สวัสดีค่ะ วันนี้อยากมารีวิวประสบการณ์การทำเลนส์เสริม ICL ปล.เเรกที่มารีวิวนี้เสียเงินเองนะคะ ไม่มีสปอนใด ๆ
ก่อนอื่นขอเเนะนำตัวก่อนว่ามีปัญหาสายตาสั้นมาตั้งเเต่เด็กค่ะ ใส่เเว่นตาครั้งเเรกเลยตอน ม. 2 เเล้วก็สลับใส่ contact lens มาตลอดจนเรียนจบ เเล้วพอเริ่มทำงานก็รู้สึกว่าเวลาใส่ contact lens เเล้วมีอาการตาเเห้ง มองเห็นไม่ค่อยชัด แต่อยากสวยอ่ะเลยทน แต่นานไปเริ่มไม่ไหว จึงเริ่มกลับมาใส่เเว่นสายตาเเบบจริงจัง คือไม่ใส่ contact lens เลย ค่าสายตาก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนถึงสั้นประมาณ 400 เอียงอีก 250 ระหว่างนี้ก็มีเพื่อนหลายคนไปทำ เลสิคเพื่อเเก้ไขปัญหาสายตา เลยเริ่มหาข้อมูล เพราะไม่อยากใส่แว่นตาแล้ว หาข้อมูลไปมาเลยตกลงว่าจะไปทำ เลสิคที่ ศูนย์รักษาตาท๊อปเจริญ ปรากฏว่าพอไปตรวจกับคุณหมอตุลยา พบว่า ไม่สามารถทำเลสิคได้ค่ะ เพราะว่าเป็นโรคกระจกตาย้วย (ในใจตอนนั้นคือ อิยั่งว่ะ ฟังคุณหมออธิบายเยอะมาก ๆ เหมือนสมองเบลอๆ เเบบช็อคๆ เลยถามคุณหมอไปว่า คุณหมอค่ะ สรุปคือหนูไม่สามารถทำเลสิคได้ใช่ไหมคะ คุณหมอเลยตอบว่า ใช่ค่ะหนูไม่สามารถทำได้ ตอนนั้นคือสตั้นมาก เสียใจมากเพราะเตรียมตัวมาทำเลสิคเต็มที่ มีเเพลนหลังจากทำเลสิคเยอะแยะไปหมด) หลังจากพอรู้ตัวว่าไม่สามารถทำเลสิคได้ เพราะเป็นโรคกระจกตาย้วยเลยลองค้นหาในอินเตอร์เนตดู ว่าโรคนี้เป็นอย่างไร มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง พบว่า เห้ยมันมีวิธี คือการใส่ เลนส์เสริม ICL เลยลองเเบบหาดูหลาย ๆ ที่พบว่าราคาคือสูงมาก เพราะปกติ ทำเลสิคอารมณ์เเบบไม่เกิน 40,000-50,000 บาท เเต่เลนส์เสริมคือเเบบ เเสนปลายๆ ถึงสองเเสนกว่า เลยเเบบถอดใจ จนเวลาผ่านไปเกือบ 8 ปี ทำงานเก็บเงินได้ อยากใส่เลนส์เสริม อยากมีชีวิตที่ตื่นมาเเล้วมองเห็นเเบบชัดกับเขาบ้าง เลยเเบบหาข้อมูลการทำเลนส์เสริมอีกครั้ง จนไปเจอกับคุณหมอเปา สุจินตนา ที่โรงพยาบาลลาดพร้าว เลยสอบถามไปทางเพจ เเอดมินเเนะนำดีมาก ๆ บอกให้เรามาตรวจกับคุณหมอที่โรงพยาบาลก่อน มีการบอกค่าใช้จ่ายให้เราคร่าว ๆ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่เราโอเค เเนะนำสถานที่พักใกล้ๆ ที่รพ.ด้วย ตอบไวมาก ๆๆๆๆๆ เลยตัดสินใจนัดวันเข้าไปตรวจกับคุณหมอ
พอวันเข้ามาตรวจกับคุณหมอเปา คุณหมอใจดีมากกกกกกกกกกกกก อธิบายเราทุกอย่าง ถามตลอดว่าไม่เข้าใจตรงไหน ถามหมอได้นะคะ เดี๋ยวขอสรุปเป็นสเตปไปนะคะว่าทำอะไรบ้าง
1. วันเเรก ตรวจวัดค่าสายตาเราว่าเท่าไหร่ สามารถใส่เลนส์เสริมได้ไหม ตรวจเลือด HIV ของเราสรุปคือสามารถทำได้นะคะ ใช้เวลาตรวจประมาณครึ่งวัน
2. วันที่สองไปตรวจที่บริษัทฟิวเทค ที่เมืองทองธานี ใช้เวลาตรวจประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ มีการมัดจำเลนส์ ด้วยนะคะที่ฟิวเทค 20,000 บาทจะได้คืนวันที่เราผ่าตัดค่ะ
3. วันที่สาม กลับมาตรวจกับคุณหมอเปา ที่ รพ.ลาดพร้าวอีกที เพื่อคอนเฟริมวันนี้ใช้เวลาไม่นานค่ะ ไม่เกินครึ่งวัน
ในสามวันที่ไปตรวจ ต้องพาเพื่อนไปด้วย 1 คน นะคะเพราะมีการขยายม่านตา ซึ่งทำให้เราไม่สามารถขับรถได้ค่ะ พอตรวจเสร็จ
จากนั้นก็รอเลนส์ค่ะ แต่เนื่องจากของเราเป็นเคสที่ไม่ปกติ เป็นโรคกระจกตาย้วย ทางบริษัทที่ผลิตเลนส์ที่สวิสเขาเลยอยากให้เเน่ใจว่า สายตาเราไม่เปลี่ยนเเปลงเเล้ว เขาเลยบอกว่าให้รออย่างน้อย 3 เดือน เเล้วให้กลับมาวัดค่าใหม่ หากไม่เปลี่ยนเเปลงเขาจะอนุญาตให้มีการเคลมเลนส์ค่ะ (ปกติเลนส์ที่สั่งเขาจะเเถมมาให้อีก 1 ชุดค่ะเผื่อ accident แต่กรณีเราทางบริษัทบอกว่าหากเรายืนยันจะทำเลยไม่รอ 3 เดือน เขาจะไม่เคลมให้ค่ะ) เลยตกลงรอไปอีก 3 เดือน (เราเริ่มไปตรวจตั้งเเต่ พฤศจิกายน 63 ค่ะ) พอครบ 3 เดือนต้องไปตรวจค่าสายตาใหม่อีกรอบ ปรากฏว่า ค่าสายตาไม่มีการเปลี่ยนเเปลง เราเลยสามารถสั่งเลนส์ได้เเล้วค่ะเเต่ รอไปอีก 3 เดือน ในการสั่งเลนส์ จนเดือน มิถุนายน 64 เราถึงได้ทำการผ่าตัด โดยจะเเบ่งทำวันละ 1 ข้าง วันเเรก ทำข้างซ้าย วันที่สองทำข้างขวา วันที่สามเปิดตาทั้งสองข้าง ขอบอกว่าตอนทำตื่นเต้นมากเพราะเป็นผ่าตัดครั้งเเรกในชีวิต การเตรียมตัวคือไม่มีอะไรมากคือ ไม่เเต่งหน้าทาครีมใดๆ วันผ่าตัด เสื้อใส่ที่มีกระดุมหน้า ไปสระผมที่ร้านเพราะจะไม่ได้สระอีกนานเเค่นี้เอง วันผ่า คุณหมอก็จะหยอดยาชา ให้เรากินยาคลายกังวลก่อนทำการผ่า พอเข้าห้องผ่าก็ชิว ๆ คือไม่มีอะไร รู้สึกตึงๆ ตา หมอบอกเเค่ว่าไม่ต้องทำอะไรเลย เเพ่งมองไฟอย่างเดียว ระหว่างทำคุณหมออธิบายไปว่าจะทำอะไรเป็นขั้นต่อไปขอแค่เรามองนิ่งๆ ห้ามขยับตาหรือหัว เด็ดขาด หรือหากเป็นอะไร ต้องการขยับหัวให้บอกคุณหมอ สรุปการผ่าตัดของเราก็ผ่านไปด้วยดี หลังจากผ่าตาข้างซ้ายวันแรก คุณหมอให้ที่ครอบตามา เพื่อป้องกันเราขยี้ตาเวลานอน พอกลับไปที่พักเราก็ไม่มีอาการอะไรนะคะ แค่รู้สึกตึงๆ ตา แต่ว่าไม่ปวด แต่คุณหมอก็ให้ยา พารามาเผื่อไว้ หากปวดก็สามารถกินได้ และมียาลดความดันลูกตาให้กินได้ด้วยค่ะ พอตื่นเช้ามาก็ไปโรงพยาบาลและไปผ่าตาข้างขวา process ก็เหมือนกันเลยค่ะ พอผ่าเสร็จ เราคือครอบตา 2 ข้าง พอวันที่ 3 คือเปิดตาดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง คุณหมอจะมีการวัดความดันลูกตา ว่าขึ้นสูงไหม อยากจะบอกว่าแม้รู้สึกเหมือนเคืองๆ ตาแต่เราสามารถมองเห็นได้ชัดเจน รู้สึกแบบตื่นเต้นมากสำหรับคนที่ใส่แว่นตามาเกือบ 20 ปี วันนี้สามารถมองเห็นได้โดยไม่ใช้แว่นตา 55555 สำหรับยาคุณหมอให้ยาหยอดตา มาเป็น ยาปฏิชีวนะ หยอดทุก 4 ชั่วโมง และยา steroids หยอดทุก 2 ชั่วโมง อันนี้เรากลัวลืมมาก เลยหยอดเป็น แพทเทินเดียวกันทุกวัน จะได้ไม่สับสนเวลาค่ะ ระหว่างนี้การปฏิบัติตัวคือ ห้ามตาโดนน้ำเด็ดขาด 4-6 สัปดาห์ สระผมก็เลยไปสระร้านตลอด ไม่แต่งหน้า (โชคดีที่ช่วงนี้ใส่แมสตลอด 5555) และหยอดยาตามที่คุณหมอสั่งจนกว่าจะหมดค่ะ ง่ายมาก ชาบู หมูกระทะก็งดไปก่อน 1 เดือน พยายามงดการใช้สายตาช่วยเดือนแรก ใส่แว่นตาดำเวลาออกแดด ช่วงเดือนแรก อาการที่เราพบแบบเห็นได้ชัดมาก ๆ เลยคืออาการตาแห้ง เราปรึกษาคุณหมอ คุณหมอบอกว่าสามารถใช้ยาหยดตาได้ และหมั่นกระพริบตาบ่อยๆ พอหลังจากนั้น สองเดือนเราพบว่าอาการตาแห้งของเราหายไป อาจจะมีบ้างเวลาที่เราใช้คอมหรือเล่นมือถือเยอะ แต่โดยรวมถือว่าดีมาก ๆ แล้วไปตรวจติดตาม กับคุณหมอ 7 วัน 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน อยากบอกว่ารู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจถูกมาก ๆ ที่ไปทำเพราะทำให้การใช้ชีวิตของเราง่ายขึ้นมาก ใส่แมสก็ไม่ต้องกลัวฝ้าขึ้นที่แว่นตา เวลาเล่นกีฬาเหงือออกแว่นตาก็ไม่ไหลลงมาปลายจมูก 555 คาดว่าหากหมด โควิดนี้เวลาไปดำน้ำที่ทะเลก็จะทำให้เราสามารถดำน้ำแล้วเห็นน้องปลาในทะเลได้อย่างสวยงาม ท้ายสุดนี้ต้องขอขอบคุณคุณหมอเปามาก ๆ ที่รักษา ให้คำปรึกษา ที่ดีเสมอมา หากใครสนใจสามารถสอบถามไปที่เพจคุณหมอได้นะคะ ชื่อเพจ เลสิคหมอเปา – หมอสุจินตนา หากใครสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติมสามารถ DM มาได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
[CR] รีวิวการใส่เลนส์เสริม ICL จากคนที่ใส่เเว่นตามาเกือบ 20 ปี
ก่อนอื่นขอเเนะนำตัวก่อนว่ามีปัญหาสายตาสั้นมาตั้งเเต่เด็กค่ะ ใส่เเว่นตาครั้งเเรกเลยตอน ม. 2 เเล้วก็สลับใส่ contact lens มาตลอดจนเรียนจบ เเล้วพอเริ่มทำงานก็รู้สึกว่าเวลาใส่ contact lens เเล้วมีอาการตาเเห้ง มองเห็นไม่ค่อยชัด แต่อยากสวยอ่ะเลยทน แต่นานไปเริ่มไม่ไหว จึงเริ่มกลับมาใส่เเว่นสายตาเเบบจริงจัง คือไม่ใส่ contact lens เลย ค่าสายตาก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนถึงสั้นประมาณ 400 เอียงอีก 250 ระหว่างนี้ก็มีเพื่อนหลายคนไปทำ เลสิคเพื่อเเก้ไขปัญหาสายตา เลยเริ่มหาข้อมูล เพราะไม่อยากใส่แว่นตาแล้ว หาข้อมูลไปมาเลยตกลงว่าจะไปทำ เลสิคที่ ศูนย์รักษาตาท๊อปเจริญ ปรากฏว่าพอไปตรวจกับคุณหมอตุลยา พบว่า ไม่สามารถทำเลสิคได้ค่ะ เพราะว่าเป็นโรคกระจกตาย้วย (ในใจตอนนั้นคือ อิยั่งว่ะ ฟังคุณหมออธิบายเยอะมาก ๆ เหมือนสมองเบลอๆ เเบบช็อคๆ เลยถามคุณหมอไปว่า คุณหมอค่ะ สรุปคือหนูไม่สามารถทำเลสิคได้ใช่ไหมคะ คุณหมอเลยตอบว่า ใช่ค่ะหนูไม่สามารถทำได้ ตอนนั้นคือสตั้นมาก เสียใจมากเพราะเตรียมตัวมาทำเลสิคเต็มที่ มีเเพลนหลังจากทำเลสิคเยอะแยะไปหมด) หลังจากพอรู้ตัวว่าไม่สามารถทำเลสิคได้ เพราะเป็นโรคกระจกตาย้วยเลยลองค้นหาในอินเตอร์เนตดู ว่าโรคนี้เป็นอย่างไร มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง พบว่า เห้ยมันมีวิธี คือการใส่ เลนส์เสริม ICL เลยลองเเบบหาดูหลาย ๆ ที่พบว่าราคาคือสูงมาก เพราะปกติ ทำเลสิคอารมณ์เเบบไม่เกิน 40,000-50,000 บาท เเต่เลนส์เสริมคือเเบบ เเสนปลายๆ ถึงสองเเสนกว่า เลยเเบบถอดใจ จนเวลาผ่านไปเกือบ 8 ปี ทำงานเก็บเงินได้ อยากใส่เลนส์เสริม อยากมีชีวิตที่ตื่นมาเเล้วมองเห็นเเบบชัดกับเขาบ้าง เลยเเบบหาข้อมูลการทำเลนส์เสริมอีกครั้ง จนไปเจอกับคุณหมอเปา สุจินตนา ที่โรงพยาบาลลาดพร้าว เลยสอบถามไปทางเพจ เเอดมินเเนะนำดีมาก ๆ บอกให้เรามาตรวจกับคุณหมอที่โรงพยาบาลก่อน มีการบอกค่าใช้จ่ายให้เราคร่าว ๆ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่เราโอเค เเนะนำสถานที่พักใกล้ๆ ที่รพ.ด้วย ตอบไวมาก ๆๆๆๆๆ เลยตัดสินใจนัดวันเข้าไปตรวจกับคุณหมอ
พอวันเข้ามาตรวจกับคุณหมอเปา คุณหมอใจดีมากกกกกกกกกกกกก อธิบายเราทุกอย่าง ถามตลอดว่าไม่เข้าใจตรงไหน ถามหมอได้นะคะ เดี๋ยวขอสรุปเป็นสเตปไปนะคะว่าทำอะไรบ้าง
1. วันเเรก ตรวจวัดค่าสายตาเราว่าเท่าไหร่ สามารถใส่เลนส์เสริมได้ไหม ตรวจเลือด HIV ของเราสรุปคือสามารถทำได้นะคะ ใช้เวลาตรวจประมาณครึ่งวัน
2. วันที่สองไปตรวจที่บริษัทฟิวเทค ที่เมืองทองธานี ใช้เวลาตรวจประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ มีการมัดจำเลนส์ ด้วยนะคะที่ฟิวเทค 20,000 บาทจะได้คืนวันที่เราผ่าตัดค่ะ
3. วันที่สาม กลับมาตรวจกับคุณหมอเปา ที่ รพ.ลาดพร้าวอีกที เพื่อคอนเฟริมวันนี้ใช้เวลาไม่นานค่ะ ไม่เกินครึ่งวัน
ในสามวันที่ไปตรวจ ต้องพาเพื่อนไปด้วย 1 คน นะคะเพราะมีการขยายม่านตา ซึ่งทำให้เราไม่สามารถขับรถได้ค่ะ พอตรวจเสร็จ
จากนั้นก็รอเลนส์ค่ะ แต่เนื่องจากของเราเป็นเคสที่ไม่ปกติ เป็นโรคกระจกตาย้วย ทางบริษัทที่ผลิตเลนส์ที่สวิสเขาเลยอยากให้เเน่ใจว่า สายตาเราไม่เปลี่ยนเเปลงเเล้ว เขาเลยบอกว่าให้รออย่างน้อย 3 เดือน เเล้วให้กลับมาวัดค่าใหม่ หากไม่เปลี่ยนเเปลงเขาจะอนุญาตให้มีการเคลมเลนส์ค่ะ (ปกติเลนส์ที่สั่งเขาจะเเถมมาให้อีก 1 ชุดค่ะเผื่อ accident แต่กรณีเราทางบริษัทบอกว่าหากเรายืนยันจะทำเลยไม่รอ 3 เดือน เขาจะไม่เคลมให้ค่ะ) เลยตกลงรอไปอีก 3 เดือน (เราเริ่มไปตรวจตั้งเเต่ พฤศจิกายน 63 ค่ะ) พอครบ 3 เดือนต้องไปตรวจค่าสายตาใหม่อีกรอบ ปรากฏว่า ค่าสายตาไม่มีการเปลี่ยนเเปลง เราเลยสามารถสั่งเลนส์ได้เเล้วค่ะเเต่ รอไปอีก 3 เดือน ในการสั่งเลนส์ จนเดือน มิถุนายน 64 เราถึงได้ทำการผ่าตัด โดยจะเเบ่งทำวันละ 1 ข้าง วันเเรก ทำข้างซ้าย วันที่สองทำข้างขวา วันที่สามเปิดตาทั้งสองข้าง ขอบอกว่าตอนทำตื่นเต้นมากเพราะเป็นผ่าตัดครั้งเเรกในชีวิต การเตรียมตัวคือไม่มีอะไรมากคือ ไม่เเต่งหน้าทาครีมใดๆ วันผ่าตัด เสื้อใส่ที่มีกระดุมหน้า ไปสระผมที่ร้านเพราะจะไม่ได้สระอีกนานเเค่นี้เอง วันผ่า คุณหมอก็จะหยอดยาชา ให้เรากินยาคลายกังวลก่อนทำการผ่า พอเข้าห้องผ่าก็ชิว ๆ คือไม่มีอะไร รู้สึกตึงๆ ตา หมอบอกเเค่ว่าไม่ต้องทำอะไรเลย เเพ่งมองไฟอย่างเดียว ระหว่างทำคุณหมออธิบายไปว่าจะทำอะไรเป็นขั้นต่อไปขอแค่เรามองนิ่งๆ ห้ามขยับตาหรือหัว เด็ดขาด หรือหากเป็นอะไร ต้องการขยับหัวให้บอกคุณหมอ สรุปการผ่าตัดของเราก็ผ่านไปด้วยดี หลังจากผ่าตาข้างซ้ายวันแรก คุณหมอให้ที่ครอบตามา เพื่อป้องกันเราขยี้ตาเวลานอน พอกลับไปที่พักเราก็ไม่มีอาการอะไรนะคะ แค่รู้สึกตึงๆ ตา แต่ว่าไม่ปวด แต่คุณหมอก็ให้ยา พารามาเผื่อไว้ หากปวดก็สามารถกินได้ และมียาลดความดันลูกตาให้กินได้ด้วยค่ะ พอตื่นเช้ามาก็ไปโรงพยาบาลและไปผ่าตาข้างขวา process ก็เหมือนกันเลยค่ะ พอผ่าเสร็จ เราคือครอบตา 2 ข้าง พอวันที่ 3 คือเปิดตาดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง คุณหมอจะมีการวัดความดันลูกตา ว่าขึ้นสูงไหม อยากจะบอกว่าแม้รู้สึกเหมือนเคืองๆ ตาแต่เราสามารถมองเห็นได้ชัดเจน รู้สึกแบบตื่นเต้นมากสำหรับคนที่ใส่แว่นตามาเกือบ 20 ปี วันนี้สามารถมองเห็นได้โดยไม่ใช้แว่นตา 55555 สำหรับยาคุณหมอให้ยาหยอดตา มาเป็น ยาปฏิชีวนะ หยอดทุก 4 ชั่วโมง และยา steroids หยอดทุก 2 ชั่วโมง อันนี้เรากลัวลืมมาก เลยหยอดเป็น แพทเทินเดียวกันทุกวัน จะได้ไม่สับสนเวลาค่ะ ระหว่างนี้การปฏิบัติตัวคือ ห้ามตาโดนน้ำเด็ดขาด 4-6 สัปดาห์ สระผมก็เลยไปสระร้านตลอด ไม่แต่งหน้า (โชคดีที่ช่วงนี้ใส่แมสตลอด 5555) และหยอดยาตามที่คุณหมอสั่งจนกว่าจะหมดค่ะ ง่ายมาก ชาบู หมูกระทะก็งดไปก่อน 1 เดือน พยายามงดการใช้สายตาช่วยเดือนแรก ใส่แว่นตาดำเวลาออกแดด ช่วงเดือนแรก อาการที่เราพบแบบเห็นได้ชัดมาก ๆ เลยคืออาการตาแห้ง เราปรึกษาคุณหมอ คุณหมอบอกว่าสามารถใช้ยาหยดตาได้ และหมั่นกระพริบตาบ่อยๆ พอหลังจากนั้น สองเดือนเราพบว่าอาการตาแห้งของเราหายไป อาจจะมีบ้างเวลาที่เราใช้คอมหรือเล่นมือถือเยอะ แต่โดยรวมถือว่าดีมาก ๆ แล้วไปตรวจติดตาม กับคุณหมอ 7 วัน 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน อยากบอกว่ารู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจถูกมาก ๆ ที่ไปทำเพราะทำให้การใช้ชีวิตของเราง่ายขึ้นมาก ใส่แมสก็ไม่ต้องกลัวฝ้าขึ้นที่แว่นตา เวลาเล่นกีฬาเหงือออกแว่นตาก็ไม่ไหลลงมาปลายจมูก 555 คาดว่าหากหมด โควิดนี้เวลาไปดำน้ำที่ทะเลก็จะทำให้เราสามารถดำน้ำแล้วเห็นน้องปลาในทะเลได้อย่างสวยงาม ท้ายสุดนี้ต้องขอขอบคุณคุณหมอเปามาก ๆ ที่รักษา ให้คำปรึกษา ที่ดีเสมอมา หากใครสนใจสามารถสอบถามไปที่เพจคุณหมอได้นะคะ ชื่อเพจ เลสิคหมอเปา – หมอสุจินตนา หากใครสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติมสามารถ DM มาได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้