เอ้า ช่วงนี้มีเรื่องที่อยากจะเขียนเยอะแยะไป หมด อาทิตย์นี้เลยจัดให้เลยอีกเรื่อง
เหมือนเคยคอนเซป คือ อธิบายให้ง่าย ให้แม้แต่อะมีบ้า ยังเข้าใจได้ 555+
วันนี้จะมาพูดถึง การลดน้ำหนักที่ถูกวิธี และมีประสิทธิภาพที่สุด ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับคำนี้ก่อนเลย
Body Fat คือ มันก็คือ ค่า%ของไขมันในร่างกายของเรา โดยจะเทียบกับ น้ำหนักตัวกับไขมันในร่างกาย
โดย Body Fat จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าคนๆนั้น อ้วนหรือผอม ไม่ใช่การใช้น้ำหนักบน ตราชั่งเป็น ตัวชี้วัด
โดยถ้าจะให้ผมนิยาม การที่อยู่ในภาวะอ้วน ก็คือ สำหรับผู้ชายคือ BF เกิน25% ส่วนผู้หญิงก็ เกิน30%
เพราะน้ำหนักบนตราช่างที่เหวี่ยงไปมาวันต่อวัน มันก็แค่ น้ำในร่างกายที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง สำหรับคนที่ชั่งน้ำหนัก
ทุกวันแล้วบอกว่า ว๊ายยยย น้ำหนักขึ้น คุณเดินไปฉี่ดู แล้วมาชั่งใหม่ ก็ลดแล้ว เพราะฉะนั้น มันเชื่อถืออะไรไม่ได้เลยกับน้ำหนักบน ตราชั่ง
และมีอีกคำนึง ที่อยากให้จำ คือคำว่า Lean Body Mass มันก็คือ ความสำพันธ์ระหว่างกล้าม เนื้อ กับไขมัน
ที่ถ้าฝั่งไหนลดอีกฝั่งก็จะเพิ่มขึ้น ตัวอย่าง น้ำหนัก 100 กิโล
ไขมัน 20%ก็คือ20โล
กล้ามเนื้อ20%ก็คือ20โล
ถ้ากล้ามขึ้นมาไขมันก็จะลดลง โดยที่น้ำหนักตัวเราเท่าเดิม และอย่างที่รู้กันไขมันกับกล้ามเนื้อ น้ำหนักเท่ากัน
แต่ขนาดต่างกันถึง3เท่า ถ้าเราเพิ่มกล้ามเนื้อขึ้นไขมันลดลง และนี่คือเหตุผลที่ว่าน้ำหนักเราไม่ลด แต่สัดส่วนเราดูลดลง
ก็เพราะ Lean Body Mass เรามีกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นไปทดแทนไขมันที่หายไป
และคนที่ลดความอ้วนแบบผิดๆ โดยใช้น้ำหนักบนตราชั่งเป็นตัวชี้วัด แต่ไม่คำนึงถึง BF ที่สะสมอยู่ในร่างกาย
แทนที่จะเป็นการลดไขมัน จะกลับกลายเป็นการลดน้ำและกล้ามเนื้อแทน มันจะส่งผลให้น้ำหนักลดลงไปแต่ก็ยังดูอ้วนอยู่ดี
เพราะ %BF เราเพิ่มขึ้น
ยกตัวอย่างนะ
ฟัคคุง มีน้ำหนัก 100กิโล มี %ไขมัน 20 ฟัคคุงวิ่งอย่างบ้าคลั่ง แล้วลดน้ำหนักลงไป เหลือ 80 กิโล แต่ น้ำหนักที่ลดลงไป
กลายเป็นกล้ามและน้ำ ถ้าลองคำนวนดู ตอนแรก ฟัคคุง น้ำหนัก
100 ไขมัน20% ก็คือ ฟัคคุงมีไขมัน 20กิโล
ฟัคคุงน้ำหนักลดเหลือ80 แต่ไขมันไม่ได้ลดมีเท่าเดิม คือ 20กิโล จะเท่ากับฟัคคุงมี ไขมัน20กิโลจากน้ำหนักตัว 80
นั่นก็คือฟัคคุงมี %BF เพิ่มเป็น 25% รุปร่างของฟัคคุงก็จะยิ่ง ดูอ้วนมากขึ้น ทั้งที่น้ำหนักลดลง
และ เอฟเฟคที่ตามมา คือ ฟัคคุงเผาผลาญพลังงานได้ลดลง เพราะสูญเสียกล้ามเนื้อทำให้กินเท่าเดิม แต่กลับยิ่งอ้วนขึ้น
ซึ่งการลดน้ำหนักเขาจะมีคำเรียก 2 แบบ ก็คือ
Weight Loss คือการลดน้ำหนักบนตราชั่ง โดยไม่คำนึงว่า มันจะเป็นไขมัน น้ำ หรือ กล้ามเนื้อ
Fat Loss คือ การลดเฉพาะ น้ำหนักไขมัน ที่สะสมอยู่ในร่างกาย
ก็คิดดูแล้วกันนะว่าควรลดแบบไหน
สรุปจบ ให้โฟกัสที่การลด Fat ไม่ใช่ Weight
และ เน้นที่การเพิ่มกล้ามเนื้อ เป็นหลัก เพื่อให้ Lean Body Mass เทไปทางฝั่งกล้ามมากกว่าFat
จบเน้ออออออออะ
CR -
https://www.facebook.com/wtfwhatthefit
การลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
เหมือนเคยคอนเซป คือ อธิบายให้ง่าย ให้แม้แต่อะมีบ้า ยังเข้าใจได้ 555+
วันนี้จะมาพูดถึง การลดน้ำหนักที่ถูกวิธี และมีประสิทธิภาพที่สุด ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับคำนี้ก่อนเลย
Body Fat คือ มันก็คือ ค่า%ของไขมันในร่างกายของเรา โดยจะเทียบกับ น้ำหนักตัวกับไขมันในร่างกาย
โดย Body Fat จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าคนๆนั้น อ้วนหรือผอม ไม่ใช่การใช้น้ำหนักบน ตราชั่งเป็น ตัวชี้วัด
โดยถ้าจะให้ผมนิยาม การที่อยู่ในภาวะอ้วน ก็คือ สำหรับผู้ชายคือ BF เกิน25% ส่วนผู้หญิงก็ เกิน30%
เพราะน้ำหนักบนตราช่างที่เหวี่ยงไปมาวันต่อวัน มันก็แค่ น้ำในร่างกายที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง สำหรับคนที่ชั่งน้ำหนัก
ทุกวันแล้วบอกว่า ว๊ายยยย น้ำหนักขึ้น คุณเดินไปฉี่ดู แล้วมาชั่งใหม่ ก็ลดแล้ว เพราะฉะนั้น มันเชื่อถืออะไรไม่ได้เลยกับน้ำหนักบน ตราชั่ง
และมีอีกคำนึง ที่อยากให้จำ คือคำว่า Lean Body Mass มันก็คือ ความสำพันธ์ระหว่างกล้าม เนื้อ กับไขมัน
ที่ถ้าฝั่งไหนลดอีกฝั่งก็จะเพิ่มขึ้น ตัวอย่าง น้ำหนัก 100 กิโล
ไขมัน 20%ก็คือ20โล
กล้ามเนื้อ20%ก็คือ20โล
ถ้ากล้ามขึ้นมาไขมันก็จะลดลง โดยที่น้ำหนักตัวเราเท่าเดิม และอย่างที่รู้กันไขมันกับกล้ามเนื้อ น้ำหนักเท่ากัน
แต่ขนาดต่างกันถึง3เท่า ถ้าเราเพิ่มกล้ามเนื้อขึ้นไขมันลดลง และนี่คือเหตุผลที่ว่าน้ำหนักเราไม่ลด แต่สัดส่วนเราดูลดลง
ก็เพราะ Lean Body Mass เรามีกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นไปทดแทนไขมันที่หายไป
และคนที่ลดความอ้วนแบบผิดๆ โดยใช้น้ำหนักบนตราชั่งเป็นตัวชี้วัด แต่ไม่คำนึงถึง BF ที่สะสมอยู่ในร่างกาย
แทนที่จะเป็นการลดไขมัน จะกลับกลายเป็นการลดน้ำและกล้ามเนื้อแทน มันจะส่งผลให้น้ำหนักลดลงไปแต่ก็ยังดูอ้วนอยู่ดี
เพราะ %BF เราเพิ่มขึ้น
ยกตัวอย่างนะ
ฟัคคุง มีน้ำหนัก 100กิโล มี %ไขมัน 20 ฟัคคุงวิ่งอย่างบ้าคลั่ง แล้วลดน้ำหนักลงไป เหลือ 80 กิโล แต่ น้ำหนักที่ลดลงไป
กลายเป็นกล้ามและน้ำ ถ้าลองคำนวนดู ตอนแรก ฟัคคุง น้ำหนัก
100 ไขมัน20% ก็คือ ฟัคคุงมีไขมัน 20กิโล
ฟัคคุงน้ำหนักลดเหลือ80 แต่ไขมันไม่ได้ลดมีเท่าเดิม คือ 20กิโล จะเท่ากับฟัคคุงมี ไขมัน20กิโลจากน้ำหนักตัว 80
นั่นก็คือฟัคคุงมี %BF เพิ่มเป็น 25% รุปร่างของฟัคคุงก็จะยิ่ง ดูอ้วนมากขึ้น ทั้งที่น้ำหนักลดลง
และ เอฟเฟคที่ตามมา คือ ฟัคคุงเผาผลาญพลังงานได้ลดลง เพราะสูญเสียกล้ามเนื้อทำให้กินเท่าเดิม แต่กลับยิ่งอ้วนขึ้น
ซึ่งการลดน้ำหนักเขาจะมีคำเรียก 2 แบบ ก็คือ
Weight Loss คือการลดน้ำหนักบนตราชั่ง โดยไม่คำนึงว่า มันจะเป็นไขมัน น้ำ หรือ กล้ามเนื้อ
Fat Loss คือ การลดเฉพาะ น้ำหนักไขมัน ที่สะสมอยู่ในร่างกาย
ก็คิดดูแล้วกันนะว่าควรลดแบบไหน
สรุปจบ ให้โฟกัสที่การลด Fat ไม่ใช่ Weight
และ เน้นที่การเพิ่มกล้ามเนื้อ เป็นหลัก เพื่อให้ Lean Body Mass เทไปทางฝั่งกล้ามมากกว่าFat
จบเน้ออออออออะ
CR - https://www.facebook.com/wtfwhatthefit