( ร่ายสุภาพ )
๏ พระธรรมอำไพรัตน์..........ล้างขจัดกิเลสมาร
แผ้วพร่าผลาญอวิชชา.........นำนราห่างสังโยชน์
ไพโรจน์กว่าพันแสง............เจิดแจรงจรัสด้าว
ปรมัตถ์ธรรมอะคร้าว............โสตแจ้งสดับนัย ตรองเทอญ ๚
( อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ )
๏ สี่ตีนก็รู้พลาด.................ยุรยาตรระวังภัย
โอ้อวดจะปราชัย................สติตั้งประคองจินต์
๏ ชนพาลนิสัยโฉด.............ปะทุโกรธระด่าววิญญ์
ทุบฟ้ากระแทกดิน..............ระอุชั่วบ่กลัวกรรม
๏ บัณฑิตกระจ่างผ่อง.........รุจิส่องสว่างล้ำ
อ่อนน้อมประพฤติธรรม........สละชีพผดุงชน
๏ ดูก่อนนิกรชาติ.................ลุประมาทพินาศตน
สังวรอมรผล.......................ชนะเลิศประเสริฐงาม ๚
( โคลงสี่สุภาพ )
๏ สามภพเลอเลิศชั้น...........คติชน
ใดแบ่งจำแนกหน................แห่งห้อง
ก็ดวงจิตแห่งคน..................นั่นขับ เคลื่อนแล
ดีชั่ว,สูงต่ำต้อง...................แต่ท้องภูมิเนา
๏ มีดเหลาเกลาแต่งไม้.........มนงาม
กระดาษทรายขัดตาม…….….แต่งเสี้ยน
จิตมนุษย์สั่งสมความ………...แค้นโลภ หลงนา
ใช้พระธรรมขัดเหี้ยน………...ห่างไร้มลทิน ๚
( กลอนสุภาพ )
๏ สรรพสิ่งแปรผันวันหมุนผ่าน
อันตรธานลับหายสลายสิ้น
แล้วก่อขึ้นใหม่มาเป็นอาจิณ
วัฏจักรผกผินตามปัจจัย ๚
๏ สุขไม่นานเดี๋ยวทุกข์ก็รุกล่า
ในยาววาหนาคืบที่อาศัย
ต้องเกิดแก่เจ็บตายตามกลไก
เหลือฝากไว้ต่างชื่อคือชั่วดี ๚
( กาพย์ฉบัง ๑๖ )
๏ อสงไขยวนว่ายเหลือที่............เกิดตายเช่นนี้
เพราะคว้าหาทิพย์พริบฝัน ๚
๏ เพลินจิตคิดล่องสรวงสันต์........กลายกลับแปรผัน
จรในวัฏฏะอนันต์กาล ๚
๏ ธรรมผ่องส่องแจ้งวิญญาณ........หลุดห้วงสงสาร
อประมาณยาวยืดมืดมน ๚
๏ ละกิเลสย่างสู่มรรคผล..............แห่งพระทศพล
ล่วงพ้นสังโยชน์นิโรธเย็น ๚ะ๛
กวีวัจนะ ชุด .. นบธรรม ...
( ร่ายสุภาพ )
๏ พระธรรมอำไพรัตน์..........ล้างขจัดกิเลสมาร
แผ้วพร่าผลาญอวิชชา.........นำนราห่างสังโยชน์
ไพโรจน์กว่าพันแสง............เจิดแจรงจรัสด้าว
ปรมัตถ์ธรรมอะคร้าว............โสตแจ้งสดับนัย ตรองเทอญ ๚
( อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ )
๏ สี่ตีนก็รู้พลาด.................ยุรยาตรระวังภัย
โอ้อวดจะปราชัย................สติตั้งประคองจินต์
๏ ชนพาลนิสัยโฉด.............ปะทุโกรธระด่าววิญญ์
ทุบฟ้ากระแทกดิน..............ระอุชั่วบ่กลัวกรรม
๏ บัณฑิตกระจ่างผ่อง.........รุจิส่องสว่างล้ำ
อ่อนน้อมประพฤติธรรม........สละชีพผดุงชน
๏ ดูก่อนนิกรชาติ.................ลุประมาทพินาศตน
สังวรอมรผล.......................ชนะเลิศประเสริฐงาม ๚
( โคลงสี่สุภาพ )
๏ สามภพเลอเลิศชั้น...........คติชน
ใดแบ่งจำแนกหน................แห่งห้อง
ก็ดวงจิตแห่งคน..................นั่นขับ เคลื่อนแล
ดีชั่ว,สูงต่ำต้อง...................แต่ท้องภูมิเนา
๏ มีดเหลาเกลาแต่งไม้.........มนงาม
กระดาษทรายขัดตาม…….….แต่งเสี้ยน
จิตมนุษย์สั่งสมความ………...แค้นโลภ หลงนา
ใช้พระธรรมขัดเหี้ยน………...ห่างไร้มลทิน ๚
( กลอนสุภาพ )
๏ สรรพสิ่งแปรผันวันหมุนผ่าน
อันตรธานลับหายสลายสิ้น
แล้วก่อขึ้นใหม่มาเป็นอาจิณ
วัฏจักรผกผินตามปัจจัย ๚
๏ สุขไม่นานเดี๋ยวทุกข์ก็รุกล่า
ในยาววาหนาคืบที่อาศัย
ต้องเกิดแก่เจ็บตายตามกลไก
เหลือฝากไว้ต่างชื่อคือชั่วดี ๚
( กาพย์ฉบัง ๑๖ )
๏ อสงไขยวนว่ายเหลือที่............เกิดตายเช่นนี้
เพราะคว้าหาทิพย์พริบฝัน ๚
๏ เพลินจิตคิดล่องสรวงสันต์........กลายกลับแปรผัน
จรในวัฏฏะอนันต์กาล ๚
๏ ธรรมผ่องส่องแจ้งวิญญาณ........หลุดห้วงสงสาร
อประมาณยาวยืดมืดมน ๚
๏ ละกิเลสย่างสู่มรรคผล..............แห่งพระทศพล
ล่วงพ้นสังโยชน์นิโรธเย็น ๚ะ๛