ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/34083073
ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/34101207
“
วันพระไม่มีหนเดียว คราวหน้าค่อยไปละกัน” มานะพูดกับมานี ปกติทั้งสองคนจะ
ไปวัดไปวาได้ ก็วันพระเพื่อไป ทำบุญ
ตักบาตรอย่าถามพระ ปิดทองหลังพระ ปล่อยนกปล่อยกา ปล่อยปลาลงน้ำ แต่มีคนใจร้ายบางคนที่เลี้ยงหมูแล้ว
ดินพอกหางหมู ก็มักเอาหมู
ตัดหางปล่อยวัด ให้วัดเลี้ยงแทน
ที่ไม่ไปวัดเพราะเมื่อวานนี้
วัวหายล้อมคอก และเอา
วัวพันหลัก ไว้ วันนี้มานะกับมานีจึงจะไปแจ้งตำรวจเพราะนอกจากโจรได้ขโมยวัวแล้ว วัวบางตัวโดนทำร้ายจนเป็น
วัวสันหลังหวะ ด้วย
กบกับกระรอกที่สังเกตการณ์อยู่ในโพรงรู้ว่าเป็นฝีมือของใคร
“ป่านนี้
เสือนอนกิน วัวสบายไปเลยนะ” กบพูด
“กินอิ่มก็เป็น
เสือเฒ่าจำศีล” กระรอก
ปอกกล้วยเข้าปาก กินไปด้วยคุยไปด้วย
“แถวนี้
บ้านนอกคอกนา สัตว์ป่าดุร้ายมากมาย” กบบอกกระรอกเพื่อให้ระวังตัว
“
บ้านเคยอยู่ อู่เคยนอน ของฉันเมื่อก่อนอยู่ในเมือง แต่เจ้านายฉันเบื่อเลี้ยงสัตว์ เลยเอาฉันมาปล่อยให้
บุกป่าฝ่าดง อย่างนี้หละ” กระรอกรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา น้ำตาไหลออกมาจึงเอา
น้ำตาเช็ดหัวเข่า กบเห็นเพื่อนร้องไห้จึง
น้ำตาตกใน ไม่แสดงออกให้กระรอกเห็น
ข้างนอกลมพัดแรง
ดอกพิกุลร่วง มากมาย พายุฝนกำลังจะมา
กระต่ายตื่นตูม จึงรีบวิ่งลงหลุม
กาหลงรัง บางตัวบินกลับรังไม่ถูก
มดแดงแฝงพวงมะม่วง จำนวนมากขนไข่ของตนเองย้ายที่
จมูกมด คงได้กลิ่นฝนกระมัง
ไม่นานนักฝนก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักและยาวนาน
“ถ้าฝนตกจน
น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง ฉันจะไปเก็บผักบุ้งมาจิ้มกับ
น้ำพริกถ้วยเก่า” มานีหยิบ
ผักต้มขนมยำ กินไปด้วยพูดกับมานะไปด้วย
“
น้ำขึ้นให้รีบตัก ฉันจะไปจับปลา แต่รอฝนหยุดก่อน”
“ใช่ ถ้าตากฝนแล้วจะเป็นไข้ไม่สบาย เดี๋ยวต้องกิน
ยาหม้อใหญ่ อีก ฮ่า ๆๆๆๆ”
“อ๊บ ๆ ๆ ๆ ๆ” กบออกไปนอกโพรงกระรอกแล้วร้องเสียงดัง
“กบเอยทำไมจึงร้อง กบเอยทำไมจึงร้อง” กระรอกถามกบ
“จำเป็นต้องร้องเพราะว่าท้องมันปวด ล้อเล่นนะ มันเย็นสบายดีฉันก็เลยมาตากฝนร้องเพลงงัยหละ” กบที่ตัวเปียกตอบอย่างมีความสุข
และแล้วฝนก็หยุดตก สัตว์ต่าง ๆ ออกมาหาอาหาร มานะใช้ไม้ยาว ๆ
ทอดสะพาน ตามทางที่น้ำท่วมไว้เพื่อเป็นทางเดิน มานะออกไปจับปลา มานีไปเก็บผักบุ้ง ส่วนกบกับกระรอกก็ช่วยกันหาอาหารในบ้านของมานะมานีเพื่อไปเก็บในโพรงของพวกมันเอง ดังสุภาษิตที่ว่า
แมวไม่อยู่ หนูร่าเริง
นิทานสุภาษิต คำพังเพย ขำ ๆ ตอนที่ 3
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/34101207
“วันพระไม่มีหนเดียว คราวหน้าค่อยไปละกัน” มานะพูดกับมานี ปกติทั้งสองคนจะ ไปวัดไปวาได้ ก็วันพระเพื่อไป ทำบุญ ตักบาตรอย่าถามพระ ปิดทองหลังพระ ปล่อยนกปล่อยกา ปล่อยปลาลงน้ำ แต่มีคนใจร้ายบางคนที่เลี้ยงหมูแล้ว ดินพอกหางหมู ก็มักเอาหมู ตัดหางปล่อยวัด ให้วัดเลี้ยงแทน
ที่ไม่ไปวัดเพราะเมื่อวานนี้ วัวหายล้อมคอก และเอา วัวพันหลัก ไว้ วันนี้มานะกับมานีจึงจะไปแจ้งตำรวจเพราะนอกจากโจรได้ขโมยวัวแล้ว วัวบางตัวโดนทำร้ายจนเป็น วัวสันหลังหวะ ด้วย
กบกับกระรอกที่สังเกตการณ์อยู่ในโพรงรู้ว่าเป็นฝีมือของใคร
“ป่านนี้ เสือนอนกิน วัวสบายไปเลยนะ” กบพูด
“กินอิ่มก็เป็น เสือเฒ่าจำศีล” กระรอก ปอกกล้วยเข้าปาก กินไปด้วยคุยไปด้วย
“แถวนี้ บ้านนอกคอกนา สัตว์ป่าดุร้ายมากมาย” กบบอกกระรอกเพื่อให้ระวังตัว
“บ้านเคยอยู่ อู่เคยนอน ของฉันเมื่อก่อนอยู่ในเมือง แต่เจ้านายฉันเบื่อเลี้ยงสัตว์ เลยเอาฉันมาปล่อยให้ บุกป่าฝ่าดง อย่างนี้หละ” กระรอกรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา น้ำตาไหลออกมาจึงเอา น้ำตาเช็ดหัวเข่า กบเห็นเพื่อนร้องไห้จึง น้ำตาตกใน ไม่แสดงออกให้กระรอกเห็น
ข้างนอกลมพัดแรง ดอกพิกุลร่วง มากมาย พายุฝนกำลังจะมา กระต่ายตื่นตูม จึงรีบวิ่งลงหลุม กาหลงรัง บางตัวบินกลับรังไม่ถูก มดแดงแฝงพวงมะม่วง จำนวนมากขนไข่ของตนเองย้ายที่ จมูกมด คงได้กลิ่นฝนกระมัง
ไม่นานนักฝนก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักและยาวนาน
“ถ้าฝนตกจน น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง ฉันจะไปเก็บผักบุ้งมาจิ้มกับ น้ำพริกถ้วยเก่า” มานีหยิบ ผักต้มขนมยำ กินไปด้วยพูดกับมานะไปด้วย
“น้ำขึ้นให้รีบตัก ฉันจะไปจับปลา แต่รอฝนหยุดก่อน”
“ใช่ ถ้าตากฝนแล้วจะเป็นไข้ไม่สบาย เดี๋ยวต้องกิน ยาหม้อใหญ่ อีก ฮ่า ๆๆๆๆ”
“อ๊บ ๆ ๆ ๆ ๆ” กบออกไปนอกโพรงกระรอกแล้วร้องเสียงดัง
“กบเอยทำไมจึงร้อง กบเอยทำไมจึงร้อง” กระรอกถามกบ
“จำเป็นต้องร้องเพราะว่าท้องมันปวด ล้อเล่นนะ มันเย็นสบายดีฉันก็เลยมาตากฝนร้องเพลงงัยหละ” กบที่ตัวเปียกตอบอย่างมีความสุข
และแล้วฝนก็หยุดตก สัตว์ต่าง ๆ ออกมาหาอาหาร มานะใช้ไม้ยาว ๆ ทอดสะพาน ตามทางที่น้ำท่วมไว้เพื่อเป็นทางเดิน มานะออกไปจับปลา มานีไปเก็บผักบุ้ง ส่วนกบกับกระรอกก็ช่วยกันหาอาหารในบ้านของมานะมานีเพื่อไปเก็บในโพรงของพวกมันเอง ดังสุภาษิตที่ว่า แมวไม่อยู่ หนูร่าเริง