พระกราบแม่ไม่ผิด สาธุหลวงปู่พุทธะอิสระ

กระทู้สนทนา
สองสามวันมานี้มีดราม่าเรื่องพระกราบแม่  ผมเองก็สงสัยอยู่ว่าเอ....       มันไม่ควรนะมันน่าจะผิด พ่อแม่จะได้รับบาปรึเปล่า
แต่วันนี้บังเอิญเปิดไปเจอเฟสบุ๊คหลวงปู่พุทธอิสระตอบได้    กระจ่างชัดคลายสงสัยสำหรับข้าพเจ้า (สำหรับคนอื่นจะสงสัยหรือตำหนิต่อรึเปล่าไม่รู้)
เรื่องพระกราบแม่กลายเป็นดราม่าของสังคมไทย
๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๘

นับว่าเป็นสิ่งดี อย่างน้อยก็เป็นการกระตุ้นกระบวนการตื่นรู้ตามวิถีแห่งพุทธบริษัทที่ดี

การวิพากษ์วิจารณ์ต่อเหตุการณ์ของสังคมบ้านเมืองเช่นนี้มิใช่พึ่งเคยมี มิใช่เป็นของใหม่

แม้ในอดีตสมัยครั้งพุทธกาลก็เคยมีมาแล้ว

ดังตัวอย่างเช่นภิกษุบิณฑบาตแล้วนำอาหารมาเลี้ยงดูพ่อแม่ก็กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั้งหมู่สงฆ์และหมู่ฆราวาส

แล้วมีผู้นำเรื่องนี้ไปสอบถามองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า

พระพุทธองค์จึงทรงชี้ว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมถูกต้องอันบุตรที่ดีพึงสมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง

ครั้งกระนี้ก็เช่นกัน แม้ปัญหาจะดูเหมือนเดิม หรือดูแล้วมิได้แตกต่างจากเหตุการณ์เดิมๆ มากนัก

แต่กลับกลายเป็นที่โจทก์จัณฑ์กันทั่วทั้งสังคม

ซึ่งผู้โจทก์จัณฑ์วิพากษ์วิจารณ์มีทั้งเจตนาดี วิพากษ์วิจารณ์เพราะอยากรู้ กับเจตนาร้ายวิพากษ์เพราะต้องการตำหนิติโทษ

ถึงกระนั้นก็ทำให้ผู้ใฝ่รู้ ผู้สนใจ ขวนขวายที่จะค้นหาคำตอบว่าจริงๆ แล้ว พระกราบพ่อแม่ได้หรือไม่

หากมีผู้ถามฉัน ฉันก็จะตอบแบบไม่เสียเวลาคิดว่า

“พระกราบพ่อแม่ไม่ได้”

หากมีผู้วิพากษ์ว่า อ่าว แล้วมันจะยังไงกันล่ะ ก็เห็นท่าน เห็นคุณพากันกราบพ่อแม่กันเป็นแถวทั้งที่โกนหัวห่มเหลือง เช่นนี้จะไม่ผิดหรือ

ฉันก็จะตอบว่า “ไม่ผิด”

ผู้วิพากษ์ “เออ เอ่อ เอ้อ เอ๊อ เอ๋อ งงแล้วนะครับพี่”

ไม่ต้องงงจ๊ะน้อง

คำอธิบายก็คือ

ผู้ที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาจะด้วยศรัทธาหรือไม่ศรัทธา หรือบวชเพื่อประกอบอาชีพ

หากผู้บวชด้วยศรัทธา ก่อนบวชหรือหลังบวชได้บรรลุธรรม เป็นพระอริยบุคคลทั้ง ๔ คู่ ๘ พวก คือ

พระโสดาปฏิมรรค หรือ พระโสดาปฏิผล

พระสกทาคามิมรรค หรือ พระสกทาคามิผล

พระอนาคามีมรรค หรือ พระอนาคามีผล

พระอรหัตมรรค หรือ พระอรหัตผล

พระเหล่านี้ไหว้พ่อแม่ไม่ได้ ไหว้แล้วพ่อแม่จะเป็นบาป

เว้นเสียแต่ว่าพ่อและแม่จะเป็นพระอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งที่มีคุณธรรมเทียบเท่ากับตนหรือสูงกว่า

เช่นนี้พระรูปนั้นพึงไหว้ได้

การที่พระอริยบุคคลไหว้พ่อแม่ที่เป็นพระอริยบุคคลที่มีศักดิ์เสมอกันด้วยเพราะไหว้คุณธรรมที่ได้ให้ชีวิตเลี้ยงดูมา

แต่ถ้าผู้ที่บวชเข้ามา บวชด้วยศรัทธาและยังไม่ได้บรรลุธรรมใดๆ ทำได้แค่เพียรพยายาม ทำความเพียรทางจิต รักษาศีลให้ตั้งมั่นบริสุทธิ์ ก็กราบไปเถิด

ด้วยเพราะพ่อแม่มีคุณธรรมมากกว่า พระพุทธเจ้าทรงเทียบชั้นเอาไว้ว่า พ่อแม่เป็นดังพระพรหมของบุตร หรือเป็นดั่งพระอรหันต์ของลูก (ในพระสูตรไม่พบที่เปรียบพ่อแม่เป็นดังพระอรหันต์)

อีกทั้งยังมีที่มาในหลายพระสูตร ว่าผู้ที่รักษาศีลบริสุทธิ์และไม่มีคุณธรรมอื่นใด ตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดาเท่านั้น

ทีนี้ลองมาดูพวกที่บวชเป็นอาชีพ ทำอาชีพเลี้ยงชีวิตด้วยการบวช ไม่ค่อยจะมีคุณธรรมใดๆ เรื่องศีลนี่ยิ่งไม่ต้องถามไถ่

จะหลงเหลือซักกี่ข้ออันนี้ก็ไม่ค่อยจะแน่ใจ

แต่ที่แน่ๆ ก็คือมีสถานะแค่ลูกชาวบ้าน โกนหัวห่มเหลืองเท่านั้น เช่นนี้ก็คิดเอากันเองแล้วกันว่าควรจะกราบพ่อแม่ได้หรือไม่

อีกทั้งผู้ที่บวชเข้ามาหากยังไม่บรรลุธรรมใดๆ ก็มีราคาแค่สมมุติสงฆ์เท่านั้น ไม่ใช่สงฆ์ตัวจริง

นอกจากนี้เราต้องเข้าใจถึงสถานภาพลำดับชั้นของผู้ที่บวชเข้ามาในพระธรรมวินัยนี้ก่อนว่า

นอกจากพระผู้มีพระภาคเจ้าจักทรงจัดลำดับชั้นของบุคคลตามคุณธรรมแล้ว ยังไม่เคยเรียกขานผู้ที่บวชเข้ามาแล้วไม่บรรลุธรรมใดๆ เลยว่าเป็นพระ

มีแต่ทรงเรียก ภิกษุ นักบวช สมณะ และพระ ตามแต่ชั้นของคุณธรรม

ทีนี้เราก็มาดูกันว่าคำว่า

ภิกษุเขาแปลว่า ผู้เห็นภัยในวัฏฏะหรือผู้ขอ

นักบวช แปลว่า ผู้ละวางปล่อยเว้นความชั่วทางกาย วาจา และใจ

สมณะ แปลว่า ผู้สงบกาย สงบวาจา และสงบใจ

พระ แปลว่า ผู้ประเสริฐดีเลิศและงามพร้อม

พระอริยเจ้า แปลว่า ผู้ประเสริฐยิ่งกว่า

ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่าพระธรรมวินัยนี้ท่านจัดคุณลักษณะของบุคคลด้วยคุณศีล คุณธรรม

มิใช่สถานภาพ อายุขัย หรือคำยกย่อง

ตอนนี้คงต้องหันไปถามพวกที่ค้านการกราบไหว้พ่อแม่ว่า

มีคุณลักษณะ คุณศีล คุณธรรม อยู่ในระดับใด

หรือแค่มีสถานภาพ คำยกย่อง และยี่ห้อเท่านั้น

สำหรับฉันนั้น พวกคุณทั้งหลายก็ไม่ต้องมาสนใจมากนักหรอก เพราะฉันเคยบอกมานานเนกาเลแล้วว่า ฉันไม่ใช่พระ

อย่างดีก็เป็นได้แค่ ภิกษุ นักบวช หรือสมณะเท่านั้น ในหัวสมองฉันไม่เคยคิดที่จะเทียบชั้นกับคำว่าพระเลย ซ้ำยังได้เคยตำหนิแก่พวกนักข่าวบ่อยๆ ว่า อย่าไปเขียนข่าวว่าพระชั่ว ควรเขียนว่าภิกษุชั่ว หรือนักบวชชั่ว

ส่วนสมณะหรือพระนั้นชั่วไม่ได้แล้วโดยคุณนาม

สำหรับฉันนั้น โคตรเหง้าบรรพบุรุษได้สั่งสอนอบรมมาแต่เล็กแต่น้อยว่าต้องกราบไหว้พ่อแม่ทุกวันคืน

หากจะให้เลิกกราบ เลิกไหว้ ก็เอาตัวฉันไปตัดหัวเสียจะง่ายกว่า

หากการกราบไหว้พ่อแม่ของฉันไปทำให้ใครๆ เดือดร้อนก็ต้องขออภัยด้วย

ขอเตือนด้วยความหวังดีว่าสีลัพพตปรามาส คือการอวดดื้อถือดีในศีลพรตของตนเองกันหน่อยนะจ๊ะ อ้อ แล้วอย่าบอกอีกนะว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอน

สำหรับฉันแล้วอย่าว่าแต่พ่อแม่เลย ใครก็ได้ที่มีคุณธรรมสูงส่งยิ่งกว่าฉัน ฉันก็กราบก็ไหว้ได้ทั้งนั้น ดีกว่าอยู่เปล่าๆ

ด้วยเพราะฉันเชื่อว่า

ปูชา จะ ปูชะนียานัง การบูชาบุคคลที่ควรบูชา
เอตัมมังคะละมุตตะมัง ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด

เหล่านี้แหละคือเหตุที่ฉันยังไม่ได้เป็นพระ

พุทธะอิสระ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่