สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวpantip
เนื่องจากว่าเพิ่งไปทำเลเซอร์แก้ไขสายตาสั้นและเอียงมา เลยอยากเอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังค่ะ กระทู้นี้ไม่มีเจตนาเชิญชวนหรือโฆษณาใดๆนะคะ
เราเริ่มต้นการเป็นสาวแว่นตอนประมาณ ม.ต้นค่ะ เป็นเด็กหน้าห้องมาตลอด พอขึ้นชั้นใหม่ครูจัดโต๊ะให้นั่งเป็นกลุ่ม ไกลจากกระดานดำมากขึ้นถึงสังเกตตัวเองว่ามองตัวหนังสือบนกระดานไม่ชัดค่ะ ไปวัดสายตาตัดแว่นเลย ซึ่งนอกจากจะสั้นแล้วยังเอียงด้วย
สายตาสั้นประมาณ 225-250 เอียง200 ดูไม่มาก แต่ถอดแว่นก็ใช้ชีวิตลำบากเหมือนกัน
ใส่คอนแทกเลนส์ก็ลำบากเพราะเป็นอาหมวยตาเล็กค่ะ แถมใส่แล้วตาแห้งจนเคยถอดคอนแทกเลนส์ไม่ออกด้วย ปล้ำกันจนตาแดงเถือกเลย มีความรู้สึกว่าการใส่คอนแทกเลนส์ค่อนข้างเสี่ยงสำหรับตัวเอง เช่นการเกิดแผลที่กระจกตาและการติดเชื้อ เลยใส่เฉพาะเวลาต้องออกงานสำคัญ นอกนั้นก็เป็นป้าแว่นตลอดจนเรียนจบและทำงาน
ตอนทำงานก็ได้รู้จักการทำเลสิค แต่ยังไม่กล้าทำเพราะกลัวผลข้างเคียง (ขี้กลัวพอสมควร55)
แต่พอพี่ชายที่สายตาสั้นประมาณ 500ไปทำแล้ว2-3ปี อาการดีเลยเริ่มสนใจ เริ่มหาข้อมูลบ้าง สุดท้ายก็ตัดสินใจทำที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งค่ะ ที่เลือกเอกชนเพราะว่าสะดวกเวลานัด สามารถนัดทำวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ได้ ราคาเทียบกับร.พ.รัฐบาล ไม่ต่างกันมาก
เมื่อคิดจะรักษาสายตาด้วยเลเซอร์ อันดับแรกต้องเตรียมพร้อมเพื่อตรวจตาก่อน
การตรวจตาประกอบด้วยวัดค่าสายตา วัดความหนากระจกตา ปริมาณน้ำตา ความดันลูกตา และหยอดยาขยายม่านตาเพื่อตรวจจอประสาทตา
ก่อนจะมาตรวจตาควรถอดคอนแทกเลนส์อย่างน้อย 3-7 วันตามแต่ชนิดคอนแทกเลนส์ ในวันตรวจห้ามขับรถ นั่งแท็กซี่หรือควรมีญาติพามาดีกว่าเพราะหลังหยอดยาขยายม่านตาแล้วภาพจะเบลอ และตาสู้แสงไม่ได้ค่ะ
หลังจากตรวจเรียบร้อยแล้วคุณหมอจะเข้ามาคุยถึงขั้นตอนการทำ และข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธี หลักๆแล้วมีอยู่สองวิธีคือ เลสิค (LASIK) กับ PRK (photorefractive keratectomy)
เราเลือกทำPRK ด้วยเหตุผลสองอย่างค่ะ หนึ่งคือ ตาเราเล็ก ถ้าทำเลสิคจะต้องมีการถ่างตาค่อนข้างมาก อาจจะต้องกรีดบริเวณหางตาให้กว้างขึ้น 1-2มม. เพื่อให้เครื่องมือสามารถตัดกระจกตาได้เรียบเป๊ะ แต่PRK ไม่ต้องถ่างขนาดนั้น(สำหรับคนตาโตหน่อยคงไม่มีปัญหาค่ะ แหะๆ)
สองคือ วิธีPRK ไม่มีการฝานกระจกตาขึ้นมาเป็นฝาก่อนยิงเลเซอร์ เพราะฉะนั้นจะไม่เสียเนื้อกระจกตามาก และกระจกตาแข็งแรงกว่าเลสิคหลังจากแผลหายสนิท เราอยากเซฟเนื้อกระจกตาไว้เผื่อภายภาคหน้า เช่นต้องทำซ้ำหรือแก่ตัวไปแล้วมีปัญหาเกี่ยวกับตา เช่นต้อกระจกที่ต้องรักษาที่กระจกตา นอกจากนี้วิธีPRK พบปัญหาตาแห้งน้อยกว่าเลสิคค่ะ
แต่ข้อเสียของPRK ก็คือ พักฟื้นนานกว่าเลสิค ควรหยุดงานอย่างน้อย 5-7วัน และสายตาจะค่อยๆปรับเข้าที่ชัดเจนที่ 1เดือน ในขณะที่เลสิค ลางาน1-3วัน และมองชัดที่ประมาณ 1สัปดาห์ อ้อ! PRKต้องหยอดยาsteroidอ่อนๆที่ตานาน2เดือนด้วยค่ะ
โดยสรุปคือPRK สบายตอนทำ แต่เห็นผลช้า และดูแลนานกว่าเลสิค
ด้วยสองเหตุผลข้างต้น เราเลือกPRKค่ะ แต่การเลือกวิธีไหนก็ต้องตัดสินใจร่วมกับคุณหมอเสมอนะคะ บางคนทำได้แค่วิธีเดียวก็มี เราโชคดีที่ทำได้ทั้งสองวิธีเลยเลือกได้
พอตกลงใจคุยกับคุณหมอแล้วนัดวัน คุณพยาบาลจะเข้ามาแนะนำการปฏิบัติตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด มีเอกสารให้อ่าน และอธิบายให้ฟังด้วย น่ารักมากๆค่ะ
วันก่อนทำPRK
แนะนำให้สระผมคืนก่อนวันทำ ตอนเช้าอาบน้ำล้างหน้าตามปกติ แต่ห้ามทาครีมหรือเครื่องสำอางบนหน้า งดฉีดน้ำหอม และทำตามคำแนะนำอื่นๆ ตามเอกสารที่ทางร.พ.ให้มา
ไปถึงโรงพยาบาล เราขอวัดสายตาอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ จากนั้นคุณพยาบาลจะพาเราไปที่เก้าอี้นอน หยอดยาฆ่าเชื้อสลับกับยาชา ระหว่างนั้นมีวิดีโอเกี่ยวกับการทำเลสิคและ PRKให้ดู ข้อมูลเหมือนกับที่คุณหมอแนะนำไปก่อนหน้านี้ แล้วคุณหมอจะเข้ามาพูดคุยอีกครั้งถึงขั้นตอนการผ่าตัด ให้ฝึกมองแสงไฟ เพราะตอนยิงเลเซอร์ตาเราต้องมองตรงนิ่งๆ ไม่หลบซ้ายหลบขวา เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะพาเราเข้าห้องผ่าตัด
ขึ้นนอนเตียงผ่าตัด
ตอนนั้นเริ่มตื่นเต้นนิดๆ เจ้าหน้าที่จะขานชื่อเราซ้ำ และแจ้งว่า"ทำการผ่าตัดโดยวิธี PRK โดยเริ่มจากตาซ้ายก่อน" เป็นการเช็คว่าคนไข้ถูกคน และผ่าตัดตรงตามข้อมูล
จากนั้นก็เริ่มการผ่าตัดค่ะ คุณหมอจะใส่เครื่องมือถ่างตาป้องกันไม่ให้คนไข้กระพริบตา ใช้เทปติดขนตาเปิดขึ้นด้านบน ให้เรามองไฟสีเขียวไว้ (แสงจ้าประมาณไฟฉายค่ะ) เช็ดกระจกตาเราจนแห้งสนิท (ไม่เจ็บแต่รู้สึกหนักๆ) จากนั้นไฟจะเปลี่ยนเป็นสีแดง คือช่วงเวลาที่ยิงเลเซอร์ ได้ยินเสียงวี้..... ตามมาด้วยกลิ่นไหม้จางๆ (อ่านแล้วไม่ต้องตกใจนะคะ55 เป็นเรื่องปกติ) ใช้เวลาประมาณ1-2นาที จากนั้นจะทำการล้างตาทำความสะอาดอีก 4นาที (นานกว่ายิงเลเซอร์อีก) เพื่อป้องกันการติดเชื้อค่ะ เสร็จแล้วจะครอบคอนแทคเลนส์ใสเอาไว้ปิดผิวกระจกตาที่ขรุขระจากการทำ คุณหมอบอกว่ากระจกตาของเราจะค่อยๆซ่อมตัวเองจากรอบนอกเข้ามาตรงกลางค่ะ ฉะนั้นช่วงเวลานี้จึงสำคัญมาก ต้องระวังอย่าให้ติดเชื้อ ไม่เช่นนั้นหากเกิดแผลเป็นขึ้นจะแก้ไขไม่ได้เลย
หลังทำเสร็จใหม่ๆ มองชัดทันทีเลยค่ะ คุณพยาบาลจะใช้ฝาครอบตาพลาสติกใสมีรูพรุนๆ ครอบตาทั้งสองข้างป้องกันเราเผลอขยี้ตาค่ะ ในวันนี้ไม่ควรฝืนใช้สายตา ควรนอนพักผ่อนไปเลย เราก็ทำตามนั้น นอนยาวเลยค่ะ
ต่อไปจะเล่าถึงสภาพหลังการทำนะคะ
วันที่1หลังทำ PRK
ตื่นขึ้นมาวันนี้ รู้สึกเคืองตามาก น้ำตาไหลตลอดเวลา ตาพร่าและสู้แสงไม่ได้เลยค่ะ แต่ยังทำอะไรไม่ได้เพราะคุณหมอห้ามแกะที่ครอบตาออกเอง ได้แต่เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาข้างนอก ไปพบคุณหมอตามนัดที่โรงพยาบาลเพื่อแกะที่ครอบตาออกและตรวจดูแผล คุณหมอบอกว่าแผลดี และให้ยาฆ่าเชื้อมาหยอด เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ถ้าเคืองตาก็ให้หยอดน้ำตาเทียม ตอนนี้ยังคงมีคอนแทคเลนส์ครอบแผลอยู่นะคะ
กลับถึงบ้านเราทำตามที่คุณหมอแนะนำทุกอย่าง ห้ามล้างหน้าและแต่งหน้า นอนสระผมไม่ให้น้ำเข้าตา และหยอดยาครบ วันนี้ยังไม่เคืองหรือปวดค่ะ แต่ก็ต้องพักสายตาอยู่ดี คุณหมอบอกว่าของจริงคือวันถัดไปค่ะ....
วันที่2หลังทำ PRK
เป็นจริงตามคำเตือนเลยค่ะ วันนี้ลืมตาไม่ขึ้น มองอะไรไม่ได้เลย ทั้งน้ำตาทั้งขี้ตาถูกผลิตออกมาตลอดเวลา โชคดีที่คุ้นชินกับบ้านตัวเองเลยหลับตาเดินได้ จำได้ว่ามีขนมปังในกระเป๋า เราใช้มือคลำๆหยิบออกมาฉีกซอง แล้วก็กินเป็นมื้อเช้า... อนาถตัวเองจริงๆ 55 วันนั้นทั้งวันเอาแต่กินกับนอน อยู่ในห้องคนเดียวเหงามาก เปิดเว็บฯ เล่นอินเตอร์เน็ตก็ไม่ได้ เป็นวันที่โทรหาทุกคนที่จำเบอร์ได้ (พยายามเดาแป้นเบอร์แล้วจิ้มเอา) เริ่มตั้งแต่คุณแม่ไปจนถึงเพื่อนๆ ค่ะ หลังจากนั้นก็เข้านอน ลุ้นว่าวันรุ่งขึ้นอาการจะเป็นยังไง
วันที่3หลังทำ PRK
หลังผ่านพายุฝน วันนี้คือวันฟ้าใสค่ะ ตื่นขึ้นมาโดยไม่เคืองตาเลย น้ำตาไม่ไหลพรากๆเหมือนวันก่อน แต่ยังมองไม่ชัดเต็มที่ค่ะถ้าอ่านหนังสือจะยังเบลออยู่ เราเลยไม่ฝืนใช้ตามากนัก ทำกับข้าวที่มีควันไม่มาก ซักผ้า รีดผ้าได้ ดีใจมากๆเลยค่ะ รอนัดหลังทำวันที่5 เพื่อถอดคอนแทคเลนส์
วันที่5 หลังทำPRK
นัดถอดคอนแทคเลนส์วันนี้ คุณหมอบอกว่าจะเคืองตา มีขี้ตามากหน่อยเพราะกระจกตายังไม่เรียบสนิทดี ให้หยอดยาฆ่าเชื้อครบ7 วัน จากนั้นเปลี่ยนเป็นหยอดยาสเตียรอยด์อ่อนๆ เช้า กลางวัน เย็นแทนเพื่อลดการอักเสบ ซึ่งต้องหยอดเป็นเวลาสองเดือนค่ะ (ถ้าทำวิธีเลสิก ไม่ต้องหยอดสเตียรอยด์) การมองเห็นจะชัดขึ้นเรื่อยๆ ใน1-2เดือน
วันนี้เป็นวันที่25 หลังทำPRK
ตามจริงคุณหมออนุญาตให้ล้างหน้า แต่งหน้ายกเว้นเปลือกตาได้ตั้งแต่สัปดาห์แรก พอพ้นสัปดาห์ที่สอง สามารถใช้เครื่องสำอางบนเปลือกตาได้ แต่จนถึงวันนี้เรายังไม่อยากทาอายแชโดว์หรือปัดมาสคาร่านัก (ทาแป้ง เขียนคิ้วจบ) อยากรอให้หายดีจริงๆก่อน เริ่มชินและเป็นมิตรกับหน้าจืดๆของตัวเองแล้ว555 ช่วงนี้เวลาออกข้างนอกต้องใส่แว่นกันแดด เลี่ยงขับรถกลางคืนเพราะยังมองเห็นแสงกระจายเวลามองไฟรถอยู่ และพยายามเลี่ยงที่ที่มีฝุ่นควัน บางวันที่ต้องขึ้นรถเมล์ก็เล่นเอาลำบากเหมือนกัน แต่สู้ค่ะ! เพื่อดวงตาของเรา ^^
นี่เป็นประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนบุคคลนะคะ การผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์มีข้อดีก็จริง แต่ข้อควรระวังและผลข้างเคียงก็มีค่ะ เช่นการติดเชื้อ การเกิดแผลเป็นที่กระจกตารบกวนการมองเห็นแบบถาวร อาการมองเห็นแสงไฟมัวเวลากลางคืน ซี่งทางคุณหมอจะให้คำแนะนำก่อนตัดสินใจ และก่อนเข้ารับการผ่าตัดจะมีเอกสารยินยอมเข้าผ่าตัดพร้อมทั้งให้เราอ่านข้อมูลเหล่านี้อีกครั้งก่อนด้วยค่ะ
ถ้าหากว่าการสวมแว่นสายตาไม่ได้รบกวนการใช้ชีวิตมากนัก และไม่อยากเสี่ยงกับผลข้างเคียง ก็แนะนำว่า "แว่นตา" นี่แหละค่ะ ปลอดภัยกับดวงตาที่สุด ^^
หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ
เมื่อหมวยแว่นอยากมองโลกด้วยตาตนเอง...ประสบการณ์ตรงจากการทำPRKเพื่อแก้ไขสายตาสั้นและเอียง
เนื่องจากว่าเพิ่งไปทำเลเซอร์แก้ไขสายตาสั้นและเอียงมา เลยอยากเอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังค่ะ กระทู้นี้ไม่มีเจตนาเชิญชวนหรือโฆษณาใดๆนะคะ
เราเริ่มต้นการเป็นสาวแว่นตอนประมาณ ม.ต้นค่ะ เป็นเด็กหน้าห้องมาตลอด พอขึ้นชั้นใหม่ครูจัดโต๊ะให้นั่งเป็นกลุ่ม ไกลจากกระดานดำมากขึ้นถึงสังเกตตัวเองว่ามองตัวหนังสือบนกระดานไม่ชัดค่ะ ไปวัดสายตาตัดแว่นเลย ซึ่งนอกจากจะสั้นแล้วยังเอียงด้วย
สายตาสั้นประมาณ 225-250 เอียง200 ดูไม่มาก แต่ถอดแว่นก็ใช้ชีวิตลำบากเหมือนกัน
ใส่คอนแทกเลนส์ก็ลำบากเพราะเป็นอาหมวยตาเล็กค่ะ แถมใส่แล้วตาแห้งจนเคยถอดคอนแทกเลนส์ไม่ออกด้วย ปล้ำกันจนตาแดงเถือกเลย มีความรู้สึกว่าการใส่คอนแทกเลนส์ค่อนข้างเสี่ยงสำหรับตัวเอง เช่นการเกิดแผลที่กระจกตาและการติดเชื้อ เลยใส่เฉพาะเวลาต้องออกงานสำคัญ นอกนั้นก็เป็นป้าแว่นตลอดจนเรียนจบและทำงาน
ตอนทำงานก็ได้รู้จักการทำเลสิค แต่ยังไม่กล้าทำเพราะกลัวผลข้างเคียง (ขี้กลัวพอสมควร55)
แต่พอพี่ชายที่สายตาสั้นประมาณ 500ไปทำแล้ว2-3ปี อาการดีเลยเริ่มสนใจ เริ่มหาข้อมูลบ้าง สุดท้ายก็ตัดสินใจทำที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งค่ะ ที่เลือกเอกชนเพราะว่าสะดวกเวลานัด สามารถนัดทำวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ได้ ราคาเทียบกับร.พ.รัฐบาล ไม่ต่างกันมาก
เมื่อคิดจะรักษาสายตาด้วยเลเซอร์ อันดับแรกต้องเตรียมพร้อมเพื่อตรวจตาก่อน
การตรวจตาประกอบด้วยวัดค่าสายตา วัดความหนากระจกตา ปริมาณน้ำตา ความดันลูกตา และหยอดยาขยายม่านตาเพื่อตรวจจอประสาทตา
ก่อนจะมาตรวจตาควรถอดคอนแทกเลนส์อย่างน้อย 3-7 วันตามแต่ชนิดคอนแทกเลนส์ ในวันตรวจห้ามขับรถ นั่งแท็กซี่หรือควรมีญาติพามาดีกว่าเพราะหลังหยอดยาขยายม่านตาแล้วภาพจะเบลอ และตาสู้แสงไม่ได้ค่ะ
หลังจากตรวจเรียบร้อยแล้วคุณหมอจะเข้ามาคุยถึงขั้นตอนการทำ และข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธี หลักๆแล้วมีอยู่สองวิธีคือ เลสิค (LASIK) กับ PRK (photorefractive keratectomy)
เราเลือกทำPRK ด้วยเหตุผลสองอย่างค่ะ หนึ่งคือ ตาเราเล็ก ถ้าทำเลสิคจะต้องมีการถ่างตาค่อนข้างมาก อาจจะต้องกรีดบริเวณหางตาให้กว้างขึ้น 1-2มม. เพื่อให้เครื่องมือสามารถตัดกระจกตาได้เรียบเป๊ะ แต่PRK ไม่ต้องถ่างขนาดนั้น(สำหรับคนตาโตหน่อยคงไม่มีปัญหาค่ะ แหะๆ)
สองคือ วิธีPRK ไม่มีการฝานกระจกตาขึ้นมาเป็นฝาก่อนยิงเลเซอร์ เพราะฉะนั้นจะไม่เสียเนื้อกระจกตามาก และกระจกตาแข็งแรงกว่าเลสิคหลังจากแผลหายสนิท เราอยากเซฟเนื้อกระจกตาไว้เผื่อภายภาคหน้า เช่นต้องทำซ้ำหรือแก่ตัวไปแล้วมีปัญหาเกี่ยวกับตา เช่นต้อกระจกที่ต้องรักษาที่กระจกตา นอกจากนี้วิธีPRK พบปัญหาตาแห้งน้อยกว่าเลสิคค่ะ
แต่ข้อเสียของPRK ก็คือ พักฟื้นนานกว่าเลสิค ควรหยุดงานอย่างน้อย 5-7วัน และสายตาจะค่อยๆปรับเข้าที่ชัดเจนที่ 1เดือน ในขณะที่เลสิค ลางาน1-3วัน และมองชัดที่ประมาณ 1สัปดาห์ อ้อ! PRKต้องหยอดยาsteroidอ่อนๆที่ตานาน2เดือนด้วยค่ะ
โดยสรุปคือPRK สบายตอนทำ แต่เห็นผลช้า และดูแลนานกว่าเลสิค
ด้วยสองเหตุผลข้างต้น เราเลือกPRKค่ะ แต่การเลือกวิธีไหนก็ต้องตัดสินใจร่วมกับคุณหมอเสมอนะคะ บางคนทำได้แค่วิธีเดียวก็มี เราโชคดีที่ทำได้ทั้งสองวิธีเลยเลือกได้
พอตกลงใจคุยกับคุณหมอแล้วนัดวัน คุณพยาบาลจะเข้ามาแนะนำการปฏิบัติตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด มีเอกสารให้อ่าน และอธิบายให้ฟังด้วย น่ารักมากๆค่ะ
วันก่อนทำPRK
แนะนำให้สระผมคืนก่อนวันทำ ตอนเช้าอาบน้ำล้างหน้าตามปกติ แต่ห้ามทาครีมหรือเครื่องสำอางบนหน้า งดฉีดน้ำหอม และทำตามคำแนะนำอื่นๆ ตามเอกสารที่ทางร.พ.ให้มา
ไปถึงโรงพยาบาล เราขอวัดสายตาอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ จากนั้นคุณพยาบาลจะพาเราไปที่เก้าอี้นอน หยอดยาฆ่าเชื้อสลับกับยาชา ระหว่างนั้นมีวิดีโอเกี่ยวกับการทำเลสิคและ PRKให้ดู ข้อมูลเหมือนกับที่คุณหมอแนะนำไปก่อนหน้านี้ แล้วคุณหมอจะเข้ามาพูดคุยอีกครั้งถึงขั้นตอนการผ่าตัด ให้ฝึกมองแสงไฟ เพราะตอนยิงเลเซอร์ตาเราต้องมองตรงนิ่งๆ ไม่หลบซ้ายหลบขวา เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะพาเราเข้าห้องผ่าตัด
ขึ้นนอนเตียงผ่าตัด
ตอนนั้นเริ่มตื่นเต้นนิดๆ เจ้าหน้าที่จะขานชื่อเราซ้ำ และแจ้งว่า"ทำการผ่าตัดโดยวิธี PRK โดยเริ่มจากตาซ้ายก่อน" เป็นการเช็คว่าคนไข้ถูกคน และผ่าตัดตรงตามข้อมูล
จากนั้นก็เริ่มการผ่าตัดค่ะ คุณหมอจะใส่เครื่องมือถ่างตาป้องกันไม่ให้คนไข้กระพริบตา ใช้เทปติดขนตาเปิดขึ้นด้านบน ให้เรามองไฟสีเขียวไว้ (แสงจ้าประมาณไฟฉายค่ะ) เช็ดกระจกตาเราจนแห้งสนิท (ไม่เจ็บแต่รู้สึกหนักๆ) จากนั้นไฟจะเปลี่ยนเป็นสีแดง คือช่วงเวลาที่ยิงเลเซอร์ ได้ยินเสียงวี้..... ตามมาด้วยกลิ่นไหม้จางๆ (อ่านแล้วไม่ต้องตกใจนะคะ55 เป็นเรื่องปกติ) ใช้เวลาประมาณ1-2นาที จากนั้นจะทำการล้างตาทำความสะอาดอีก 4นาที (นานกว่ายิงเลเซอร์อีก) เพื่อป้องกันการติดเชื้อค่ะ เสร็จแล้วจะครอบคอนแทคเลนส์ใสเอาไว้ปิดผิวกระจกตาที่ขรุขระจากการทำ คุณหมอบอกว่ากระจกตาของเราจะค่อยๆซ่อมตัวเองจากรอบนอกเข้ามาตรงกลางค่ะ ฉะนั้นช่วงเวลานี้จึงสำคัญมาก ต้องระวังอย่าให้ติดเชื้อ ไม่เช่นนั้นหากเกิดแผลเป็นขึ้นจะแก้ไขไม่ได้เลย
หลังทำเสร็จใหม่ๆ มองชัดทันทีเลยค่ะ คุณพยาบาลจะใช้ฝาครอบตาพลาสติกใสมีรูพรุนๆ ครอบตาทั้งสองข้างป้องกันเราเผลอขยี้ตาค่ะ ในวันนี้ไม่ควรฝืนใช้สายตา ควรนอนพักผ่อนไปเลย เราก็ทำตามนั้น นอนยาวเลยค่ะ
ต่อไปจะเล่าถึงสภาพหลังการทำนะคะ
วันที่1หลังทำ PRK
ตื่นขึ้นมาวันนี้ รู้สึกเคืองตามาก น้ำตาไหลตลอดเวลา ตาพร่าและสู้แสงไม่ได้เลยค่ะ แต่ยังทำอะไรไม่ได้เพราะคุณหมอห้ามแกะที่ครอบตาออกเอง ได้แต่เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาข้างนอก ไปพบคุณหมอตามนัดที่โรงพยาบาลเพื่อแกะที่ครอบตาออกและตรวจดูแผล คุณหมอบอกว่าแผลดี และให้ยาฆ่าเชื้อมาหยอด เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ถ้าเคืองตาก็ให้หยอดน้ำตาเทียม ตอนนี้ยังคงมีคอนแทคเลนส์ครอบแผลอยู่นะคะ
กลับถึงบ้านเราทำตามที่คุณหมอแนะนำทุกอย่าง ห้ามล้างหน้าและแต่งหน้า นอนสระผมไม่ให้น้ำเข้าตา และหยอดยาครบ วันนี้ยังไม่เคืองหรือปวดค่ะ แต่ก็ต้องพักสายตาอยู่ดี คุณหมอบอกว่าของจริงคือวันถัดไปค่ะ....
วันที่2หลังทำ PRK
เป็นจริงตามคำเตือนเลยค่ะ วันนี้ลืมตาไม่ขึ้น มองอะไรไม่ได้เลย ทั้งน้ำตาทั้งขี้ตาถูกผลิตออกมาตลอดเวลา โชคดีที่คุ้นชินกับบ้านตัวเองเลยหลับตาเดินได้ จำได้ว่ามีขนมปังในกระเป๋า เราใช้มือคลำๆหยิบออกมาฉีกซอง แล้วก็กินเป็นมื้อเช้า... อนาถตัวเองจริงๆ 55 วันนั้นทั้งวันเอาแต่กินกับนอน อยู่ในห้องคนเดียวเหงามาก เปิดเว็บฯ เล่นอินเตอร์เน็ตก็ไม่ได้ เป็นวันที่โทรหาทุกคนที่จำเบอร์ได้ (พยายามเดาแป้นเบอร์แล้วจิ้มเอา) เริ่มตั้งแต่คุณแม่ไปจนถึงเพื่อนๆ ค่ะ หลังจากนั้นก็เข้านอน ลุ้นว่าวันรุ่งขึ้นอาการจะเป็นยังไง
วันที่3หลังทำ PRK
หลังผ่านพายุฝน วันนี้คือวันฟ้าใสค่ะ ตื่นขึ้นมาโดยไม่เคืองตาเลย น้ำตาไม่ไหลพรากๆเหมือนวันก่อน แต่ยังมองไม่ชัดเต็มที่ค่ะถ้าอ่านหนังสือจะยังเบลออยู่ เราเลยไม่ฝืนใช้ตามากนัก ทำกับข้าวที่มีควันไม่มาก ซักผ้า รีดผ้าได้ ดีใจมากๆเลยค่ะ รอนัดหลังทำวันที่5 เพื่อถอดคอนแทคเลนส์
วันที่5 หลังทำPRK
นัดถอดคอนแทคเลนส์วันนี้ คุณหมอบอกว่าจะเคืองตา มีขี้ตามากหน่อยเพราะกระจกตายังไม่เรียบสนิทดี ให้หยอดยาฆ่าเชื้อครบ7 วัน จากนั้นเปลี่ยนเป็นหยอดยาสเตียรอยด์อ่อนๆ เช้า กลางวัน เย็นแทนเพื่อลดการอักเสบ ซึ่งต้องหยอดเป็นเวลาสองเดือนค่ะ (ถ้าทำวิธีเลสิก ไม่ต้องหยอดสเตียรอยด์) การมองเห็นจะชัดขึ้นเรื่อยๆ ใน1-2เดือน
วันนี้เป็นวันที่25 หลังทำPRK
ตามจริงคุณหมออนุญาตให้ล้างหน้า แต่งหน้ายกเว้นเปลือกตาได้ตั้งแต่สัปดาห์แรก พอพ้นสัปดาห์ที่สอง สามารถใช้เครื่องสำอางบนเปลือกตาได้ แต่จนถึงวันนี้เรายังไม่อยากทาอายแชโดว์หรือปัดมาสคาร่านัก (ทาแป้ง เขียนคิ้วจบ) อยากรอให้หายดีจริงๆก่อน เริ่มชินและเป็นมิตรกับหน้าจืดๆของตัวเองแล้ว555 ช่วงนี้เวลาออกข้างนอกต้องใส่แว่นกันแดด เลี่ยงขับรถกลางคืนเพราะยังมองเห็นแสงกระจายเวลามองไฟรถอยู่ และพยายามเลี่ยงที่ที่มีฝุ่นควัน บางวันที่ต้องขึ้นรถเมล์ก็เล่นเอาลำบากเหมือนกัน แต่สู้ค่ะ! เพื่อดวงตาของเรา ^^
นี่เป็นประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนบุคคลนะคะ การผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์มีข้อดีก็จริง แต่ข้อควรระวังและผลข้างเคียงก็มีค่ะ เช่นการติดเชื้อ การเกิดแผลเป็นที่กระจกตารบกวนการมองเห็นแบบถาวร อาการมองเห็นแสงไฟมัวเวลากลางคืน ซี่งทางคุณหมอจะให้คำแนะนำก่อนตัดสินใจ และก่อนเข้ารับการผ่าตัดจะมีเอกสารยินยอมเข้าผ่าตัดพร้อมทั้งให้เราอ่านข้อมูลเหล่านี้อีกครั้งก่อนด้วยค่ะ
ถ้าหากว่าการสวมแว่นสายตาไม่ได้รบกวนการใช้ชีวิตมากนัก และไม่อยากเสี่ยงกับผลข้างเคียง ก็แนะนำว่า "แว่นตา" นี่แหละค่ะ ปลอดภัยกับดวงตาที่สุด ^^
หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ