แชร์ประสบการณ์…….เข้าสู่ปีที่ 3 กับการฟ้องร้องขอความยุติธรรมจากสายการบินโลว์คอส
ข้อมูลเดิม….
http://ppantip.com/topic/30358891
พวกเราตกเครื่องบินแบบงง ๆ ทั้งๆ ที่รออยู่หน้าเกจหลายชั่วโมง
เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ไม่พบความผิดของตัวเองจริง ๆ พวกเราจึงตัดสินใจร้องเรียนกับ สคบ. เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2556 ด้วยการกรอกแบบฟอร์มแล้วส่งทาง web site ของ สคบ.
สคบ.ติดต่อให้ไปไกล่เกลี่ย สายการบินโลว์คอสคู่กรณีส่งเจ้าหน้าที่มาเป็นตัวแทนเจรจา นำข้อเสนอของพวกเราไปหารือกับผู้บริหาร
การไกล่เกลี่ยโดยเข้าประชุมกับคณะกรรมการเกิดขึ้น 2 ครั้ง การไกล่เกลี่ยทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่เกิดขึ้น 4 ครั้ง เจ้าหน้าที่ สคบ. ทุกท่านทำงานอย่างเต็มที่ พยายามไกล่เกลี่ยให้ทุกฝ่ายพอใจ .......ผ่านไป 2 ปี กว่า
ณ วันที่ 25 มีนาคม 2558 ผลการเจรจาคือ สายการบินจะให้ตั๋วเดินทาง แต่มีเงื่อนไขหลัก ๆ ดังนี้
1. ต้องบินภายใน 4 เดือนที่กำหนดไว้เท่านั้น
2. ไม่สามารถเดินทางวันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดเทศกาลต่อเนื่อง และช่วงที่มีอัตราการเดินทางสูง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท
3. ไม่รวมภาษีสนามบิน ค่าประกันภัย ภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ
4. ไม่ชดเชยค่าวีซ่า ค่าจองโรงแรม ค่าเดินทาง
5. ไม่ชดเชยค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินการฟ้องร้อง
พวกเรายังไม่พอใจกับสิ่งที่สายการบินโลว์คอสคู่กรณีชดเชยให้ จึงยังไม่ยุติการร้องเรียนกับ สคบ.
สิ่งที่ได้รับจากการลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิของตัวเองครั้งนี้ คือ
1. รู้โครงสร้างองค์กร บทบาทหน้าที่ ขั้นตอนการทำงานของ สคบ. ได้เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ สคบ. หลายท่าน และได้รู้ว่า สคบ. อยู่ที่ไหน 555
2. รู้ว่าหน่วยงานที่ควบคุมสายการบิน คือ กรมการบินพลเรือน แต่มีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมเพียงการบินภายในประเทศเท่านั้น ขณะนี้กรมการบินพลเรือนกำลังดำเนินการเพื่อให้มีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมถึงการบินระหว่างประเทศ และได้รับรู้ถึงกำลังใจที่เจ้าหน้าที่กรมการบินพลเรือนมอบให้ตอนที่โทรศัพท์ไปปรึกษา
3. การขอความยุติธรรมจากบริษัทมหาชนจำกัด ในกระบวนการไกล่เกลี่ยเราจะไม่มีโอกาสได้เจรจากับผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจตัดสินใจเลย ซึ่งอาจทำให้เกิดการผิดพลาดในการสื่อสาร และส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริหาร (หวังในใจลึก ๆ ว่า ความจริงแล้ว ผู้บริหารมีจิตใจเมตตา มีธรรมภิบาล มีความยุติธรรม มีจิตบริการ มีความรับผิดชอบ แต่อาจไม่ทราบข้อมูลของพวกเราแบบที่ครบถ้วน ถูกต้อง ชัดเจน)
4. ได้รู้ว่า ทุกคนต้องเอาตัวรอด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของสายการบินโลว์คอสคู่กรณีที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ แม้ต้องโกหกเขาก็ทำ
5. รู้แล้วว่าการฟ้องร้องใช้เวลายาวนานมาก เสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และที่สำคัญเสียกำลังใจได้ง่ายมาก
6. เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ถอดใจ ไม่ฟ้องร้องจนถึงขั้นศาลเพื่อเรียกร้องสิทธิของตนเอง และยอมแพ้ต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ในที่สุด
7. ได้รู้ว่าเพื่อนร่วมชะตากรรมคนนึงเข้มแข็งมาก ฮีถอนเรื่องฟ้องบริษัทขายรถแห่งหนึ่งออกจาก สคบ.เพราะทนความยาวนานของขั้นตอนไม่ไหว และฟ้องศาลเอง แต่โชคร้ายเจอทนายหน้าเลือดต้องบอกเลิกจ้างตั้งแต่ผลการตัดสินของศาลชั้นต้นยังไม่ออก คู่กรณีขออุทธรณ์ ฮีดำเนินการแก้อุทธรณ์เอง……..บอกเลยว่า นับถือค่ะ
ท้ายสุดนี้ จะบอกว่า พวกเรากำลังตัดสินในยุติการฟ้องร้องเช่นกัน เพราะเหนื่อยมากทั้งกาย และใจ 555
ขอให้กำลังใจให้กับท่านอื่นที่อาจเจอ กรณี คล้าย ๆ กัน
นักท่องเที่ยวอย่าชะล่าใจ รออยู่หน้า gate ชม.กว่า ๆ ยังตกเครื่องบิน (การต่อสู้ กว่า ๒ ปี)
ข้อมูลเดิม….http://ppantip.com/topic/30358891
พวกเราตกเครื่องบินแบบงง ๆ ทั้งๆ ที่รออยู่หน้าเกจหลายชั่วโมง
เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ไม่พบความผิดของตัวเองจริง ๆ พวกเราจึงตัดสินใจร้องเรียนกับ สคบ. เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2556 ด้วยการกรอกแบบฟอร์มแล้วส่งทาง web site ของ สคบ.
สคบ.ติดต่อให้ไปไกล่เกลี่ย สายการบินโลว์คอสคู่กรณีส่งเจ้าหน้าที่มาเป็นตัวแทนเจรจา นำข้อเสนอของพวกเราไปหารือกับผู้บริหาร
การไกล่เกลี่ยโดยเข้าประชุมกับคณะกรรมการเกิดขึ้น 2 ครั้ง การไกล่เกลี่ยทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่เกิดขึ้น 4 ครั้ง เจ้าหน้าที่ สคบ. ทุกท่านทำงานอย่างเต็มที่ พยายามไกล่เกลี่ยให้ทุกฝ่ายพอใจ .......ผ่านไป 2 ปี กว่า
ณ วันที่ 25 มีนาคม 2558 ผลการเจรจาคือ สายการบินจะให้ตั๋วเดินทาง แต่มีเงื่อนไขหลัก ๆ ดังนี้
1. ต้องบินภายใน 4 เดือนที่กำหนดไว้เท่านั้น
2. ไม่สามารถเดินทางวันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดเทศกาลต่อเนื่อง และช่วงที่มีอัตราการเดินทางสูง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท
3. ไม่รวมภาษีสนามบิน ค่าประกันภัย ภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ
4. ไม่ชดเชยค่าวีซ่า ค่าจองโรงแรม ค่าเดินทาง
5. ไม่ชดเชยค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินการฟ้องร้อง
พวกเรายังไม่พอใจกับสิ่งที่สายการบินโลว์คอสคู่กรณีชดเชยให้ จึงยังไม่ยุติการร้องเรียนกับ สคบ.
สิ่งที่ได้รับจากการลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิของตัวเองครั้งนี้ คือ
1. รู้โครงสร้างองค์กร บทบาทหน้าที่ ขั้นตอนการทำงานของ สคบ. ได้เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ สคบ. หลายท่าน และได้รู้ว่า สคบ. อยู่ที่ไหน 555
2. รู้ว่าหน่วยงานที่ควบคุมสายการบิน คือ กรมการบินพลเรือน แต่มีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมเพียงการบินภายในประเทศเท่านั้น ขณะนี้กรมการบินพลเรือนกำลังดำเนินการเพื่อให้มีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมถึงการบินระหว่างประเทศ และได้รับรู้ถึงกำลังใจที่เจ้าหน้าที่กรมการบินพลเรือนมอบให้ตอนที่โทรศัพท์ไปปรึกษา
3. การขอความยุติธรรมจากบริษัทมหาชนจำกัด ในกระบวนการไกล่เกลี่ยเราจะไม่มีโอกาสได้เจรจากับผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจตัดสินใจเลย ซึ่งอาจทำให้เกิดการผิดพลาดในการสื่อสาร และส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริหาร (หวังในใจลึก ๆ ว่า ความจริงแล้ว ผู้บริหารมีจิตใจเมตตา มีธรรมภิบาล มีความยุติธรรม มีจิตบริการ มีความรับผิดชอบ แต่อาจไม่ทราบข้อมูลของพวกเราแบบที่ครบถ้วน ถูกต้อง ชัดเจน)
4. ได้รู้ว่า ทุกคนต้องเอาตัวรอด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของสายการบินโลว์คอสคู่กรณีที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ แม้ต้องโกหกเขาก็ทำ
5. รู้แล้วว่าการฟ้องร้องใช้เวลายาวนานมาก เสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และที่สำคัญเสียกำลังใจได้ง่ายมาก
6. เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ถอดใจ ไม่ฟ้องร้องจนถึงขั้นศาลเพื่อเรียกร้องสิทธิของตนเอง และยอมแพ้ต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ในที่สุด
7. ได้รู้ว่าเพื่อนร่วมชะตากรรมคนนึงเข้มแข็งมาก ฮีถอนเรื่องฟ้องบริษัทขายรถแห่งหนึ่งออกจาก สคบ.เพราะทนความยาวนานของขั้นตอนไม่ไหว และฟ้องศาลเอง แต่โชคร้ายเจอทนายหน้าเลือดต้องบอกเลิกจ้างตั้งแต่ผลการตัดสินของศาลชั้นต้นยังไม่ออก คู่กรณีขออุทธรณ์ ฮีดำเนินการแก้อุทธรณ์เอง……..บอกเลยว่า นับถือค่ะ
ท้ายสุดนี้ จะบอกว่า พวกเรากำลังตัดสินในยุติการฟ้องร้องเช่นกัน เพราะเหนื่อยมากทั้งกาย และใจ 555
ขอให้กำลังใจให้กับท่านอื่นที่อาจเจอ กรณี คล้าย ๆ กัน