ในร้านหนังสือ *

เมื่อวานนี้

เสร็จจากงาน ก็ขับรถหรูเพื่อมุ่งกลับคฤหาสน์หรูย่านนนทบุรี ก่อนถึง จึงแวะเติมน้ำมันปั๊มหรูย่านพระราม5 หลังจากเติมเสร็จ จึงจอดรถเพื่อที่จะเข้าร้านหนังสือหรูนายอินทร์ที่มีอยู่ในปั๊มนั้น

ปกติจะตั้งกฏกะตัวเอง คือจะพยายามซื้อหนังสืออ่านอย่างน้อยเดือนละหนึ่งเล่ม ไม่รวมนิตยสารรายเดือนที่ซื้อประจำทุกเดือน แต่พักหลังๆด้วยงานการและไลฟ์สไตล์ทำให้โอกาสในการปฏิบัติตามกฏลดน้อยลงไป , วันนี้มีโอกาสจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปทำตามกฎที่ตั้งไว้เอง

เปิดประตูเข้าไปในร้าน , พนักงานสาวทักทายตามแพทเทิร์นที่บริษัทเทรนด์มา ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเรียงหนังสือต่อไป , กลิ่นหนังสือใหม่เป็นอะไรที่ชอบพอๆกะกลิ่นน้ำหอมสาวและบารากุ บรรยากาศร้านที่ค่อนข้างเงียบ เพราะตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมัน ทำให้การเดินเลือกหนังสือเป็นไปอย่างสบาย เงียบจนได้ยินเสียงท้องของตัวเองที่ร้องออกมา , เลือกเดินดูสิ่งที่ต้องการไปเรื่อยๆ , เสียงประตูเปิด พนักงานสาวกล่าวต้อนรับแบบเดิม เราหันไปมองตามเสียง , ปรากฏเป็นหญิงสาวในชุดเสื้อโปโลยูนิฟอร์มบริษัทโตโยต้ากางเกงยีนส์ สะพายกระเป๋าแฮร่อดสีดำ ไว้ที่แขนข้างขวา สูงประมาณ 167 ผิวขาว ผมสีน้ำตาล ตากลม แก้มป่อง (นี่คือมองแว้บเดียวนะ) , เรามองตากันโดยบังเอิญ และแยกย้ายกันไปตามมุมที่ตนต้องการ , ไม่รู้อะไรดลใจทำให้เราเผลอเดินมาในช่องเดียวกัน , สายตาบังเอิญมองกันอีกครั้ง แต่คราวนี้พิเศษกว่าครั้งแรกคือ , เธอยิ้มให้ ..

เพิ่งรู้ว่าอาการใจตกไปอยู่ตาตุ่มเป็นยังไง , เรายิ้มตอบเธอเผยอเห็นฟันเหยินๆ โดยที่ไม่รู้แหกยิ้มอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกคือยิ้มนานมากๆ จนเธอละสายตาจากเราไป ปล่อยเราเคว้งลอยอยู่แบบนั้น , ชั่วโมงนี้ในร้านมีแค่เราสามคน เรา เธอ และพนักงาน มันช่างเป็นช่วงเวลาที่โคตรกดดันยิ่งกว่าสอบเข้า ยิ่งกว่าประชุม , เราจะทำยังไงดี ทำยังไงดี ทำยังไงดี , ไม่รอช้าด้วยความเขิลอาย ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด “ชอบอ่านหนังสือเร่อครับ” คือคำที่ไม่คิดว่าจะหลุดจากปากไป , “ค่ะ ชอบเหมือนกันเร่อ ชอบแนวไหนอะ” คือคำที่ไม่คิดว่าจะได้ยินตอบกลับมาเหมือนกัน ..

เรายืนคุยกันถึงเรื่องหนังสือที่ตนเองชอบ แนวทาง สำนักพิมพ์ ผู้เขียน เราคุยกันเหมือนเพื่อนคนนึงที่จากกันไปนานตั้งแต่ตอนประถม หนังสือหลายต่อหลายเล่มถูกยกมาแนะนำกันและกัน เหมือนเด็กอวดหนังสือที่ตนเคยอ่านให้เพื่อนฟังที่โรงเรียน , ไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปเท่าไหร่แล้ว แต่ในความรู้สึกคือมันโคตรนานอย่างบอกมถูก , ก็น่าแปลกตรงที่ไม่มีลูกค้าคนใดเข้ามาหลังจากเธอ ยังคงมีแค่เราสามคนในร้านเท่านั้น , เราตัดสินใจหยิบหนังสือคนละเล่มไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ตามๆกัน , พนักงานสาวมองเราทั้งคู่และยิ้มๆ แสดงว่าแอบดูอยุ่นานแล้วยิ้ม , เมื่อต่างคนต่างชำระหนี้เสร็จ นั่นจึงจึงเป็นช่วงเวลาที่ระทึกที่สุด , “มาคนเดียวเร่อครับ” จึงเป็นคำถามหยั่งเชิง เชิงเปิดประเด็น ที่ไม่คิดว่าจะกล้าถามออกไป , “ค่ะ” คำตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มที่สดใส ที่ไม่คิดว่าจะได้ยินออกมาเช่นกัน

ยืนจัง งังด้วยคำตอบอยุ่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ โอกาสไม่ได้มีบ่อยๆ , เธอเปิดประตูออกไป และเดินไปอเมซอน รับกาแฟที่สั่งไว้ หันมามองเราแล้วยิ้มก่อนนั่ง พร้อมเปิดหนังสือที่เธอเพิ่งถอยไปขึ้นอ่าน , ยืนรวบรวมความกล้าซักพัก แต่ในใจคือโคตรนาน , ไม่กี่อึดใจเราจึงก้าวเท้าเดินออกจากร้านหนังสือ ในจังหวะที่เธอกำลังลุกออกจากอเมซอนพอดี ..

บีเอ็มซีรี่3สีขาว จอดเทียบท่าอเมซอน พร้อมกับที่หนอนหนังสือสาวเปิดประตูรถเข้าไปนั่งแบบบที่นัดกันไว้แล้วและขับออกไป , ปล่อยหนุ่มน้อยฟันเหยินถือถุงหนังสือร้านนายอินทร์ ยืน งง ปนเฟลอยู่แบบนั้น

อืมมม มาคนเดียว แต่ขากลับไม่ใช่คนเดียว เธอไมได้โกหกซักนิด แค่บอกไม่หมด ฮาาาา

แต่อย่างน้อย ช่วงเวลาที่คุยแลกเปลี่ยนกันนั้น สิ่งที่ได้มากกว่าการแชร์หนังสือของแต่ละคน ก็คือรอยยิ้มเล็กๆที่เกิดขึ้นในใจ , อาจจะเป็นของเราคนเดียว

หรืออาจจะเป็นของทั้งสองคน ก็ถือเป็นจังหวะดีๆที่เกิดขึ้น : ) *
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่