เป็น Review ครั้งแรกในชีวิต คิดว่าเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังสนใจจะทำ Lasik , PRK เพื่อแก้ไขปัญหาสายตาที่ปกติ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นโรคที่เกี่ยวกับตาหลายโรคทั้ง เยื่อบุตาเป็นภูมิแพ้ , ตาแห้ง , วุ้นในตาเสื่อม รักษามาเป็น 10 กว่าปีที่ รพ ศิริราช จุดพีคอยู่ที่ตอนนี้สายตาทั้งสั้น ยาว เอียง มาครบ และก็เคยมีคนบอกว่าสายตาจะคืนค่าถ้าเริ่มสายตายาว แต่ผลปรากฏว่า มองใกล้ก็ไม่เห็น มองไกลก็ไม่ชัด ปีแรกไปตัดแว่นมา 2 อัน สั้น 1 อัน และสายตายาวอีก 1 อัน ก็มีหยิบผิดหยิบแว่นสายตายาวมาใส่ มองรถก็ไม่เห็น ล่าสุดไปตัดแว่น Progressive สำหรับสั้น ยาว เอียง ก็จะมีมึนๆ ตอนใช้สายตามากๆ หรือตอนกลางคืนปวดหัวจี๊ดๆ แถมราคาแว่น 7,200 บาท ซึ่งถือว่าถูกแล้วนะ แต่ก็ยังรู้สึกแพงมาก ถ้าไปผ่าตัดตาก็ไม่ต้องมาคอยตัดแว่นอีก ปกติจะตัดแว่นใหม่ทุกปี บางรอบ 6 , 8 , 12 เดือน บ้าง ขึ้นอยู่กับสายตาเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ก็เลยสนใจอยากทำ Lasik แต่มีโรคประจำตัวที่ตา หลายโรคก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้หรือเปล่า ต้องให้หมอ ศิริราช ตรวจให้ก่อนเพื่อความสบายใจ ต้องขอบคุณ Pantip , Google ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำ Lasik , PRK ว่าเป็นอย่างไร จากที่อ่านมาบ้าง ทำให้ทราบว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำ Lasik , PRK ได้ ต้องมาตรวจความดันตา ความหนากระจกตา และก็ยังลักษณะของตาก่อน เราก็ไปตรวจที่ศิริราช วันที่ 27 พ.ค.60 ว่าสามารถทำได้ไหม แต่ก็เลือกอยู่ว่าจะผ่าตัดที่ รพ อะไรดี ก็เลือกมา 4 ที่
1. รพ. ศิริราช
2. รพ. กลาง
3. รพ. ปิยะเวท
4. รพ. ลาดพร้าว
รพ. ศิริราช รักษากันมาเป็น 10 ปี ไม่ต้องห่วงเรื่องหมอ แต่ปัญหาคือมันไกลมาก เวลาเดินทางไป Follow ก็รู้สึกว่าไม่สะดวก ลืมบอกไปบ้านเค้าอยู่มีนบุรี
รพ.กลาง ก็ดังเรื่องตา อีกทั้งมีเพื่อนไปผ่าตัดมาแล้ว แต่แค่นัดคิวที่จะตรวจก็ตั้งเดือน ก.ค. โน่นแน่ะ ยังไม่ใช่คิวผ่าตัดนะจ๊ะ
รพ. ปิยะเวท ก็ถือว่าไม่ไกลบ้าน ราคาค่าผ่าตัดก็พอๆ กับ รพ.กลาง
รพ. ลาดพร้าว ใกล้บ้านที่สุดแล้ว ราคาก็พอๆ กับ รพ.อื่น ๆ สามารถตรวจและนัดผ่าตัดวันเสาร์ได้ เราก็ไม่อยากลาเยอะนะ และถือว่า case เราน่าจะยากเหมือนกัน เพราะสายตาเอียงเยอะ แล้วตาก็เล็กมากด้วย ซึ่งที่นี่ก็ให้คำแนะนำดีมาก ราคา รพ.ศิริราช 52,900 บาท (นอกเวลา) ส่วน รพ. ที่เหลือก็ไม่เกิน 35,000 บาท ซึ่งราคานี้ถือว่า OK มากๆ สำหรับเรานะ ซึ่งหลังจากทราบผลที่ศิริราชว่าทำได้ ก็นัดมาตรวจที่ รพ. ลาดพร้าว วันที่ 29 พ.ค. 60 ก่อนมาตรวจตาต้องไม่ใส่ Contact lens
29 พ.ค. 60
นัดตรวจ 8.00 น. มาถึง รพ. ก็ไปทำบัตรที่ตึก 2 ชั้น G แล้วขึ้นไปชั้น 4 ศูนย์ Lasik วัดความดันโลหิต ส่วนสูง น้ำหนักก่อน จากนั้นก็ไปขั้นตอนการตรวจตาวัดค่าสายตา , วัดความดันตา , วัดความหนาก็กระจกตา , มีขยายม่านตา ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง (ห้ามขับรถมานะจ๊ะ) ยาหยอดขยายม่านตาจะแสบๆ นิดนึงนะ แต่เราชินแล้วล่ะ เพราะไปตรวจที่ ศิริราช ก็จะต้องตรวจปีละ 1 ครั้ง เพื่อเช็คจอประสาทตา แต่ใครที่ไม่เคยบอกเลยว่าควรมีเพื่อนไปด้วยนะ เพราะถึงแม้ใส่แว่นตาแต่มันก็มองไม่เห็นนะ มันจะเบลอๆ อ่ะ มีพี่จุ๋ม พยาบาลคอยดูแลใจดีมาก มาพูดคุยให้คำปรึกษา และมาคอยดูตาเป็นระยะ เรานั่งรอ คนมา Follow เยอะเลย สงสัยเป็นเพราะวันเสาร์มั้ง
มาตรวจสายตากับคุณหมอฉันทกา คุณหมอใจดีมาก แนะนำให้ทำแบบ PRK ดีกว่า ถึงแม้ความหนากระจกตาได้ แต่ตาเล็ก หมอบอกต้องกรีดตาด้านข้างออกถ้าจะทำ Lasik ได้ ฟังแล้วเสียวเนอะ ไม่เอาดีกว่า PRK ก็ได้ แต่มันจะฟื้นตัวช้ากว่า Lasik ซึ่งถ้าทำ Lasik วันเดียวก็หายแล้ว แต่ถ้า PRK 4-7 วัน แล้วแต่คนด้วย และหมอแนะนำให้รักษาแบบแก้สั้นและเอียงให้หมด ส่วนสายตายาวก็ค่อยใส่แว่นตาเอา ซึ่งตอนนี้ยังไม่ต้องใส่ก็มองได้อยู่ แบบ Monovision เป็นอีกแบบนึงที่ รพ.ศิริราช แนะนำมา แต่จะต้องไปทดสอบการใส่ contact lens ดูก่อนว่าชอบไหม แต่ในใจคิดว่าตาอาจจะต้องทำงานหนัก เลยตัดสินใจทำ PRK ก็แล้วกันแบบแก้ไขสั้นและเอียงทั้งหมด คงเหลือแค่สายตายาว นัดวันผ่าตัด 23 มิ.ย. 60 ช่วงเช้า
ค่าตาของเรานะ ข้างขวา สั้น 300 เอียง 250 ข้างซ้าย สั้น 325 เอียง 175
วันขึ้นเขียงผ่าตัด 23 มิ.ย.60
มาถึง รพ. ตั้งแต่ 7.00 น. รอจนฝ่ายการเงินเปิด 8.00 น. มาจ่ายเงิน รับยาที่ชั้น 2 และก็ขึ้นไปผ่าตัด ที่ชั้น 4 ขึ้นไปตรวจตาก่อนผ่าตัดอีกรอบ เพราะค่าสายตาข้างขวาไม่เสถียร จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มาสอนเรื่องการหยอดตาหลังจากผ่าตัดต้องหยอดตาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ น้ำตาเทียม และมียานอนหลับให้ด้วย และก็สอนการเช็ดตาเพราะจะต้องทำเอง จากนั้นก็เตรียมเอาชุดรพ.มาใส่คลุม เปลี่ยนรองเท้า ก็ไม่ค่อยตื่นเต้นนะ แต่เข้าห้องน้ำบ่อยมาก 555 วันนี้มีผ่าตัด 2 คนในช่วงเช้า เราเป็นคนที่ 2 ได้เริ่มผ่าตัด ประมาณ 11.00 น. เสร็จตอน 11.30 น. ก่อนจะผ่าต้องหยอดยาชาและยาฆ่าเชื้อ สลับกันไป ประมาณ 2 รอบตอนเริ่มเดินไปผ่าตัดก็มองไม่ค่อยเห็นนะ เพราะถอดแว่นตาแล้ว ก็มีพี่จุ๋ม พยาบาลจูงไปผ่าตัด ขึ้นเตียงผ่าตัด เหอ เหอ กลืนน้ำลายไม่ลง 555 มีเอาผ้ามาคลุมหน้าแล้วก็มีตัดกระดาษตรงตาให้เหลือแต่ตาอย่างเดียวทั้งสองข้าง ใส่ที่ถ่างตา ด้วยตาเล็กก็ต้องถ่างเยอะนิดนึง จากนั้นเริ่มที่ตาข้างขวาก่อน หมอป้ายยา หยอดยาชา และล้างตา จากนั้นกรอกแอลกอฮอลล์ ทิ้งไว้ 30 วินาที จากนั้นเจ้าหน้าที่แจ้ง Laser พร้อมยิงให้มองแสงสีเขียวแดงแบบนิ่งๆ จากนั้นยิง Laser แก้ไขสายตาเอียง 17 วินาที สายตาสั้น 14 วินาที ได้กลิ่นไหม้ๆ จากนั้นก็เปลี่ยนมาทำตาข้างซ้าย หลังจากทำ 2 ข้าง หมอต้องใส่ contact lens เพื่อปิดกระจกตาไว้ แต่พอดีว่าตาเล็กมาก ก็ใส่ยากนิดนึง โดยเฉพาะตาขวา 3 รอบ เจ้าหน้าที่บอกตาเล็กที่สุดเท่าที่หมอผ่าตัดมาเลย เอิ่ม สรุปตาเล็กเว่อร์มากเลยเนอะ แต่หมอใจเย็นมากค่ะ เพราะใส่หลายรอบไม่ได้หมอบอกว่าถ้าท่านอนไม่ได้ ค่อยเป็นท่านั่ง แต่รอบนี้นอนก่อน สุดท้าย contact lens ก็เข้าไป ตอนเดินออกจากห้องผ่าตัด มองชัดมากกว่าก่อนผ่าตัดซะอีก แต่ก็มีคนจูงไปให้คุณหมอตรวจตาด้วยกล้องอีกครั้ง ซึ่งคุณหมอก็บอกว่า OK ดี ให้อ่านนาฬิกาบอกเวลา กินยาแก้ปวด ใส่ฝาครอบตา แล้วก็กลับบ้านได้ นัดถอด Contact lens อีก 7 วัน
กลับมาบ้านก็นอนพักผ่อนและหยอดตาตามที่หมอแนะนำ ห้ามล้างหน้า สระผม 7 วัน
วันที่ 1 ไม่เจ็บไม่ปวด ตาตึงๆ ต้องหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ นอนเยอะๆ
วันที่ 2 เริ่มมีน้ำตาไหลพรากๆ ตาพร่ามัว แต่ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร แค่รู้สึกตาล้าๆ อยากนอน
วันที่ 3 มีน้ำตาไหลพรากๆ ตายังพล่ามัวอยู่ แต่ก็ไม่ปวด แค่รู้สึกมองไม่ชัด หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ นอนพักสายตา
วันที่ 4 เป็นวันที่ตามัวมากๆ มองอะไรเบลอไปหมด ไม่สามารถอ่านอะไรได้เลย
วันที่ 5 เริ่มมองเห็นมากขึ้น อ่าน line ได้ แต่ตัวหนังสือมันซ้อนๆ ก็เลย หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ
วันที่ 6 เริ่มมองเห็นมากขึ้นกว่าวันก่อน แต่ยังไม่ชัดนะ
วันที่ 7 มองเห็นมากขึ้นแต่ยังเบลอๆ อยู่
วันที่ 8 นัดถอด Contact lens วันที่ 1 ก.ค.60 มาเอาออกเรียบร้อย หมอแค่ใช้ cotton bud เอง ความรู้สึกคือจะตึงๆ ที่ตา เคืองตานิดหน่อย กลับมานอนพัก
วันที่ 17 พบหมอด้วยอาการตาแห้ง หมอให้เปลี่ยนน้ำตาเทียมเดิมใช้ Cellufresh มาเป็น Vislube , Systane (UD) และอุดท่อน้ำตา รู้สึกดีขึ้น
วันที่ 24 รู้สึกว่ามองชัดจนเกือบปกติ มีตาแห้งบ้าง แต่เป็นวันที่รู้สึกว่าในที่สุดก็ชัดแล้ว
ในที่สุดก็สามารถใช้ชีวิตได้ปกติโดยไม่ต้องพึ่งแว่นตาให้ปวดหัวอีกต่อไป ถึงแม้จะมีภาวะตาแห้งบ้าง แต่ทำแล้วรู้สึกดีกว่าไม่ทำ ไม่เจ็บ ไม่ปวดใดๆ การผ่าตัดตาไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ใครสนใจเราแนะนำเลยนะ รพ.ลาดพร้าวบริการดีมากๆ เครื่องไม้เครื่องมือทันสมัย คนไข้เยอะแต่บริการไม่ช้านะ ไป follow ทีไรก็ไม่เกิน 1 ชม. ขนาดเราไป follow วันเสาร์ ด้วยนะ ยังไงคงต้องขอจบการ Review แต่เพียงเท่านี้เจ้าค่ะ
[CR] Review การผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ ด้วยวิธี PRK รพ.ลาดพร้าว แม้จะเป็นโรคเยื่อบุตาเป็นภูมิแพ้
1. รพ. ศิริราช
2. รพ. กลาง
3. รพ. ปิยะเวท
4. รพ. ลาดพร้าว
รพ. ศิริราช รักษากันมาเป็น 10 ปี ไม่ต้องห่วงเรื่องหมอ แต่ปัญหาคือมันไกลมาก เวลาเดินทางไป Follow ก็รู้สึกว่าไม่สะดวก ลืมบอกไปบ้านเค้าอยู่มีนบุรี
รพ.กลาง ก็ดังเรื่องตา อีกทั้งมีเพื่อนไปผ่าตัดมาแล้ว แต่แค่นัดคิวที่จะตรวจก็ตั้งเดือน ก.ค. โน่นแน่ะ ยังไม่ใช่คิวผ่าตัดนะจ๊ะ
รพ. ปิยะเวท ก็ถือว่าไม่ไกลบ้าน ราคาค่าผ่าตัดก็พอๆ กับ รพ.กลาง
รพ. ลาดพร้าว ใกล้บ้านที่สุดแล้ว ราคาก็พอๆ กับ รพ.อื่น ๆ สามารถตรวจและนัดผ่าตัดวันเสาร์ได้ เราก็ไม่อยากลาเยอะนะ และถือว่า case เราน่าจะยากเหมือนกัน เพราะสายตาเอียงเยอะ แล้วตาก็เล็กมากด้วย ซึ่งที่นี่ก็ให้คำแนะนำดีมาก ราคา รพ.ศิริราช 52,900 บาท (นอกเวลา) ส่วน รพ. ที่เหลือก็ไม่เกิน 35,000 บาท ซึ่งราคานี้ถือว่า OK มากๆ สำหรับเรานะ ซึ่งหลังจากทราบผลที่ศิริราชว่าทำได้ ก็นัดมาตรวจที่ รพ. ลาดพร้าว วันที่ 29 พ.ค. 60 ก่อนมาตรวจตาต้องไม่ใส่ Contact lens
29 พ.ค. 60
นัดตรวจ 8.00 น. มาถึง รพ. ก็ไปทำบัตรที่ตึก 2 ชั้น G แล้วขึ้นไปชั้น 4 ศูนย์ Lasik วัดความดันโลหิต ส่วนสูง น้ำหนักก่อน จากนั้นก็ไปขั้นตอนการตรวจตาวัดค่าสายตา , วัดความดันตา , วัดความหนาก็กระจกตา , มีขยายม่านตา ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง (ห้ามขับรถมานะจ๊ะ) ยาหยอดขยายม่านตาจะแสบๆ นิดนึงนะ แต่เราชินแล้วล่ะ เพราะไปตรวจที่ ศิริราช ก็จะต้องตรวจปีละ 1 ครั้ง เพื่อเช็คจอประสาทตา แต่ใครที่ไม่เคยบอกเลยว่าควรมีเพื่อนไปด้วยนะ เพราะถึงแม้ใส่แว่นตาแต่มันก็มองไม่เห็นนะ มันจะเบลอๆ อ่ะ มีพี่จุ๋ม พยาบาลคอยดูแลใจดีมาก มาพูดคุยให้คำปรึกษา และมาคอยดูตาเป็นระยะ เรานั่งรอ คนมา Follow เยอะเลย สงสัยเป็นเพราะวันเสาร์มั้ง
มาตรวจสายตากับคุณหมอฉันทกา คุณหมอใจดีมาก แนะนำให้ทำแบบ PRK ดีกว่า ถึงแม้ความหนากระจกตาได้ แต่ตาเล็ก หมอบอกต้องกรีดตาด้านข้างออกถ้าจะทำ Lasik ได้ ฟังแล้วเสียวเนอะ ไม่เอาดีกว่า PRK ก็ได้ แต่มันจะฟื้นตัวช้ากว่า Lasik ซึ่งถ้าทำ Lasik วันเดียวก็หายแล้ว แต่ถ้า PRK 4-7 วัน แล้วแต่คนด้วย และหมอแนะนำให้รักษาแบบแก้สั้นและเอียงให้หมด ส่วนสายตายาวก็ค่อยใส่แว่นตาเอา ซึ่งตอนนี้ยังไม่ต้องใส่ก็มองได้อยู่ แบบ Monovision เป็นอีกแบบนึงที่ รพ.ศิริราช แนะนำมา แต่จะต้องไปทดสอบการใส่ contact lens ดูก่อนว่าชอบไหม แต่ในใจคิดว่าตาอาจจะต้องทำงานหนัก เลยตัดสินใจทำ PRK ก็แล้วกันแบบแก้ไขสั้นและเอียงทั้งหมด คงเหลือแค่สายตายาว นัดวันผ่าตัด 23 มิ.ย. 60 ช่วงเช้า
ค่าตาของเรานะ ข้างขวา สั้น 300 เอียง 250 ข้างซ้าย สั้น 325 เอียง 175
วันขึ้นเขียงผ่าตัด 23 มิ.ย.60
มาถึง รพ. ตั้งแต่ 7.00 น. รอจนฝ่ายการเงินเปิด 8.00 น. มาจ่ายเงิน รับยาที่ชั้น 2 และก็ขึ้นไปผ่าตัด ที่ชั้น 4 ขึ้นไปตรวจตาก่อนผ่าตัดอีกรอบ เพราะค่าสายตาข้างขวาไม่เสถียร จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มาสอนเรื่องการหยอดตาหลังจากผ่าตัดต้องหยอดตาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ น้ำตาเทียม และมียานอนหลับให้ด้วย และก็สอนการเช็ดตาเพราะจะต้องทำเอง จากนั้นก็เตรียมเอาชุดรพ.มาใส่คลุม เปลี่ยนรองเท้า ก็ไม่ค่อยตื่นเต้นนะ แต่เข้าห้องน้ำบ่อยมาก 555 วันนี้มีผ่าตัด 2 คนในช่วงเช้า เราเป็นคนที่ 2 ได้เริ่มผ่าตัด ประมาณ 11.00 น. เสร็จตอน 11.30 น. ก่อนจะผ่าต้องหยอดยาชาและยาฆ่าเชื้อ สลับกันไป ประมาณ 2 รอบตอนเริ่มเดินไปผ่าตัดก็มองไม่ค่อยเห็นนะ เพราะถอดแว่นตาแล้ว ก็มีพี่จุ๋ม พยาบาลจูงไปผ่าตัด ขึ้นเตียงผ่าตัด เหอ เหอ กลืนน้ำลายไม่ลง 555 มีเอาผ้ามาคลุมหน้าแล้วก็มีตัดกระดาษตรงตาให้เหลือแต่ตาอย่างเดียวทั้งสองข้าง ใส่ที่ถ่างตา ด้วยตาเล็กก็ต้องถ่างเยอะนิดนึง จากนั้นเริ่มที่ตาข้างขวาก่อน หมอป้ายยา หยอดยาชา และล้างตา จากนั้นกรอกแอลกอฮอลล์ ทิ้งไว้ 30 วินาที จากนั้นเจ้าหน้าที่แจ้ง Laser พร้อมยิงให้มองแสงสีเขียวแดงแบบนิ่งๆ จากนั้นยิง Laser แก้ไขสายตาเอียง 17 วินาที สายตาสั้น 14 วินาที ได้กลิ่นไหม้ๆ จากนั้นก็เปลี่ยนมาทำตาข้างซ้าย หลังจากทำ 2 ข้าง หมอต้องใส่ contact lens เพื่อปิดกระจกตาไว้ แต่พอดีว่าตาเล็กมาก ก็ใส่ยากนิดนึง โดยเฉพาะตาขวา 3 รอบ เจ้าหน้าที่บอกตาเล็กที่สุดเท่าที่หมอผ่าตัดมาเลย เอิ่ม สรุปตาเล็กเว่อร์มากเลยเนอะ แต่หมอใจเย็นมากค่ะ เพราะใส่หลายรอบไม่ได้หมอบอกว่าถ้าท่านอนไม่ได้ ค่อยเป็นท่านั่ง แต่รอบนี้นอนก่อน สุดท้าย contact lens ก็เข้าไป ตอนเดินออกจากห้องผ่าตัด มองชัดมากกว่าก่อนผ่าตัดซะอีก แต่ก็มีคนจูงไปให้คุณหมอตรวจตาด้วยกล้องอีกครั้ง ซึ่งคุณหมอก็บอกว่า OK ดี ให้อ่านนาฬิกาบอกเวลา กินยาแก้ปวด ใส่ฝาครอบตา แล้วก็กลับบ้านได้ นัดถอด Contact lens อีก 7 วัน
กลับมาบ้านก็นอนพักผ่อนและหยอดตาตามที่หมอแนะนำ ห้ามล้างหน้า สระผม 7 วัน
วันที่ 1 ไม่เจ็บไม่ปวด ตาตึงๆ ต้องหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ นอนเยอะๆ
วันที่ 2 เริ่มมีน้ำตาไหลพรากๆ ตาพร่ามัว แต่ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร แค่รู้สึกตาล้าๆ อยากนอน
วันที่ 3 มีน้ำตาไหลพรากๆ ตายังพล่ามัวอยู่ แต่ก็ไม่ปวด แค่รู้สึกมองไม่ชัด หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ นอนพักสายตา
วันที่ 4 เป็นวันที่ตามัวมากๆ มองอะไรเบลอไปหมด ไม่สามารถอ่านอะไรได้เลย
วันที่ 5 เริ่มมองเห็นมากขึ้น อ่าน line ได้ แต่ตัวหนังสือมันซ้อนๆ ก็เลย หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ
วันที่ 6 เริ่มมองเห็นมากขึ้นกว่าวันก่อน แต่ยังไม่ชัดนะ
วันที่ 7 มองเห็นมากขึ้นแต่ยังเบลอๆ อยู่
วันที่ 8 นัดถอด Contact lens วันที่ 1 ก.ค.60 มาเอาออกเรียบร้อย หมอแค่ใช้ cotton bud เอง ความรู้สึกคือจะตึงๆ ที่ตา เคืองตานิดหน่อย กลับมานอนพัก
วันที่ 17 พบหมอด้วยอาการตาแห้ง หมอให้เปลี่ยนน้ำตาเทียมเดิมใช้ Cellufresh มาเป็น Vislube , Systane (UD) และอุดท่อน้ำตา รู้สึกดีขึ้น
วันที่ 24 รู้สึกว่ามองชัดจนเกือบปกติ มีตาแห้งบ้าง แต่เป็นวันที่รู้สึกว่าในที่สุดก็ชัดแล้ว
ในที่สุดก็สามารถใช้ชีวิตได้ปกติโดยไม่ต้องพึ่งแว่นตาให้ปวดหัวอีกต่อไป ถึงแม้จะมีภาวะตาแห้งบ้าง แต่ทำแล้วรู้สึกดีกว่าไม่ทำ ไม่เจ็บ ไม่ปวดใดๆ การผ่าตัดตาไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ใครสนใจเราแนะนำเลยนะ รพ.ลาดพร้าวบริการดีมากๆ เครื่องไม้เครื่องมือทันสมัย คนไข้เยอะแต่บริการไม่ช้านะ ไป follow ทีไรก็ไม่เกิน 1 ชม. ขนาดเราไป follow วันเสาร์ ด้วยนะ ยังไงคงต้องขอจบการ Review แต่เพียงเท่านี้เจ้าค่ะ