(เตือนภัย) ระวังกระเป๋าหายในซุปเปอร์มาร์เก็ตห้างดังในตัวเมืองชลบุรี

.....เล่ายาวนะคะ.....
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ วันที่ 8/8/58 ที่ซุปเปอร์มาเก็ตของห้างสรรพสินค้าชั้นนำในตัวเมืองชลบุรี โดยครอบครัวเรามีสมาชิก 3 คน คือสามี ดิฉัน และลูกชายวัย 7 เดือน ตามปกติทุกวันเสาร์เรามักจะไปเดินห้างกันเสมอ และในวันนี้ก็เช่นกัน จุดประสงค์ของวันนี้คือ PEA Shop/AIS shop เดินเล่นตลาดนัดหน้าห้างและซุปเปอร์มาเก็ตตัว T .....เมื่อทำธุระเสร็จเวลาห้าโมงกว่าๆ เราก็ไปเดินเลือกซื้ออาหารสดในซุปเปอร์มาร์เกต เป้าหมายคือ ชาบูของพ่อกับแม่ และวัตถุดิบสำหรับอาหารเสริมลูกชาย โดยดิฉันมีหน้าที่อุ้มลูกชายโดยใส่เป้อุ้ม และสามีดูแลรับผิดชอบกระเป๋า(กระเป๋าสามี 1 ใบ กระเป๋าสะพายของดิฉัน ซึ่งบรรจุของใช้แม่และลูกใบใหญ่ 1 ใบน้ำหนักค่อนข้างมาก ขนมและของทานเล่นที่ได้จากการเดินเล่นหน้าห้าง 6 ถุง) เมื่อไปถึงซุปเปอร์ฯ ดิฉันเดินนำไป สามีไปเอารถเข็น เราตรงไปยังโซนผักโครงการหลวง ดิฉันเลือกผักไควาเระส่งให้สามี เถียงกันครู่หนึ่งเรื่องรสชาติของผัก แต่สามีก็ยอมแพ้ เอาผักใส่ในรถเข็น จากนั้นดิฉันกับลูกชายก็ยืนเลือกผักต่อไปอย่างเพลิดเพลิน สักพักก็เลือกผักชิ้นที่ 2 จะให้สามี ยื่นไป..ไม่มีคนรับ หันมาเจอแต่รถเข็นพร้อมผักไควาเระ สามีหายไป ดิฉันก็เอาผักใส่รถเข็นที่จอดอยู่ข้างๆตัว และเลือกผักต่อไป สักพัก สามีเดินมาพร้อมหมูชาบู เอามาให้เลือกว่าจะเอาแบบไหน เราเลือกอาหารสดกันอยู่ราวๆ 40 นาที จนได้ของครบตามต้องการอย่างเพลิดเพลิน จากนั้นก็เดินไปโซนเครื่องดื่ม ครบที่ต้องการแล้วก็ไปแคชเชียร์ ตอนนั้นเองที่ดิฉันสังเกตว่ากระเป๋าสะพายของดิฉันหายไป จึงถามสามีว่า "พี่คะ พี่ไม่ได้เอากระเป๋าน้องลงมาจากรถเหรอคะ" สามีสำรวจรถเข็นแล้วเริ่มหน้าซีดพร้อมตอบว่า "พี่เอาลงมา พอมาถึงนี่พี่ก็เอาไว้ในรถเข็น"ดิฉันถามย้ำว่าแน่ใจนะว่าไม่ได้ลืมไว้บนรถ สามีตอบว่าแน่ใจ ดิฉันถามว่าทำไมถึงวางไว้บนรถเข็น เคยบอกแล้วว่ามันอันตราย สามีบอกว่าเราเดินกันมาพักใหญ่แล้วและกระเป๋ามันหนักมาก สัมภาระพะรุงพะรัง พอได้รถเข็นก็มั่นใจว่าเราอยูกับรถเข็นตลอดจึงวางไว้
....ขอโทษค่ะ ลูกชายตื่น เดี๋ยวมาต่อนะคะ
.....เล่าต่อนะคะ...........
พอฟังตอนนี้ก็รู้สึกว่าเป็นความผิดของสามีที่ประมาท ทิ้งของมีค่าไว้บนรถเข็นได้อย่างไร ไม่ได้โทษใครเลย แต่พอนึกย้อนไป ถ้ากระเป๋าอยู่ในรถเข็นจริงก็น่าจะหายไปตั้งแต่ช่วงแรกๆ เพราะตอนดิฉันจะหยิบผักชิ้นที่ 2 ลงรถเข็น ตอนหันมาไม่เห็นสามี ในรถเข็นก็มีแต่ผัก ไม่มีกระเป๋าอยู่แล้ว เมื่อมั่นใจว่าหายจึงเดินย้อนกลับไปดูบริเวณที่เราซื้อของ ก็ไม่เจออะไร จึงตัดสินใจไปชำระเงิน และแจ้งแคชเชียร์เรื่องกระเป๋าหาย แคชเชียร์พาไปบริการลูกค้า ดิฉันเล่าเหตุการณ์พร้อมขอให้ทางห้างช่วยดูกล้องวงจรปิดให้ เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องก็สอบถามว่ากระเป๋าสีอะไร และแจ้ง รปภ.ให้สังเกตคนถือกระเป๋าสีนี้ และให้เรารอ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ดูกล้อง ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ก็เล่าว่าบริเวณโซนอาหารสดจะมีกล้องเพียงตัวเดียว มีเหตุการณ์ของหายบ่อยครั้ง และมิจฉาชีพมักจะรู้มุมกล้องเป็นอย่างดี ทำให้ไม่เคยจับได้ ได้ฟังแบบนี้บอกตามตรงว่าใจแป้วค่ะ........รออยู่สักครู่หนึ่ง เจ้าหน้าที่คนเดิมก็เดินมาบอกว่า กล้องไม่เห็นตอนพวกเราเดินเข้ามา ไม่มีภาพตอนนั้น เราก็ยิ่งหมดหวัง ก็ขอเค้าดูกล้องจุดอื่นว่าเราถือกระเป๋าเข้ามาด้วยแน่มั้ย คราวนี้ดิฉันบอกให้สามีตามไปด้วย ระหว่างที่สามีตามเจ้าหน้าที่ไป ลูกก็เล่นอยู่สักพักก็เริ่มงอแง หิวนม ปัญหาคือผ้าคลุมให้นมอยู่ในกระเป๋าที่หายไป ดิฉันจึงขอเจ้าหน้าที่ให้พาไปห้องที่สามารถให้นมได้ เจ้าหน้าที่พาไปห้องพัก ดิฉันนั่งให้นมไปสักพักก็ค่อยๆนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็มั่นใจว่ากระเป๋าหายตอนที่สามีเดินไปดูหมู และดิฉันวุ่นๆกับการเลือกผักช่วง 5 นาทีแรก นั้งนึกถึงของในกระเป๋าเพื่อจะได้ไปแจ้งความว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งของหลักๆก็คือ สัมภาระลูก กระเป๋าสตางค์ของดิฉัน สำเนาเอกสารสำคัญทางราชการ สมุดเงินฝาก และสมุดบันทึกแม่และเด็ก(สมุดสีชมพู) ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญและมีค่าที่สุดในกระเป๋าใบนั้น เพราะมีเรื่องราวบันทึกความทรงจำของเรา 2 คนแม่ลูกตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์  นึกถึงตรงนี้ก็น้ำตาจะไหลรู้สึกโกธรสามีที่ประมาท โกรธตัวเองที่ไม่ทันสังเกต เสียใจ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ นั่งนึกต่อไปก็คิดว่าปกติเราเป็นคนดี ทำแต่เรื่องดีมาตลอด ไม่เคยทำร้ายใคร เหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นอาจเป็นสิ่งที่เป็นเคราะห์หนัก แต่โชคดีที่เสียแค่ทรัพย์สิน ร่างกายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว นั่งอยู่พักใหญ่ ลูกทานนมเสร็จก็ออกไป ปรากฎสามียังไม่กลับมา รออยู่อีกพักนึง สามีกับเจ้าหน้าที่เดินมาด้วยรอยยิ้มไม่แพ้กัน บอกว่าเจอกระเป๋าแล้ว เจ้าหน้าที่เก็บไว้ให้ ของยังอยู่ครบ ความรู้สึกตอนนี้ ดีใจจนบรรยายไม่ถูก ด้วยความดีใจ พวกเรากล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทั้งหมดแล้วเดินทางกลับ.....................
..............ระหว่างทางกลับ ดิฉันก็สอบถามสามีว่าเจอกระเป๋าได้อย่างไร.............ขอเล่าส่วนของสามีในคอมเม้นต์นะคะ เพื่อไม่ให้กระทู้ยาวเกินไปค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่