เรื่องสมาธิ นรกสวรรค์ จากกระทู้ก่อน ที่ถาม มมม และมีหลายคนถกด้วย

กระทู้คำถาม
รวบรวมเหตุผลที่มีคนแย้ง (ส่วนเหตุผลพวกที่จบคอร์สด่าตามน้ำ ไม่ต้องใช้สมอง กะเอาเท่ ไม่ลงนะครับ)
ผมดีใจที่มีคนมีสมองพอที่จะเถียงด้วย ส่วนเรื่องวิดพื้นไม่ใช้แขน ผมตอบไปแล้วนะครับเหอ ๆ

1. บางท่านบอกว่า จะอนุมานอะไร ต้องมีความรู้เชิงประจักษ์เสียก่อน แล้วอ้างผมว่า ถ้าผมไม่มีความรู้เชิงประจักษ์ แสดงว่าอนุมาน "ผิด"
    ก. บางอย่างความรู้เชิงประจักษ์ไม่สามารถพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นได้ แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่เป็นจริง เช่น ท่านอ้างกับผมว่า ท่านเคยเสียใจในเวลานี้ ๆ แต่ท่านพิสูจน์ให้คนอื่นให้เห็นไม่ได้ว่า ท่านเสียใจ แต่ "นั่นไม่ได้แปลว่า ท่านไม่ได้เสียใจ เสียใจเกิดขึ้นจริง แต่ท่านพิสูจน์ไม่ได้"
    ข. ที่อ้างว่าผมไม่มีความรู้เชิงประจักษ์ อนุมาณเลยผิด นี่ท่านก็ไม่เข้าใจเรื่องเหตุผลเลย "ผมมีหรือไม่มีความรู้เชิงประจักษ์" ไม่ได้เกี่ยวกับที่ถาม
นี่เหมือนถามว่า ถ้าท่านไม่เคยมีความรัก ความรักจึงไม่มีจริง ท่านมีความรักหรือไม่มี ไม่เกี่ยวกับความรักมีจริงไม่มีจริง

2. ผมอ้างว่า A B C มี ฉะนั้น D E F จึงมี (ถ้าฝึกสมาธิ ถึง ขณิก ถึงอุปจาระมี อัปนาก็น่าจะมี) และผมท้าให้พิสูจน์ขั้นตอนว่าขั้นตอนไหนผิด
ที่แย้งกัน คือ ถ้า A B C มี  D E F ไม่จำเป็นต้องมีด้วย
    ก. ท่านยังไม่เข้าใจประเด็นเลย จะมาเถียงเรื่องตรรกะนี่ อย่าดีกว่า ไปสอบกฎหมายก็ตก เพราะ "การที่ท่านอ้างว่า A B C มี  D E F อาจไม่มี "ก็ได้""
นั่นก็ถูก แต่นั่นคือ ท่านตอบอะไร ท่านไม่ได้ตอบอะไร "ท่านพูดลอย ๆ" ถ้าท่านตอบ ท่านก็ตอบว่า D E F มี หรือ "ไม่มี" คำว่า "อาจ" มันคือความว่างเปล่า
    ข. ผมถามว่า ถ้า ปฏิบัติตามตำราแล้ว ได้ A ต่อจาก A แล้วทำต่อไป ก็ได้ B แล้วทำไม ถึงเชื่อไม่ได้ว่า ถ้าทำตามตำราต่อแล้วจะได้ C D E F
ท่านจะแย้ง ท่านก็แย้งว่า ทำไม A จึงผิด  B จึงผิด "หรือ" ทำไม ทำตาม A แล้วได้ B แล้วได้ C จึงไม่ได้ D E F นั่นคือ
ทำไมความสัมพันธ์ ถึงไม่เป็นเหตุ เป็นผล กัน
        
       "นั่นคือ ถ้าท่านจะเถียง ท่านจะต้องเถียงว่า A ไม่มีจริง ดังนั้น จาก A ไป B ไป C ฯลฯ จึงผิดหมด หรือ เถียงว่า ได้ C แล้ว จาก D ไป E ไป F มันผิดอย่างไร ทำไมถึง "ไม่น่าเชื่อ"หรือ "ไม่จริง"

       มาตอบว่า "อาจจะไม่จริง" ลอย ๆ แบบนี้ว่างเปล่า ไม่มีสาระในคำตอบ

3. แล้วรู้ไหมว่า ทำไมถึงตั้งคำถามเอากับแก๊ง มมม. เพราะ เหตุเดิม แก๊งนี้ ไม่เชื่อว่านรกสวรรค์มี เมื่อไม่เชื่อว่านรกสวรรค์มี ก็ไม่เชื่อว่า ฌานมี เมื่อไม่เชื่อว่า ฌาน มี ก็ไม่อาจเชื่อว่า อุปจาร ขณิก มี บลา ๆ เพราะมันสืบเนื่องกันมา (ปล แต่ตลกอย่าง แล้วแก๊งนี้เชื่อเรื่องอาณาปานสติสิบหกขั้นของอาจารย์แก้งนี้อย่างท่านพุทธทาสหรือเปล่า? อันนี้คิดแล้วจะตลกปนสังเวช)

     "ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ ฌาน สมาธิ กับ นรกสวรรค์เกี่ยวข้องกันสำหรับแก๊งนี้" ดังนั้นไม่ต้องถามว่าไม่เกี่ยวกันระหว่างสมาธิกับ นรกสวรรค์
"เพราะให้ท่านตอบว่า ทำไมไม่เกี่ยวกัน ท่านก็ตอบไม่ได้"

ปล. 1. ที่ท่านเถียงไม่ได้ เพราะท่านไม่มีความรู้พื้นเดิม ดำน้ำมั่ว ๆ มาตอบ ท่านไม่เข้าใจประเด็นว่า ผมไม่ได้ถามว่า "มีจริงหรือไม่" ผมถามว่าพิสูจน์ได้ไหมว่า ขั้นตอนเหล่านี้ไม่จริง ท่านก็ไปยกนอกประเด็นมาว่าไม่จริง ทำไมไม่จริง พิสูจน์ไม่ได้ไง คนละประเด็น มั่ว ไม่เข้าใจคำถาม อยากเข้าประเด็นที่ต้องการ ก็ต้องไปตั้งกระทู้ใหม่
      2. เรื่องนอกประเด็นอย่างหนึ่งที่ มีคนพยายามอ้างคือ หาหลักฐานมาพิสูจน์สิ เอาคนนั้นคนนี้มาพิสูจน์สิ นี่ก็เถียงแบบปัญญาอ่อน เพราะอะไร เพราะ ก. ใน google มีเยอะแยะที่พระท่านสอนสมาธิ ท่านพุทธทาสก็สอน ถ้าท่านอยากพิสูจน์ท่านก็ไปพิสูจน์กับคนเป็นเช่นหลวงพ่อจรัญ หลวงพ่อวิริยังค์ หรือตั้งคำถามกับคนตาย เช่น ท่านพุทธทาส ตั้งคำถามสิ ท่านโกหกหรือ ท่านไม่ได้ถึงมาสอนน่ะ มีเป็นร้อยเป็นพัน ผมจำเป็นต้องยกตัวอย่าง? แค่google ก็รู้แล้ว "การพยายามมัดมือให้บอกชื่อ" มันคนละเรื่องกับการพิสูจน์ การพิสูจน์นั้น พิสูจน์ได้เองอยู่แล้ว เลือกเอาชื่อไหนก็ได้ ไปวัดหลวงพ่อวิริยังค์เลยก็ได้ ท่านเปิดสอนคอร์สมาธิ อะไรนะ ไม่กล้าถาม คริ ๆ
         ข. "ไม่ใช่หน้าที่หรือผมมีอำนาจ" ที่จะลากใครต่อใครมาอยู่ตรงหน้า "ใครก็ไม่รู้" ให้มาตอบคำถาม การที่คิดแบบนี้ มันคิดเหมือนเด็กสองสามขวบ ที่คิดว่า เป็นศูนย์กลางจักรวาล ต้องให้คนมาป้อนให้ แบบนี้เรียกสมองเท่าเด็กสองขวบ เพราะโตกว่านั้นน่าจะรู้ว่าการเรียกร้องสิ่งที่ทำไม่ได้มันเป็นไปไม่ได้
         ค. วิธีที่ง่ายที่สุดเลย คือเข้าคอร์สสมาธิ ซึ่งฟรี หรือ อ่านหนังสือปฏิบัติเองที่บ้าน "ซึ่งง่าย" กว่า ฟรีด้วย แต่ไม่ทำ
นี่เรียกว่ายิ้ม ทำไมยิ้ม เพราะ "เรียกร้องให้คนอื่นพิสูจน์" แต่ตัวเอง "ไม่ยอมลงแรงพิสูจน์"

เข้าใจตรงกันนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่