ตอนที่ 1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/34083073
ตอนนี้เจ้ากบคิดได้แล้วว่า
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่มีคางคกเป็นเพื่อนก็ต้องอยู่ลำพังได้ แต่มันก็หวังว่าจะเจอสหายที่ถูกใจตัวใหม่ให้ได้โดยเร็วโดยยึดหลัก
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
เช้านี้
น้ำลดตอผุด มานี
จับปูใส่กระด้ง และ
จับปลาสองมือ ด้วย ได้ทั้งปูและปลาเยอะแยะเลย จึงดีใจรีบวิ่งขึ้นบ้านเพื่อที่จะไปบอกมานะ แต่มานีไม่ทันระวัง
ตกกระไดพลอยโจน มานีบาดเจ็บเดินไม่ไหว มานะจึงอาสาทำกับข้าวให้
มานะจะไปตัดฟืนมาจุดเตา แต่
พบไม้งามเมื่อขวานบิ่น และไม่สามารถใช้
ขวานผ่าซาก ได้จึงใช้
ไม้หลักปักเลน มาทำเป็นฟืนแทน ซึ่งไม้เหล่านี้เป็น
ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก แต่พอเขาจะทำกับข้าวเขาก็โชคร้าย
จุดไต้ตำตอ อีก แต่มานะบาดเจ็บไม่มาก จึงยังทำกับข้าวได้ เขา
ตำข้าวสารกรอกหม้อ แต่ต้องตกใจเพราะ
หนูตกถังข้าวสาร เขาค่อย ๆ จับหนูออกแล้วจึงหุงข้าว
มานะไม่มี
เสน่ห์ปลายจวัก ทำอาหารออกมาจึงไม่อร่อย
ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ต้มปูทอดปลาก็เอาไปให้เจ้าตูบกินแทน เจ้าตูบกินเสร็จก็เล่นกับมานะ
เล่นกับหมา หมาเลียปาก
เจ้ากบซึ่งกำลังดูมานะกับเจ้าตูบเล่นกัน ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีใครมาสะกิดหลัง “นี่ ๆ ถามอะไรหน่อย เห็นโพรงฉันไหม” กระรอกสีน้ำตาลอ่อนขนพองถาม
กบมองซ้ายมองขวา
ชี้โพรงให้กระรอก “ตรงนั้นงัย” เจ้ากระรอกสายตาสั้นจึงหาโพรงไม่เจอ “ขอบใจนะ กินอะไรรึยัง ไปกินอาหารที่โพรงของฉันไหม” กระรอกอยากตอบแทนกบที่ช่วยบอกทางจึงชวนกบไป
“ไปสิ ฉันกำลังหิวอยู่พอดี” ทั้งสองตัวจึงเดินทางไปที่โพรงนั้น ในโพรงมืดมาก มียุงเยอะด้วย
ยุ่งเหมือนยุงตีกัน เลย อาหารในโพรงมีมากมายหลายอย่าง เช่น
หัวเดียวกระเทียมลีบ กระดูกอ่อน ขมิ้นกับปูน ข้าวใหม่ปลามัน ฯลฯ กบจึงได้เพื่อนใหม่เป็นกระรอก
เมื่อกินกันจนอิ่ม ทั้งสองจึงนอนคุยกัน กระรอกบอกกับกบ “ฉันได้ยินความลับมาว่า
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ด้วยหละ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ เจ้ารู้ได้ยังงัย” กบหัวเราะดังด้วยความตลก
“ฉันได้ยินจากเด็ก ๆ ที่
เดินตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด เขาคุยกัน”
“ฉันว่าเจ้าหนะ
ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด ซะละมั้ง งูไม่มีขา และไก่ไม่มีนมหรอก” กบออกความเห็น
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น พรุ่งนี้ไปถามไก่กันมั้ยหละ แต่ฉันกลัวงู” กระรอกทำท่ากลัว "ฉันก็เหมือนกัน" กบนึกถึงตอนที่เจ้าคางคกโดนงูกิน
วันต่อมามานะกับมานีหายจากอาการบาดเจ็บแล้วจึงเล่น
จับแพะชนแกะ กัน เสร็จแล้วก็แข่ง
เข็นครกขึ้นภูเขา กันต่อ
เจ้ากบกับเจ้ากระรอกเดินไปหาแม่ไก่เพื่อจะถามว่ามีนมไหม
“แม่ไก่จ๋า ฉันเป็น
กบเกิดใต้บัวบาน มาเห็นเจ้าซึ่งงดงามจริง ๆ แม้คนก็สู้เจ้าไม่ได้เลย” เจ้ากบแกล้งพูดชื่นชม
“แน่นอนอยู่แล้ว
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ฉันสวยตามธรรมชาติจ๊ะ” ไก่ตอบอย่างภาคภูมิใจ
“จริงหรือไม่ที่เขาว่ากันว่า ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ หนะจ๊ะ” เจ้ากบถามแบบอาย ๆ
“ไม่มีหรอก พวกคนเขาเปรียบเทียบเป็นสำนวนสุภาษิตหมายถึง ต่างฝ่ายต่างรู้ความลับของกันและกัน จ๊ะ” ไก่ตอบอย่างผู้รู้ที่
อาบน้ำร้อนมาก่อน
ทันใดนั้นไก่ก็ร้องเสียงดัง “กระต๊าก ๆ ๆ ๆ”
หมาหยอกไก่ อีกแล้ว
นิทานสุภาษิต คำพังเพย ขำ ๆ ตอนที่ 2
ตอนนี้เจ้ากบคิดได้แล้วว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่มีคางคกเป็นเพื่อนก็ต้องอยู่ลำพังได้ แต่มันก็หวังว่าจะเจอสหายที่ถูกใจตัวใหม่ให้ได้โดยเร็วโดยยึดหลัก คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
เช้านี้ น้ำลดตอผุด มานี จับปูใส่กระด้ง และ จับปลาสองมือ ด้วย ได้ทั้งปูและปลาเยอะแยะเลย จึงดีใจรีบวิ่งขึ้นบ้านเพื่อที่จะไปบอกมานะ แต่มานีไม่ทันระวัง ตกกระไดพลอยโจน มานีบาดเจ็บเดินไม่ไหว มานะจึงอาสาทำกับข้าวให้
มานะจะไปตัดฟืนมาจุดเตา แต่ พบไม้งามเมื่อขวานบิ่น และไม่สามารถใช้ ขวานผ่าซาก ได้จึงใช้ ไม้หลักปักเลน มาทำเป็นฟืนแทน ซึ่งไม้เหล่านี้เป็น ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก แต่พอเขาจะทำกับข้าวเขาก็โชคร้าย จุดไต้ตำตอ อีก แต่มานะบาดเจ็บไม่มาก จึงยังทำกับข้าวได้ เขา ตำข้าวสารกรอกหม้อ แต่ต้องตกใจเพราะ หนูตกถังข้าวสาร เขาค่อย ๆ จับหนูออกแล้วจึงหุงข้าว
มานะไม่มี เสน่ห์ปลายจวัก ทำอาหารออกมาจึงไม่อร่อย ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ต้มปูทอดปลาก็เอาไปให้เจ้าตูบกินแทน เจ้าตูบกินเสร็จก็เล่นกับมานะ เล่นกับหมา หมาเลียปาก
เจ้ากบซึ่งกำลังดูมานะกับเจ้าตูบเล่นกัน ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีใครมาสะกิดหลัง “นี่ ๆ ถามอะไรหน่อย เห็นโพรงฉันไหม” กระรอกสีน้ำตาลอ่อนขนพองถาม
กบมองซ้ายมองขวา ชี้โพรงให้กระรอก “ตรงนั้นงัย” เจ้ากระรอกสายตาสั้นจึงหาโพรงไม่เจอ “ขอบใจนะ กินอะไรรึยัง ไปกินอาหารที่โพรงของฉันไหม” กระรอกอยากตอบแทนกบที่ช่วยบอกทางจึงชวนกบไป
“ไปสิ ฉันกำลังหิวอยู่พอดี” ทั้งสองตัวจึงเดินทางไปที่โพรงนั้น ในโพรงมืดมาก มียุงเยอะด้วย ยุ่งเหมือนยุงตีกัน เลย อาหารในโพรงมีมากมายหลายอย่าง เช่น หัวเดียวกระเทียมลีบ กระดูกอ่อน ขมิ้นกับปูน ข้าวใหม่ปลามัน ฯลฯ กบจึงได้เพื่อนใหม่เป็นกระรอก
เมื่อกินกันจนอิ่ม ทั้งสองจึงนอนคุยกัน กระรอกบอกกับกบ “ฉันได้ยินความลับมาว่า ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ด้วยหละ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ เจ้ารู้ได้ยังงัย” กบหัวเราะดังด้วยความตลก
“ฉันได้ยินจากเด็ก ๆ ที่ เดินตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด เขาคุยกัน”
“ฉันว่าเจ้าหนะ ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด ซะละมั้ง งูไม่มีขา และไก่ไม่มีนมหรอก” กบออกความเห็น
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น พรุ่งนี้ไปถามไก่กันมั้ยหละ แต่ฉันกลัวงู” กระรอกทำท่ากลัว "ฉันก็เหมือนกัน" กบนึกถึงตอนที่เจ้าคางคกโดนงูกิน
วันต่อมามานะกับมานีหายจากอาการบาดเจ็บแล้วจึงเล่น จับแพะชนแกะ กัน เสร็จแล้วก็แข่ง เข็นครกขึ้นภูเขา กันต่อ
เจ้ากบกับเจ้ากระรอกเดินไปหาแม่ไก่เพื่อจะถามว่ามีนมไหม
“แม่ไก่จ๋า ฉันเป็น กบเกิดใต้บัวบาน มาเห็นเจ้าซึ่งงดงามจริง ๆ แม้คนก็สู้เจ้าไม่ได้เลย” เจ้ากบแกล้งพูดชื่นชม
“แน่นอนอยู่แล้ว ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ฉันสวยตามธรรมชาติจ๊ะ” ไก่ตอบอย่างภาคภูมิใจ
“จริงหรือไม่ที่เขาว่ากันว่า ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ หนะจ๊ะ” เจ้ากบถามแบบอาย ๆ
“ไม่มีหรอก พวกคนเขาเปรียบเทียบเป็นสำนวนสุภาษิตหมายถึง ต่างฝ่ายต่างรู้ความลับของกันและกัน จ๊ะ” ไก่ตอบอย่างผู้รู้ที่ อาบน้ำร้อนมาก่อน
ทันใดนั้นไก่ก็ร้องเสียงดัง “กระต๊าก ๆ ๆ ๆ” หมาหยอกไก่ อีกแล้ว