วันนี้จะมีรีวิวรถคันนึง ที่ซื้อมาขี่แบบไม่สนใจใคร
Benelli bn600i
โฉมที่สองแล้วที่ Benelli BN600 เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีสองโฉมแล้ว ผมก็พึ่งรู้ตอนซื้อมา
โดยหลายคนยังสงใสว่า Benelli นั้นมีความเป็นมายังไง เรื่องนี้สามารถหาข้อมูลได้ในวิกิพีเดียได้ โดยปัจจุบันนั้น QJ Group จากแดนมังกร ได้เทคโอเวอbenelli จากแดนมักกะโรนีไปแล้ว โดยโรงงานใหญ่อยู่ที่เมืองจีน
แต่ปัจจุบันเบเนลลี่นั้นก็ยังมีโรงงานที่อิตาลี่เช่นเดิม โดยผลิตในรุ่นสูง และประกอบ bn600r ในอิตาลี่
(ส่วนตัวคาดว่า ของดีๆส่งไปนู่นหมด ของกลางๆส่งมาประกอบไทย ตามนิสัยของจีนแดง)
*ข้อมูลเพิ่มเติม เบเนลลี่ไม่ได้ทำเป็นแต่เครื่องยนต์สามสูบอย่างที่ใครๆเข้าใจ ทำมาตั้งแต่1ยัน6สูบเลยทีเดียว
ที่อิตาลี่และโซนยุโรป จะขายเป็นรหัสbn600r ซึ่งออพชั่นจะกีกว่า และbn600s(ตัวเดียวกับbn600i)
โดย bn600 เข้ามาเปิดตัวในไทยครั้งแรกในงาน บางกอก มอเตอร์โชว์ 2013 ซึ่งเสียงตอบรับในช่วงนั้นค่อนข้างไม่ค่อยดีนัก
แนะนำว่าให้เปิดดูรีวิวเว็บนี้ประกอบไปด้วย ๕๕๕
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.bikerthaiclub.com/board/index.php?topic=834.0
bn600 ตัวแรก ( bn600j )
bn600i ตัวปัจจุบัน
โดยราคาในไทยนั้น 295,000 บาท ถือว่าสูงสำหรับรถที่สัญชาติไม่แน่นอน เมื่อเทียบกับ er6n และ cb650f ซึ่งเป็นเจ้าตลาดอยู่ โดยราคาจะถูกกว่า MT-07 และ SFV-650
ตอนแรกที่จะซื้ออีกคันก็เพราะว่ากิเลส อยากได้รถที่มีดิสคู่ อ่ะ มีให้เลือกในตลาด แต่ๆๆๆๆๆ เฮ้ย มันต้องมีโช๊คหัวกลับด้วยดิ ดูไป เวรกำ ต้องเป็นระดับสูงไปอีก มันไม่จำเป็นสำหรับรถเล็กๆหรือ หรือมันเป็นการตลาด ดูไปดูมา นึกถึงรถที่เคยไปดูมา ที่ตอนนั้นไม่ค่อยโอเค
หาข้อมูลไปๆมาๆ เห้ย หน้าตามันเปลี่ยนไปนี่หว่า และหาข้อมูล อ้าว ในไทยก็มีขาย จองรถและโอนเงินจองโดยที่ยังไม่เคยเห็นรถตัวจริง ๕๕๕
ตอนนี้ใช้มาเกือบหมื่นโลแล้ว ตอนจะซื้อหารีวิวรุ่นนี้ไม่ได้เลย มีแต่รุ่นbn600j
ปล. รถคันนี้ได้ตกแต่งเพิ่มเติมในเรื่องชุดสติ๊กเกอต่างๆ ชิวหน้า แครชบาร์ กันล้ม และไฟเพิ่มเติม
อันดับแรกเลย น้ำหนักของรถสองร้อยกว่า ตามสเปกรถหนักเท่าๆกับcb650f แต่เอาเข้าจริงๆมันใหญ่กว่ามาก ด้วยการออกแบบที่เน้นให้รถมีมิติกว้าง
เฟรมถักด้านหน้าเป็นเหล็ก เชื่อมต่อกับเฟรมอลูมิเนียม และสวิงอามอลูมีเนียม
เวลาขี่ ขาจะกางออกค่อนข้างมาก ทำให้คนขาสั้นจะมีปัญหา ทั้งๆที่ความสูงรถนั้น พอๆกับรุ่นอื่นๆ
ส่วนตัวผมนั้น ตอนแรกโหลดโชคหน้า ปัญหาที่ตามมาคือหน้าจะไวมาก น้ำหนักลงไปที่โช๊คหน้ามาก และก็ล้มแปะในที่สุด ๕๕๕
เลยเปลี่ยนแนวมาปาดเบาะแทน
ฟิลลิ่งในการขี่
จากประสบการณ์ส่วนตัว เป็นรถที่แรงบิดจะมาในช่วง 8-9,000 รอบ ขึ้นไป ซึ่งเป็นรถที่เรียกว่าแรงปลาย
โดยรอบปกติจะไปถึง 11,000 รอบ เรดไลน์อยู่ที่13,000 รอบ แต่ยอมให้เราเข้าในย่านเรดไลน์ได้ และสักพักไม่กี่วิ กล่องจะตัดให้กลับมาอยู่แค่ในรอบปกติ แต่ผมเองไม่เคยไปถึงเรดไลน์ได้ในเกียหก ซึ่งtopspeedที่เคยทำได้อยู่ที่ 237km/hr แต่มีบางท่านเคยขี่ที่240+ ซึ่งไมล์ค่อนข้างจะอ่อนไปนิด
ส่วนอัตราเร่งนั้น แรกๆนี่แมวหลับเลย พอถึงรอบปุ๊บพุ่งแบบสิงโตพุ่งเข้าหาเหยื่อ ด้วยแรงบิดที่มาในรอบสูงและห้วงแคบๆของรอบ จังหวะเปลี่ยนเกีย จะทำให้รถอยู่ในอารมที่ว่าสับโดดๆเลย คือไม่มีเวลาให้เห็นว่ารอบกวาด สับเกียปั๊บๆไปไหลที่ประมาณ180ที่เกียห้าไปจนถึงสองร้อย ซึ่งเคยลองอยู่แค่สองครั้ง กลัวครับ บอกเลย ๕๕๕
สิ่งที่เปลี่ยนจากbn600ตัวแรกคือชุดถังน้ำมัน (เปลี่ยนทรงให้เหลี่ยมๆและกว้างขึ้น )
แฟริ่งแหลมๆด้านหน้า (bn600i ดูสปอท แน่นขึ้น แต่ดูไม่ถึกเหมือนตัวJ)
สวิงอามหลัง
และปลายท่อไอเสีย ปลายท่อใหม่ รุ่นJตัวหลังๆ กับรุ่น i จะใหญ่ขึ้นเสียงเพราะกว่าเดิม
จุดเด่นรุ่นนี้คือท่อออกตูด แต่ก็แปลก รถท่อออกข้าง ไปทำท่อออกตูด รถท่อออกตูด ไปแต่งท่อออกข้างกัน ก็สวยไปอีกแบบ ส่วนเสียงนั้น เป็นเสียงออกนุ่มๆแผดๆ ไม่ดุไม่ลั่น คล้ายๆท่อโยชิมูระ ท่อเดิมก็ไม่เงียบไม่ดังเกินไป ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ ไม่ต้องกลัวพี่รวจ
มาดูเรือนไมล์กัน (วัดโวลท์นี่ไม่เกี่ยว ติดเพิ่มเอง)
เครื่องยนต์ สีสูบเรียง DOCH ระบายความร้อนด้วยน้ำ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ทำงานอิสระแยกกัน โดยคำนวนแยกกันตามO2 sensor
ชุดช่วงล่าง จากสเปก 50mm upside down ยางหน้า 120 ยางหลัง 180
การใช้งาน โช๊คอัพหน้า อันเบ้อเร้อ แบบอัพไซดาว พร้อมขาจับคาลิเปอแบบเรเดียล ด้วยขนาดที่ใหญ่ บอกเลยแข็งมาก แข็งกว่ารถnekedที่เคยขี่มา แต่อ่อนกว่ารถสปอทตระกูลK โดยในความเร็วสูงๆจะไม่ค่อยมีการการหน้าเบา แฮนยวบให้รู้สึก แต่ความเร็วต่ำๆดูแข็งไป
โช๊คหลังก็ปรับได้ตามชอบเลย มีปรับความอ่อนแข็งได้ และปรับรีบาวได้ รีบาวคือการคืนตัวของโช๊คว่าให้เด้งกลับไวไหม ผมชอบแบบแข็งๆซาดิสดี
การประกอบทั่วๆไป ถือว่าทำได้ดี อยู่ที่มาตรฐานของแต่ละคน
ระบบเบรค
เบรคหน้า คาลิเปอ 4 ลูกสูบ พร้อมสายถัก ตามที่หลายคนชอบแซวว่าเอาไว้เบรคยานอวกาศ
เบรคหน้าค่อนข้างละเอียดตามแรงกดของมือ เบรคหลังสองลูกสูบ ไม่มีระบบเอบีเอส
จากการใช้งาน เบรคหน้าโอเคมาก จากที่ลองไปเทสในสนาม 100-0 ในระยะไม่ถึง100เมตร โดยกดตามน้ำหนักมือไม่ให้ล้อล๊อก
เรามาดูอุปกรณ์ส่วนควบกันบ้าง
คลัช แข็งไปนิด แรกๆนี่ปวดมือเลย แต่การเข้าเกียร์สมูทมาก
มือเบรค และส่วนของสวิทออฟรันสีแดง จอดตากแดดมากสีเริ่มซีด แต่การประกอบถือว่าดูแน่นหนา ไม่หรูหรา ไม่ขี้เหร่
ที่นี้มาดูตรงที่ไม่ค่อยถูกใจบ้างดีกว่า
การเชื่อมเฟรม ยังไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่
รอยต่อของชิ้นงานมันก็ไม่ควรจะมาอยู่ตรงนี้ ดูไม่เนียนอย่างแรง
มาดูรายชะเอียดเกี่ยวกับการใช้งานบ้างดีกว่า
-การเซอวิสรถค่อนข้างเรื่องเยอะพอสมควร
น้ำมันเครื่องตามคู่มือใช้ขั้นต่ำ 10w50 ซึ่งราคาค่อนข้างสูง
ตามคู่มือแนะนำให้เซอวิสทุก 4000 โล แต่บางศูนย์ก็ให้เข้าที่6000โล
-รถค่อนข้างไม่ค่อยถูกกับน้ำ เห็นว่าเป็นตั้งแต่ 300-1130
-คนตัวเล็กๆจะขี่ยากหน่อย เพราะรถมันกว้างมาก ประมาณz800
ส่วนตัวผมว่างานประกอบพอๆกันกับฮอนด้า แต่เรื่องมาตรฐานQCผมว่ายังเป็นรอง เพราะบางคันมันออกมาไม่เหมือนกัน เวลาซื้อเลือกดีๆหน่อยแล้วกัน เรื่องปัญหา ตัวนี้เป็นโฉมที่สองแล้ว ปัญหาต่างๆได้ถูกแก้ไปแล้วค่อนข้างเยอะ
แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง คงไม่มีอะไรจะเพอเฟคไปซะทุกอย่าง
มันไม่ใช่รถอิตาลี่แท้ๆ แต่มันก็ไม่ใช่รถจีนแย่ๆที่ใครเค้าพูดกัน
ส่วนตัวผม แฮปปี้ดีกับรถนอกกระแส รถผมไม่เคยมีปัญหาหนักๆอะไร มีสตาทไม่ติดเพราะจอดรถตากฝนไว้ รีเลย์ชื้น
และก็ศูนย์รัดท่อยางหม้อน้ำไม่แน่น ทำให้มีน้ำหล่อเย็นซึมออกมา
หลายคนสงใสเรื่องศูนย์บริการ ผมก็เข้าแค่ที่สองที่ ไม่อยากเข้าหลายที่และหลายรอบ ๕๕๕
รถอะไรไม่สำคัญชอแค่มีความสุขกับมันก็พอครับ
แถมๆ bn สวยๆ เป็นรถที่แต่งได้ขึ้นมาก
bn600j
bn600i
[CR] รีวิวรถนอกกระแส Benelli bn600i
Benelli bn600i
โฉมที่สองแล้วที่ Benelli BN600 เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีสองโฉมแล้ว ผมก็พึ่งรู้ตอนซื้อมา
โดยหลายคนยังสงใสว่า Benelli นั้นมีความเป็นมายังไง เรื่องนี้สามารถหาข้อมูลได้ในวิกิพีเดียได้ โดยปัจจุบันนั้น QJ Group จากแดนมังกร ได้เทคโอเวอbenelli จากแดนมักกะโรนีไปแล้ว โดยโรงงานใหญ่อยู่ที่เมืองจีน
แต่ปัจจุบันเบเนลลี่นั้นก็ยังมีโรงงานที่อิตาลี่เช่นเดิม โดยผลิตในรุ่นสูง และประกอบ bn600r ในอิตาลี่
(ส่วนตัวคาดว่า ของดีๆส่งไปนู่นหมด ของกลางๆส่งมาประกอบไทย ตามนิสัยของจีนแดง)
*ข้อมูลเพิ่มเติม เบเนลลี่ไม่ได้ทำเป็นแต่เครื่องยนต์สามสูบอย่างที่ใครๆเข้าใจ ทำมาตั้งแต่1ยัน6สูบเลยทีเดียว
ที่อิตาลี่และโซนยุโรป จะขายเป็นรหัสbn600r ซึ่งออพชั่นจะกีกว่า และbn600s(ตัวเดียวกับbn600i)
โดย bn600 เข้ามาเปิดตัวในไทยครั้งแรกในงาน บางกอก มอเตอร์โชว์ 2013 ซึ่งเสียงตอบรับในช่วงนั้นค่อนข้างไม่ค่อยดีนัก
แนะนำว่าให้เปิดดูรีวิวเว็บนี้ประกอบไปด้วย ๕๕๕
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
bn600 ตัวแรก ( bn600j )
bn600i ตัวปัจจุบัน
โดยราคาในไทยนั้น 295,000 บาท ถือว่าสูงสำหรับรถที่สัญชาติไม่แน่นอน เมื่อเทียบกับ er6n และ cb650f ซึ่งเป็นเจ้าตลาดอยู่ โดยราคาจะถูกกว่า MT-07 และ SFV-650
ตอนแรกที่จะซื้ออีกคันก็เพราะว่ากิเลส อยากได้รถที่มีดิสคู่ อ่ะ มีให้เลือกในตลาด แต่ๆๆๆๆๆ เฮ้ย มันต้องมีโช๊คหัวกลับด้วยดิ ดูไป เวรกำ ต้องเป็นระดับสูงไปอีก มันไม่จำเป็นสำหรับรถเล็กๆหรือ หรือมันเป็นการตลาด ดูไปดูมา นึกถึงรถที่เคยไปดูมา ที่ตอนนั้นไม่ค่อยโอเค
หาข้อมูลไปๆมาๆ เห้ย หน้าตามันเปลี่ยนไปนี่หว่า และหาข้อมูล อ้าว ในไทยก็มีขาย จองรถและโอนเงินจองโดยที่ยังไม่เคยเห็นรถตัวจริง ๕๕๕
ตอนนี้ใช้มาเกือบหมื่นโลแล้ว ตอนจะซื้อหารีวิวรุ่นนี้ไม่ได้เลย มีแต่รุ่นbn600j
ปล. รถคันนี้ได้ตกแต่งเพิ่มเติมในเรื่องชุดสติ๊กเกอต่างๆ ชิวหน้า แครชบาร์ กันล้ม และไฟเพิ่มเติม
อันดับแรกเลย น้ำหนักของรถสองร้อยกว่า ตามสเปกรถหนักเท่าๆกับcb650f แต่เอาเข้าจริงๆมันใหญ่กว่ามาก ด้วยการออกแบบที่เน้นให้รถมีมิติกว้าง
เฟรมถักด้านหน้าเป็นเหล็ก เชื่อมต่อกับเฟรมอลูมิเนียม และสวิงอามอลูมีเนียม
เวลาขี่ ขาจะกางออกค่อนข้างมาก ทำให้คนขาสั้นจะมีปัญหา ทั้งๆที่ความสูงรถนั้น พอๆกับรุ่นอื่นๆ
ส่วนตัวผมนั้น ตอนแรกโหลดโชคหน้า ปัญหาที่ตามมาคือหน้าจะไวมาก น้ำหนักลงไปที่โช๊คหน้ามาก และก็ล้มแปะในที่สุด ๕๕๕
เลยเปลี่ยนแนวมาปาดเบาะแทน
ฟิลลิ่งในการขี่
จากประสบการณ์ส่วนตัว เป็นรถที่แรงบิดจะมาในช่วง 8-9,000 รอบ ขึ้นไป ซึ่งเป็นรถที่เรียกว่าแรงปลาย
โดยรอบปกติจะไปถึง 11,000 รอบ เรดไลน์อยู่ที่13,000 รอบ แต่ยอมให้เราเข้าในย่านเรดไลน์ได้ และสักพักไม่กี่วิ กล่องจะตัดให้กลับมาอยู่แค่ในรอบปกติ แต่ผมเองไม่เคยไปถึงเรดไลน์ได้ในเกียหก ซึ่งtopspeedที่เคยทำได้อยู่ที่ 237km/hr แต่มีบางท่านเคยขี่ที่240+ ซึ่งไมล์ค่อนข้างจะอ่อนไปนิด
ส่วนอัตราเร่งนั้น แรกๆนี่แมวหลับเลย พอถึงรอบปุ๊บพุ่งแบบสิงโตพุ่งเข้าหาเหยื่อ ด้วยแรงบิดที่มาในรอบสูงและห้วงแคบๆของรอบ จังหวะเปลี่ยนเกีย จะทำให้รถอยู่ในอารมที่ว่าสับโดดๆเลย คือไม่มีเวลาให้เห็นว่ารอบกวาด สับเกียปั๊บๆไปไหลที่ประมาณ180ที่เกียห้าไปจนถึงสองร้อย ซึ่งเคยลองอยู่แค่สองครั้ง กลัวครับ บอกเลย ๕๕๕
สิ่งที่เปลี่ยนจากbn600ตัวแรกคือชุดถังน้ำมัน (เปลี่ยนทรงให้เหลี่ยมๆและกว้างขึ้น )
แฟริ่งแหลมๆด้านหน้า (bn600i ดูสปอท แน่นขึ้น แต่ดูไม่ถึกเหมือนตัวJ)
สวิงอามหลัง
และปลายท่อไอเสีย ปลายท่อใหม่ รุ่นJตัวหลังๆ กับรุ่น i จะใหญ่ขึ้นเสียงเพราะกว่าเดิม
จุดเด่นรุ่นนี้คือท่อออกตูด แต่ก็แปลก รถท่อออกข้าง ไปทำท่อออกตูด รถท่อออกตูด ไปแต่งท่อออกข้างกัน ก็สวยไปอีกแบบ ส่วนเสียงนั้น เป็นเสียงออกนุ่มๆแผดๆ ไม่ดุไม่ลั่น คล้ายๆท่อโยชิมูระ ท่อเดิมก็ไม่เงียบไม่ดังเกินไป ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ ไม่ต้องกลัวพี่รวจ
มาดูเรือนไมล์กัน (วัดโวลท์นี่ไม่เกี่ยว ติดเพิ่มเอง)
เครื่องยนต์ สีสูบเรียง DOCH ระบายความร้อนด้วยน้ำ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ทำงานอิสระแยกกัน โดยคำนวนแยกกันตามO2 sensor
ชุดช่วงล่าง จากสเปก 50mm upside down ยางหน้า 120 ยางหลัง 180
การใช้งาน โช๊คอัพหน้า อันเบ้อเร้อ แบบอัพไซดาว พร้อมขาจับคาลิเปอแบบเรเดียล ด้วยขนาดที่ใหญ่ บอกเลยแข็งมาก แข็งกว่ารถnekedที่เคยขี่มา แต่อ่อนกว่ารถสปอทตระกูลK โดยในความเร็วสูงๆจะไม่ค่อยมีการการหน้าเบา แฮนยวบให้รู้สึก แต่ความเร็วต่ำๆดูแข็งไป
โช๊คหลังก็ปรับได้ตามชอบเลย มีปรับความอ่อนแข็งได้ และปรับรีบาวได้ รีบาวคือการคืนตัวของโช๊คว่าให้เด้งกลับไวไหม ผมชอบแบบแข็งๆซาดิสดี
การประกอบทั่วๆไป ถือว่าทำได้ดี อยู่ที่มาตรฐานของแต่ละคน
ระบบเบรค
เบรคหน้า คาลิเปอ 4 ลูกสูบ พร้อมสายถัก ตามที่หลายคนชอบแซวว่าเอาไว้เบรคยานอวกาศ
เบรคหน้าค่อนข้างละเอียดตามแรงกดของมือ เบรคหลังสองลูกสูบ ไม่มีระบบเอบีเอส
จากการใช้งาน เบรคหน้าโอเคมาก จากที่ลองไปเทสในสนาม 100-0 ในระยะไม่ถึง100เมตร โดยกดตามน้ำหนักมือไม่ให้ล้อล๊อก
เรามาดูอุปกรณ์ส่วนควบกันบ้าง
คลัช แข็งไปนิด แรกๆนี่ปวดมือเลย แต่การเข้าเกียร์สมูทมาก
มือเบรค และส่วนของสวิทออฟรันสีแดง จอดตากแดดมากสีเริ่มซีด แต่การประกอบถือว่าดูแน่นหนา ไม่หรูหรา ไม่ขี้เหร่
ที่นี้มาดูตรงที่ไม่ค่อยถูกใจบ้างดีกว่า
การเชื่อมเฟรม ยังไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่
รอยต่อของชิ้นงานมันก็ไม่ควรจะมาอยู่ตรงนี้ ดูไม่เนียนอย่างแรง
มาดูรายชะเอียดเกี่ยวกับการใช้งานบ้างดีกว่า
-การเซอวิสรถค่อนข้างเรื่องเยอะพอสมควร
น้ำมันเครื่องตามคู่มือใช้ขั้นต่ำ 10w50 ซึ่งราคาค่อนข้างสูง
ตามคู่มือแนะนำให้เซอวิสทุก 4000 โล แต่บางศูนย์ก็ให้เข้าที่6000โล
-รถค่อนข้างไม่ค่อยถูกกับน้ำ เห็นว่าเป็นตั้งแต่ 300-1130
-คนตัวเล็กๆจะขี่ยากหน่อย เพราะรถมันกว้างมาก ประมาณz800
ส่วนตัวผมว่างานประกอบพอๆกันกับฮอนด้า แต่เรื่องมาตรฐานQCผมว่ายังเป็นรอง เพราะบางคันมันออกมาไม่เหมือนกัน เวลาซื้อเลือกดีๆหน่อยแล้วกัน เรื่องปัญหา ตัวนี้เป็นโฉมที่สองแล้ว ปัญหาต่างๆได้ถูกแก้ไปแล้วค่อนข้างเยอะ
แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง คงไม่มีอะไรจะเพอเฟคไปซะทุกอย่าง
มันไม่ใช่รถอิตาลี่แท้ๆ แต่มันก็ไม่ใช่รถจีนแย่ๆที่ใครเค้าพูดกัน
ส่วนตัวผม แฮปปี้ดีกับรถนอกกระแส รถผมไม่เคยมีปัญหาหนักๆอะไร มีสตาทไม่ติดเพราะจอดรถตากฝนไว้ รีเลย์ชื้น
และก็ศูนย์รัดท่อยางหม้อน้ำไม่แน่น ทำให้มีน้ำหล่อเย็นซึมออกมา
หลายคนสงใสเรื่องศูนย์บริการ ผมก็เข้าแค่ที่สองที่ ไม่อยากเข้าหลายที่และหลายรอบ ๕๕๕
รถอะไรไม่สำคัญชอแค่มีความสุขกับมันก็พอครับ
แถมๆ bn สวยๆ เป็นรถที่แต่งได้ขึ้นมาก
bn600j
bn600i