สำนึกสุดท้ายของมือปืน
โดย...ล. วิลิศมาหรา
ตื่นขึ้นมาเกือบบ่ายสอง พิชัยหอบสังขารผอมโซเพราะหมู่นี้ซดแต่เหล้าเป็นหลัก ข้าวปลาไม่ค่อยได้แตะ ลุกขึ้นมาอาบน้ำให้สดชื่น เสร็จแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวหาชงกาแฟแก่ ๆ ดื่ม ตามด้วยยาแก้ปวดหัวอีกสองเม็ด เมื่อคืนเขาเมาหนักกว่าทุกวัน เพราะเพื่อนเก่าที่จากกันไปนานหิ้วเหล้ามาหาถึงบ้าน ฉลองอิสรภาพที่มันเผลอเดินไปสะดุดตอเข้า จนเสียหลักกระเด็นเข้าไปอยู่ในซังเตเสียหลายปี
สองสหายนั่งดื่มกันจนดึก ต่างผลัดกันเล่าเรื่องชีวิตที่ผ่านมา โม้บ้างจริงบ้างสู่กันฟัง จนเวลาล่วงเลยเกือบตีสี่เพื่อนเก่าถึงลากลับ ก่อนกลับบอกฝากเอาไว้ว่าค่ำ ๆ วันนี้จะมาหาใหม่อีกทีพร้อมข่าวดี พิชัยเออออไปแกน ๆ สมัยก่อนข่าวดีของไอ้เพื่อนคนนี้ไม่เคยดีจริงเลยสักครั้ง
ในบ้านเงียบสนิท บังอรเมียเขาคงออกไปทำงานแล้วตั้งแต่เช้า ท้องร้องจ๊อก ๆ รู้สึกหิวขึ้นมาติดหมัด เขาล้วงหาแบงค์ร้อยใบสุดท้ายในกระเป่ากางเกงยีนส์ที่ถอดพาดพนักเก้าอี้มุมห้องพบว่ายังอยู่ กะแต่งตัวเสร็จจะออกไปหาซื้อข้าวกับเกาเหลาเลือดหมูกินให้หายหิว
เดินผ่านโต๊ะกินข้าวเห็นบิลค่าน้ำค่าไฟวางอยู่บนโต๊ะ กับใบประเมินค่าซ่อมมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างพาหนะใช้รับซื้อของเก่าที่ส่งมาจากร้านซ่อมรถ ซึ่งตอนนี้เขายังไม่มีเงินไปเอาถูกบังอรวางทิ้งเอาไว้ให้ดู
เห็นแล้วพิชัยต้องถอนใจยาว นี่เพราะขาดเครื่องมือหากินเขาเลยต้องออกเดิน หิ้วถุงดำใส่ขยะ ตระเวนเก็บขวดพลาสติกกับพวกขวดแก้วตามถังขยะข้างทาง และตามโรงงานใกล้ ๆ แถวนี้แทนมาหลายวันแล้ว พอหามาขายได้วันละร้อยสองร้อยบาท ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในที่สุด พิชัยต้องวนกลับมาประกอบอาชีพนี้อีกในวัยล่วงเลยมาแล้วเกือบค่อนชีวิต
เมื่อวานตอนเย็นเจ๊เจ้าของห้องเช่ามาทวงค่าเช่า บังอรออกไปรับหน้า ขอผัดผ่อนไปอีกเดือน ยายเจ๊ร่างอ้วนกำชับเอาไว้ว่า ให้เดือนนี้อีกเดือนเดียวไม่งั้นเชิญขนของย้ายออกไปได้ ก่อนสะบัดก้นใหญ่เหมือนช้างน้ำเดินจากไป
วันนี้บังอรเลยต้องออกไปหาเพื่อนเพื่อของานทำทั้ง ๆ ที่ป่วยด้วยโรคไตอักเสบอยู่
เพื่อนคนที่มาหาเขาเมื่อคืนนี้ชื่อโอมเป็นซี้เก่า เคยสนิทกันมาตั้งแต่ตอนเรียนช่างอิเลคโทรนิคที่วิทยาลัยเทคนิคในตัวจังหวัด ทั้งพิชัยและโอมต่างมาจากอำเภอรอบนอก ยากจน และ“ไม่เอาถ่าน” อย่างที่ครูชบา ครูสอนวิชาภาษาไทยและครูประจำชั้นของพิชัยเคยชี้หน้าว่าเอาไว้ ขณะเขายังใส่ขาสั้นเรียนชั้นมอต้นอยู่ที่บ้านเกิด เมื่อตอนเขาตีหน้ามึนไม่ยอมเข้าเรียนในวิชาที่ครูสอน และวิชาครูท่านอื่นอีกสองสามคนจนติด มอ สอ หรือหมดสิทธิ์สอบเพราะเวลาเรียนไม่พอ เดือดร้อนครูชบาต้องหาทางให้เขาได้สอบจนผ่าน แถมยังหิ้วตัวเขาตามไปขอร้องอาจารย์ท่านอื่น ๆ ให้ช่วยอีกด้วย
“นึกว่าเห็นแก่อนาคตเด็กมันเถอะค่ะ อาจารย์ มันหัวดีนะแต่ขี้เกียจไปหน่อย เดี๋ยวดิฉันจะเอาตัวไปอบรมสั่งสอนต่อเอง”
ยอมรับว่าสมัยนั้นพิชัยและเด็กคนอื่น ๆ ในชั้นโคตรเกลียดครูชบาเลย ค่าที่แกเป็นครูผู้หญิงหน้าตาเคร่งขรึมแต่งตัวเชย ๆ และเป็นคนดุ ด่าเก่ง ชอบตวาดเด็กนักเรียนเสียงดัง ชอบหยิก บางทีก็เอามะเหงกเขกหัวพิชัยโป๊ก ๆ เวลาเขาแอบดูหนังสือการ์ตูนใต้โต๊ะไม่สนใจฟังที่อาจารย์สอน เขาและเพื่อน ๆ มักล้อแกว่าเป็น“สาวแก่ทึนทึก”ไม่มีใครเอาเลยอารมณ์เสีย เพราะขณะนั้นครูชบาอายุเกือบสี่สิบปีแล้วแต่ยังครองตัวเป็นโสด หลักประกันความดุของครูสาวแก่จอม
บก็คือ เวลาทะเลาะกัน เพื่อนมันยังขู่ว่า
“เดี๋ยวกูไปฟ้องครูชบา”
เท่านี้ก็พากันกลัวหัวหด ด้วยครูแกด่าจริงฟาดจริง
บ้านตึกสองชั้นของครูชบากับบ้านก่ออิฐบล็อกเปลือยไม่ได้ฉาบปูนหลังเล็ก ๆ มีแค่ห้องเดียวกับระเบียงแคบ ๆ ยื่นออกมานิดหน่อยที่เขาอาศัยอยู่สองคนกับแม่ซึ่งมีอาชีพเก็บขยะขาย อยู่ห่างกันประมาณสักห้าร้อยเมตร แม่มักจะเข้าไปเอาหนังสือพิมพ์เก่า ขวดพลาสติก ขวดแก้ว และกระดาษกับหนังสือเก่าที่บ้านครูบ่อยๆ แกให้มาฟรี ๆ บางวันยังแถมของกินกับพวกส้มสุกลูกไม้ให้แม่ติดมือกลับบ้านอีกด้วย
“หาเนื้อหาไข่บำรุงสมองมันหน่อย ลูกพี่เอียดหัวดีนะ พยายามส่งมันเรียนสูง ๆ ต่อไปจะได้พึ่งพามัน”
เคยได้ยินแกบอกแม่แบบนี้ ไอ้เรื่องหัวดีนี่คงเป็นเพราะพิชัยคิดเลขเก่ง โจทย์เลขที่ว่ายาก เพื่อน ๆ ทำไม่ได้แต่พิชัยมักทำได้ เสียแต่ขี้เกียจไม่ค่อยชอบทำการบ้าน แม่ฟังแล้วก็พยักหน้าหงึก ๆ หันมามองลูกชายคนเดียวอย่างมีความหวัง
“ให้มันเรียนต่อสายอาชีพทางช่างอิเลคนี่แหละดีแล้ว พิชัยมันเก่งคำนวณ หัวมันไว อีกอย่างมันชอบไปทางงานฝีมือ ค่าทงค่าเทอมถ้าหาไม่ทันก็บอก ฉันจะช่วย แต่มันต้องรักเรียนจริง ๆ นะ ถ้ารู้ว่าเกเรเมื่อไหร่ฉันเลิกช่วยทันที”
ตัดเรื่องพูดเสียงดังกับชอบหยิกออก พิชัยก็ว่าครูแกเป็นคนใจดีทีเดียว ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ชอบที่แกดุ แต่พอได้ยินครูชบาพูดขอร้องครูท่านอื่น ๆ ให้ช่วยเขาในตอนนั้น พิชัยก็เริ่มชอบใจครูขึ้นมาหน่อย
“อายุเธอตอนนี้ เปรียบเหมือนคนอยู่ในห้องแคบ ๆ ไม่มีหน้าต่างมีแต่ประตู”
หลังจากแก้ มอ สอ ได้ครบทุกวิชา ครูชบาก็เรียกเขามานั่งอบรมชุดใหญ่ ครูเคยเปรียบเปรยบอกเขาเอาไว้แบบนี้
“ห้องนี้มีน้ำและอาหารจำกัด ถ้าเธออยู่คนเดียวอาหารและน้ำก็หมดช้าหน่อย”
ครูสาวแก่มองลอดแว่นสายตาหนา ๆ ส่งสายตาดุ ๆ มาหาเขาที่นั่งตัวลีบฟังอยู่ตรงหน้า
“แต่อีกหน่อยพอเธอโตขึ้นได้แต่งงาน มีลูกหลานออกมายั้วเยี้ยช่วยกันกินช่วยกันใช้ น้ำและอาหารอีกไม่นานก็คงหมด เธอจะอยู่ในห้องแคบ ๆ นี้ต่อไปได้ยังไง จะปีนป่ายกำแพงห้องรึก็สูงสุดสายตา ประตูทำด้วยเหล็ก เครื่องมืองัดแงะก็ไม่มี แต่เธอจำเป็นต้องออกไปหาอาหารกับน้ำข้างนอกมากินมาใช้ ไม่งั้นก็อดตาย”
จำได้ว่าตอนนั้นพิชัยทำเอาหูทวนลม ที่ทนนั่งฟังเพราะอยากให้ครูช่วยแก้ มอ สอ ให้ จะได้เรียนจบ ๆ มอสามไปซะทีมากกว่าจะสนใจฟัง
“ฉันมีลูกกุญแจแต่ละประตูให้เธอไขออกไปได้ง่าย ๆ ความรู้และวุฒิการศึกษาคือกุญแจที่ฉันมี ฉันยินดีจะมอบให้เธอทีละดอก ขอเพียงเธอตั้งใจอ่านเขียนเล่าเรียนให้จบ เธอจะเอาหรือไม่เอา”
ยามนั้นเด็กชายพิชัยก็แค่มองครูตาแป๋ว สิ่งที่ครูสอนเหมือนสายลมพัด ผ่านเข้าหูซ้ายแล้วเลยทะลุออกหูขวา แอบแย้งครูในใจว่า ก็ถ้ามันเป็นแค่ลูกกุญแจจริง ๆ แย่งครูมาเสียก็สิ้นเรื่อง คิดคำนึงมาถึงตรงนี้แล้วพิชัยก็ต้องหลับตาลงอย่างเสียใจ ภาพครูยืนถือลูกกุญแจยื่นให้เลือนรางอยู่ในจิตสำนึก
...เมื่อรู้สึกตัวจะไขว่คว้าเอาก็สายเสียแล้ว ร่างนั้นหายวับไปกับตา
ต่อเมื่อถูลู่ถูกังจนจบมอสามและได้เข้าเรียนต่อสายช่างของวิทยาลัยเทคนิคในตัวเมือง พิชัยจึงย้ายมาอยู่หอพักใกล้วิทยาลัย แน่นอน ทุนทรัพย์ที่ทำให้เขาได้เข้ามาเรียนต่อที่นี่ส่วนหนึ่งมาจากครูชบา
ณ ที่แห่งนี้พิชัยได้พบกับโอมที่พักอยู่ต่างห้องในหอเดียวกัน ความจริงโอมมีบ้านปูนชั้นเดียวหลังใหญ่กว่าและสภาพดีกว่าบ้านของพิชัยเล็กน้อย อยู่ในอำเภอที่ไม่ไกลวิทยาลัยมากนัก ไม่น่าถึงขนาดต้องเช่าหออยู่ แต่พอพ่อมันพาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านด้วยในฐานะแม่เลี้ยงหลังแม่มันตายได้ไม่ถึงปี ไอ้โอมก็เนรเทศตัวเองออกมาอยู่หอ
“กูทำใจไม่ได้ แม่เลี้ยงกูอายุเท่ากู จะให้กูเรียกมันว่าไงวะ สาดดดด”
เรื่องของเรื่องโอมมันโกรธพ่อที่ทำท่าหลงเมียคราวลูกจนไม่สนใจมัน ไอ้โอมเด็กพึ่งสิบเจ็ดก็เลยได้มาเป็นเด็กหอร่วมกับเด็กบ้านนอกอย่างพิชัย พอสนิทกันมากเข้า ไป ๆ มา ๆ เขากับโอมก็ทิ้งเพื่อนร่วมห้องตัดสินใจย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน
แต่ความที่พิชัยกับโอมต่างก็ขัดสนเงินทองเหมือนกัน โอมนั้นมันหยิ่ง ไม่อยากง้อขอเงินพ่อ ส่วนพิชัยก็สงสารแม่ไม่อยากรบกวนให้ส่งเงินมาบ่อย ๆ เด็กทั้งคู่จึงต้องหาลำไพ่พิเศษทำหลังเลิกเรียน แต่งานที่ได้เงินดี ๆ ใช่ว่าจะมีให้ทำง่าย ๆ ถ้าไม่มีเส้นสาย แน่นอน งานที่สองคนได้นี้ต้องมีรุ่นพี่คอยช่วยเหลือ พิชัยกับโอมต่างมีลูกพี่คนละคน ลูกพี่ของโอม“ส่งของ”ส่วนลูกพี่พิชัยออกแนวบู๊ รับจ้างคุมร้านเหล้า เด็กหนุ่มทั้งสองถูกลูกพี่ชมว่าฉลาด ขยัน โดยเฉพาะพิชัยที่ลูกพี่ชื่อเอกสอนให้รู้จักปืน ได้ฝึกยิงปืนแถมยังยิงแม่น พี่เอกกับเพื่อนฝูงชมเสมอ และให้พิชัยเป็นลูกน้องคนสนิท เด็กหนุ่มอนาคตช่างอิเลคโทรนิกเลยเริ่มรู้สึกชอบปืนมาตั้งแต่บัดนั้น
ทีนี้สองหนุ่มก็พอมีเงินจับจ่ายเที่ยวเตร่และจีบสาวจากงานพิเศษที่ไปรับจ็อบ มาจากลูกพี่อีกทีหนึ่ง โอมขี่รถส่งลูกพี่ตระเวนส่งของ ส่วนพิชัยตามคอยคุ้มกันพี่เอก
ชีวิตบางทีก็เหมือนนิยายน้ำเน่า แต่ชีวิตของพิชัยกับโอมเน่ายิ่งกว่า อุตส่าห์ตะเกียกตะกายหาช่องทางร่ำเรียนเพื่อมีวิชาติดตัวเอาไปทำมาหากิน จนเหลืออีกเทอมเดียวก็จะเรียนจบอยู่แล้ว แต่โอมก็มาเกิดเรื่องขึ้นจนได้
“เอ็งทำไร”
วันหนึ่งพิชัยเห็นโอมซุกของบางอย่างไว้ใต้เบาะแมงกะไซค์แต่งซิ่ง มองปราดเดียวเขาก็รู้ว่ามันคือ“ของ” โอมหันมามองเขา ยักคิ้วยียวน ยิ้มที่มุมปากนิด ๆ อย่างเท่
“รออยู่นี่เดี๋ยวกูมา กูไปหาค่าห้องแป๊ป”
“เฮ้ย ระวังตัวหน่อย หมู่นี้แมร่ง หัวปิงปองชุม”
พิชัยเตือนเพื่อนซี้อย่างนึกเป็นห่วง เด็กหนุ่มไกลบ้านไม่ค่อยเห็นด้วยกับงานแบบนี้เท่าไหร่ ครูชบาเคยสอนว่า
“จะเกเรยังไงก็อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไฟไหม้โจรปล้นยังไง ๆ ก็ยังเหลือที่ดิน ยังมีที่ซุกหัวนอน แต่ถ้าเธอติดยาเธอจะต้องขายทุกอย่างแม้แต่ชีวิตเธอเองเพื่อมัน”
ฟังคำสอนข้อนี้ของครูแล้วพิชัยรู้สึกขนหัวลุก เขาแน่ใจตัวเองว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติดเด็ดขาด เพราะมีภาพจำติดตาของพ่อที่ติดเหล้า แล้วเวลาเมาพ่อเหมือนคนบ้า เปลี่ยนจากพ่อที่แสนใจดีไม่ค่อยพูด กลายเป็นคนเอะอะอาละวาด ที่เกลียดที่สุดก็คือเวลาเมาพ่อชอบซ้อมทุบตีแม่ เด็กชายพิชัยสงสารแม่แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้ตัวสั่น ซุกหน้าลงระหว่างเข่า เอามือสองข้างปิดหู แต่กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของแม่ทุกครั้งที่มีเสียงของ หนัก ๆ กระแทกลงบนร่างแม่ เป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่เขายังตัวเล็ก ๆ จนเข้าวัยรุ่น กระทั่งพ่อตายไปเพราะโรคตับแข็งเมื่อพิชัยอายุสิบสาม ตอนพ่อตายพิชัยไม่ร้องไห้เลยสักแอะ
วันนั้นโอมขี่รถออกไปแล้วหายไปนานเกือบตลอดวัน มารู้อีกทีว่ามันโดนสายตำรวจล่อซื้อ ในที่สุดก็ถูกจับ เพื่อนของพิชัยติดคุกอยู่นานเกือบยี่สิบปีพึ่งได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อไม่นาน นี้
ส่วนชะตาชีวิตของพิชัยก็ไม่ได้ดีไปกว่าเพื่อนซี้ หลังโอมติดคุกไม่นานพี่เอกก็เกิดเรื่อง วัยรุ่นสองกลุ่มเข้าตะลุมบอนกัน เสียงปืนระเบิดขึ้นหนึ่งนัด หนึ่งในคู่อริล้มลงสิ้นใจและปืนสั้นไทยประดิษฐ์กระบอกนั้นอยู่ในมือของพิชัย เขาไม่ยอมมอบตัว ตัดสินใจหนีการจับกุมของตำรวจ และด้วยการช่วยเหลือของพี่เอกพิชัยหนีข้ามไปอยู่ฝั่งประเทศเขมร ซัดเซพเนจรไปเรื่อย ๆ ตามขอบชายแดน หากินกับอาชีพคุมบ่อนคาสิโนนานหลายปี เริ่มจากการเป็นลูกน้องก่อนค่อย ๆ ขยับขึ้นเป็นลูกพี่
เรื่องสั้นดราม่าหนักๆ:สำนึกสุดท้ายของมือปืน by ล. วิลิศมาหรา
โดย...ล. วิลิศมาหรา
ตื่นขึ้นมาเกือบบ่ายสอง พิชัยหอบสังขารผอมโซเพราะหมู่นี้ซดแต่เหล้าเป็นหลัก ข้าวปลาไม่ค่อยได้แตะ ลุกขึ้นมาอาบน้ำให้สดชื่น เสร็จแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวหาชงกาแฟแก่ ๆ ดื่ม ตามด้วยยาแก้ปวดหัวอีกสองเม็ด เมื่อคืนเขาเมาหนักกว่าทุกวัน เพราะเพื่อนเก่าที่จากกันไปนานหิ้วเหล้ามาหาถึงบ้าน ฉลองอิสรภาพที่มันเผลอเดินไปสะดุดตอเข้า จนเสียหลักกระเด็นเข้าไปอยู่ในซังเตเสียหลายปี
สองสหายนั่งดื่มกันจนดึก ต่างผลัดกันเล่าเรื่องชีวิตที่ผ่านมา โม้บ้างจริงบ้างสู่กันฟัง จนเวลาล่วงเลยเกือบตีสี่เพื่อนเก่าถึงลากลับ ก่อนกลับบอกฝากเอาไว้ว่าค่ำ ๆ วันนี้จะมาหาใหม่อีกทีพร้อมข่าวดี พิชัยเออออไปแกน ๆ สมัยก่อนข่าวดีของไอ้เพื่อนคนนี้ไม่เคยดีจริงเลยสักครั้ง
ในบ้านเงียบสนิท บังอรเมียเขาคงออกไปทำงานแล้วตั้งแต่เช้า ท้องร้องจ๊อก ๆ รู้สึกหิวขึ้นมาติดหมัด เขาล้วงหาแบงค์ร้อยใบสุดท้ายในกระเป่ากางเกงยีนส์ที่ถอดพาดพนักเก้าอี้มุมห้องพบว่ายังอยู่ กะแต่งตัวเสร็จจะออกไปหาซื้อข้าวกับเกาเหลาเลือดหมูกินให้หายหิว
เดินผ่านโต๊ะกินข้าวเห็นบิลค่าน้ำค่าไฟวางอยู่บนโต๊ะ กับใบประเมินค่าซ่อมมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างพาหนะใช้รับซื้อของเก่าที่ส่งมาจากร้านซ่อมรถ ซึ่งตอนนี้เขายังไม่มีเงินไปเอาถูกบังอรวางทิ้งเอาไว้ให้ดู
เห็นแล้วพิชัยต้องถอนใจยาว นี่เพราะขาดเครื่องมือหากินเขาเลยต้องออกเดิน หิ้วถุงดำใส่ขยะ ตระเวนเก็บขวดพลาสติกกับพวกขวดแก้วตามถังขยะข้างทาง และตามโรงงานใกล้ ๆ แถวนี้แทนมาหลายวันแล้ว พอหามาขายได้วันละร้อยสองร้อยบาท ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในที่สุด พิชัยต้องวนกลับมาประกอบอาชีพนี้อีกในวัยล่วงเลยมาแล้วเกือบค่อนชีวิต
เมื่อวานตอนเย็นเจ๊เจ้าของห้องเช่ามาทวงค่าเช่า บังอรออกไปรับหน้า ขอผัดผ่อนไปอีกเดือน ยายเจ๊ร่างอ้วนกำชับเอาไว้ว่า ให้เดือนนี้อีกเดือนเดียวไม่งั้นเชิญขนของย้ายออกไปได้ ก่อนสะบัดก้นใหญ่เหมือนช้างน้ำเดินจากไป
วันนี้บังอรเลยต้องออกไปหาเพื่อนเพื่อของานทำทั้ง ๆ ที่ป่วยด้วยโรคไตอักเสบอยู่
เพื่อนคนที่มาหาเขาเมื่อคืนนี้ชื่อโอมเป็นซี้เก่า เคยสนิทกันมาตั้งแต่ตอนเรียนช่างอิเลคโทรนิคที่วิทยาลัยเทคนิคในตัวจังหวัด ทั้งพิชัยและโอมต่างมาจากอำเภอรอบนอก ยากจน และ“ไม่เอาถ่าน” อย่างที่ครูชบา ครูสอนวิชาภาษาไทยและครูประจำชั้นของพิชัยเคยชี้หน้าว่าเอาไว้ ขณะเขายังใส่ขาสั้นเรียนชั้นมอต้นอยู่ที่บ้านเกิด เมื่อตอนเขาตีหน้ามึนไม่ยอมเข้าเรียนในวิชาที่ครูสอน และวิชาครูท่านอื่นอีกสองสามคนจนติด มอ สอ หรือหมดสิทธิ์สอบเพราะเวลาเรียนไม่พอ เดือดร้อนครูชบาต้องหาทางให้เขาได้สอบจนผ่าน แถมยังหิ้วตัวเขาตามไปขอร้องอาจารย์ท่านอื่น ๆ ให้ช่วยอีกด้วย
“นึกว่าเห็นแก่อนาคตเด็กมันเถอะค่ะ อาจารย์ มันหัวดีนะแต่ขี้เกียจไปหน่อย เดี๋ยวดิฉันจะเอาตัวไปอบรมสั่งสอนต่อเอง”
ยอมรับว่าสมัยนั้นพิชัยและเด็กคนอื่น ๆ ในชั้นโคตรเกลียดครูชบาเลย ค่าที่แกเป็นครูผู้หญิงหน้าตาเคร่งขรึมแต่งตัวเชย ๆ และเป็นคนดุ ด่าเก่ง ชอบตวาดเด็กนักเรียนเสียงดัง ชอบหยิก บางทีก็เอามะเหงกเขกหัวพิชัยโป๊ก ๆ เวลาเขาแอบดูหนังสือการ์ตูนใต้โต๊ะไม่สนใจฟังที่อาจารย์สอน เขาและเพื่อน ๆ มักล้อแกว่าเป็น“สาวแก่ทึนทึก”ไม่มีใครเอาเลยอารมณ์เสีย เพราะขณะนั้นครูชบาอายุเกือบสี่สิบปีแล้วแต่ยังครองตัวเป็นโสด หลักประกันความดุของครูสาวแก่จอมบก็คือ เวลาทะเลาะกัน เพื่อนมันยังขู่ว่า
“เดี๋ยวกูไปฟ้องครูชบา”
เท่านี้ก็พากันกลัวหัวหด ด้วยครูแกด่าจริงฟาดจริง
บ้านตึกสองชั้นของครูชบากับบ้านก่ออิฐบล็อกเปลือยไม่ได้ฉาบปูนหลังเล็ก ๆ มีแค่ห้องเดียวกับระเบียงแคบ ๆ ยื่นออกมานิดหน่อยที่เขาอาศัยอยู่สองคนกับแม่ซึ่งมีอาชีพเก็บขยะขาย อยู่ห่างกันประมาณสักห้าร้อยเมตร แม่มักจะเข้าไปเอาหนังสือพิมพ์เก่า ขวดพลาสติก ขวดแก้ว และกระดาษกับหนังสือเก่าที่บ้านครูบ่อยๆ แกให้มาฟรี ๆ บางวันยังแถมของกินกับพวกส้มสุกลูกไม้ให้แม่ติดมือกลับบ้านอีกด้วย
“หาเนื้อหาไข่บำรุงสมองมันหน่อย ลูกพี่เอียดหัวดีนะ พยายามส่งมันเรียนสูง ๆ ต่อไปจะได้พึ่งพามัน”
เคยได้ยินแกบอกแม่แบบนี้ ไอ้เรื่องหัวดีนี่คงเป็นเพราะพิชัยคิดเลขเก่ง โจทย์เลขที่ว่ายาก เพื่อน ๆ ทำไม่ได้แต่พิชัยมักทำได้ เสียแต่ขี้เกียจไม่ค่อยชอบทำการบ้าน แม่ฟังแล้วก็พยักหน้าหงึก ๆ หันมามองลูกชายคนเดียวอย่างมีความหวัง
“ให้มันเรียนต่อสายอาชีพทางช่างอิเลคนี่แหละดีแล้ว พิชัยมันเก่งคำนวณ หัวมันไว อีกอย่างมันชอบไปทางงานฝีมือ ค่าทงค่าเทอมถ้าหาไม่ทันก็บอก ฉันจะช่วย แต่มันต้องรักเรียนจริง ๆ นะ ถ้ารู้ว่าเกเรเมื่อไหร่ฉันเลิกช่วยทันที”
ตัดเรื่องพูดเสียงดังกับชอบหยิกออก พิชัยก็ว่าครูแกเป็นคนใจดีทีเดียว ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ชอบที่แกดุ แต่พอได้ยินครูชบาพูดขอร้องครูท่านอื่น ๆ ให้ช่วยเขาในตอนนั้น พิชัยก็เริ่มชอบใจครูขึ้นมาหน่อย
“อายุเธอตอนนี้ เปรียบเหมือนคนอยู่ในห้องแคบ ๆ ไม่มีหน้าต่างมีแต่ประตู”
หลังจากแก้ มอ สอ ได้ครบทุกวิชา ครูชบาก็เรียกเขามานั่งอบรมชุดใหญ่ ครูเคยเปรียบเปรยบอกเขาเอาไว้แบบนี้
“ห้องนี้มีน้ำและอาหารจำกัด ถ้าเธออยู่คนเดียวอาหารและน้ำก็หมดช้าหน่อย”
ครูสาวแก่มองลอดแว่นสายตาหนา ๆ ส่งสายตาดุ ๆ มาหาเขาที่นั่งตัวลีบฟังอยู่ตรงหน้า
“แต่อีกหน่อยพอเธอโตขึ้นได้แต่งงาน มีลูกหลานออกมายั้วเยี้ยช่วยกันกินช่วยกันใช้ น้ำและอาหารอีกไม่นานก็คงหมด เธอจะอยู่ในห้องแคบ ๆ นี้ต่อไปได้ยังไง จะปีนป่ายกำแพงห้องรึก็สูงสุดสายตา ประตูทำด้วยเหล็ก เครื่องมืองัดแงะก็ไม่มี แต่เธอจำเป็นต้องออกไปหาอาหารกับน้ำข้างนอกมากินมาใช้ ไม่งั้นก็อดตาย”
จำได้ว่าตอนนั้นพิชัยทำเอาหูทวนลม ที่ทนนั่งฟังเพราะอยากให้ครูช่วยแก้ มอ สอ ให้ จะได้เรียนจบ ๆ มอสามไปซะทีมากกว่าจะสนใจฟัง
“ฉันมีลูกกุญแจแต่ละประตูให้เธอไขออกไปได้ง่าย ๆ ความรู้และวุฒิการศึกษาคือกุญแจที่ฉันมี ฉันยินดีจะมอบให้เธอทีละดอก ขอเพียงเธอตั้งใจอ่านเขียนเล่าเรียนให้จบ เธอจะเอาหรือไม่เอา”
ยามนั้นเด็กชายพิชัยก็แค่มองครูตาแป๋ว สิ่งที่ครูสอนเหมือนสายลมพัด ผ่านเข้าหูซ้ายแล้วเลยทะลุออกหูขวา แอบแย้งครูในใจว่า ก็ถ้ามันเป็นแค่ลูกกุญแจจริง ๆ แย่งครูมาเสียก็สิ้นเรื่อง คิดคำนึงมาถึงตรงนี้แล้วพิชัยก็ต้องหลับตาลงอย่างเสียใจ ภาพครูยืนถือลูกกุญแจยื่นให้เลือนรางอยู่ในจิตสำนึก
...เมื่อรู้สึกตัวจะไขว่คว้าเอาก็สายเสียแล้ว ร่างนั้นหายวับไปกับตา
ต่อเมื่อถูลู่ถูกังจนจบมอสามและได้เข้าเรียนต่อสายช่างของวิทยาลัยเทคนิคในตัวเมือง พิชัยจึงย้ายมาอยู่หอพักใกล้วิทยาลัย แน่นอน ทุนทรัพย์ที่ทำให้เขาได้เข้ามาเรียนต่อที่นี่ส่วนหนึ่งมาจากครูชบา
ณ ที่แห่งนี้พิชัยได้พบกับโอมที่พักอยู่ต่างห้องในหอเดียวกัน ความจริงโอมมีบ้านปูนชั้นเดียวหลังใหญ่กว่าและสภาพดีกว่าบ้านของพิชัยเล็กน้อย อยู่ในอำเภอที่ไม่ไกลวิทยาลัยมากนัก ไม่น่าถึงขนาดต้องเช่าหออยู่ แต่พอพ่อมันพาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านด้วยในฐานะแม่เลี้ยงหลังแม่มันตายได้ไม่ถึงปี ไอ้โอมก็เนรเทศตัวเองออกมาอยู่หอ
“กูทำใจไม่ได้ แม่เลี้ยงกูอายุเท่ากู จะให้กูเรียกมันว่าไงวะ สาดดดด”
เรื่องของเรื่องโอมมันโกรธพ่อที่ทำท่าหลงเมียคราวลูกจนไม่สนใจมัน ไอ้โอมเด็กพึ่งสิบเจ็ดก็เลยได้มาเป็นเด็กหอร่วมกับเด็กบ้านนอกอย่างพิชัย พอสนิทกันมากเข้า ไป ๆ มา ๆ เขากับโอมก็ทิ้งเพื่อนร่วมห้องตัดสินใจย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน
แต่ความที่พิชัยกับโอมต่างก็ขัดสนเงินทองเหมือนกัน โอมนั้นมันหยิ่ง ไม่อยากง้อขอเงินพ่อ ส่วนพิชัยก็สงสารแม่ไม่อยากรบกวนให้ส่งเงินมาบ่อย ๆ เด็กทั้งคู่จึงต้องหาลำไพ่พิเศษทำหลังเลิกเรียน แต่งานที่ได้เงินดี ๆ ใช่ว่าจะมีให้ทำง่าย ๆ ถ้าไม่มีเส้นสาย แน่นอน งานที่สองคนได้นี้ต้องมีรุ่นพี่คอยช่วยเหลือ พิชัยกับโอมต่างมีลูกพี่คนละคน ลูกพี่ของโอม“ส่งของ”ส่วนลูกพี่พิชัยออกแนวบู๊ รับจ้างคุมร้านเหล้า เด็กหนุ่มทั้งสองถูกลูกพี่ชมว่าฉลาด ขยัน โดยเฉพาะพิชัยที่ลูกพี่ชื่อเอกสอนให้รู้จักปืน ได้ฝึกยิงปืนแถมยังยิงแม่น พี่เอกกับเพื่อนฝูงชมเสมอ และให้พิชัยเป็นลูกน้องคนสนิท เด็กหนุ่มอนาคตช่างอิเลคโทรนิกเลยเริ่มรู้สึกชอบปืนมาตั้งแต่บัดนั้น
ทีนี้สองหนุ่มก็พอมีเงินจับจ่ายเที่ยวเตร่และจีบสาวจากงานพิเศษที่ไปรับจ็อบ มาจากลูกพี่อีกทีหนึ่ง โอมขี่รถส่งลูกพี่ตระเวนส่งของ ส่วนพิชัยตามคอยคุ้มกันพี่เอก
ชีวิตบางทีก็เหมือนนิยายน้ำเน่า แต่ชีวิตของพิชัยกับโอมเน่ายิ่งกว่า อุตส่าห์ตะเกียกตะกายหาช่องทางร่ำเรียนเพื่อมีวิชาติดตัวเอาไปทำมาหากิน จนเหลืออีกเทอมเดียวก็จะเรียนจบอยู่แล้ว แต่โอมก็มาเกิดเรื่องขึ้นจนได้
“เอ็งทำไร”
วันหนึ่งพิชัยเห็นโอมซุกของบางอย่างไว้ใต้เบาะแมงกะไซค์แต่งซิ่ง มองปราดเดียวเขาก็รู้ว่ามันคือ“ของ” โอมหันมามองเขา ยักคิ้วยียวน ยิ้มที่มุมปากนิด ๆ อย่างเท่
“รออยู่นี่เดี๋ยวกูมา กูไปหาค่าห้องแป๊ป”
“เฮ้ย ระวังตัวหน่อย หมู่นี้แมร่ง หัวปิงปองชุม”
พิชัยเตือนเพื่อนซี้อย่างนึกเป็นห่วง เด็กหนุ่มไกลบ้านไม่ค่อยเห็นด้วยกับงานแบบนี้เท่าไหร่ ครูชบาเคยสอนว่า
“จะเกเรยังไงก็อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไฟไหม้โจรปล้นยังไง ๆ ก็ยังเหลือที่ดิน ยังมีที่ซุกหัวนอน แต่ถ้าเธอติดยาเธอจะต้องขายทุกอย่างแม้แต่ชีวิตเธอเองเพื่อมัน”
ฟังคำสอนข้อนี้ของครูแล้วพิชัยรู้สึกขนหัวลุก เขาแน่ใจตัวเองว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติดเด็ดขาด เพราะมีภาพจำติดตาของพ่อที่ติดเหล้า แล้วเวลาเมาพ่อเหมือนคนบ้า เปลี่ยนจากพ่อที่แสนใจดีไม่ค่อยพูด กลายเป็นคนเอะอะอาละวาด ที่เกลียดที่สุดก็คือเวลาเมาพ่อชอบซ้อมทุบตีแม่ เด็กชายพิชัยสงสารแม่แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้ตัวสั่น ซุกหน้าลงระหว่างเข่า เอามือสองข้างปิดหู แต่กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของแม่ทุกครั้งที่มีเสียงของ หนัก ๆ กระแทกลงบนร่างแม่ เป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่เขายังตัวเล็ก ๆ จนเข้าวัยรุ่น กระทั่งพ่อตายไปเพราะโรคตับแข็งเมื่อพิชัยอายุสิบสาม ตอนพ่อตายพิชัยไม่ร้องไห้เลยสักแอะ
วันนั้นโอมขี่รถออกไปแล้วหายไปนานเกือบตลอดวัน มารู้อีกทีว่ามันโดนสายตำรวจล่อซื้อ ในที่สุดก็ถูกจับ เพื่อนของพิชัยติดคุกอยู่นานเกือบยี่สิบปีพึ่งได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อไม่นาน นี้
ส่วนชะตาชีวิตของพิชัยก็ไม่ได้ดีไปกว่าเพื่อนซี้ หลังโอมติดคุกไม่นานพี่เอกก็เกิดเรื่อง วัยรุ่นสองกลุ่มเข้าตะลุมบอนกัน เสียงปืนระเบิดขึ้นหนึ่งนัด หนึ่งในคู่อริล้มลงสิ้นใจและปืนสั้นไทยประดิษฐ์กระบอกนั้นอยู่ในมือของพิชัย เขาไม่ยอมมอบตัว ตัดสินใจหนีการจับกุมของตำรวจ และด้วยการช่วยเหลือของพี่เอกพิชัยหนีข้ามไปอยู่ฝั่งประเทศเขมร ซัดเซพเนจรไปเรื่อย ๆ ตามขอบชายแดน หากินกับอาชีพคุมบ่อนคาสิโนนานหลายปี เริ่มจากการเป็นลูกน้องก่อนค่อย ๆ ขยับขึ้นเป็นลูกพี่