[แปลอีกละ] หนังสือพิมพ์ AKBgroup : Wmatsui

มาอีกแล้ววว
ยิ่งใกล้วันแกรดเรนะ ยิ่งอยากทำอะไรให้เยอะๆ แต่งานนี้ส่วนนึงคือความฟินส่วนตัว หุๆๆๆ
...ขยันกว่าทำงาน...บอกเลย

ปล. วันนี้มีงานกีฬาสี ช่างเป็นงานที่เหมาะกับเฮียจริงๆ แต่ดันไม่มา -*-"
SKE สู้ๆ

-------------------



หลังสือพิมพ์ AKB เดือน 8
เรนะจบการศึกษา Wmatsuiในท้ายที่สุด

ในที่สุด SKE48 มัตสึอิ เรนะก็จะจบการศึกษาจากการเป็นไอดอลแล้ว
ด้วยการเป็นหนึ่งในเมมเบอร์รุ่นก่อตั้ง SKE48 ตั้งแต่ปี 2008
ใน 7 ปีนี้ก็เป็นแนวหน้าในการผลักดันวงมาโดยตลอด
เรนะที่เป็นแบบนี้ได้ทิ้งสาส์นไว้ในซิงเกิ้ล "Mae no Meri" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่
และก้าวไปสู่หนทางการแสดงก้าวแรก

ก่อนจบการศึกษา เธอได้ตกลงที่จะให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AKBgroup เป็นครั้งสุดท้าย
แน่นอนว่าอีกคนก็ต้องเป็น มัตสึอิ จูรินะ นั่นเอง นี่คือการสัมภาษณ์ทั้งสองคนเป็นครั้งสุดท้ายอย่างจริงจัง
รวมกับบทสัมภาษณ์แต่ละคนแล้วจะมีทั้งหมด 6 ตอน โปรดติดตามกันด้วยนะครับ

-------------
"ความเข้าคู่กันโดยสมบูรณ์"
-----------

- การที่สองคนได้มาขึ้นปกหนังสือพิมพ์ AKBgroup จริงๆนี่ถือเป็นครั้งแรกเลยนะครับ

จู,เร: ใช่แล้วค่ะ!

จู: พูดพร้อมกันเลยอ่ะ ประโยคเดียวกันด้วย (หัวเราะ)

- จะไม่สัมภาษณ์ทั้งสองคนคงไม่ได้ ก็เรนะซังจะจบการศึกษาทั้งที แถมยังมีแฟนๆเรียกร้องเข้ามาเยอะมากด้วยว่าอยากให้สัมภาษณ์น่ะครับ

จู: อื้ม! ก็ Wmatsui เจ๋งที่สุดแล้ว!

เร: ก็ได้ตอบรับกับกระแสเรียกร้องล่ะค่ะ...(หัวเราะ)

- พอนึกย้อนกลับไปตอนที่เดบิวต์ใหม่ๆ ยังเป็นแค่เด็กสองคน มันทำให้รู้สึกตื้นตันขึ้นมาเลย

เร: เอ๋? ทำไมล่ะคะ?

จู: ตอนนี้ก็ยังเป็นเด็กนะคะ! ยังเด็กอยู่!

เร: โธ่ ไม่ใช่เด็กๆแล้วเถอะ...

จู: มันก็ใช่ ไม่ค่อยทะเลาะกันแล้วด้วย

- พูดแบบนี้ แปลว่าเคยทะเลาะกันเหรอครับ?

จู,เร: จะบอกว่าทะเลาะกันมันก็ไม่เชิง...
(หัวเราะออกมาพร้อมกัน)

เร: เอ๊ะ? พูดประโยคเดียวกันออกมาพร้อมกันอีกแล้ว

จู: ฮ่าๆๆๆๆๆ

เร: ก็เมื่อก่อนแค่เรื่องเล็กน้อยจูรินะก็โมโหแล้วน่ะค่ะ

- จำได้มั้ยว่าทะเลาะเรื่องอะไรกัน

เร: เรื่องตำแหน่งที่ยืน

จู: เอ๊ะ?

เร: รู้สึกจะเป็นตอน "Banzai Venus" มั้งคะ? มีฉากนึงที่เราสองคนต้องถ่ายด้วยกัน จูรินะบอกว่า "ฉันจะยืนตรงนี้เท่านั้น"
ฉันเลยแบบ "...ห๊ะ?" ตอบไปแบบนั้น จูรินะเลยบอกว่า "ฉันยืนด้านนี้ถ่ายแล้วออกมาดูดีกว่า เพราะงั้นฉันจะยืนตรงนี้! นะ ฉันขอล่ะ!"
พูดจาห้วนๆแบบนั้น ในเมื่อยืนยันจะทำแบบนั้นฉันเลยบอกว่า "ฉันยืนตรงไหนก็ได้ไม่เรื่องมาก..." (หัวเราะ)

จู: ก็ผมมันปัดไปทางนั้น ก็คิดว่ายืนด้านนั้นมันดูดีกว่านี่หน่า

เร: จากนั้นตอนที่ฉันคิดว่าจะมีแค่ครั้งเดียว แต่พอถ่ายฉากอื่นก็เถียงเรื่องที่ยืนกันตลอด จูรินะก็พูดว่า "ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่หรือไง"
ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่า "ไม่ใช่มั้ง? จะเอาแบบนี้ตลอดเลยหรอ?"

จู: จำไม่ได้เลยอ่ะ (หัวเราะ)

เร: ขนาดผ่านไปเป็นเดือนเป็นปีแล้ว ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่เลย

- เรนะซังไม่ตอบโต้เลยเหรอครับ

เร: ก็มีแค่คิดว่า "เอ๊ะ?" แค่นั้นแหละค่ะ

จู: แต่ว่าเรนะจังน่ะ ถ้าเป็นเรื่องที่ตัวเองชอบจะสู้ไม่ถอยเลย

เร: ใช่แล้วล่ะ

จู: จะเรียกว่าบ้าหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เพราะตอนนั้นฉันไม่เข้าใจอะไรเลย พอพูดไปว่า "นี่อะไรอ่ะ นั่นอะไรอ่ะ บลาๆๆ" เธอก็หงุดหงิดแล้ว
ตอนงานขาวแดง มีตัวการ์ตูนดิสนีย์ตัวนึง ฉันบอกว่า "คนข้างในเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิงอ่ะ?" เรนะจังก็จะหงุดหงิดแล้วบอกว่า "ไม่มีทางเป็นผู้หญิงหรอกน่ะ!"

เร: พูดแบบนี้ไม่ได้นะ มิกกี้น่ะเป็นผู้ชายนะ! ข้างในไม่มีทางเป็นผู้หญิงหรอก!

จู: จากนั้นฉันก็บอกว่า "แล้วแบบนี้ที่ดิสนีย์ทำไงอ่ะ? มีสองตัวเหรอ? (มิกกี้สองตัว)" เรนะจังก็จะโมโหมาก "สองตัวมันมีที่ไหนกันเล่า!!" (หัวเราะ)

เร: ก็เพราะว่ามันเป็นได้แค่ "ตัวเดียว" ไง!

----------------
"คิดว่าการเสแสร้งไม่ใช่เรื่องดี"
----------------

- ขอคำนึงที่อธิบายความสัมพันธ์ของทั้งสองคนหน่อยครับ

จู: อืมม..."เพื่อนรัก" ที่มี "มิตรภาพจากหัวใจ" ก็ไม่เลวนะ

เร: พะ เพื่อนมั้งคะ?

- สำหรับเรนะซังที่มีเพื่อนน้อยแล้ว มีต่อต้านบ้างมั้ยครับ

เร: น่าจะเป็นเหมือนคนในครอบครัวมากกว่าค่ะ มีคนพูดกับฉันบ่อยๆว่า "จูรินะเป็นคนพิเศษใช่มั้ยล่ะ?" แน่นอนว่าพวกเรามีความเห็นที่ตรงกัน
แล้วก็ได้ก้าวผ่านช่วงเวลาต่างๆมาด้วยกัน ก็เหมือนเมื่อกี๊ที่พูดประโยคเดียวกันออกมาพร้อมกันนั่นแหละค่ะ (หัวเราะ) แต่ว่าสำหรับฉันแล้วรู้สึกเหมือนมีน้องสาวค่ะ
กับเมมเบอร์คนอื่นๆโดยพื้นฐานแล้วก็รู้สึกแบบเดียวกัน แต่ถ้าฉันพูดแบบนี้จูรินะคงโกรธมากแน่

จู: ก็ใช่ดิ! เพราะว่าสำหรับฉันแล้วเรนะจังเป็นคนพิเศษไง แต่ว่าเรนะจังกลับชอบชูริใช่มะ?

เร: ก็ชูริเป็นเพื่อนกันนี่หน่า (หัวเราะ)

- สมดุลของทั้งสองคนสุดยอดไปเลยนะครับ

เร: ถึงเราสองคนจะไม่ได้มองโลกแบบเดียวกัน แม้ว่าทิศทางที่มุ่งไปจะต่างกัน แต่เราสองคนก็ทำกิจกรรมมาโดยคอยคิดถึงกันเสมอว่าเราจะทำยังไงเพื่อจะไปให้ถึงอุดมคติ
ฉันคิดว่าเพราะแบบนี้ เลยมีทางเลือกสองทางอยู่เสมอ ฉันคิดว่าจุดนี้เป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ

จู: ถูกต้องเลย จะว่าไปตอนแรกสุดไม่คิดเลยว่าจะถูกเรียกว่า "จูริเรนะ" ไม่ก็ "ดับเบิ้ลมัตสึอิ" มานานขนาดนี้ แต่ว่าที่ทำให้เราดูเป็นคู่แข่งกันก็คือแฟนๆนั่นแหละค่ะ
เพราะคนรอบข้างต่างพูดแบบนี้ เลยอดคิดไม่ได้ว่า "พวกเราจะต้องเป็นคู่แข่งกันให้ได้เลยเหรอ?" แต่ว่าช่วงประมาณ 3 ปีแรกก็มีช่วงที่ฉันคิดว่า "เวลาส่วนตัวก็ไม่อยากอยู่ด้วยกันเลยอ่ะ"

เร: (หัวเราะ)

จู: เวลาทำงานก็เจอกันเยอะมากแล้ว คนรอบข้างก็พูดว่า "พวกเธอไม่ถูกกันไม่ใช่เหรอ?" ถึงขนาดเคยคิดว่า "ต้องเปลี่ยนเป็นคนไม่ถูกกันให้ได้เลยใช่มั้ย?"

เร: ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ? (หัวเราะ) แต่ว่านะ ที่เราสองคนได้เจอกันแบบนี้มันเยี่ยมมากๆเลย ฉันคิดแบบนี้จากก้นบึ้งของหัวใจเลยนะ

- เท่าที่ทั้งสองคนรู้ เทียบกับตอนช่วงแรกมีความเปลี่ยนแปลงยังไงบ้างครับ?

จู: พอเวลาผ่านไปความเป็นคู่แข่งก็น้อยลงค่ะ ยกเว้นแค่ตอนเลือกตั้งเท่านั้น มันทำให้ฉันนึกถึงความรู้สึกตอนแรกสุด เพราะงั้นที่(เรนะ)ไม่ลงปีนี้มันเหงามากเลย

เร: ฉันกลับคิดว่า จะพูดว่าแข่งกันน้อยลงไม่สู้พูดอย่างนี้ดีกว่าค่ะ เรื่องอันดับเลือกตั้งช่างมันเถอะ ไม่ว่ายังไง SKE48ก็ไม่เปลี่ยนไป ตอนที่คิดได้ถึงจุดนี้ก็แยกแยะได้ว่า "เรื่องนี้ก็คือเรื่องนี้ เรื่องนั้นก็คือเรื่องนั้น"
ไม่มีใครชนะไม่มีใครแพ้ แต่เป็นการแข่งกับตัวเองมากกว่าว่าจะไปได้ถึงไหน

- การชัฟเฟิลทีมก็มีผลกระทบอย่างมากเลยใช่มั้ยครับ

เร: ใช่ค่ะ ตอนอยู่ทีม S รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่จูรินะปล่อยออกมาอยู่ตลอดเลย แต่พอย้ายไปอยู่ทีม E ความรู้สึกนั้นก็หายไป

จู: ฉันเข้าใจน้าาา

เร: ช่างภาพตอนสมัยทีม S มักจะอยากให้คนเห็นเราสองคนถ่ายคู่กัน แต่พอแยกกันแล้ว สภาพแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนไปหมด ก็เลยเริ่มอ่อนโยนขึ้น สำหรับฉันเรื่องนี้แหละที่เปลี่ยนไปเยอะที่สุด

- หลังเวทีงานเลือกตั้งปีนี้ รูปเรนะซังที่กำลังยิ้มและกอดจูรินะซังที่กำลังร้องไห้อย่างแนบแน่น ได้ถูกตีพิมพ์ลงใน Nikkan Sport ด้วย

จู: ฉันไม่รู้เรื่องเลยว่ามีรูปนี้ถูกถ่ายไว้ด้วย

เร: ฉันก็ไม่รู้เรื่อง

จู: มาซานะที่ยืนอยู่ข้างๆทั้งคนก็ถูกตัดออกด้วย ออกมาแบบว่าดูน่าสงสารมากเลย มาซานะได้แต่เศร้า (หัวเราะ)

เร: ตอนแรกฉันไม่ได้คิดจะไปที่งานหรอกค่ะ จะดูอยู่ที่โรงแรมอย่างเดียว พูดกับจูรินะแค่ว่า "พรุ่งนี้ฉันคงได้ไปพูดกับเธอว่า "ยินดีด้วยนะ" เพราะงั้นสู้เค้าล่ะ"

จู: ก็เลยคิดว่าพอถึงเวลาจริงเรนะจังจะไม่ได้อยู่ด้วย เมื่องานเลือกตั้งจบลงก็คุยกับมาซานะ แต่ระหว่างที่คุยกันอยู่ดีๆน้ำตามันก็ไหลออกมา ตอนนั้นเองเรนะจังก็โผล่มา...

เร: "เหนื่อยหน่อยนะ" แบบนี้เลย
(สองคนหัวเราะ)

จู: ฉันถามเธอว่า "ทำไมมานี่ได้ล่ะ?"

เร: ฉันไม่คิดว่าจูรินะจะเป็นแบบนั้น พอเห็นจูรินะกับมาซานะกำลังเดินอยู่ก็เลยเข้าไปคุยด้วยแบบสบายๆ แล้วจูรินะก็ "อุว้าาาา" ร้องไห้ออกมา ไม่นึกว่าจะทำให้เธอร้องไห้ ทำไงดีล่ะ? ประมาณนั้นค่ะ

จู: เรนะจังเหมือนคุณแม่เลยค่ะ เพราะอันดับตกลงมาอยู่ที่ 5 เลยไม่ค่อยพอใจ ในใจก็ยังมีความคิดที่ว่า "เพื่อเรนะจังกับ SKE48ต้องคว้าตำแหน่งมาให้ได้" ก็เลยบอกไปว่า "เจ็บใจชะมัด" เรนะจังก็ตอบกลับมาว่า
"ไม่เป็นไรนะ มันเป็นอันดับที่ฉันได้เมื่อปีที่แล้ว คิดและมองจากมุมที่ฉันเคยมองแล้วพยายามกันเถอะ" ไม่ไหวจริงๆ...เล่นมาพูดกับฉันแบบนี้...ฮือๆๆๆๆ

- จูรินะซังอย่าเพิ่งร้องไห้นะครับ

จู: ขนาดตอนนี้ยังจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลยค่ะ

- แต่เรนะซังกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เร: ตั้งแต่ตอนที่เจอฉันก็ "อุว้าาา" ร้องไห้แงแบบนั้นมันตลกดีค่ะ "ร้องไห้หนักมาก" (หัวเราะ) รู้สึกว่าน่ารักมากเลยล่ะ
เหมือนว่าได้ "แกล้งคนสำเร็จแล้ว!" เลยค่ะ แต่ว่าที่ร้องไห้ไม่ยอมหยุดเนี่ยก็แย่เหมือนกัน

จู: สุดท้ายซาเอะจังมาช่วยฉันล่ะ ชูริกับคาโอตัน พวกรุ่นน้องก็เข้ามาปลอบ "จูรินะซัง ไม่เป็นไรนะ" ปลอบฉันไปพลางพาฉันไปงานแถลงข่าว

---------------------
"ได้ยินว่าจะจบการศึกษาก็เกือบหายใจไม่ออก"
---------------------

- มีความเห็นยังไงกับการประกาศจบการศึกษาของเรนะซังบ้างครับ?

จู: เรนะจังน่ะกะว่าจะไม่ยอมบอกใครเลยมั้ง?

เร: กะว่าจะบอกรุ่น 1 นั่นแหละ แต่ว่าหลังจากงานเลือกตั้งสภาพจูรินะก็เป็นอย่างนั้น เลยคิดว่า "คงไม่ใช่เวลาที่ควรบอกเนอะ" ตอนที่กำลังปวดหัวกับเรื่องนี้ Nikkan ก็เอามาออกข่าวแล้ว

จู: (หัวเราะ)

เร: เลยคิดว่าไม่บอกคงไม่ได้แล้วมั้ง ต่อมาหลังจากที่รู้เรื่องข่าว ก่อนที่หนังสือพิมพ์จะออกคืนนั้นก็ได้คุยโทรศัพท์กับจูรินะค่ะ

จู: ยังดีนะที่มาบอกฉัน ถ้าไม่บอกฉันคงโกรธมากแน่ๆ ฉันเลยรีบโทรไปหาค่ะ

- คุยกันว่าอะไรบ้างครับ?

เร: ร้องไห้หนักมาก....

จู: เหมือนจะหายใจไม่ออกเลย

เร:ใส่อารมณ์มากกว่าฉันอีก

จู: แม้จะเข้าใจว่าเพราะเป็นห่วงฉันเลยไม่บอก ได้รับรู้ถึงความอ่อนโยนของเรนะจัง แต่จริงๆเรื่องจบการศึกษาเนี่ยก็พอจะรู้สึกได้บ้างอยู่แล้ว เพราะว่าฉันคอยมองเรนะจังมาตลอด ก็เลยพอจะรู้สึกได้จากท่าทางและคำพูด
ฉันพูดกับมาซานะว่า "ไม่ใช่ว่าใกล้แล้วเหรอ?" มาซานะกลับบอกว่า "ยังไม่มีเรื่องแบบนี้หรอกน่า" (หัวเราะ)

เร: ก่อนหน้านั้นไม่นานมาซานะมาถามฉันว่า "เรนะจะจบการศึกษาเมื่อไหร่เหรอ?" ก็รู้สึกว่า "ที่แท้ทุกคนก็รู้สึกได้สินะ?" แม้ว่าวันที่จะจบการศึกษาก็ถูกกำหนดแล้วแต่เพราะว่า "ยังไม่มีใครบอก OK" เลย ตอบมาซานะไปแบบผ่านๆ

จู: จากนั้นมาซานะมาคุยกับฉันอย่างดีใจ "เรนะบอกว่ายังไม่จบการศึกษาล่ะ" แต่ฉันกลับรู้สึกว่า "คงจะจบแล้วล่ะมั้ง..."

เร: แล้วมาซานะก็โกรธมากเลย "ที่แท้ก็โกหกกันนี่ แย่ที่สุด!" (หัวเราะ)

[ต่อ]
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่