คุณทวดฯ เพื่อนผมถึงได้เก่ง และฉลาดที่สุดในโลก
และผม ไม่เก่ง และไม่ฉลาดที่สุดในโลก (และขวางโลกอีกด้วย)
แต่คนโง่ๆอย่างผม จำ define ประชาธิปไตย อย่างนี้ครับ
ประชาธิปไตย คือระบอบการปกครองความแตกต่างของสังคม ด้วยวิธีที่สันติ และ อารยะ
ผม define ไว้ในระดับความลึกตื้น เท่านี้
ใครถามผม 100 ครั้ง ว่า ประชาธิปไตยคืออะไร ผมก็จะตอบแบบนี้
และมันเป็นเรื่องที่ ว่าด้วย สิทธิ และ หน้าที่
สิทธิ ที่ว่า นี้ไม่แค่สิทธิของ "เรา" ในฐานะประชาชน
มันคือเรื่องของสิทธิ ของ "เขา" ด้วยเช่นกัน ในฐานะประชาชน
สังคมไหน ที่พลเมืองคิดถึงคนอื่นให้มากๆ มันก็จะสงบ
เพราะสังคมเต็มไปด้วยความเคารพสิทธิของกันและกัน
นี่เป็นคุณลักษณะของประเทศประชาธิปไตยที่เจริญงอกงาม
และนี่ คือความงดงามที่แท้จริงของประชาธิปไตย มากกว่า กะอีแค่ ใครได้รับเลือกมามากกว่าไปจัดตั้งรัฐบาล
นั่นคือ สังคมที่คนในสังคมไม่ต้องมาฆ่าล้างกันด้วยเหตุกระจอกแค่ รสนิยมการเมือง !
แต่หากสังคมไหน ประชาชนคิดถึงแต่ สิทธิของตน
มากกว่า สิทธิของผู้อื่น
มันก็โกลาหล และเป็น กลียุคอย่างที่เห็น
นึกจะด่าใคร ก็ด่า
นึกจะเกลียดใคร ก็เกลียด สังคมแตกแยก ประเทศชาติร้าวฉาน
เพราะนึกไงครับ นึกเอาเอง ว่าตัวเองมี สิทธิ ที่จะไปด่าใครก็ได้ !
ใครแสดง คห. ไม่ถูกใจ ก็ด่าได้
คุ้นๆไหมครับ สังคมไหน (ฮา)
หน้าที่ก็เช่นกันครับ
ผมก็เรียนหนังสือมาไม่สูง ป.7 ก็จบ
ปริญญาพอมีกะเค้าบ้าง
แต่ไม่เคยจำได้ว่า ครูบาอาจารย์คนไหน สอนให้นักเรียน เชียร์นักการเมือง ปกป้องนักการเมือง เจ็บร้อนแทนนัการเมือง
มันไม่ใช่หน้าที่ครับ !
ไม่ใช่
มันอธิบายประเทศไทยพอไหวไหมครับ
ว่า เรากำลังอยู่ในประเทศที่คน รู้จักแต่จะพิทักษิสิทธิ ของตนเอง
พยายามเปล่งสิทธิของตนเองให้เกิดประกายอย่างที่สุด
โดย ไม่ค่อยเคารพสิทธิของคนอื่น
และเรา กำลังทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครสอนสั่ง นั่นคือการมาเป็นกองกำลังของภาคการเมือง
สร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคการเมืองไป ในขณะที่ปากก็ร้องว่า จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน (ฮา)
สิ่งที่เป็นอยู่อธิบายได้ดีครับ
ใช่หรือไม่ ที่เราเอาแต่เข้าใจ พิทักษ์ปกป้องสิทธิ ของตนเอง
ใช่หรือไม่ ที่เราทำหน้าที่พลเมือง ในสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่พลเมือง ด้วยการไปเป็นกองกำลังของภาคการเมือง ปกป้อง เจ็บร้อนแทนนักการเมือง
เจ็บร้อนซะจนต้องด่าเพื่อนร่วมชาติ ที่เขาคิด เขาเห็นไม่เหมือนเรา
เรายุติธรรมกับตัวเองขนาดไหน
หากสิ่งที่เราชื่นชอบ มันไม่ผิด
สิ่งที่คนอื่นเขาชื่นชอบ มันก็ควรไม่ผิดไม่ใช่หรือ
มันเป็นสิทธิของเขาไม่ใช่หรือ
แล้วใยคนไทยต้องมาด่ากัน เกลียดกัน ด้วยเรื่องทางการเมือง
หากเข้าใจเรื่อง สิทธิ และหน้าที่ ประเทศไม่จำเป็ฯต้องมาเป็นอย่างนี้
ผมรู้ ไม่มีอะไรง่ายเท่ากับการโทษคนอื่น โทษภาคการเมือง
แต่ผมว่า เราน่าจะพอยอมรับได้ ว่ามันไม่ใช่ภาคการเมืองทั้งหมดหรอก ที่มันพาประเทศนี้มาจนถึงจุดนี้
เราด้วย ภาคประชาชนนี่แหละ
และมันก็ง่ายอีกเช่นกันที่จะปฏิเสธ ว่า ไม่ใช่เรา ที่มีส่วนร่วม
มันเป็นไปตามจริตของมนุษย์ที่ ฟอร์มเยอะ
อยากเป็นฝ่ายถูก ไม่อยากเป็นฝ่ายผิด หรือต้องรับผิด
จะรับแต่ชอบ ไม่รับผิด ผิดไม่ได้
ผมว่า ประชาชนควรต้องรับทั้งผิด และชอบ ต่อความเป็นไปของบ้านเมืองครับ
บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ เพราะเราเป็นอย่างนี้
ชี้นิ้ว โทษเพื่อนๆ เด็ก ป. 2 มันก็รู้จักทำกันแล้วครับ
ผมแสดงความเห็นแค่นี้ครับ
จะไม่เถียงอะไรใครทั้งสิ้น หากใครจะด่า เชิญด่าได้ฟรีๆ แบบบุฟเฟ่ท์เลยครับ
สวัสดีวันศุกร์ครับ
ประชาธิปไตย มันเป็นเรื่องของสิทธิ และ หน้าที่ ครับ
และตั้งทฤษฏี ว่า เผลอๆ ประชาธิปไตยของเรา มันกำเนิดมาจาก อนาธิปไตย ด้วยซ้ำ
เพราะมันเป็นความต้องการของคนหัวก้าวหน้าเพียงไม่กี่คน
มิได้มีความยึดโยงกับคนส่วนใหญ่เลยแม้แต่นิดเดียว
เป็นไงล่ะ
กระทู้โดนอุ้มครับ (ฮา)
ไม่เป็นไรครับ WM เขาอ้างว่า มันอาจมีผู้ด้อยวุฒิภาวะในห้องนี้
ลากเบี่ยงประเด็นไปด้วยความชำนิชำนาญ (มีเยอะครับ ไอ้พวกนี้)
ก็พอเข้าใจได้ครับ
ต่อจากทฤษฏีเมื่อวาน นะครับ
ว่า ณ สมัยนั้น เรายังไม่มีความรู้เรื่องการปกครองแบบใหม่กันซักเท่าไหร่เลย
คำว่า ประชาธิปไตย รัฐสภา หรือ รัฐะรรมนูญ ก็ยังไม่มีบัญญัติในภาษาไทย
ผมว่า ความเข้าใจในสาระของประชาธิปไตย มันน้อยมากครับ
จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ประชาชนก็มีความเข้าใจประชาธิปไตยที่แตกต่างกัน (อย่างยิ่ง)
แน่ล่ะ
คนเรามันไม่เท่ากันครับ มันต่างกันด้วยโอกาสทางการศึกษา พื้นเพ และภาวะอีกหลายๆ
เรื่องธรรมดา
นั่นอธิบายได้ว่า ทำไม (ยกตัวอย่าง) คุณทวดฯ เพื่อนผมถึงได้เก่ง และฉลาดที่สุดในโลก
และผม ไม่เก่ง และไม่ฉลาดที่สุดในโลก (และขวางโลกอีกด้วย)
แต่คนโง่ๆอย่างผม จำ define ประชาธิปไตย อย่างนี้ครับ
ประชาธิปไตย คือระบอบการปกครองความแตกต่างของสังคม ด้วยวิธีที่สันติ และ อารยะ
ผม define ไว้ในระดับความลึกตื้น เท่านี้
ใครถามผม 100 ครั้ง ว่า ประชาธิปไตยคืออะไร ผมก็จะตอบแบบนี้
และมันเป็นเรื่องที่ ว่าด้วย สิทธิ และ หน้าที่
สิทธิ ที่ว่า นี้ไม่แค่สิทธิของ "เรา" ในฐานะประชาชน
มันคือเรื่องของสิทธิ ของ "เขา" ด้วยเช่นกัน ในฐานะประชาชน
สังคมไหน ที่พลเมืองคิดถึงคนอื่นให้มากๆ มันก็จะสงบ
เพราะสังคมเต็มไปด้วยความเคารพสิทธิของกันและกัน
นี่เป็นคุณลักษณะของประเทศประชาธิปไตยที่เจริญงอกงาม
และนี่ คือความงดงามที่แท้จริงของประชาธิปไตย มากกว่า กะอีแค่ ใครได้รับเลือกมามากกว่าไปจัดตั้งรัฐบาล
นั่นคือ สังคมที่คนในสังคมไม่ต้องมาฆ่าล้างกันด้วยเหตุกระจอกแค่ รสนิยมการเมือง !
แต่หากสังคมไหน ประชาชนคิดถึงแต่ สิทธิของตน
มากกว่า สิทธิของผู้อื่น
มันก็โกลาหล และเป็น กลียุคอย่างที่เห็น
นึกจะด่าใคร ก็ด่า
นึกจะเกลียดใคร ก็เกลียด สังคมแตกแยก ประเทศชาติร้าวฉาน
เพราะนึกไงครับ นึกเอาเอง ว่าตัวเองมี สิทธิ ที่จะไปด่าใครก็ได้ !
ใครแสดง คห. ไม่ถูกใจ ก็ด่าได้
คุ้นๆไหมครับ สังคมไหน (ฮา)
หน้าที่ก็เช่นกันครับ
ผมก็เรียนหนังสือมาไม่สูง ป.7 ก็จบ
ปริญญาพอมีกะเค้าบ้าง
แต่ไม่เคยจำได้ว่า ครูบาอาจารย์คนไหน สอนให้นักเรียน เชียร์นักการเมือง ปกป้องนักการเมือง เจ็บร้อนแทนนัการเมือง
มันไม่ใช่หน้าที่ครับ !
ไม่ใช่
มันอธิบายประเทศไทยพอไหวไหมครับ
ว่า เรากำลังอยู่ในประเทศที่คน รู้จักแต่จะพิทักษิสิทธิ ของตนเอง
พยายามเปล่งสิทธิของตนเองให้เกิดประกายอย่างที่สุด
โดย ไม่ค่อยเคารพสิทธิของคนอื่น
และเรา กำลังทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครสอนสั่ง นั่นคือการมาเป็นกองกำลังของภาคการเมือง
สร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคการเมืองไป ในขณะที่ปากก็ร้องว่า จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน (ฮา)
สิ่งที่เป็นอยู่อธิบายได้ดีครับ
ใช่หรือไม่ ที่เราเอาแต่เข้าใจ พิทักษ์ปกป้องสิทธิ ของตนเอง
ใช่หรือไม่ ที่เราทำหน้าที่พลเมือง ในสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่พลเมือง ด้วยการไปเป็นกองกำลังของภาคการเมือง ปกป้อง เจ็บร้อนแทนนักการเมือง
เจ็บร้อนซะจนต้องด่าเพื่อนร่วมชาติ ที่เขาคิด เขาเห็นไม่เหมือนเรา
เรายุติธรรมกับตัวเองขนาดไหน
หากสิ่งที่เราชื่นชอบ มันไม่ผิด
สิ่งที่คนอื่นเขาชื่นชอบ มันก็ควรไม่ผิดไม่ใช่หรือ
มันเป็นสิทธิของเขาไม่ใช่หรือ
แล้วใยคนไทยต้องมาด่ากัน เกลียดกัน ด้วยเรื่องทางการเมือง
หากเข้าใจเรื่อง สิทธิ และหน้าที่ ประเทศไม่จำเป็ฯต้องมาเป็นอย่างนี้
ผมรู้ ไม่มีอะไรง่ายเท่ากับการโทษคนอื่น โทษภาคการเมือง
แต่ผมว่า เราน่าจะพอยอมรับได้ ว่ามันไม่ใช่ภาคการเมืองทั้งหมดหรอก ที่มันพาประเทศนี้มาจนถึงจุดนี้
เราด้วย ภาคประชาชนนี่แหละ
และมันก็ง่ายอีกเช่นกันที่จะปฏิเสธ ว่า ไม่ใช่เรา ที่มีส่วนร่วม
มันเป็นไปตามจริตของมนุษย์ที่ ฟอร์มเยอะ
อยากเป็นฝ่ายถูก ไม่อยากเป็นฝ่ายผิด หรือต้องรับผิด
จะรับแต่ชอบ ไม่รับผิด ผิดไม่ได้
ผมว่า ประชาชนควรต้องรับทั้งผิด และชอบ ต่อความเป็นไปของบ้านเมืองครับ
บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ เพราะเราเป็นอย่างนี้
ชี้นิ้ว โทษเพื่อนๆ เด็ก ป. 2 มันก็รู้จักทำกันแล้วครับ
ผมแสดงความเห็นแค่นี้ครับ
จะไม่เถียงอะไรใครทั้งสิ้น หากใครจะด่า เชิญด่าได้ฟรีๆ แบบบุฟเฟ่ท์เลยครับ
สวัสดีวันศุกร์ครับ