แม่ทัพผู้โชคร้าย (๑) ๒๙ ส.ค.๕๘

ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ

อูเอียนเจียก.....แม่ทัพผู้โชคร้าย

ตอนที่ ๑ ฝีมือดีแต่รบแพ้

"เล่าเซี่ยงชุน"

วันหนึ่ง พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ เสด็จออกท้องพระโรงว่าราชการตามปกติ กอกิว ซึ่งเป็นขุนนางใหญ่ฝ่ายทหารที่ กอไทอวย แต่เป็นกังฉิน ก็เข้าเฝ้ากราบทูลว่า

".....บัดนี้เกิดโจรขึ้นที่ตำบลเขาเนียซัวเปาะ ในเขตแดนเมืองเจ๋จิวฮู้พวกหนึ่ง ตัวนายโจรนั้นชื่อ เตียวไก่ ซ้องกั๋ง ซ่องสุมไพร่พลเที่ยวปล้นราษฎรชาวบ้านอยู่เนือง ๆ และยกไปตีบ้านบออุ๋ยกุนฆ่าเจ้าของตำบลตาย เอาไฟเผาบ้านเรือนเสียแล้วฆ่าฟันผู้รักษาเมืองเจ๋จิวฮู้ตาย ครั้งนี้พวกโจรยกไปตีปล้นเมืองกอตงจิว ฆ่าผู้รักษาเมืองและขุนนางล้มตายลงเป็นอันมาก เก็บเอาทรัพย์สิ่งของเสบียงอาหารไปสิ้น โจรพวกนั้นกำเริบมากขึ้นทุกที ขอพระองค์จงโปรดให้ยกกองทัพ ไปปราบปรามเสียโดยเร็ว จึงจะไม่เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินสืบไป....."

พระเจ้าซ้องฮุยจงได้ฟังก็ตกพระทัย รับสั่งให้เลือกนายทหารฝีมือเข้มแข็งยกทัพไปปราบโจรเสีย กอกิวก็ให้เรียกตัว อูเอียนเจียก ทหารเอกของ พระเจ้าไทโจวฮ่องเต้ ครั้งแผ่นดินปักซ้อง จากเมืองผือเลงกุ๋นซึ่งขึ้นกับเมืองฮ่อตง มาแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพคุมพลหมื่นห้าพัน ไปปราบโจรเขาเนียซัวเปาะ

อูเอียนเจียกก็ขอนายทหารสองคนคือ ฮั่นธอ ที่อยู่เมืองตันจิวเป็นแม่ทัพหน้า และ เผงกี จากเมืองในจิว มาเป็นแม่ทัพหนุน กอกิวก็ให้เบิกเสื้อเกราะหมวกและเครื่องศัตราวุธ มีทวนง้าวกระบี่แหลนหลาวเกาทัณฑ์ จากคลังไปให้ทหารครบทั่วทุกตัวคน

ส่วนตัวอูเอียนเจียกได้รับพระราชทานม้าดำ สี่เท้าด่างชื่อโอวจุยเบ๊เป็นพาหนะ แล้วก็ยกกองทัพออกจากตังเกียเมืองหลวงไปพักที่เมืองผือเล่งกุ๋น จากนั้นก็เดินทัพต่อไปยังเขาเนียซัวเปาะ

ซ้องกั๋งกับพี่น้องโจรอีกสิบนาย ก็คุมกำลังพลข้ามแม่น้ำมาตั้งรับอยู่ริมฝั่งชายเขาด้านทิศตะวันตก กองทัพฝ่ายทหารหลวงยกเข้าตี แม่ทัพทั้งสามก็สู้ฝีมือนายโจรที่เรียงหน้าเข้ารบถึงสิบคนไม่ไหว

เผงกีถูกจับตัวไปเป็นเชลย แต่ทหารหลวงมีอยู่กองหนึ่งเรียกว่าเลียนหวนเบ๊ ใส่เสื้อเกราะเหล็กทั้งคนทั้งม้า ทหารนั้นมีช่องอยู่จำเพาะที่ตา ส่วนม้านั้นเว้นแค่ข้อเท้าที่กีบม้าเท่านั้น

พวกโจรใส่เสื้อเกราะธรรมดา ก็ฟันแทงพวกเกราะเหล็กไม่ระคายผิว จึงต้องถอยเข้าค่าย แล้วเกลี้ยกล่อมเผงกีให้เปลี่ยนใจยอมเป็นพวกด้วย จึงส่งตัวไปอยู่เขาเนียซัวเปาะ กับเตียวไก่นายใหญ่

พอวันรุ่งขึ้นอูเอียนเจียกให้ทหารม้าสวมเกราะเหล็กเป็นกองหน้า และเอาโซ่ร้อยติดกันตับหนึ่งสามสิบม้า จัดได้ร้อยตับเป็นพลสามพัน ให้ทหารเดินเท้าอีกห้าพันหนุนตามไป คราวนี้กองโจรของซ้องกั๋งแตกไม่เป็นขบวน นายโจรถูกเกาทัณฑ์บาดเจ็บถึงหกคน ไพร่พลล้มตายเป็นอันมาก ต้องถอยลงเรือข้ามน้ำไปขึ้นฝั่งเนียซัวเปาะ ตั้งค่ายขึ้นใหม่

ซ้องกั๋งให้ผู้บาดเจ็บกลับไปเขาเนียซัวเปาะเพื่อรักษาตัว ส่วนตนเองปักหลักอยู่ที่ตำบลอะซุยทัวริมฝั่งน้ำ คิดการศึกต่อไป

อูเอียนเจียกรายงานผลการรบให้ทางเมืองหลวงทราบ แล้วก็ขอให้ส่งปืนใหญ่มาสมทบ เพราะเขาเนียซัวเปาะเป็นเกาะอยู่กลางน้ำ ยังยกพลข้ามไปไม่ได้ต้องใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายก่อน

กอกิวก็สั่งให้ช่างชื่อ เลงจิ้น ทำปืนเอาขึ้นบรรทุกเกวียน มาส่งให้ที่ค่ายของอูเอียนเจียก แล้วจัดการปลูกเหลาสูงขึ้นริมฝั่ง เอาปืนใหญ่สามชนิดขึ้นไปตั้ง เพื่อจะยิงข้ามแม่น้ำไปยังค่ายอะซุยทัวของซ้องกั๋ง

แต่พอทดลองยิงไปได้สามนัด ตกน้ำไปเสียสองนัด เลงจิ้นเห็นว่าทางปืนยังอ่อนนัก จึงกลับเข้าไปในค่าย จัดทำลูกปืนให้มีกำลังแรงขึ้นจะได้ทดลองยิงใหม่ ไพร่พลของซ้องกั๋งประมาณห้าสิบคน ก็ลงเรือเร็วมาขึ้นบกเข้าทำลายหอปืนใหญ่โค่นลงเสีย

เลงจิ้นรู้เรื่องก็คว้าทวนขึ้นม้าคุมพลพันเศษมาถึง พวกโจรก็หนีไปตามตลิ่ง มีเรือเล็กคอยอยู่ประมาณสี่สิบลำ ไพร่พลประมาณร้อยเศษ พวกโจรหนีลงไปในเรือแล้ว แต่ยังมิได้ถอยเรือออก

เลงจิ้นคุมทหารไปถึงพวกโจรก็โดดลงน้ำทิ้งเรือหนีไปแต่ตัว เลงจิ้นจึงให้ทหารเก็บเรือมาได้หลายลำ แล้วพาทหารลงเรือตามไปถึงกลางแม่น้ำ ไพร่พลที่ดำน้ำหนีไปก็กลับมามุดใต้ท้องเรือ เปิดลูกสลักให้น้ำเข้าเรือจมลง

เลงจิ้นกับทหารซึ่งต้องลอยคออยู่กลางน้ำ ก็ถูกพวกโจรจับไปได้ถึงสองร้อยเศษ นอกนั้นจมน้ำตายหมด

ฝ่ายอูเอียนเจียกรู้ข่าวก็ยกทหารตามมาถึงริมฝั่ง ก็เห็นพวกโจรฝั่งตรงข้ามกำลังมัดเลงจิ้น กับทหารที่เป็นเชลย พาเข้าค่ายไปโดยที่ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร

ซ้องกั๋งกับเผงกีก็ช่วยกันเกลี้ยกล่อมเลงจิ้น ให้ยอมอ่อนน้อมเป็นพวกพ้อง ได้อีกคนหนึ่ง แล้วก็ให้ ซิเซียน นายโจรคนหนึ่ง ไปล่อลวงเอาตัว ซือเหลง จากเมืองตังเกียมาเข้าเป็นพวก เพื่อให้ช่วยฝึกหัดเพลงอาวุธที่จะต่อสู้กับทหารเกราะเหล็ก ด้วยทวนตะขอชื่อเกาเลียนเซีย และให้เลงจิ้นทำปืนใหญ่ขึ้นใหม่ด้วย ใช้เวลาอยู่หลายเดือน เมื่อพร้อมแล้วก็ยกพลสิบกอง ข้ามน้ำไปท้าอูเอียนเจียกถึงค่าย

อูเอียนเจียกกับฮั่นธอก็ยกทหารออกจากค่าย ให้ทหารเกราะเหล็กนำหน้าตามเคย ฝ่ายพวกโจรก็ตั้งปืนใหญ่บนเหลาสูงฝั่งเนียซัวเปาะ ยิงข้ามน้ำมาถูกทหารหลวงแตกระส่ำระสายไม่เป็นกระบวน เหลือแต่ทหารเกราะเหล็กรุกไล่ติดตามพลเดินเท้าของซ้องกั๋งไป จนถึงริมฝั่งแม่น้ำซึ่งมีแต่พงอ้อกอแขม

พวกโจรที่แอบซุ่มคอยทีอยู่ก็เอาทวนตะขอ เกี่ยวข้อเท้าม้าขาดล้มลงเป็นตับ อีกพวกหนึ่งก็เอาขอเกี่ยวตัวทหารสวมเกราะมัดไว้หมด

อูเอียนเจียกกับฮั่นธอจึงต้องถอยกลับ ก็ถูกปืนใหญ่ยิงดักหน้าดักหลัง และมีแต่พวกโจรเต็มไปหมดต้องตีหักออกจากสนามรบไป ตัวฮั่นธอก็ถูกพวกโจรจับได้ กองทัพของอูเอียนเจียกจึงแตกยับเยิน ทหารล้มตายไปหลายพันคนเกลื่อนกลาดทั้งแผ่นดิน ตกเป็นเชลยอีกหลายพัน พวกโจรยึดได้ม้าเสื้อเกราะเหล็กเป็นอันมาก

ซ้องกั่งกับเผงกีและเลงจิ้น ก็ช่วยกันเกลี้ยกล่อมฮั่นธอ เอาไว้เป็นพวกได้อีกคนหนึ่ง

ฝ่ายอูเอียนเจียกแม่ทัพผู้เสียทหารไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงตัวคนเดียวกับม้าโอวจุยเบ๊คู่ใจ ควบหนีพวกโจรไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จนพ้นภัยแล้วก็มุ่งหน้าไปยังเมืองเชงจิว ระหว่างเดินทางก็ต้องตัดสายรัดเอวซึ่งเป็นทองคำออกขาย ทีละข้อเพื่อซื้ออาหารเลี้ยงชีวิตไปตลอดทาง

เวลาล่วงไปได้สองวัน จึงพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเล็กแห่งหนึ่ง ใกล้กับเขาธอฮวยซัว เจ้าของโรงจัดสุราอาหารให้ตามความประสงค์ อูเอียนเจียกก็มอบม้าให้เจ้าของโรงดูแลให้ดี จะคิดเงินให้เป็นพิเศษ

เจ้าของโรงก็จูงม้าไปผูกไว้ที่หลังโรงเอาหญ้าให้ม้ากิน แล้ว ก็เล่าให้อูเอียนเจียกฟังว่า บนภูเขาธอฮวยซัวมีโจรอยู่คณะหนึ่ง หัวหน้าชื่อ ลีตง นายรองชื่อ จิวทอง มีไพร่พลประมาณแปดร้อยคน เที่ยวตีปล้นราษฎรชาวบ้านอยู่เนือง ๆ ไม่เกรงกลัวผู้ใด มีทหารหลวงยกมาปราบปรามหลายหนก็สู้ไม่ได้ เจ้าของโรงเตี๊ยมวิตกถึงม้า ซึ่งจะต้องคอยระวังดูแลให้ดี

อูเอียนเจียกจึงว่า

"...เราเป็นทหารหลวง ยกกองทัพมาปราบปรามพวกโจรที่เขาเนียซัวเปาะปราชัย ทหารล้มตายเป็นอันมาก บัดนี้เราจะไปหา โปวหยง ผู้รักษาเมืองเชงจิว ม้าของเราดีนักเรียกว่า โอวจุยเบ๊ เจ้าแผ่นดินพระราชทานมาทั้งเครื่องและอานพร้อม จงช่วยระวังรักษาให้ดี...."

แต่ยังอวดว่า

“.....เรานี้มีฝีมือเข้มแข็ง อย่าว่าแต่นายโจรสองคนเลย ถึงจะยกกันมาหมดเราก็ไม่กลัว....."

ว่าแล้วอูเอียนเจียกซึ่งใจคอไม่สบาย จากการสู้รบที่ประสบความพ่ายแพ้ และเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าหิวโหย เมื่อดื่มสุราก็มึนเมาหลับไปอย่างง่ายดาย

จนกระทั่งถึงเวลาประมาณสามยาม ก็ต้องตกใจตื่นด้วยเสียงอื้ออึงข้างนอก เมื่อลุกออกมาดูก็ได้ความว่ามีผู้ร้ายมาลักเอาม้าคู่ขาไปเสียแล้ว อูเอียนเจียกจึงให้เจ้าของโรงเตี๊ยมนำทาง ติดตามไปประมาณสามลี้ ก็ไม่พบและไม่รู้ว่าผู้ร้ายหนีไปทางไหน

เจ้าของโรงจึงบอกว่า พรุ่งนี้ไปแจ้งเจ้าเมือง แล้วนำทหารไปปราบพวกโจรบนเขาธอฮัวซัวก็คงจะได้ม้าคืน

พอรุ่งเช้า อูเอียนเจียก ก็แบกอานม้า ออกจากโรงเตี๊ยมเดินทางเข้าไปในเมืองเชงจิว โปวหยง เจ้าเมืองก็ตกใจถามว่าได้ยกกองทัพไปปราบปรามโจรเขาเนียซัวเปาะ แล้วทำไมจึงเดินทางมาถึงเมืองนี้คนเดียว อูเอียนเจียกก็เล่าเรื่องการรบให้ฟังทุกประการ

และแถมว่าเมื่อพ่ายแพ้หมดตัวดังนี้ ก็ไม่สามารถจะกลับไปเมืองหลวงได้ จำเป็นจะต้องขออาศัยอยู่ที่เมืองนี้ก่อน

โปวหยงก็ปลอบโยนว่า

".....ท่านอย่าวิตกมิใช่ว่าเป็นไส้ศึก คิดขบถจะได้มีโทษ นี่เหลือกำลังพวกโจรเข้มแข็ง จึงได้ปราชัยพ่ายแพ้มา ที่บ้านเมืองนี้ก็เกรงพวกโจร ตัวท่านมีฝีมือเข้มแข็งมาอยู่ด้วยกันก็ดีแล้ว จะได้ปราบโจรผู้ร้ายที่เขาธอฮวยซัวเสียให้ราบคาบ ได้ม้าพระราชทานกลับคืนมาแล้วจึงจะยกไปกำจัดพวกโจรที่เขายีเลงซัว กับเขาแปะโฮ้วซัวด้วย ถ้ากำจัดพวกโจรสามตำบลนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าจะช่วยกราบทูล ขอให้ท่านยกกองทัพไปแก้แค้นพวกโจรตำบลเขาเนียซัวเปาะให้จงได้....."

อูเอียนเจียกคุกเข่าลงคำนับแล้วว่า

".....ถ้าท่านสงเคราะห์ดังนั้นแล้ว พระคุณหาที่สุดมิได้ ถึงตัวจะตายก็ไม่ลืมคุณท่านเลย....."

โปวหยงก็ยินดีจัดที่พักให้อยู่ตามสบาย

เมื่ออูเอียนเจียกได้พักผ่อนสามวันแล้ว ก็
อาสาไปกำจัดพวกโจรทั้งสามตำบลนี้ โปวหยงก็มอบทหารให้สองพัน เครื่องศัสตราวุธและเสบียงอาหาร พร้อมกับม้าสีเขียวฝีเท้าเร็วตัวหนึ่ง นำไพร่พลออกจากเมืองเชงจิวไปโดยมิชักช้า.

##########

นิตยสารโล่เงิน
มกราคม ๒๕๔๒


๒๘ ส.ค.๕๘
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่