สวัสดีอีกครั้งครับ....เที่ยวชมทะเลสาบทั้งสองด้านกันไปแล้ว (
http://ppantip.com/topic/33998782 /
http://ppantip.com/topic/34039335) ชุ่มชื่นใจขึ้นนะครับ สองตอนต่อไปนี้ผมขอพาชมยอดเขาฝั่งเมือง Grindelwald (1,034 m.) กันบ้าง วันนี้ผมขอเริ่มที่ Mannlichen (2,227 m.) ละเลียดสายหมอกและหมู่เมฆ เดินสบายๆ ทักทายขุนเขา...ถ้าเตรียมพร้อมกันแล้ว ก็ลุยเลยครับ
Mannlichen เป็นจุดชมวิวยอดเขามีชื่อทั้ง 3 ได้แก่ Eiger (3,970 m.) Monch (4,107 m.) และ Jungfrau (4,158 m.) ในระยะที่พอเหมาะพอเจาะ ไม่ใกล้หรือไกลจนเกินไป
Mannlichen เป็นจุดหมายปลายทางที่อยู่ในแผนการมาตั้งแต่ต้น ในแผนผมคิดจะขึ้นรถกระเช้าจาก Wengen ขึ้น Mannlichen และจาก Mannlichen จะเดินลงผ่าน Holenstein, Itramen จนถึง Grindelwald ซึ่งจะใช้เวลาเฉพาะขาลงประมาณ 4 -5 ชม. คิดการใหญ่ใช่เล่น เดี๋ยวมาดูว่าชีวิตจริงจะเป็นเหมือนในฝันมั้ย
เราได้เดินเที่ยว Mannlichen ในวันที่ 5 ของการเดินทาง วันก่อนหน้าเราไปผจญภัยกันที่ Beatenberg (
http://ppantip.com/topic/34197707) ทำให้เหนื่อยล้ามากๆ วันนี้จึงตื่นสายกว่าปกติ เมื่อจัดการธุระแล้วเสร็จ เราก็นั่งรถไฟจาก Ringgenberg มาต่อที่ Interlaken Ost และถึงที่ Grindelwald ประมาณ 10.00 น.
ยอดเขาใกล้ Grindelwald
ฝนตกตลอดทั้งเช้า
วันนี้เป็นวันอาทิตย์นักท่องเที่ยวในขบวนรถไฟหนาแน่น โดยเฉพาะจากโซนเอเชียบ้านเราทั้งจากจีน เกาหลีและอินเดีย ส่วนในเมืองก็มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น และป้ายร้านค้าต่างๆ ก็มีภาษาญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากจนน่าแปลกใจ ความตั้งใจแรกนั้นคือ ขึ้น First แล้วเดินเล่นสบายๆไป Bachalpsee แต่ฝนก็โปรยปรายลงมาตั้งแต่เช้าและยังไม่ขาดเม็ดเลย เราจึงคิดว่าจะขึ้น First กันในตอนบ่าย สอดคล้องกับพยากรณ์อากาศที่บอกไว้ว่าฝนจะหยุด
จากเอกสารแนะนำการท่องเที่ยวของเมืองให้ข้อมูลว่า ชื่อเมือง “Grindelwald” นั้นมีความหมายว่า ป่าที่ถูกปิด (Locked Forest) เนื่องจากมีภูเขา 2 ลักษณะโอบล้อมเมืองนี้ไว้ ทางทิศเหนือและตะวันตกเป็นภูเขาที่มีทุ่งหญ้าสีเขียวๆ ปกคลุมไว้ ทางทิศใต้จรดไปทางตะวันออกเป็นภูเขาหินที่ปกคลุมด้วยหิมะ เมืองนี้จึงเหมือนเป็นเมืองปิด คนท้องถิ่นค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวเจอกันในเมืองจะไม่ค่อยทักทายกัน จะทักทายกันก็ต่อเมื่อพบปะกันนอกเมือง นอกจากนี้ผู้คนที่นี่อพยพมาจากแคว้น Valais ไม่ใช่คนพื้นถิ่น ในสมัยก่อนจึงมีการติดต่อสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านในแถบนี้ค่อนข้างน้อย
Grindelwald ค่อยๆเปิดสู่โลกภายนอกเมื่อมีการก่อสร้างทางรถไฟมายังเมืองในช่วง ค.ศ. 1875 – 1900 ทำให้การท่องเที่ยวของเมืองเจริญเติบโตจนถึงทุกวันนี้ เราจะเห็นได้ว่ารอบๆ Grindelwald มีเส้นทางเดินเขาหลายสิบเส้นทาง เป็นชุมทางของรถไฟที่จะขึ้น Jungfraujoch และมีรถเมล์ไปเส้นทาง Grosse Scheigegg, Rosenlaui จนถึง Meiringen (เส้นทางนี้ใช้ Regional Pass ได้ลดราคา แต่บัตรรถเมล์ Interlaken ที่โรงแรมแจกไว้ ใช้บริการได้ฟรี)
หมอกเป็นริ้วๆเบื้องหลังคือ Mannlichen
เราเดินสำรวจบ้านเรือน ธารน้ำแข็ง โบสถ์ และโรงแรมต่างๆท่ามกลางสายฝน ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ท้องก็เริ่มร้อง เราเลือกร้านอาหารกันอีกพักหนึ่งแล้วแวะเข้าร้านชื่อเดียวกับเมืองที่เราพัก เที่ยงกว่าๆ เราเติมที่ว่างในท้องด้วยอาหารสไตล์อินเดีย ทั้งฝนและเมฆหมอกยังปฏิบัติภาระกิจไม่เสร็จ แถมยังไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จ คำพยากรณ์ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นจริง....เอกสารแผนพับที่เราเจอในร้านอาหารเป็นเอกสารแนะนำเส้นทางเดินบริเวณ Grindelwald และรอบๆ กว่า 70 เส้นทางที่มีคำชี้ชวนถึง 9 ภาษา หลังจากเปิดอ่านได้เล็กน้อย สายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับเส้นทาง “Mannlichen – Kleine Scheidegg 1:20 h” ภาษาที่เราคุ้นเคยบรรยายไว้ว่า “เส้นทางเดินทางไกลที่แทบจะเป็นทางราบเกือบทั้งหมด ทิวทัศน์ของเทือกเขา Eiger, Monch และ Jungfrau งดงามน่าประทับใจ”
เราเสียเวลาช่วงเช้าให้แก่สายฝนและดูว่าช่วงบ่ายก็คงยังไม่ดีขึ้น เราจึงพับแผน First ไปก่อน แล้วเอาตามแผ่นพับบอก ไป Mannlichen กันดีกว่า เมื่อเปิดตารางเดินรถเพื่อดูเที่ยวรถไฟที่จะขึ้น Kleine Scheidegg (2,061 m.) พบว่าเที่ยวรถที่เร็วสุดคือ 12.47 น. (รถไฟจาก Grindelwald ขึ้น Jungfraujoch ผ่าน Kleine Scheidegg ออกทุกนาทีที่ :17และ :47) เราจึงมีเวลาเดินย่อย 15 นาทีก่อนขึ้นรถไฟ
รถไฟขี้นมาจาก Interlaken Ost
รถไฟที่จะพาเราขึ้น Kleine Scheidegg
ทิวทัศน์บ้านเรือน
รถไฟค่อยๆออกจาก Grindelwald เราได้เห็นวิวของหมู่บ้านที่ปลูกไล่ระดับขึ้นไปตามความลาดของภูเขาที่มีทุ่งหญ้าสีเขียวปกคลุม สถานีแรกที่รถไฟจอดคือสถานี Grund สถานีนี้มีรถกระเช้าพาขึ้นไปส่งถึง Mannlichen อีกทาง จาก Grund รถไฟจอดที่สถานี Brandegg และ Alpiglen ก่อนจะถึงสถานีปลายทาง Kleine Scheidegg เมื่อเวลา 13.19 น.
สถานีรถไฟ Kleine Scheidegg
มองไปยังยอด Eiger มีหมอกเต็มไปหมด
Jungfraujoch สามารถขึ้นได้ด้วยรถไฟทั้งจาก Lauterbrunnen ผ่าน Wengen และจาก Grindelwald ทั้งสองเส้นทางจะมาบรรจบกันที่ Kleine Scheidegg ก่อนจะต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟเพื่อขึ้นไปยัง Jungfraujoch เส้นทางหลังนี้บัตร Regional Pass ใช้ได้เพียงช่วยลดราคาเท่านั้น...ไม่ฟรีนะครับ
รถไฟสีแดงขึ้นลง Jungfraujoch
ความสูงที่มากขึ้น ฟ้าที่ปิด ฝนที่ตกทำให้อากาศเย็นลงจนเรารู้สึกได้ เราจึงเข้าไปซื้อหมวกไหมพรมและถุงมือที่ร้านขายของที่ระลึก แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็รู้ว่า อากาศมันไม่ได้เย็นขนาดนั้น! เราเริ่มออกเดินจาก Kleine Scheidegg เวลา 14.00 น. ฝนเริ่มซาเม็ดลงแล้ว แต่เมฆหมอกก็ยังมีเต็มท้องฟ้าและบดบังยอดเขาทั้งสามไว้
เส้นทางเดินจาก Kleine Scheidegg ไป Mannlichen (เส้นสีเขียว)
ป้ายบอกทาง
ตามป้ายบอกทางเราต้องใช้เวลาเดิน 1.5 ชม.เลาะยอดเขา 2 ลูก ได้แก่ Lauberhorn (2,472 m.) และ Tschuggen (2,520 m.) เส้นทางเดินแฉะเล็กน้อยแต่รองเท้าผ้าใบก็เพียงพอต่อการใช้งาน ทางไม่ได้กว้างมาก ส่วนใหญ่เป็นทางราบ มีที่ลาดเอียงขึ้นตอนเดินผ่านธารน้ำแล้วเลาะยอดเขา Tschuggen
หินก้อนใหญ่ซ้อนเป็นชั้นๆ ต้อนรับเรา
ทางเดินเลาะยอดเขา Lauberhorn
มองขึ้นไปยังยอดเขา
ธารน้ำละลายจากหิมะที่เราเดินผ่านก่อนจะเดินเลียบยอดเขา Tschuggen
ระหว่างทางเป็นทุ่งหญ้าเขียวๆ แทรกด้วยดอกไม้
วิวด้านล่างเป็นทางลาดเท ปูด้วยทุ่งหญ้าสลับกับต้นสนทอดยาวลงไปจนถึง Grindelwald
มองกลับไปที่ยอด Eiger อีกครั้ง แต่เมฆหมอกก็ยังมากอยู่
เห็นแต่โรงแรมเก่าที่ Kleine Scheidegg
เมื่อเงยหน้าดูวิวด้านบนอีกที เห็นก้อนหินขนาดใหญ่
ทางเดินเลาะยอดเขา Tschuggen ดูแคบๆ กับหิมะที่ยังไม่ละลาย
ภาพที่เห็นเหมือนไอหมอกระอุพุ่งขึ้นมา
มองทางขวามือเห็น Grindelwald และภูเขาหิน
เดินมาอีกซักพักเราก็มาถึง Mannlichen เราใช้เวลาเดินทั้งสิ้น 1 ชม. เป็นครั้งแรกที่ใช้เวลาเดินน้อยกว่าที่ป้ายบอกไว้
ผมเดินผ่านสถานีรถกระเช้าที่ขึ้นมาจาก Grund ถ่ายรูปเสร็จเดินไปอีกหน่อยก็เจอร้านอาหารตามสูตรสำเร็จของยอดเขาทั้งหลาย ติดๆ กันเป็นสถานีรถกระเช้าที่ลงไปยัง Wengen
รถกระเช้าจากสถานี Grund
จากจุดนี้มีทางเดินที่เรียกว่า “Royal Walk” ไปยัง Mannlichen Gipfel (2,342 m.) ใช้เวลาเดิน 20 นาที
ระหว่างทาง ซ้ายมือเรามองเห็น Murren และ Gimmelwald ตั้งตัวอยู่เหนือหน้าผา
Lauterbrunnen น้ำตก Staubbach
ระหว่างทางเดินไปยังยอด Gipfel
ยอด Gipfel สวมมงกุฎ
Isenfluh (1,034 m.) ถูกจ้องมองจากยอด Gipfel
[CR] Made in Bernese Oberland : Mannlichen - Say Hi !
Mannlichen เป็นจุดชมวิวยอดเขามีชื่อทั้ง 3 ได้แก่ Eiger (3,970 m.) Monch (4,107 m.) และ Jungfrau (4,158 m.) ในระยะที่พอเหมาะพอเจาะ ไม่ใกล้หรือไกลจนเกินไป
Mannlichen เป็นจุดหมายปลายทางที่อยู่ในแผนการมาตั้งแต่ต้น ในแผนผมคิดจะขึ้นรถกระเช้าจาก Wengen ขึ้น Mannlichen และจาก Mannlichen จะเดินลงผ่าน Holenstein, Itramen จนถึง Grindelwald ซึ่งจะใช้เวลาเฉพาะขาลงประมาณ 4 -5 ชม. คิดการใหญ่ใช่เล่น เดี๋ยวมาดูว่าชีวิตจริงจะเป็นเหมือนในฝันมั้ย
เราได้เดินเที่ยว Mannlichen ในวันที่ 5 ของการเดินทาง วันก่อนหน้าเราไปผจญภัยกันที่ Beatenberg (http://ppantip.com/topic/34197707) ทำให้เหนื่อยล้ามากๆ วันนี้จึงตื่นสายกว่าปกติ เมื่อจัดการธุระแล้วเสร็จ เราก็นั่งรถไฟจาก Ringgenberg มาต่อที่ Interlaken Ost และถึงที่ Grindelwald ประมาณ 10.00 น.
ยอดเขาใกล้ Grindelwald
ฝนตกตลอดทั้งเช้า
วันนี้เป็นวันอาทิตย์นักท่องเที่ยวในขบวนรถไฟหนาแน่น โดยเฉพาะจากโซนเอเชียบ้านเราทั้งจากจีน เกาหลีและอินเดีย ส่วนในเมืองก็มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น และป้ายร้านค้าต่างๆ ก็มีภาษาญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากจนน่าแปลกใจ ความตั้งใจแรกนั้นคือ ขึ้น First แล้วเดินเล่นสบายๆไป Bachalpsee แต่ฝนก็โปรยปรายลงมาตั้งแต่เช้าและยังไม่ขาดเม็ดเลย เราจึงคิดว่าจะขึ้น First กันในตอนบ่าย สอดคล้องกับพยากรณ์อากาศที่บอกไว้ว่าฝนจะหยุด
จากเอกสารแนะนำการท่องเที่ยวของเมืองให้ข้อมูลว่า ชื่อเมือง “Grindelwald” นั้นมีความหมายว่า ป่าที่ถูกปิด (Locked Forest) เนื่องจากมีภูเขา 2 ลักษณะโอบล้อมเมืองนี้ไว้ ทางทิศเหนือและตะวันตกเป็นภูเขาที่มีทุ่งหญ้าสีเขียวๆ ปกคลุมไว้ ทางทิศใต้จรดไปทางตะวันออกเป็นภูเขาหินที่ปกคลุมด้วยหิมะ เมืองนี้จึงเหมือนเป็นเมืองปิด คนท้องถิ่นค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวเจอกันในเมืองจะไม่ค่อยทักทายกัน จะทักทายกันก็ต่อเมื่อพบปะกันนอกเมือง นอกจากนี้ผู้คนที่นี่อพยพมาจากแคว้น Valais ไม่ใช่คนพื้นถิ่น ในสมัยก่อนจึงมีการติดต่อสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านในแถบนี้ค่อนข้างน้อย
Grindelwald ค่อยๆเปิดสู่โลกภายนอกเมื่อมีการก่อสร้างทางรถไฟมายังเมืองในช่วง ค.ศ. 1875 – 1900 ทำให้การท่องเที่ยวของเมืองเจริญเติบโตจนถึงทุกวันนี้ เราจะเห็นได้ว่ารอบๆ Grindelwald มีเส้นทางเดินเขาหลายสิบเส้นทาง เป็นชุมทางของรถไฟที่จะขึ้น Jungfraujoch และมีรถเมล์ไปเส้นทาง Grosse Scheigegg, Rosenlaui จนถึง Meiringen (เส้นทางนี้ใช้ Regional Pass ได้ลดราคา แต่บัตรรถเมล์ Interlaken ที่โรงแรมแจกไว้ ใช้บริการได้ฟรี)
หมอกเป็นริ้วๆเบื้องหลังคือ Mannlichen
เราเดินสำรวจบ้านเรือน ธารน้ำแข็ง โบสถ์ และโรงแรมต่างๆท่ามกลางสายฝน ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ท้องก็เริ่มร้อง เราเลือกร้านอาหารกันอีกพักหนึ่งแล้วแวะเข้าร้านชื่อเดียวกับเมืองที่เราพัก เที่ยงกว่าๆ เราเติมที่ว่างในท้องด้วยอาหารสไตล์อินเดีย ทั้งฝนและเมฆหมอกยังปฏิบัติภาระกิจไม่เสร็จ แถมยังไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จ คำพยากรณ์ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นจริง....เอกสารแผนพับที่เราเจอในร้านอาหารเป็นเอกสารแนะนำเส้นทางเดินบริเวณ Grindelwald และรอบๆ กว่า 70 เส้นทางที่มีคำชี้ชวนถึง 9 ภาษา หลังจากเปิดอ่านได้เล็กน้อย สายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับเส้นทาง “Mannlichen – Kleine Scheidegg 1:20 h” ภาษาที่เราคุ้นเคยบรรยายไว้ว่า “เส้นทางเดินทางไกลที่แทบจะเป็นทางราบเกือบทั้งหมด ทิวทัศน์ของเทือกเขา Eiger, Monch และ Jungfrau งดงามน่าประทับใจ”
เราเสียเวลาช่วงเช้าให้แก่สายฝนและดูว่าช่วงบ่ายก็คงยังไม่ดีขึ้น เราจึงพับแผน First ไปก่อน แล้วเอาตามแผ่นพับบอก ไป Mannlichen กันดีกว่า เมื่อเปิดตารางเดินรถเพื่อดูเที่ยวรถไฟที่จะขึ้น Kleine Scheidegg (2,061 m.) พบว่าเที่ยวรถที่เร็วสุดคือ 12.47 น. (รถไฟจาก Grindelwald ขึ้น Jungfraujoch ผ่าน Kleine Scheidegg ออกทุกนาทีที่ :17และ :47) เราจึงมีเวลาเดินย่อย 15 นาทีก่อนขึ้นรถไฟ
รถไฟขี้นมาจาก Interlaken Ost
รถไฟที่จะพาเราขึ้น Kleine Scheidegg
ทิวทัศน์บ้านเรือน
รถไฟค่อยๆออกจาก Grindelwald เราได้เห็นวิวของหมู่บ้านที่ปลูกไล่ระดับขึ้นไปตามความลาดของภูเขาที่มีทุ่งหญ้าสีเขียวปกคลุม สถานีแรกที่รถไฟจอดคือสถานี Grund สถานีนี้มีรถกระเช้าพาขึ้นไปส่งถึง Mannlichen อีกทาง จาก Grund รถไฟจอดที่สถานี Brandegg และ Alpiglen ก่อนจะถึงสถานีปลายทาง Kleine Scheidegg เมื่อเวลา 13.19 น.
สถานีรถไฟ Kleine Scheidegg
มองไปยังยอด Eiger มีหมอกเต็มไปหมด
Jungfraujoch สามารถขึ้นได้ด้วยรถไฟทั้งจาก Lauterbrunnen ผ่าน Wengen และจาก Grindelwald ทั้งสองเส้นทางจะมาบรรจบกันที่ Kleine Scheidegg ก่อนจะต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟเพื่อขึ้นไปยัง Jungfraujoch เส้นทางหลังนี้บัตร Regional Pass ใช้ได้เพียงช่วยลดราคาเท่านั้น...ไม่ฟรีนะครับ
รถไฟสีแดงขึ้นลง Jungfraujoch
ความสูงที่มากขึ้น ฟ้าที่ปิด ฝนที่ตกทำให้อากาศเย็นลงจนเรารู้สึกได้ เราจึงเข้าไปซื้อหมวกไหมพรมและถุงมือที่ร้านขายของที่ระลึก แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็รู้ว่า อากาศมันไม่ได้เย็นขนาดนั้น! เราเริ่มออกเดินจาก Kleine Scheidegg เวลา 14.00 น. ฝนเริ่มซาเม็ดลงแล้ว แต่เมฆหมอกก็ยังมีเต็มท้องฟ้าและบดบังยอดเขาทั้งสามไว้
เส้นทางเดินจาก Kleine Scheidegg ไป Mannlichen (เส้นสีเขียว)
ป้ายบอกทาง
ตามป้ายบอกทางเราต้องใช้เวลาเดิน 1.5 ชม.เลาะยอดเขา 2 ลูก ได้แก่ Lauberhorn (2,472 m.) และ Tschuggen (2,520 m.) เส้นทางเดินแฉะเล็กน้อยแต่รองเท้าผ้าใบก็เพียงพอต่อการใช้งาน ทางไม่ได้กว้างมาก ส่วนใหญ่เป็นทางราบ มีที่ลาดเอียงขึ้นตอนเดินผ่านธารน้ำแล้วเลาะยอดเขา Tschuggen
หินก้อนใหญ่ซ้อนเป็นชั้นๆ ต้อนรับเรา
ทางเดินเลาะยอดเขา Lauberhorn
มองขึ้นไปยังยอดเขา
ธารน้ำละลายจากหิมะที่เราเดินผ่านก่อนจะเดินเลียบยอดเขา Tschuggen
ระหว่างทางเป็นทุ่งหญ้าเขียวๆ แทรกด้วยดอกไม้
วิวด้านล่างเป็นทางลาดเท ปูด้วยทุ่งหญ้าสลับกับต้นสนทอดยาวลงไปจนถึง Grindelwald
มองกลับไปที่ยอด Eiger อีกครั้ง แต่เมฆหมอกก็ยังมากอยู่
เห็นแต่โรงแรมเก่าที่ Kleine Scheidegg
เมื่อเงยหน้าดูวิวด้านบนอีกที เห็นก้อนหินขนาดใหญ่
ทางเดินเลาะยอดเขา Tschuggen ดูแคบๆ กับหิมะที่ยังไม่ละลาย
ภาพที่เห็นเหมือนไอหมอกระอุพุ่งขึ้นมา
มองทางขวามือเห็น Grindelwald และภูเขาหิน
เดินมาอีกซักพักเราก็มาถึง Mannlichen เราใช้เวลาเดินทั้งสิ้น 1 ชม. เป็นครั้งแรกที่ใช้เวลาเดินน้อยกว่าที่ป้ายบอกไว้
ผมเดินผ่านสถานีรถกระเช้าที่ขึ้นมาจาก Grund ถ่ายรูปเสร็จเดินไปอีกหน่อยก็เจอร้านอาหารตามสูตรสำเร็จของยอดเขาทั้งหลาย ติดๆ กันเป็นสถานีรถกระเช้าที่ลงไปยัง Wengen
รถกระเช้าจากสถานี Grund
จากจุดนี้มีทางเดินที่เรียกว่า “Royal Walk” ไปยัง Mannlichen Gipfel (2,342 m.) ใช้เวลาเดิน 20 นาที
ระหว่างทาง ซ้ายมือเรามองเห็น Murren และ Gimmelwald ตั้งตัวอยู่เหนือหน้าผา
Lauterbrunnen น้ำตก Staubbach
ระหว่างทางเดินไปยังยอด Gipfel
ยอด Gipfel สวมมงกุฎ
Isenfluh (1,034 m.) ถูกจ้องมองจากยอด Gipfel