ถ้าใครไม่อยากอ่านยาวๆ ผมมีสรุปให้ก่อนเลยครับ
วันที่ 5 พค 2565 ผมและแฟนขับรถมอเตอร์ไซค์ ถูกรถ taxi ชน เพราะ taxi กลับรถในที่ห้ามกลับ ตำรวจลงบันทึกประจำวันว่า Taxi เป็นฝ่ายผิด และผมบอกให้วิริยะประกันภัยยกรถผมไปซ่อมได้เลย เพราะผมและแฟนบาดเจ็บไม่มีปัญญาเอารถไปซ่อมเอง
โดยระหว่างนี้ผมต้องเรียก grab ไปรักษาแผลที่ รพ ทุกวัน เพื่อจะเก็บใบเสร็จค่าเดินทางไปเบิกกับประกันในภายหลัง
วันที่ 21 พค 2565 ผ่านมาแล้ว 17 วัน แผลผมเริ่มดีขึ้นมาก ผมได้โทรไปที่อู่ จากการโทรไปขอเบอร์อู่กับตัวแทนประกัน พบว่ารถยังจอดตากแดดทิ้งไว้ที่โรงพัก ทั้งๆ ที่รถสามารถยกไปซ่อมได้ตั้งแต่วันที่ 5 พค 2565 เพราะตำรวจระบุฝ่ายผิดตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว
ผมร้อนใจมากที่ประกันดำเนินการช้า จึงแจ้งประกันว่าจะยกรถไปซ่อมเองที่ศูนย์
วันที่ 28 พค 2565 ผ่านมาอีก 7 วัน ผมส่งราคาประเมินให้ตัวแทนประกันประเมินค่าซ่อม
วันที่ 1 มิย 2565 ผ่านมาอีก 4 วัน ผมโทรตามเรื่องค่าซ่อม ได้รับแจ้งว่าได้ค่าซ่อมไม่เต็มจำนวนตามใบเสนอราคา ถ้าอยากเคลียร์ให้เข้ามาที่สำนักงานวิริยะที่บางพลัด ผมเลือกโทรปรึกษา call center ก่อนและได้รับแจ้งว่าให้ไปที่สำนักงานใกล้บ้านก็ได้ เลยจะตัดสินใจมาที่สำนักงานประกันที่สุขสวัสดิ์
วันที่ 2 มิย 2565 ผมยอมซ่อมที่ศูนย์ โดยผมยินดีรับผิดชอบส่วนต่างค่าซ่อมเอง 900 บาท เพราะมั่นใจการซ่อมของศูนย์มากกว่าอู่ของวิริยะ ส่วนค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ สุรปแล้ววิริยะให้ผมวันละ 300 บาท โดยศูนย์ประเมินวันซ่อมไว้ 14 วัน ประกันจึงจะจ่ายค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถตั้งแต่วันที่ 2 มิย 2565 ถึงวันที่ 16 มิย 2565 โดยประกันจะไม่รับผิดชอบค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถตั้งแต่วันที่ 5 พค 2565 ซึ่งเป็นวันที่ผมให้ประกันยกรถเข้าอู่ แต่ประกันไม่ยอมยกเข้าอู่ ซึ่งส่วนนี้เป็นความผิดของบริษัทเองที่ทำให้รถผมซ่อมช้าทำให้ผมต้องเสียประโยชน์จากการใช้รถรวมแล้วประมาณ 40 วัน
สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับทุกคนที่ได้อ่าน
1. ผมกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำตั้งแต่อุบัติเหตุที่ผมไม่ได้ก่อขึ้น ผมเจ็บตัวแล้ว ผมยังต้องเป็นคนที่มาติดตามหมดทุกขั้นตอน ผมต้องเสียเวลาทำเรื่องทุกอยากเอง มันสมควรหรือไม่
2. ผมคิดว่าค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ ที่ต้องเริ่มนับตั้งแต่เอารถเข้าอู่ซ่อม ก็เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายนำรถเข้าซ่อมช้า แล้วมาเรียกร้องกับประกันเพิ่ม แต่กรณีของผมเป็นประกันเองที่เอารถเข้าอู่ช้า ทำให้ผมได้รับความเสียหายเพิ่ม แต่กลับไม่สามารถเรียกร้องเพิ่มได้
3. ในความจริงแล้วผมใช้รถมอเตอร์ไซค์ในการเดินทาง เมื่อผมบาดเจ็บ หรือไม่มีรถใช้ ผมก็ต้องใช้ taxi หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งค่าใช้จ่ายมักจะเกินกว่า 300 บาทอยู่แล้วเพราะผมใช้เดินทางระยะทางไกล และไปหลายที ทำไมต้องบังคับให้ผมต้องรับขอเสนอที่ 300 บาท กลายเป็นว่า เจ็บแล้ว ยังต้องเสียค่าเดินทางเพิ่มอีก
4. การลงโทษของบริษัทต่อพนักงานที่ทำงานผิดพลาด คือ ตัดเงินเดือน หรือโบนัส อาจจะเป็นระเบียบของบริษัท แต่ถามหน่อย ผมที่เป็นผู้เสียจากเรื่องนี้ ได้อะไร คือผมต้องการเงินชดเชยที่ผมควรได้ ไม่ได้ต้องการแค่เห็นพนักงานโดนลงโทษ
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมต้องพิจารณาการทำงานของบริษัทประกันนี้ใหม่ หากผมจะทำประกัน หรือใครมาถามว่าบริษัทวิริยะเคลมประกันเป็นยังไงบ้าง ผมก็คงเล่าเรื่องนี้ แล้วให้เค้าพิจารณาเอาเอง แต่สำหรับผมที่เคยเป็นลูกค้า คง....
ถ้าใครอยากอ่านรายละเอียดมากกว่านี้ เชิญอ่านใน comment ครับ ผมพยายามอธิบายความลำบากของผมไว้แล้ว หวังว่าทุกท่านที่ใช้บริการบริษัทนี้อยู่ จะไม่เจอเหตุการณ์แบบเดียวกันกับผมนะครับ
และถ้าเกิดใครเจอประสบการณ์แบบเดียวกันกับผม รบกวนแนะนำผมด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ โดยบริษัทวิริยะประกันภัย
วันที่ 5 พค 2565 ผมและแฟนขับรถมอเตอร์ไซค์ ถูกรถ taxi ชน เพราะ taxi กลับรถในที่ห้ามกลับ ตำรวจลงบันทึกประจำวันว่า Taxi เป็นฝ่ายผิด และผมบอกให้วิริยะประกันภัยยกรถผมไปซ่อมได้เลย เพราะผมและแฟนบาดเจ็บไม่มีปัญญาเอารถไปซ่อมเอง
โดยระหว่างนี้ผมต้องเรียก grab ไปรักษาแผลที่ รพ ทุกวัน เพื่อจะเก็บใบเสร็จค่าเดินทางไปเบิกกับประกันในภายหลัง
วันที่ 21 พค 2565 ผ่านมาแล้ว 17 วัน แผลผมเริ่มดีขึ้นมาก ผมได้โทรไปที่อู่ จากการโทรไปขอเบอร์อู่กับตัวแทนประกัน พบว่ารถยังจอดตากแดดทิ้งไว้ที่โรงพัก ทั้งๆ ที่รถสามารถยกไปซ่อมได้ตั้งแต่วันที่ 5 พค 2565 เพราะตำรวจระบุฝ่ายผิดตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว
ผมร้อนใจมากที่ประกันดำเนินการช้า จึงแจ้งประกันว่าจะยกรถไปซ่อมเองที่ศูนย์
วันที่ 28 พค 2565 ผ่านมาอีก 7 วัน ผมส่งราคาประเมินให้ตัวแทนประกันประเมินค่าซ่อม
วันที่ 1 มิย 2565 ผ่านมาอีก 4 วัน ผมโทรตามเรื่องค่าซ่อม ได้รับแจ้งว่าได้ค่าซ่อมไม่เต็มจำนวนตามใบเสนอราคา ถ้าอยากเคลียร์ให้เข้ามาที่สำนักงานวิริยะที่บางพลัด ผมเลือกโทรปรึกษา call center ก่อนและได้รับแจ้งว่าให้ไปที่สำนักงานใกล้บ้านก็ได้ เลยจะตัดสินใจมาที่สำนักงานประกันที่สุขสวัสดิ์
วันที่ 2 มิย 2565 ผมยอมซ่อมที่ศูนย์ โดยผมยินดีรับผิดชอบส่วนต่างค่าซ่อมเอง 900 บาท เพราะมั่นใจการซ่อมของศูนย์มากกว่าอู่ของวิริยะ ส่วนค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ สุรปแล้ววิริยะให้ผมวันละ 300 บาท โดยศูนย์ประเมินวันซ่อมไว้ 14 วัน ประกันจึงจะจ่ายค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถตั้งแต่วันที่ 2 มิย 2565 ถึงวันที่ 16 มิย 2565 โดยประกันจะไม่รับผิดชอบค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถตั้งแต่วันที่ 5 พค 2565 ซึ่งเป็นวันที่ผมให้ประกันยกรถเข้าอู่ แต่ประกันไม่ยอมยกเข้าอู่ ซึ่งส่วนนี้เป็นความผิดของบริษัทเองที่ทำให้รถผมซ่อมช้าทำให้ผมต้องเสียประโยชน์จากการใช้รถรวมแล้วประมาณ 40 วัน
สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับทุกคนที่ได้อ่าน
1. ผมกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำตั้งแต่อุบัติเหตุที่ผมไม่ได้ก่อขึ้น ผมเจ็บตัวแล้ว ผมยังต้องเป็นคนที่มาติดตามหมดทุกขั้นตอน ผมต้องเสียเวลาทำเรื่องทุกอยากเอง มันสมควรหรือไม่
2. ผมคิดว่าค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ ที่ต้องเริ่มนับตั้งแต่เอารถเข้าอู่ซ่อม ก็เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายนำรถเข้าซ่อมช้า แล้วมาเรียกร้องกับประกันเพิ่ม แต่กรณีของผมเป็นประกันเองที่เอารถเข้าอู่ช้า ทำให้ผมได้รับความเสียหายเพิ่ม แต่กลับไม่สามารถเรียกร้องเพิ่มได้
3. ในความจริงแล้วผมใช้รถมอเตอร์ไซค์ในการเดินทาง เมื่อผมบาดเจ็บ หรือไม่มีรถใช้ ผมก็ต้องใช้ taxi หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งค่าใช้จ่ายมักจะเกินกว่า 300 บาทอยู่แล้วเพราะผมใช้เดินทางระยะทางไกล และไปหลายที ทำไมต้องบังคับให้ผมต้องรับขอเสนอที่ 300 บาท กลายเป็นว่า เจ็บแล้ว ยังต้องเสียค่าเดินทางเพิ่มอีก
4. การลงโทษของบริษัทต่อพนักงานที่ทำงานผิดพลาด คือ ตัดเงินเดือน หรือโบนัส อาจจะเป็นระเบียบของบริษัท แต่ถามหน่อย ผมที่เป็นผู้เสียจากเรื่องนี้ ได้อะไร คือผมต้องการเงินชดเชยที่ผมควรได้ ไม่ได้ต้องการแค่เห็นพนักงานโดนลงโทษ
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมต้องพิจารณาการทำงานของบริษัทประกันนี้ใหม่ หากผมจะทำประกัน หรือใครมาถามว่าบริษัทวิริยะเคลมประกันเป็นยังไงบ้าง ผมก็คงเล่าเรื่องนี้ แล้วให้เค้าพิจารณาเอาเอง แต่สำหรับผมที่เคยเป็นลูกค้า คง....
ถ้าใครอยากอ่านรายละเอียดมากกว่านี้ เชิญอ่านใน comment ครับ ผมพยายามอธิบายความลำบากของผมไว้แล้ว หวังว่าทุกท่านที่ใช้บริการบริษัทนี้อยู่ จะไม่เจอเหตุการณ์แบบเดียวกันกับผมนะครับ
และถ้าเกิดใครเจอประสบการณ์แบบเดียวกันกับผม รบกวนแนะนำผมด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ