นี่เป็นโพสแรกหลังจากที่แอบตามอ่านแบบโนเนมอย่างเดียว ถ้าเขียนอะไรผิดพลาด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
มีคนเคยบอกว่า
"การประสบความสำเร็จนั้นดีมาก แต่มันโคตรจะดีถ้าเราสำเร็จในสิ่งที่มันใช่"
เชื่อว่าบางคนคงเคยประสบ หรืออาจจะกำลังประสบปัญหาว่า จริงๆแล้วเนี่ย ตัวชั้นชอบอะไรนะ?
งานอะไรที่ชั้นชอบ แฟชั่นแบบไหนที่ชั้นชอบจริงๆ หรืองานอดิเรกที่ชั้นชอบจริงๆเนี่ยมันคืออะไรกันน่ะ
เราเป็นคนหนึ่งที่เคยประสบปัญหานี้ค่ะ
เราทำงานด้านออกแบบ จบมาก็ทำงานค่อนข้างตรงสายค่ะเป็นงานออกแบบแต่เน้นไปทางโปรดัคและตกแต่งภายใน
แต่ทว่า...วันหนึ่งก็เกิดเหตุขึ้นจนได้
วันที่เรารู้สึกว่า อะไรอะวันจันทร์อีกแล้วเหรอ ต้องตื่นไปทำงานอีกแล้วหรอ ไม่อยากไปทำงาน
พอไปทำงานก็ทำแบบไม่มีแรงใจ ใครให้ทำอะไรก็ทำ เหมือนความสนุกในชีวิตของเราหายไปไหนกัน
ช่วงเวลานั้นเรารู้สึกว่าเราเป็นซอมบี้มากๆค่ะ เราเหมือนทำความสนุกในชีวิตหายไป Passion มันหายไป ไม่มีชีวิตชีวา
รู้แค่ว่า ที่เป็นอยู่ตอนเนี่ยมันไม่ใช่ละอะ
อ้าว... แล้วจริงๆแล้วเราชอบอะไรล่ะ ????
ถามเข้าไปในใจตัวเอง....
คำตอบที่ได้ยินมาคือ ...... ไม่รู้ว่ะ นั่นดิแล้วเราชอบอะไร????? แล้วที่ทำอยู่นี่มัน เหมาะกับเราไหม?
พอรู้แบบนั้นเราก็พยายามหาตัวเองค่ะ หาว่าจริงๆแล้วเราชอบอะไร ชอบวาดรูปหรอ หรือชอบอันนี้แหละแค่เราเบื่อ
เรายังคงทำงานที่เดิม พยายามลองพิกแพลง แต่แล้วมันก็รู้สึกเหมือนเดิม จริงๆแล้วเราทำได้งานที่นี่นะ เรายังคงตั้งใจทำงานของบริษัทนี้
แต่เราเชื่อว่าหากมันมีงานที่ใช่ และเราก็สนุกกับมัน มันคงจะสุดยอดเลยล่ะ
เพราะนั่นหมายความว่าทุกอย่างที่เราทำตลอดเวลามันคือความสุข
และแล้ววันแห่งการรอคอยก็มาถึง...
วันนี้แหละที่เราค้นพบ
เราใช้เวลาหาคำตอบให้ตัวเอง 2 ปี แต่สุดท้ายคำตอบมันออกมาจากการที่เราลองคุยกับตัวเองเพียง 2 วัน
เราเลยอยากเอาวิธีนี้มาแชร์ต่อ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับใครอีกหลายๆคนนะคะ
ไม่ว่าจะอยากหาคำตอบเรื่องงานที่ตัวเองชอบ งานอดิเรกที่มันใช่ หรือจะเป็นสไตล์ของตัวตนเราที่แท้จริง
(เราขออนุญาติยกเคสวิธีทำให้ดูในตัวอย่างความชอบของเราเลยละกันนะคะ)
วิธีการมีดังนี้
1. ให้เราเขียนสิ่งที่เราชอบหรือไม่ชอบออกมาแล้วทำ Mind Map
เราเขียนสิ่งที่เราชอบและไม่ชอบเป็นรายการ 2 ฝั่งค่ะ คือสิ่งที่เราชอบและสิ่งที่เราไม่ชอบ
โดยให้เราเขียนตารางว่างๆแล้วเขียนสิ่งที่นึกออกลงไป ไม่จำเป็นต้องเขียนในด้านสิ่งที่เราชอบทั้งหมด เพราะบางครั้งคำตอบมันอยู่ในอีกช่องตรงข้าม
อ่ะ.. งงไหม? งงล่ะสิ อย่างพึ่งตกใจ เรามีภาพประกอบเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจค่ะ
จะเห็นได้ว่าจากที่เราเริ่มทำตารางมาแล้ว เราจะได้ Keywords มากมายจากช่องของสิ่งที่เราชอบค่ะ
เมื่อเราได้ Keywords มาแล้ว ให้เราเลือก Keywords ที่ตรงกับเราจริงๆ มีผลกับเราจริงๆมากกว่า 50%
ทำไมถึงต้องเลือกเอาแค่ Keywords บางตัว เพื่อเป็นการย่นระยะเวลาให้คุณได้กรองข้อมูลที่เกี่ยวข้องจริงๆแทนที่จะดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคุณแค่ 10% ค่ะ
เมื่อได้ Keywords แล้วให้เราเอาKeywords ที่หามาได้มาดึงข้อมูลเชิงลึกต่อค่ะ วิธีดึงข้อมูลเชิงลึกในที่นี้ก็คือ Mind Map ค่ะ
ให้เราเขียนสิ่งที่เรานึกได้จากการคิด Keywords แต่ละคำออกมาแตกข้อมูลย่อย จากนั้นก็หาตัว Keywords ที่แท้จริงค่ะ
ดูตัวอย่างการทำ Mind Map ข้างล่างเลยนะจ๊ะ
ทีนี้เราจะได้ข้อมูลที่เราแตกออกมาแล้วค่ะ ให้เรานำข้อมูลเหล่านี้มาจัดหมวดหมู่ ทำการวิเคราะห์ และทำการสรุปเพื่อเอาข้อมูลนี้มาคุยกับตัวเองว่า มันใช่เราไหม และของข้อมูลที่เรานำมาสรุปและวิเคราะห์จะได้ดังนี้ค่ะ
นี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่พอจะเป็นแนวทางช่วยให้คุณคุยกับตัวเองเพื่อหาตัวเองได้ง่ายขึ้นนะคะ
ตอนที่เราหาตัวเองผลออกมาคือออกแบบแฟชั่น และ เล่นดนตรี ตอนนั้นเราไม่รู้เลยค่ะว่าจริงๆแล้วเนี่ยอันไหนมันเหมาะกับเรากว่า มันจะเข้าท่าไหม แต่เกิดคำถามลังเลแบบนี้แล้วไม่ไปต่อก็ไม่ได้ละล่ะ เพราะกลับไปนั่งทำงานเดิมเรารู้สึกเหมือนเราเป็น Robot ไปแล้ว มันไม่สนุกเลย ไปดูหน้างานก็รู้สึกเบื่อ สรุปคือเบื่อไปหมด มันคงดีและดีมากแน่ๆถ้าเราได้ทำสิ่งที่ใช่สิ่งที่เราสนใจและตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่
ทีนี้ ผลที่เราทำออกมาได้มีสองอัน แล้วจะเอาอันไหนดีล่ะเนี่ย
"วิธีแก้ปัญหาหลังจากเลือกไม่ได้ว่าอันไหนดีกว่าคือ… ลงมือทำมันทั้งคู่"
ตอนนั้นเราไม่แน่ใจค่ะว่าเลือกทางไหนจะดีกว่า ตัดสินใจที่จะ ตัดทางถอย
เราไปลงเรียนแฟชั่นและกีต้าร์พร้อมๆกัน จริงๆคือ มันสนุกอะสนุกมาก ทั้งคู่เลย
ทีนี้ก็มาวิเคราะห์ว่าเราให้ % ทางไหนมากกว่ากัน ผลของเราคือเราตัดสินใจให้%ทางแฟชั่นเยอะกว่า
และไปลงเรียนการทำแฟชั่นทุกกระบวนการเป็นเวลา 2 ปี แต่มีโอกาสก็ทักจะเอากีต้าร์มาเล่นเสมอๆ
สรุปคือ วิธีนี้เราแค่ดึงเสียงภายในตัวเองออกมากระจายออกและหาอันที่ใช่จริงๆ ให้เวลาตัวเองทำลงในกระดาษ คุยกับตัวเองออกมา เพราะบางทีเราไม่รู้หรอกค่ะถ้าเราคิดเฉยๆ สมองเรามีเรื่องเยอะแยะมากมาย เราควรค่อยๆคุยกับตัวเองเป็นขั้นตอนไป อาจจะมีขั้นตอนเยอะหน่อย แต่เราว่ามันทำให้เราชัดเจนขึ้นนะคะวิธีนี้
ทีนี้ เรามาดูวิธีที่ 2 อันต่อเลยค่ะ
2. ตามหาตัวเองจาก Idol ที่เราชอบ และหาว่าสิ่งที่เราประทับใจในแต่ละคนคืออะไร
อย่าง Idol ของเราจะมี 3 คนค่ะ
1.Zaha Hadid : คนนี้เป็นสถาปนิกและนักออกแบบชาวอิรัก-อังกฤษ สิ่งที่เราประทับใจก็คือ ผลงานของเธอที่ดูแล้วเป็นโลกอนาคต ความเป็น Free form งานที่หลุดออกจากความเป็นจริงที่ว่าหลายๆสิ่งที่เป็น function จะอยู่ในรูปแบบที่เป็น geometric วิธีคิดและการสร้างสรรค์งานของ Zaha Hadid นี่ที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆค่ะ สำหรับเราที่คลั่งงานแนวนี้อยู่แล้วพอเห็นงานของเธอทีไร ใจเต้นทุกทีเลยค่ะ รู้สึกว่านี่แหละ ใช่มากๆ
2. คุณบัณฑิต อึ้งรังษี : คนนี้เป็นคนไทยที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆค่ะ เป็น Conductor ไทยที่คุมวงฝรั่ง เป็นคนที่มีแรงขับเคลื่อนในการดำรงชีวิตมากๆ แค่ได้ฟัง ได้อยู่ใกล้ก็รู้สึกถึงพลังเต็มเปี่ยม และนอกจากด้านดนตรีแล้ว คุณบัณฑิตยัง เป็นผู้ขับเคลื่อนคนให้ชีวิตสำเร็จในชีวิตอีกด้วยค่ะ
3. Lee Mcqueen : ผลงานของ Lee Mcqueen ยังคงติดตรึงอยู่ในความรู้สึกของเรามาตลอดค่ะถึงแม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม สิ่งที่เราประทับใจในตัวเขาก็คือ วิธีการคิด Concept งานแต่ละงานของเขา มันไม่ธรรมดา เขาสามารถส่งผ่านความรู้สึกในงานถึงผู้ชมที่ชมงาน Fashion Show ของเขาได้แบบกินขาดมากๆ มีการกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกหลายๆครั้งทีได้ดูโชว์ของ Alexander Mcqueen และที่เราชอบงานของเขาเพราะว่างานของเขาจะมีลักษณะที่เป็น Romantic + Art เน้นการสื่อ inner และ concept แต่ละอันผ่านการนำเสนอที่ผู้ชมสามารถอินไปกับงานเหล่าน้นได้ เอกลักษณ์ของงานเขายังเป็นเรื่องของดีเทล งานปริ้นกราฟฟิคลงบนผ้าและการนำเสนอที่ยิ่งใหญ่และฉีกอารมณ์
สรุปสิ่งที่ประทับใจในตัว Idol ทั้ง 3 คน
- Zaha hadid : ความเป็น Post modern , การคิด form ที่หลุดจากเดิม, ความเป็นscifi , การฉีกกฏเกณฑ์เดิมๆ
- คุณบัณฑิต อึ้งรังษี : ความเก่ง,ความมุ่งมั่น,การที่ส่งพลังขับเคลื่อนให้แก่ผู้อื่น,การใช้ชีวิตให้คุ้มและมีแรงบันดาลใจ,ความเป็น Family man
- Lee Mcqueen : ความเป็นศิลปะในการนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่กระบวนการคิด ระบบการทำงาน ชิ้นงาน การนำเสนอ , ความเป็น romantic แต่มีความเป็นศิลปะและที่สำคัญคือการทำงานอย่างมีกระบวนการที่สามารถส่ง concept ของงานผ่านทางโชว์ที่ทำให้คนดูมี inner ร่วมได้อย่างฉีกแนวมากๆ , ความแปลกใหม่ของดีเทลในงานแฟชั่น ถึงแม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้วแต่ก็ได้สร้างแบรนด์ Alexander Mcqueen ที่ยังคงครองใจผู้คนได้มากมายอยู่ดี
สรุป วิธีที่ 2 จะเป็นการดึงสิ่งประทับในของเราที่มีต่อ idol แต่ละคนค่ะว่าเพราะอะไร ทำไมเราถึงชอบ และนั่นคือ keyword ที่ทำให้เรารู้ว่า นั้นล่ะอาจจะเป็นสไตล์งานหรืออาชีพที่เราสนใจและเป็นตัวเราค่ะ
วิธีสุดท้าย วิธีที่ 3 : การหาจังหวะการซ้ำกันของสิ่งที่ชอบ (เหมาะกับการหาสไตล์ตัวเอง)
อีกหนึ่งวิธีที่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ตามหาสไตล์ของตัวเองก็คือ การหาภาพจังหวะที่ซ้ำกัน
วิธีการมีดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : หาภาพสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างละ 20 ภาพ โดยแบ่งเป็นกลุ่มๆ
ในขั้นตอนนี้ให้แยกหมวดหมู่ตามอาชีพที่ตัวเองต้องการจะค้นหาสไตล์ที่แน่ชัด เช่น อยากรู้สไตล์แฟชั่นที่เราชอบ ก็ให้เราหารูปแฟชั่นที่เราชอบมา 20 รูป , อยากรู้สไตล์งานอาคารและโครงสร้างสถาปัตกรรม ให้หารูปงานสถาปัตกรรมมา20 , อยากรู้งานอดิเรกที่เราสนใจจริงๆก็หารูปที่เราชอบมา 20 รูป
ขั้นตอนที่ 2 : หา keywords ที่รูปภาพแสดงซ้ำกันมากที่สุด
นี่เป็นตัวอย่างการหาภาพมาภาพแล้วจัดการหา Keywords
เราลงให้ดูเป็นตัวอย่างแต่ที่เราเอามาให้ดูอาจจะไม่ครบ 20 ภาพนะคะ
จากภาพจะสรุป keywords ได้คือ
– ภาพที่มีดีเทลเยอะ = 17
– ภาพที่สีสด = 10
– ภาพที่ออกทางแฟนตาซี = 7 รูป
– ภาพที่ดูแล้วให้อารมณ์ sci fi = 5
จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์แล้วลองถามตัวเองว่า เหล่านี้ใช่เราไหม? และเพื่อความมั่นใจว่าใช่จริงๆ ให้ลองลงมือทำมันเลยค่ะ การปฏิบัติจริงๆจะทำให้เรารู้ เมื่อเราลงไปสัมผัสกับมันจริงๆแล้วเรายังชอบอยู่ไหม หรือเป็นแค่สิ่งที่เราคิดว่าชอบ คิดว่าใช่
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการที่เราใช้จากการพยายามหาวิธีต่างๆในการหาตัวเองในช่วงสองปีนั้นที่หาตัวเองค่ะ คือพยายามทำทุกทางมากๆเพราะว่าเราอึดอัดกับตัวเองจริงๆที่เราอยู่ในภาวะแบบนั้น และวันนี้เราตั้งใจและอยากจะมาแบ่งปันวิธีเหล่านี้ค่ะ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคน
สุดท้ายนี้อยากฝากถึงผู้อ่านกระทู้นี้ว่า
" การทำงานสำเร็จเป็นสิ่งที่ดี
แต่สิ่งที่ดีมากๆคือสำเร็จในสิ่งที่เรารัก
เพราะเราจะได้ทำสิ่งที่เรารักอยู่ตลอดเวลา "
หากโพสวันนี้เราผิดพลาดตรงไหนต้องขอโทษและขอคำแนะนำจากเพื่อนๆพี่ๆ น้องๆด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
มาอัพเดทให้ค่ะหลังจากมีเพื่อนๆและผู้สนใจเรื่องวิธีทำ Mind Map เราพึ่งทำเสร็จและลงไว้ที่กระทู้นี้แล้วนะคะ
http://ppantip.com/topic/34098611
วิธีตามหางานที่ใช่หรือสไตล์ที่แท้จริงของตัวเอง
มีคนเคยบอกว่า
"การประสบความสำเร็จนั้นดีมาก แต่มันโคตรจะดีถ้าเราสำเร็จในสิ่งที่มันใช่"
เชื่อว่าบางคนคงเคยประสบ หรืออาจจะกำลังประสบปัญหาว่า จริงๆแล้วเนี่ย ตัวชั้นชอบอะไรนะ?
งานอะไรที่ชั้นชอบ แฟชั่นแบบไหนที่ชั้นชอบจริงๆ หรืองานอดิเรกที่ชั้นชอบจริงๆเนี่ยมันคืออะไรกันน่ะ
เราเป็นคนหนึ่งที่เคยประสบปัญหานี้ค่ะ
เราทำงานด้านออกแบบ จบมาก็ทำงานค่อนข้างตรงสายค่ะเป็นงานออกแบบแต่เน้นไปทางโปรดัคและตกแต่งภายใน
แต่ทว่า...วันหนึ่งก็เกิดเหตุขึ้นจนได้
วันที่เรารู้สึกว่า อะไรอะวันจันทร์อีกแล้วเหรอ ต้องตื่นไปทำงานอีกแล้วหรอ ไม่อยากไปทำงาน
พอไปทำงานก็ทำแบบไม่มีแรงใจ ใครให้ทำอะไรก็ทำ เหมือนความสนุกในชีวิตของเราหายไปไหนกัน
ช่วงเวลานั้นเรารู้สึกว่าเราเป็นซอมบี้มากๆค่ะ เราเหมือนทำความสนุกในชีวิตหายไป Passion มันหายไป ไม่มีชีวิตชีวา
รู้แค่ว่า ที่เป็นอยู่ตอนเนี่ยมันไม่ใช่ละอะ
อ้าว... แล้วจริงๆแล้วเราชอบอะไรล่ะ ????
ถามเข้าไปในใจตัวเอง....
คำตอบที่ได้ยินมาคือ ...... ไม่รู้ว่ะ นั่นดิแล้วเราชอบอะไร????? แล้วที่ทำอยู่นี่มัน เหมาะกับเราไหม?
พอรู้แบบนั้นเราก็พยายามหาตัวเองค่ะ หาว่าจริงๆแล้วเราชอบอะไร ชอบวาดรูปหรอ หรือชอบอันนี้แหละแค่เราเบื่อ
เรายังคงทำงานที่เดิม พยายามลองพิกแพลง แต่แล้วมันก็รู้สึกเหมือนเดิม จริงๆแล้วเราทำได้งานที่นี่นะ เรายังคงตั้งใจทำงานของบริษัทนี้
แต่เราเชื่อว่าหากมันมีงานที่ใช่ และเราก็สนุกกับมัน มันคงจะสุดยอดเลยล่ะ
เพราะนั่นหมายความว่าทุกอย่างที่เราทำตลอดเวลามันคือความสุข
และแล้ววันแห่งการรอคอยก็มาถึง...
วันนี้แหละที่เราค้นพบ
เราใช้เวลาหาคำตอบให้ตัวเอง 2 ปี แต่สุดท้ายคำตอบมันออกมาจากการที่เราลองคุยกับตัวเองเพียง 2 วัน
เราเลยอยากเอาวิธีนี้มาแชร์ต่อ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับใครอีกหลายๆคนนะคะ
ไม่ว่าจะอยากหาคำตอบเรื่องงานที่ตัวเองชอบ งานอดิเรกที่มันใช่ หรือจะเป็นสไตล์ของตัวตนเราที่แท้จริง
(เราขออนุญาติยกเคสวิธีทำให้ดูในตัวอย่างความชอบของเราเลยละกันนะคะ)
วิธีการมีดังนี้
1. ให้เราเขียนสิ่งที่เราชอบหรือไม่ชอบออกมาแล้วทำ Mind Map
เราเขียนสิ่งที่เราชอบและไม่ชอบเป็นรายการ 2 ฝั่งค่ะ คือสิ่งที่เราชอบและสิ่งที่เราไม่ชอบ
โดยให้เราเขียนตารางว่างๆแล้วเขียนสิ่งที่นึกออกลงไป ไม่จำเป็นต้องเขียนในด้านสิ่งที่เราชอบทั้งหมด เพราะบางครั้งคำตอบมันอยู่ในอีกช่องตรงข้าม
อ่ะ.. งงไหม? งงล่ะสิ อย่างพึ่งตกใจ เรามีภาพประกอบเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจค่ะ
จะเห็นได้ว่าจากที่เราเริ่มทำตารางมาแล้ว เราจะได้ Keywords มากมายจากช่องของสิ่งที่เราชอบค่ะ
เมื่อเราได้ Keywords มาแล้ว ให้เราเลือก Keywords ที่ตรงกับเราจริงๆ มีผลกับเราจริงๆมากกว่า 50%
ทำไมถึงต้องเลือกเอาแค่ Keywords บางตัว เพื่อเป็นการย่นระยะเวลาให้คุณได้กรองข้อมูลที่เกี่ยวข้องจริงๆแทนที่จะดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคุณแค่ 10% ค่ะ
เมื่อได้ Keywords แล้วให้เราเอาKeywords ที่หามาได้มาดึงข้อมูลเชิงลึกต่อค่ะ วิธีดึงข้อมูลเชิงลึกในที่นี้ก็คือ Mind Map ค่ะ
ให้เราเขียนสิ่งที่เรานึกได้จากการคิด Keywords แต่ละคำออกมาแตกข้อมูลย่อย จากนั้นก็หาตัว Keywords ที่แท้จริงค่ะ
ดูตัวอย่างการทำ Mind Map ข้างล่างเลยนะจ๊ะ
ทีนี้เราจะได้ข้อมูลที่เราแตกออกมาแล้วค่ะ ให้เรานำข้อมูลเหล่านี้มาจัดหมวดหมู่ ทำการวิเคราะห์ และทำการสรุปเพื่อเอาข้อมูลนี้มาคุยกับตัวเองว่า มันใช่เราไหม และของข้อมูลที่เรานำมาสรุปและวิเคราะห์จะได้ดังนี้ค่ะ
นี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่พอจะเป็นแนวทางช่วยให้คุณคุยกับตัวเองเพื่อหาตัวเองได้ง่ายขึ้นนะคะ
ตอนที่เราหาตัวเองผลออกมาคือออกแบบแฟชั่น และ เล่นดนตรี ตอนนั้นเราไม่รู้เลยค่ะว่าจริงๆแล้วเนี่ยอันไหนมันเหมาะกับเรากว่า มันจะเข้าท่าไหม แต่เกิดคำถามลังเลแบบนี้แล้วไม่ไปต่อก็ไม่ได้ละล่ะ เพราะกลับไปนั่งทำงานเดิมเรารู้สึกเหมือนเราเป็น Robot ไปแล้ว มันไม่สนุกเลย ไปดูหน้างานก็รู้สึกเบื่อ สรุปคือเบื่อไปหมด มันคงดีและดีมากแน่ๆถ้าเราได้ทำสิ่งที่ใช่สิ่งที่เราสนใจและตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่
ทีนี้ ผลที่เราทำออกมาได้มีสองอัน แล้วจะเอาอันไหนดีล่ะเนี่ย
"วิธีแก้ปัญหาหลังจากเลือกไม่ได้ว่าอันไหนดีกว่าคือ… ลงมือทำมันทั้งคู่"
ตอนนั้นเราไม่แน่ใจค่ะว่าเลือกทางไหนจะดีกว่า ตัดสินใจที่จะ ตัดทางถอย
เราไปลงเรียนแฟชั่นและกีต้าร์พร้อมๆกัน จริงๆคือ มันสนุกอะสนุกมาก ทั้งคู่เลย
ทีนี้ก็มาวิเคราะห์ว่าเราให้ % ทางไหนมากกว่ากัน ผลของเราคือเราตัดสินใจให้%ทางแฟชั่นเยอะกว่า
และไปลงเรียนการทำแฟชั่นทุกกระบวนการเป็นเวลา 2 ปี แต่มีโอกาสก็ทักจะเอากีต้าร์มาเล่นเสมอๆ
สรุปคือ วิธีนี้เราแค่ดึงเสียงภายในตัวเองออกมากระจายออกและหาอันที่ใช่จริงๆ ให้เวลาตัวเองทำลงในกระดาษ คุยกับตัวเองออกมา เพราะบางทีเราไม่รู้หรอกค่ะถ้าเราคิดเฉยๆ สมองเรามีเรื่องเยอะแยะมากมาย เราควรค่อยๆคุยกับตัวเองเป็นขั้นตอนไป อาจจะมีขั้นตอนเยอะหน่อย แต่เราว่ามันทำให้เราชัดเจนขึ้นนะคะวิธีนี้
ทีนี้ เรามาดูวิธีที่ 2 อันต่อเลยค่ะ
2. ตามหาตัวเองจาก Idol ที่เราชอบ และหาว่าสิ่งที่เราประทับใจในแต่ละคนคืออะไร
อย่าง Idol ของเราจะมี 3 คนค่ะ
1.Zaha Hadid : คนนี้เป็นสถาปนิกและนักออกแบบชาวอิรัก-อังกฤษ สิ่งที่เราประทับใจก็คือ ผลงานของเธอที่ดูแล้วเป็นโลกอนาคต ความเป็น Free form งานที่หลุดออกจากความเป็นจริงที่ว่าหลายๆสิ่งที่เป็น function จะอยู่ในรูปแบบที่เป็น geometric วิธีคิดและการสร้างสรรค์งานของ Zaha Hadid นี่ที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆค่ะ สำหรับเราที่คลั่งงานแนวนี้อยู่แล้วพอเห็นงานของเธอทีไร ใจเต้นทุกทีเลยค่ะ รู้สึกว่านี่แหละ ใช่มากๆ
2. คุณบัณฑิต อึ้งรังษี : คนนี้เป็นคนไทยที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆค่ะ เป็น Conductor ไทยที่คุมวงฝรั่ง เป็นคนที่มีแรงขับเคลื่อนในการดำรงชีวิตมากๆ แค่ได้ฟัง ได้อยู่ใกล้ก็รู้สึกถึงพลังเต็มเปี่ยม และนอกจากด้านดนตรีแล้ว คุณบัณฑิตยัง เป็นผู้ขับเคลื่อนคนให้ชีวิตสำเร็จในชีวิตอีกด้วยค่ะ
3. Lee Mcqueen : ผลงานของ Lee Mcqueen ยังคงติดตรึงอยู่ในความรู้สึกของเรามาตลอดค่ะถึงแม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม สิ่งที่เราประทับใจในตัวเขาก็คือ วิธีการคิด Concept งานแต่ละงานของเขา มันไม่ธรรมดา เขาสามารถส่งผ่านความรู้สึกในงานถึงผู้ชมที่ชมงาน Fashion Show ของเขาได้แบบกินขาดมากๆ มีการกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกหลายๆครั้งทีได้ดูโชว์ของ Alexander Mcqueen และที่เราชอบงานของเขาเพราะว่างานของเขาจะมีลักษณะที่เป็น Romantic + Art เน้นการสื่อ inner และ concept แต่ละอันผ่านการนำเสนอที่ผู้ชมสามารถอินไปกับงานเหล่าน้นได้ เอกลักษณ์ของงานเขายังเป็นเรื่องของดีเทล งานปริ้นกราฟฟิคลงบนผ้าและการนำเสนอที่ยิ่งใหญ่และฉีกอารมณ์
สรุปสิ่งที่ประทับใจในตัว Idol ทั้ง 3 คน
- Zaha hadid : ความเป็น Post modern , การคิด form ที่หลุดจากเดิม, ความเป็นscifi , การฉีกกฏเกณฑ์เดิมๆ
- คุณบัณฑิต อึ้งรังษี : ความเก่ง,ความมุ่งมั่น,การที่ส่งพลังขับเคลื่อนให้แก่ผู้อื่น,การใช้ชีวิตให้คุ้มและมีแรงบันดาลใจ,ความเป็น Family man
- Lee Mcqueen : ความเป็นศิลปะในการนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่กระบวนการคิด ระบบการทำงาน ชิ้นงาน การนำเสนอ , ความเป็น romantic แต่มีความเป็นศิลปะและที่สำคัญคือการทำงานอย่างมีกระบวนการที่สามารถส่ง concept ของงานผ่านทางโชว์ที่ทำให้คนดูมี inner ร่วมได้อย่างฉีกแนวมากๆ , ความแปลกใหม่ของดีเทลในงานแฟชั่น ถึงแม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้วแต่ก็ได้สร้างแบรนด์ Alexander Mcqueen ที่ยังคงครองใจผู้คนได้มากมายอยู่ดี
สรุป วิธีที่ 2 จะเป็นการดึงสิ่งประทับในของเราที่มีต่อ idol แต่ละคนค่ะว่าเพราะอะไร ทำไมเราถึงชอบ และนั่นคือ keyword ที่ทำให้เรารู้ว่า นั้นล่ะอาจจะเป็นสไตล์งานหรืออาชีพที่เราสนใจและเป็นตัวเราค่ะ
วิธีสุดท้าย วิธีที่ 3 : การหาจังหวะการซ้ำกันของสิ่งที่ชอบ (เหมาะกับการหาสไตล์ตัวเอง)
อีกหนึ่งวิธีที่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ตามหาสไตล์ของตัวเองก็คือ การหาภาพจังหวะที่ซ้ำกัน
วิธีการมีดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : หาภาพสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างละ 20 ภาพ โดยแบ่งเป็นกลุ่มๆ
ในขั้นตอนนี้ให้แยกหมวดหมู่ตามอาชีพที่ตัวเองต้องการจะค้นหาสไตล์ที่แน่ชัด เช่น อยากรู้สไตล์แฟชั่นที่เราชอบ ก็ให้เราหารูปแฟชั่นที่เราชอบมา 20 รูป , อยากรู้สไตล์งานอาคารและโครงสร้างสถาปัตกรรม ให้หารูปงานสถาปัตกรรมมา20 , อยากรู้งานอดิเรกที่เราสนใจจริงๆก็หารูปที่เราชอบมา 20 รูป
ขั้นตอนที่ 2 : หา keywords ที่รูปภาพแสดงซ้ำกันมากที่สุด
นี่เป็นตัวอย่างการหาภาพมาภาพแล้วจัดการหา Keywords
เราลงให้ดูเป็นตัวอย่างแต่ที่เราเอามาให้ดูอาจจะไม่ครบ 20 ภาพนะคะ
จากภาพจะสรุป keywords ได้คือ
– ภาพที่มีดีเทลเยอะ = 17
– ภาพที่สีสด = 10
– ภาพที่ออกทางแฟนตาซี = 7 รูป
– ภาพที่ดูแล้วให้อารมณ์ sci fi = 5
จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์แล้วลองถามตัวเองว่า เหล่านี้ใช่เราไหม? และเพื่อความมั่นใจว่าใช่จริงๆ ให้ลองลงมือทำมันเลยค่ะ การปฏิบัติจริงๆจะทำให้เรารู้ เมื่อเราลงไปสัมผัสกับมันจริงๆแล้วเรายังชอบอยู่ไหม หรือเป็นแค่สิ่งที่เราคิดว่าชอบ คิดว่าใช่
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการที่เราใช้จากการพยายามหาวิธีต่างๆในการหาตัวเองในช่วงสองปีนั้นที่หาตัวเองค่ะ คือพยายามทำทุกทางมากๆเพราะว่าเราอึดอัดกับตัวเองจริงๆที่เราอยู่ในภาวะแบบนั้น และวันนี้เราตั้งใจและอยากจะมาแบ่งปันวิธีเหล่านี้ค่ะ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคน
สุดท้ายนี้อยากฝากถึงผู้อ่านกระทู้นี้ว่า
" การทำงานสำเร็จเป็นสิ่งที่ดี
แต่สิ่งที่ดีมากๆคือสำเร็จในสิ่งที่เรารัก
เพราะเราจะได้ทำสิ่งที่เรารักอยู่ตลอดเวลา "
หากโพสวันนี้เราผิดพลาดตรงไหนต้องขอโทษและขอคำแนะนำจากเพื่อนๆพี่ๆ น้องๆด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
มาอัพเดทให้ค่ะหลังจากมีเพื่อนๆและผู้สนใจเรื่องวิธีทำ Mind Map เราพึ่งทำเสร็จและลงไว้ที่กระทู้นี้แล้วนะคะ
http://ppantip.com/topic/34098611