ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ
ซ้องกั๋ง.....เสือร้ายซ่อนเล็บ
ตอนที่ ๒ หนีเสือลงน้ำ
"เล่าเซี่ยงชุน"
เมื่อซ้องกั๋งไม่ยอมอยู่กับพวกพ้อง ที่เขาเนียซัวเปาะโงวหยงกุนซือประจำสำนัก จึงเขียนหนังสือฝากไปถึง ไตจง ซึ่งเป็นผู้คุมใหญ่อยู่ที่เมืองกังจิว ให้ช่วยเหลือซ้องกั๋งอย่าให้ต้องลำบากมากนัก
ซ้องกั๋งกับผู้คุมสองคน ก็เดินทาง จากเขาเนียซัวเปาะ ไปได้วันหนึ่ง พอถึงตอนเย็นก็เข้าพักที่โรงเตี๊ยมข้างทาง ผู้คุมก็ปฏิบัติดูแลซ้องกั๋งอย่างดี เป็นการแทนคุณที่ได้รอดชีวิตมา ด้วยบารมีของซ้องกั๋งคุ้มครองไว้
เมื่อเดินทางมาได้ครึ่งเดือน ถึงเนินขิดเอียงเนียซึ่งเมื่อข้ามไปแล้ว จะถึงตำบลชิมเอียงกัง แขวงเมืองกังจิว จะต้องลงเรือไปอีก ทั้งสามเดินข้ามไปได้ครึ่งวันก็พบโรงสุราอยู่โรงหนึ่ง ไม่ไกลจากแม่น้ำเอียงจื๊อกัง จึงชวนกันเข้าไปซื้อสุราอาหารกิน
ซ้องกั๋งแก้ห่อผ้าเอาเงินให้ไปก่อน เจ้าของโรงสุราเห็นว่ามีเงินมาก ก็เอาสุราผสมยาเบื่อมาให้สามชาม ผู้คุมคนหนึ่งพูดว่า ทุกวันนี้การเดินทางไปมาแสนยาก เพราะมีผู้ตั้งโรงสุราแล้วใส่ยาเบื่อ เมื่อลูกค้ามึนเมาก็ยึดเอาเงินทองไปเสีย
เจ้าของโรงก็หัวเราะแกล้งบอกว่า อย่าเสพสุราที่ร้านนี้เลย เพราะมีแต่ยาเบื่อทั้งนั้น ซ้องกั๋งก็ว่าถ้าเช่นนั้นก็เสพสุราแต่น้อยเถิด
ทั้งสามคนจึงเสพสุราด้วยกัน หมดไปเพียงชามเดียว ผู้คุมทั้งสองเสพสุราเข้าไปแล้ว ก็ตาค้างน้ำลายไหลมือเที่ยวตะกายโต๊ะ แล้วล้มลงนอนกับพื้น
ซ้องกั๋งก็ว่าเสพสุราเพียงนิดเดียวทำไมถึงกับนอน พอลุกขึ้นมาพยุงผู้คุม ตนเองก็ล้มกลิ้งลงไปด้วย
เจ้าของโรงสุราให้คนใช้ช่วยกันหามซ้องกั๋งและผู้คุม เข้าไปขังไว้ในห้อง แล้วเอาห่อสิ่งของมาแก้ออกดู เห็นมีเงินทองมากมายก็ยินดี เพราะตั้งแต่อยู่มาช้านาน ไม่เคยพบคนต้องโทษมั่งมีเงินทองมากมาย เหมือนคนนี้มาก่อนเลย
ที่ในแม่น้ำมีชายคนหนึ่งชื่อ ลี้จุน และญาติอีกสองคน คือ ทองอุย กับ ทองเม้ง เป็นชาวเรือถ่อเรือรับคนข้ามฟากแม่น้ำซึ่งกว้างมาก รู้ข่าวว่าซ้องกั๋งต้องโทษเนรเทศมาเมืองกังจิว ก็มาคอยดูอยู่ เพราะรู้กิตติศัพท์ว่าเป็นผู้ใจบุญ ชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากอยู่เสมอ รออยู่สี่ห้าวันยังไม่เจอ ก็ขึ้นจากเรือเดินไปที่โรงขายสุราของน้องชายชื่อ ลี้ลิบ ซึ่งกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู น้องชายก็ถามว่าจะไปข้างไหน
ลี้จุนบอกว่ามาคอยซ้องกั๋ง เป็นขุนนางตำแหน่งอะซี อยู่บ้านซัวตังตำบลหุนเสียกุ้ย แขวงเมืองเจ๋จิวฮู้ ที่เรียกกันว่า "กิบสิโหงวซ้องกงเหม็ง" เห็นบ้างหรือไม่
ลี้ลิบก็บอกว่าเห็นมีแต่นักโทษคนหนึ่งกับผู้คุมสองคน มาถึงเมื่อกลางวันนี้ ลี้จุนก็ตกใจถามว่าจัดการเสียแล้วหรือยัง ลี้ลิบบอกว่ายังนอนสลบอยู่ ลี้จุนก็ให้พาไปดูแต่ทั้งหมดไม่เคยเห็นตัวซ้องกั๋งมาก่อน จึงค้นดูในห่อเสื้อผ้าที่ยึดไว้ พบหนังสือฝากฝังของโงวหยง ออกชื่อซ้องกั๋ง จึงให้ลี้ลิบรีบแก้ไขให้ฟื้นขึ้นโดยเร็ว
ลี้ลิบก็เอายามาแก้ไขซ้องกั๋ง แล้วพยุงออกมานั่งข้างนอก ทั้งสี่คนคุกเข่าลงคำนับ ซ้องกั๋งก็สงสัยเพราะไม่รู้จักกันมาก่อน ลี้จุนแนะนำว่าตนเองกับพวกเป็นชาวเมืองโลวจิว และบอกชื่อแซ่ทั้งสี่คนซึ่งเป็นพี่น้องกันให้ทราบ
ซ้องกั๋งก็ว่าเมื่อเอายาเบื่อให้กิน คิดจะทำร้ายแล้วมาแก้เสียทำไม ลี้จุนก็แจ้งว่าเคยได้ยินชื่อเสียงว่าชอบช่วยเหลือคนยากจน แต่ต้องโทษเนรเทศผ่านทางนี้ จึงมาคอยดักพบ แต่ลี้ลิบไม่รู้จักจึงใส่ยาเบื่อให้กิน เมื่อรู้แล้วก็รีบแก้ไขจนฟื้นขึ้นมา
ซ้องกั๋งก็ยินดีเล่าความเดิมทั้งหมดให้ฟัง ลี้ลิบก็ชวนให้พักอยู่ที่โรงของตน ไม่ต้องไปเมืองกังจิวให้ลำบากลำบน ซ้องกั๋งก็ว่า
"......พี่น้องที่เขาเนียซัวเปาะ ชวนกันอ้อนวอนก็ยังอยู่ไม่ได้ กลัวภัยอันตรายจะถึงบิดาและน้อง ที่ไหนจะอยู่กับพี่น้องทั้งปวงได้....."
ลี้จุนก็สรรเสริญว่าพี่เราเป็นคนสัตย์ซื่อจริง ๆ แล้วก็ให้ลี้ลิบไปแก้ไขผู้คุมทั้งสองคนให้ฟื้นขึ้น และจัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงกัน ซ้องกั๋งเลยพักอยู่ที่นั่นคืนหนึ่ง
พอรุ่งเช้าออกจากโรงสุราของลี้ลิบ มาถึงบ้านของลี้จุนตำบลกิดเอียงเนีย ก็จัดสุราและอาหารมาเลี้ยงกันอีก ซ้องกั๋งกับลี้จุนก็สาบานเป็นพี่น้องกัน แล้วซ้องกั๋งก็ค้างอยู่ที่บ้านของลี้จุนอีกหลายวัน จึงออกเดินทางต่อไป เดินไปได้อีกครึ่งวันก็ถึงหมู่บ้านกิดเอียงตินในเมืองกังจิว
เมื่อผ่านตลาดก็มีชายคนหนึ่ง ควงกระบองรำเพลงอาวุธให้คนดู พอจบแล้วก็ขายยากอเอี๊ยะ แต่ไม่มีคนซื้อจึงขอความเมตตา ตามแต่จะให้เบี้ยอีแปะเพื่อซื้ออาหารเลี้ยงชีวิต ก็ไม่มีใครให้อีก เมื่อเดินมาถึงซ้องกั๋งจึงหยิบเงินออกมาให้ถึงห้าตำลึงและบอกว่า
".....ท่านครูเราเป็นคนโทษเดินทางมา ไม่มีสิ่งใดจงเอาเงินไปใช้สอยก่อนเถิด....."
ชายผู้นั้นก็ดีใจพูดว่า
".....บรรดาคนที่ในตำบลกิดเอียงตินไม่มีผู้ใดรู้จักเพลงอาวุธ ซึ่งท่านนี้เป็นคนโทษยังกล้าเอาเงินให้ข้าพเจ้าถึงห้าตำลึง เปรียบเหมือนแต้ง้วนหัวเมื่อครั้งแผ่นดินก่อน ใช้เงินทองเท่าไรก็ไม่เสียดาย ปรารถนาจะให้ชื่อเสียงปรากฎในแผ่นดิน เงินของท่านห้าตำลึงครั้งนี้ เปรียบเหมือนห้าสิบตำลึง บุญคุณเป็นที่ยิ่ง....."
แล้วก็ถามชื่อแซ่ ซ้องกั๋งก็ว่าจะต้องถามทำไมเงินทองเล็กน้อย ไม่ต้องตอบแทนก็ได้ พอพูดขาดคำก็มีชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ตรงเข้ามาร้องตวาดเอาว่า
".......เจ้านี้มาแต่ข้างไหน อวดอ้างฝีมือเข้มแข็ง คนโทษนั้นก็อวดมั่งมี จะทำให้พวกตำบลนี้อับอายหรือ เราได้ห้ามคนทั้งปวงว่า ดูแล้วอย่าให้เงินทอง คนโทษนี้จองหองหนักหนา....."
แล้วด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ ซ้องกั๋งก็ว่าเราเอาเงินให้ทานนั้น การสิ่งใดของผู้อื่นด้วยเล่า ชายผู้นั้นยิ่งโกรธมากขึ้นตรงเข้ามาจะตีซ้องกั๋ง ชายคนที่รำเพลงอาวุธจึงเอากระบองตีชายผู้นั้นล้มลง พอลุกขึ้นมาก็ถีบซ้ำจนล้มลงไปอีก ผู้คุมทั้งสองก็เข้าไปห้ามชายที่รำเพลงอาวุธไว้
ชายผู้ถูกถีบล้มลงสองครั้งได้รับความเจ็บปวด และอับอายมากอุตส่าห์แข็งใจลุกขึ้น อาฆาตว่าดีแล้วคงจะได้เห็นกัน แล้วก็รีบหลีกออกไปทางทิศใต้
ซ้องกั๋งก็ถามชื่อแซ่ของชายที่รำเพลงอาวุธรู้ว่าชื่อ สิย้ง เป็นชาวเมืองฮ่อหนำ ตำบลบ้านลกเอียง ปู่และบิดาเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในเก็งเลียดเซียงก๋ง แต่เพื่อนขุนนางอิจฉามาก ตนจึงไม่ทำราชการ ออกมาเที่ยวขายยากอเอี๊ยะและรำเพลงอาวุธให้ชาวบ้านดู ตามแต่จะได้เงินเล็กน้อยพอเลี้ยงชีวิต
ซ้องกั๋งก็บอกชื่อแซ่และเล่าเรื่องของตนเองให้ฟังบ้าง สิย้งก็คุกเข่าคำนับ เพราะได้ยินชื่อเสียงมานาน
แล้วสิย้งก็เก็บยาและเครื่องอาวุธใส่เข่ง ชวนซ้องกั๋งและผู้คุมไปหาสุราอาหารกินกัน แต่เข้าไปในโรงใดก็ไม่มีใครยอมขายให้ตลอดทั้งตลาด ต่างก็บอกว่า ชายคนที่วิวาทกันนั้นผู้คนเกรงกลัวมากได้สั่งห้ามไม่ให้ขายและต้อนรับคนกลุ่มนี้
ซ้องกั๋งจึงบอกให้สิย้งแยกไปเสีย ก่อนที่จะเกิดความขึ้นอีก และให้เงินไปอีกยี่สิบตำลึง สิย้งว่าจะเอาเงินไปให้ค่าเช่าโรงนอนเสียก่อน อีกสองสามวันจะตามไปพบที่เมืองกังจิว
ซ้องกั๋งกับผู้คุมทั้งสองเดินทางต่อไป จนพ้นเขตหมู่บ้านเข้าไปในป่า แลเห็นมีบ้านอยู่หลังหนึ่ง จุดไฟอยู่ห่างจากทางใหญ่ ก็พากันเข้าไปขออาศัย เจ้าของบ้านให้คนใช้พาเข้าไปในบ้าน และจัดอาหารให้กินทั้งสามคน แล้วให้คนใช้จัดที่นอนในห้องให้ด้วย ทั้งสามก็ปิดประตูนอนอยู่แต่ในห้อง
ซ้องกั๋งนั้นนอนไม่หลับเพราะคิดถึงเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวัน จนดึกก็มีเสียงอื้ออึงขึ้นที่หน้าบ้าน ซ้องกั๋งก็ลุกขึ้นแอบดูตามช่องฝา เห็นชายผู้หนึ่งถือกระบี่มากับพวกประมาณแปดเก้าคนเรียกให้เปิดประตู เจ้าของบ้านก็ออกไปถามว่าไปเที่ยวที่ไหนมาจนค่ำมืด และชวนกันถือเครื่องอาวุธจะไปทุบตีกับผู้ใด
ชายผู้นั้นก็เล่าเรื่องที่เกิดวิวาท กับคนขายกอเอี๊ยะและนักโทษ ที่ตลาดเมื่อกลางวันให้ฟัง และย้ำว่า
".....ข้าพเจ้าให้ตามไปจับตัวชายที่รำเพลงอาวุธมาเฆี่ยนเสียยับเยินแล้ว เวลาค่ำนี้จึงจะเอาตัวไปถ่วงเสียในแม่น้ำ บัดนี้ข้าพเจ้าจะตามจับคนโทษไม่แจ้งว่าหนีไปสำนักที่ใด จึงมาเรียกให้พี่ไปช่วยจับ....."
เจ้าของบ้านก็ว่า
"....ลูกเอ๋ยคิดอ่านดังนี้ไม่ดี จะเป็นคนอายุสั้น คนโทษนั้นเขามีเงินรางวัลให้ก็ช่างเป็นไร จะทุบตีเขาทำไม เจ้าจงเชื่อบิดาเถิด อย่าไปรบกวนให้อื้ออึงเลย....."
ชายคนนั้นไม่ฟัง ถือกระบี่เดินตรงเข้ามาข้างใน บิดาก็เดินตามมาด้วย ซ้องกั๋งก็ตกใจกระซิบกับผู้คุมว่า
"....เราจะคิดประการใดดี ทางอื่นก็ไม่ไป จำเพาะตรงมาอาศัยที่บ้านนี้ ชายผู้ที่วิวาทกับเราเป็นบุตรไทก๋งเจ้าของบ้าน ถ้ารู้ว่าเราอยู่ที่นี่ชีวิตก็คงตาย ถึงไทก๋งไม่บอกคนอื่นก็คงบอกให้รู้ เราหนีเอาตัวรอดไปดีกว่า....."
ผู้คุมก็ว่าถูกต้องแล้ว รีบไปกันเสียโดยเร็วเถิด แล้วทั้งสามก็เผ่นหนีออกทางหลังบ้าน อาศัยแสงดาวเดินไปตามทางได้ครู่หนึ่งถึงป่าอ้อ เมื่อบุกป่าอ้อออกไปพ้นก็เจอแม่น้ำใหญ่ ไม่มีทางเดินต่อไป
ฝ่ายลูกชายเจ้าของบ้าน ก็ปลุกพี่ชายขึ้นเล่าเรื่องให้ฟัง พอดีคนใช้มาบอกว่านักโทษกับผู้คุมที่มาอาศัยอยู่ในบ้าน ได้หนีออกไปทางหลังบ้านแล้ว สองพี่น้องก็พาพวกพ้องจุดคบไฟไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด
ขณะนั้นก็พอดีมีเรือลำหนึ่ง แจวออกมาจากคลองฝั่งตรงข้าม ซ้องกั๋งพอมองเห็นทางที่จะรอด จากเงื้อมมือของผู้ที่ติดตามมาได้ จึงร้องตะโกนเรียกเรือลำนั้นให้เข้ามารับ จะเอาเงินทองสักเท่าไรก็จะให้ เจ้าของเรือถามว่ามาทำอะไรอยู่ที่นี่ ซ้องกั๋งก็บอกว่า
".....ข้าพเจ้าเดินทางมา มีโจรผู้ร้ายไล่ตามมาข้างหลังจะแย่งชิง ท่านจงเอาเรือมารับโดยเร็วเถิด จะทดแทนคุณให้ควรแก่ค่าเหน็ดเหนื่อย...."
คนแจวเรือก็รีบเหหัวเรือเข้ามารับ ซ้องกั๋งกับผู้คุมโยนห่อผ้าลงไปในเรือ แล้วก็รีบโดดตามเอาถ่อช่วยค้ำเรือออกจากฝั่งโดยเร็ว.
##########
นิตยสารโล่เงิน
กรกฎาคม ๒๕๔๑
เสือร้ายซ่อนเล็บ (๒) ๑๖ ส.ค.๕๘
ซ้องกั๋ง.....เสือร้ายซ่อนเล็บ
ตอนที่ ๒ หนีเสือลงน้ำ
"เล่าเซี่ยงชุน"
เมื่อซ้องกั๋งไม่ยอมอยู่กับพวกพ้อง ที่เขาเนียซัวเปาะโงวหยงกุนซือประจำสำนัก จึงเขียนหนังสือฝากไปถึง ไตจง ซึ่งเป็นผู้คุมใหญ่อยู่ที่เมืองกังจิว ให้ช่วยเหลือซ้องกั๋งอย่าให้ต้องลำบากมากนัก
ซ้องกั๋งกับผู้คุมสองคน ก็เดินทาง จากเขาเนียซัวเปาะ ไปได้วันหนึ่ง พอถึงตอนเย็นก็เข้าพักที่โรงเตี๊ยมข้างทาง ผู้คุมก็ปฏิบัติดูแลซ้องกั๋งอย่างดี เป็นการแทนคุณที่ได้รอดชีวิตมา ด้วยบารมีของซ้องกั๋งคุ้มครองไว้
เมื่อเดินทางมาได้ครึ่งเดือน ถึงเนินขิดเอียงเนียซึ่งเมื่อข้ามไปแล้ว จะถึงตำบลชิมเอียงกัง แขวงเมืองกังจิว จะต้องลงเรือไปอีก ทั้งสามเดินข้ามไปได้ครึ่งวันก็พบโรงสุราอยู่โรงหนึ่ง ไม่ไกลจากแม่น้ำเอียงจื๊อกัง จึงชวนกันเข้าไปซื้อสุราอาหารกิน
ซ้องกั๋งแก้ห่อผ้าเอาเงินให้ไปก่อน เจ้าของโรงสุราเห็นว่ามีเงินมาก ก็เอาสุราผสมยาเบื่อมาให้สามชาม ผู้คุมคนหนึ่งพูดว่า ทุกวันนี้การเดินทางไปมาแสนยาก เพราะมีผู้ตั้งโรงสุราแล้วใส่ยาเบื่อ เมื่อลูกค้ามึนเมาก็ยึดเอาเงินทองไปเสีย
เจ้าของโรงก็หัวเราะแกล้งบอกว่า อย่าเสพสุราที่ร้านนี้เลย เพราะมีแต่ยาเบื่อทั้งนั้น ซ้องกั๋งก็ว่าถ้าเช่นนั้นก็เสพสุราแต่น้อยเถิด
ทั้งสามคนจึงเสพสุราด้วยกัน หมดไปเพียงชามเดียว ผู้คุมทั้งสองเสพสุราเข้าไปแล้ว ก็ตาค้างน้ำลายไหลมือเที่ยวตะกายโต๊ะ แล้วล้มลงนอนกับพื้น
ซ้องกั๋งก็ว่าเสพสุราเพียงนิดเดียวทำไมถึงกับนอน พอลุกขึ้นมาพยุงผู้คุม ตนเองก็ล้มกลิ้งลงไปด้วย
เจ้าของโรงสุราให้คนใช้ช่วยกันหามซ้องกั๋งและผู้คุม เข้าไปขังไว้ในห้อง แล้วเอาห่อสิ่งของมาแก้ออกดู เห็นมีเงินทองมากมายก็ยินดี เพราะตั้งแต่อยู่มาช้านาน ไม่เคยพบคนต้องโทษมั่งมีเงินทองมากมาย เหมือนคนนี้มาก่อนเลย
ที่ในแม่น้ำมีชายคนหนึ่งชื่อ ลี้จุน และญาติอีกสองคน คือ ทองอุย กับ ทองเม้ง เป็นชาวเรือถ่อเรือรับคนข้ามฟากแม่น้ำซึ่งกว้างมาก รู้ข่าวว่าซ้องกั๋งต้องโทษเนรเทศมาเมืองกังจิว ก็มาคอยดูอยู่ เพราะรู้กิตติศัพท์ว่าเป็นผู้ใจบุญ ชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากอยู่เสมอ รออยู่สี่ห้าวันยังไม่เจอ ก็ขึ้นจากเรือเดินไปที่โรงขายสุราของน้องชายชื่อ ลี้ลิบ ซึ่งกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู น้องชายก็ถามว่าจะไปข้างไหน
ลี้จุนบอกว่ามาคอยซ้องกั๋ง เป็นขุนนางตำแหน่งอะซี อยู่บ้านซัวตังตำบลหุนเสียกุ้ย แขวงเมืองเจ๋จิวฮู้ ที่เรียกกันว่า "กิบสิโหงวซ้องกงเหม็ง" เห็นบ้างหรือไม่
ลี้ลิบก็บอกว่าเห็นมีแต่นักโทษคนหนึ่งกับผู้คุมสองคน มาถึงเมื่อกลางวันนี้ ลี้จุนก็ตกใจถามว่าจัดการเสียแล้วหรือยัง ลี้ลิบบอกว่ายังนอนสลบอยู่ ลี้จุนก็ให้พาไปดูแต่ทั้งหมดไม่เคยเห็นตัวซ้องกั๋งมาก่อน จึงค้นดูในห่อเสื้อผ้าที่ยึดไว้ พบหนังสือฝากฝังของโงวหยง ออกชื่อซ้องกั๋ง จึงให้ลี้ลิบรีบแก้ไขให้ฟื้นขึ้นโดยเร็ว
ลี้ลิบก็เอายามาแก้ไขซ้องกั๋ง แล้วพยุงออกมานั่งข้างนอก ทั้งสี่คนคุกเข่าลงคำนับ ซ้องกั๋งก็สงสัยเพราะไม่รู้จักกันมาก่อน ลี้จุนแนะนำว่าตนเองกับพวกเป็นชาวเมืองโลวจิว และบอกชื่อแซ่ทั้งสี่คนซึ่งเป็นพี่น้องกันให้ทราบ
ซ้องกั๋งก็ว่าเมื่อเอายาเบื่อให้กิน คิดจะทำร้ายแล้วมาแก้เสียทำไม ลี้จุนก็แจ้งว่าเคยได้ยินชื่อเสียงว่าชอบช่วยเหลือคนยากจน แต่ต้องโทษเนรเทศผ่านทางนี้ จึงมาคอยดักพบ แต่ลี้ลิบไม่รู้จักจึงใส่ยาเบื่อให้กิน เมื่อรู้แล้วก็รีบแก้ไขจนฟื้นขึ้นมา
ซ้องกั๋งก็ยินดีเล่าความเดิมทั้งหมดให้ฟัง ลี้ลิบก็ชวนให้พักอยู่ที่โรงของตน ไม่ต้องไปเมืองกังจิวให้ลำบากลำบน ซ้องกั๋งก็ว่า
"......พี่น้องที่เขาเนียซัวเปาะ ชวนกันอ้อนวอนก็ยังอยู่ไม่ได้ กลัวภัยอันตรายจะถึงบิดาและน้อง ที่ไหนจะอยู่กับพี่น้องทั้งปวงได้....."
ลี้จุนก็สรรเสริญว่าพี่เราเป็นคนสัตย์ซื่อจริง ๆ แล้วก็ให้ลี้ลิบไปแก้ไขผู้คุมทั้งสองคนให้ฟื้นขึ้น และจัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงกัน ซ้องกั๋งเลยพักอยู่ที่นั่นคืนหนึ่ง
พอรุ่งเช้าออกจากโรงสุราของลี้ลิบ มาถึงบ้านของลี้จุนตำบลกิดเอียงเนีย ก็จัดสุราและอาหารมาเลี้ยงกันอีก ซ้องกั๋งกับลี้จุนก็สาบานเป็นพี่น้องกัน แล้วซ้องกั๋งก็ค้างอยู่ที่บ้านของลี้จุนอีกหลายวัน จึงออกเดินทางต่อไป เดินไปได้อีกครึ่งวันก็ถึงหมู่บ้านกิดเอียงตินในเมืองกังจิว
เมื่อผ่านตลาดก็มีชายคนหนึ่ง ควงกระบองรำเพลงอาวุธให้คนดู พอจบแล้วก็ขายยากอเอี๊ยะ แต่ไม่มีคนซื้อจึงขอความเมตตา ตามแต่จะให้เบี้ยอีแปะเพื่อซื้ออาหารเลี้ยงชีวิต ก็ไม่มีใครให้อีก เมื่อเดินมาถึงซ้องกั๋งจึงหยิบเงินออกมาให้ถึงห้าตำลึงและบอกว่า
".....ท่านครูเราเป็นคนโทษเดินทางมา ไม่มีสิ่งใดจงเอาเงินไปใช้สอยก่อนเถิด....."
ชายผู้นั้นก็ดีใจพูดว่า
".....บรรดาคนที่ในตำบลกิดเอียงตินไม่มีผู้ใดรู้จักเพลงอาวุธ ซึ่งท่านนี้เป็นคนโทษยังกล้าเอาเงินให้ข้าพเจ้าถึงห้าตำลึง เปรียบเหมือนแต้ง้วนหัวเมื่อครั้งแผ่นดินก่อน ใช้เงินทองเท่าไรก็ไม่เสียดาย ปรารถนาจะให้ชื่อเสียงปรากฎในแผ่นดิน เงินของท่านห้าตำลึงครั้งนี้ เปรียบเหมือนห้าสิบตำลึง บุญคุณเป็นที่ยิ่ง....."
แล้วก็ถามชื่อแซ่ ซ้องกั๋งก็ว่าจะต้องถามทำไมเงินทองเล็กน้อย ไม่ต้องตอบแทนก็ได้ พอพูดขาดคำก็มีชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ตรงเข้ามาร้องตวาดเอาว่า
".......เจ้านี้มาแต่ข้างไหน อวดอ้างฝีมือเข้มแข็ง คนโทษนั้นก็อวดมั่งมี จะทำให้พวกตำบลนี้อับอายหรือ เราได้ห้ามคนทั้งปวงว่า ดูแล้วอย่าให้เงินทอง คนโทษนี้จองหองหนักหนา....."
แล้วด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ ซ้องกั๋งก็ว่าเราเอาเงินให้ทานนั้น การสิ่งใดของผู้อื่นด้วยเล่า ชายผู้นั้นยิ่งโกรธมากขึ้นตรงเข้ามาจะตีซ้องกั๋ง ชายคนที่รำเพลงอาวุธจึงเอากระบองตีชายผู้นั้นล้มลง พอลุกขึ้นมาก็ถีบซ้ำจนล้มลงไปอีก ผู้คุมทั้งสองก็เข้าไปห้ามชายที่รำเพลงอาวุธไว้
ชายผู้ถูกถีบล้มลงสองครั้งได้รับความเจ็บปวด และอับอายมากอุตส่าห์แข็งใจลุกขึ้น อาฆาตว่าดีแล้วคงจะได้เห็นกัน แล้วก็รีบหลีกออกไปทางทิศใต้
ซ้องกั๋งก็ถามชื่อแซ่ของชายที่รำเพลงอาวุธรู้ว่าชื่อ สิย้ง เป็นชาวเมืองฮ่อหนำ ตำบลบ้านลกเอียง ปู่และบิดาเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในเก็งเลียดเซียงก๋ง แต่เพื่อนขุนนางอิจฉามาก ตนจึงไม่ทำราชการ ออกมาเที่ยวขายยากอเอี๊ยะและรำเพลงอาวุธให้ชาวบ้านดู ตามแต่จะได้เงินเล็กน้อยพอเลี้ยงชีวิต
ซ้องกั๋งก็บอกชื่อแซ่และเล่าเรื่องของตนเองให้ฟังบ้าง สิย้งก็คุกเข่าคำนับ เพราะได้ยินชื่อเสียงมานาน
แล้วสิย้งก็เก็บยาและเครื่องอาวุธใส่เข่ง ชวนซ้องกั๋งและผู้คุมไปหาสุราอาหารกินกัน แต่เข้าไปในโรงใดก็ไม่มีใครยอมขายให้ตลอดทั้งตลาด ต่างก็บอกว่า ชายคนที่วิวาทกันนั้นผู้คนเกรงกลัวมากได้สั่งห้ามไม่ให้ขายและต้อนรับคนกลุ่มนี้
ซ้องกั๋งจึงบอกให้สิย้งแยกไปเสีย ก่อนที่จะเกิดความขึ้นอีก และให้เงินไปอีกยี่สิบตำลึง สิย้งว่าจะเอาเงินไปให้ค่าเช่าโรงนอนเสียก่อน อีกสองสามวันจะตามไปพบที่เมืองกังจิว
ซ้องกั๋งกับผู้คุมทั้งสองเดินทางต่อไป จนพ้นเขตหมู่บ้านเข้าไปในป่า แลเห็นมีบ้านอยู่หลังหนึ่ง จุดไฟอยู่ห่างจากทางใหญ่ ก็พากันเข้าไปขออาศัย เจ้าของบ้านให้คนใช้พาเข้าไปในบ้าน และจัดอาหารให้กินทั้งสามคน แล้วให้คนใช้จัดที่นอนในห้องให้ด้วย ทั้งสามก็ปิดประตูนอนอยู่แต่ในห้อง
ซ้องกั๋งนั้นนอนไม่หลับเพราะคิดถึงเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวัน จนดึกก็มีเสียงอื้ออึงขึ้นที่หน้าบ้าน ซ้องกั๋งก็ลุกขึ้นแอบดูตามช่องฝา เห็นชายผู้หนึ่งถือกระบี่มากับพวกประมาณแปดเก้าคนเรียกให้เปิดประตู เจ้าของบ้านก็ออกไปถามว่าไปเที่ยวที่ไหนมาจนค่ำมืด และชวนกันถือเครื่องอาวุธจะไปทุบตีกับผู้ใด
ชายผู้นั้นก็เล่าเรื่องที่เกิดวิวาท กับคนขายกอเอี๊ยะและนักโทษ ที่ตลาดเมื่อกลางวันให้ฟัง และย้ำว่า
".....ข้าพเจ้าให้ตามไปจับตัวชายที่รำเพลงอาวุธมาเฆี่ยนเสียยับเยินแล้ว เวลาค่ำนี้จึงจะเอาตัวไปถ่วงเสียในแม่น้ำ บัดนี้ข้าพเจ้าจะตามจับคนโทษไม่แจ้งว่าหนีไปสำนักที่ใด จึงมาเรียกให้พี่ไปช่วยจับ....."
เจ้าของบ้านก็ว่า
"....ลูกเอ๋ยคิดอ่านดังนี้ไม่ดี จะเป็นคนอายุสั้น คนโทษนั้นเขามีเงินรางวัลให้ก็ช่างเป็นไร จะทุบตีเขาทำไม เจ้าจงเชื่อบิดาเถิด อย่าไปรบกวนให้อื้ออึงเลย....."
ชายคนนั้นไม่ฟัง ถือกระบี่เดินตรงเข้ามาข้างใน บิดาก็เดินตามมาด้วย ซ้องกั๋งก็ตกใจกระซิบกับผู้คุมว่า
"....เราจะคิดประการใดดี ทางอื่นก็ไม่ไป จำเพาะตรงมาอาศัยที่บ้านนี้ ชายผู้ที่วิวาทกับเราเป็นบุตรไทก๋งเจ้าของบ้าน ถ้ารู้ว่าเราอยู่ที่นี่ชีวิตก็คงตาย ถึงไทก๋งไม่บอกคนอื่นก็คงบอกให้รู้ เราหนีเอาตัวรอดไปดีกว่า....."
ผู้คุมก็ว่าถูกต้องแล้ว รีบไปกันเสียโดยเร็วเถิด แล้วทั้งสามก็เผ่นหนีออกทางหลังบ้าน อาศัยแสงดาวเดินไปตามทางได้ครู่หนึ่งถึงป่าอ้อ เมื่อบุกป่าอ้อออกไปพ้นก็เจอแม่น้ำใหญ่ ไม่มีทางเดินต่อไป
ฝ่ายลูกชายเจ้าของบ้าน ก็ปลุกพี่ชายขึ้นเล่าเรื่องให้ฟัง พอดีคนใช้มาบอกว่านักโทษกับผู้คุมที่มาอาศัยอยู่ในบ้าน ได้หนีออกไปทางหลังบ้านแล้ว สองพี่น้องก็พาพวกพ้องจุดคบไฟไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด
ขณะนั้นก็พอดีมีเรือลำหนึ่ง แจวออกมาจากคลองฝั่งตรงข้าม ซ้องกั๋งพอมองเห็นทางที่จะรอด จากเงื้อมมือของผู้ที่ติดตามมาได้ จึงร้องตะโกนเรียกเรือลำนั้นให้เข้ามารับ จะเอาเงินทองสักเท่าไรก็จะให้ เจ้าของเรือถามว่ามาทำอะไรอยู่ที่นี่ ซ้องกั๋งก็บอกว่า
".....ข้าพเจ้าเดินทางมา มีโจรผู้ร้ายไล่ตามมาข้างหลังจะแย่งชิง ท่านจงเอาเรือมารับโดยเร็วเถิด จะทดแทนคุณให้ควรแก่ค่าเหน็ดเหนื่อย...."
คนแจวเรือก็รีบเหหัวเรือเข้ามารับ ซ้องกั๋งกับผู้คุมโยนห่อผ้าลงไปในเรือ แล้วก็รีบโดดตามเอาถ่อช่วยค้ำเรือออกจากฝั่งโดยเร็ว.
##########
นิตยสารโล่เงิน
กรกฎาคม ๒๕๔๑