รถยนต์ของผมถูกถอยมาชนได้รับความเสียหายโดยมี บ.เมืองท เป็นของคู่กรณี ส่วนของผมใช้ บ.ไทย วว. ผมมีประกันแบบ 3+ จึงไม่สามารถจัดการดำเนินการเรียกร้องได้ด้วยตนเอง ต้องให้เจ้าประคุณไทย วว. เข้ามาช่วย ซึ่งก็แทบไม่ช่วยเลย รถผมปาเจโร่สปอร์ต ถูกถอยมาชนกันชนหลังแตก ฝาท้ายบุบ ไฟท้ายซ้ายแตก ตรงกาบด้านล่างหลุด คุมราคาในครั้งแรกให้มา 18,000 บาท เพราะคงให้เคาะทำสีอย่างเดียว จนผมโวยไปที่ บ. จึงได้การเปลี่ยนทั้งหมดในราคา 4x,xxx บาท นี่ขนาดผมเป็นฝ่ายเสียหาย บ.ไทย วว. ยังทำกับผมแบบนี้ ผมจึงไม่ไว้ใจที่จะซ่อมอู่ในเครืออีกต่อไป จึงไปซ่อมอู่นอก และใช้เวลาไปประมาณ 12 วัน ขอเรียกค่าชดเชยการขาดประโยชน์จาก บ.เมือง ท ทางโน้นให้มาแค่ 3,000 (500x6) บาท บอกตรงๆ ว่าไม่คุ้ม ผมเลยร้องเรียนไปที่คปภ. หวังว่าจะได้รับความยุติธรรมจากหน่วยงานรัฐ เพราะความเสียหายที่ได้รับมันมีมากกว่าเงิน 500 บาท/วัน แต่ปรากฎว่าผมเสียเวลาเปล่า เพราะ คปภ.ไม่ได้มีอำนาจที่จะช่วย เพราะ บ.ประกัน ใช่คำว่าจ่ายไม่น้อยกว่า 500 บาทจึงไม่ผิดกติกา ที่ผมไม่ยอมไม่ใช่งกเงินอะไร แค่มาบอกว่าเวลารถเราถูกชนมันเสียประโยชน์หลายด้าน (1) ราคาขายต่อก็จะลดลงเพราะรถเคยทำสี (2)โอกาสในการใช้ชีวิตแบบปกติก็หายไป (3)ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ควรจะเกิด ที่สำคัญคือผมมองว่า บ.ประกัน เขารู้ว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ เขาจึงเสนอให้ผมที่ 4,000 บาทปิดจบ และที่ผมรู้สึกผิดหวังก็คือ จนท.รัฐ บอกผมว่าเงิน 500 บาท/วัน ช่วยทุเลาเยียวยาก็ดีแล้ว กลายเป็นบุญคุญกับผมอีก ผมจึงไม่จบใช้สิทธิ์ฟ้องศาลเพื่อทวงความยุติธรรมในช่องว่างของกฎหมายที่บอกว่า ไม่น้อยกว่า 500 บาท/วัน ซึ่งก็ไม่ได้บอกเช่นกันว่าเรียกร้องมากกว่าไม่ได้ เพราะผมเป็นฝ่ายเสียหายและผลประโยชน์ที่ได้จากโอกาสในการใช้รถตั้งสิบกว่าวัน เอาตรงๆแค่ค่าผ่อนก็ไม่พอละวันละ 500 บาท สุดท้ายผมเข็ดกับ บ.ไทย วว. ที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่ต่อหน้า จนท.คปภ. และ เมือง ท.ที่ส่งพนักงานไร้คุณธรรมมาเจรจา สุดท้ายอยากหาทนายช่วยส่งเรื่องฟ้องศาลให้ผมหน่อย ท่านใดมีช่วยแนะนำด้วยครับ
คปภ. เป็นที่พึ่งของผู้เสียผลประโยชน์จาก บ.ประกัน จริงหรือ?