ช่องเจ๊ติ๋มดับเครื่องชนละครพื้นบ้านตอนเช้าช่อง 7 ส่ง นางสิบสอง-พระรถเมรี ฉายเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ 07.00 น. เริ่ม 1 สค.

นางสิบสอง – พระรถเมรี
บทละคร          โดย   วลงกรณ์ จับใจ , กฤตธน การะเกตุ
กำกับการแสดง  โดย   กฤตธน การะเกตุ
ผลิต                โดย   บริษัท ไอพีเอ็ม โปรดักชั่น
ทุกเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 07.00-08.00 น.
เริ่มตอนแรก 1 ส.ค. นี้   ช่องไทยทีวี
     ค่ายละครไอพีเอ็ม ภูมิใจเสนอ วรรณกรรมพื้นบ้านยอดนิยมของไทย นางสิบสอง พระรถเมรี ซึ่งเป็นเรื่องราวของ
เด็กสิบสองคน ซึ่งถูกพ่อแม่แท้ๆทิ้งไว้กลางป่า จนนางยักษ์สันตา มาพบเข้าจึงนำไปเลี้ยงด้วยความรักจนทั้งสิบสองคน เติบโตเป็นสาว แต่มนุษย์ก็มิอาจอยู่ร่วมกับยักษ์ได้จนจึงถึงคราวที่นางสิบสองต้องหนี  จนได้รับความช่วยเหลือจากพระรถสิทธิ์ เจ้าผู้ครองเมืองกุตลนคร และได้เป็นชายาของพระรถสิทธิ์ แต่เรื่องราวไม่ง่ายอย่างที่คิด จึงทำให้ นางสิบสองตกระกำลำบาก เพราะความแค้นของนางยักษ์สันตา ถึงกระนั้นด้วยบุญของเภา น้องคนสุดท้องที่มีลูกดีชื่อว่ารถเสนและ ได้รับความช่วยเหลือจากเทวดา จึงสามารถช่วยแม่และป้าให้กลับสู่อ้อมกอดของรถสิทธิ์ แต่รถเสนต้องสูญเสียเมรี หญิงอันเป็นที่รัก ลูกสาวแท้ๆของนางยักษ์สันตา อย่างเจ็บปวด จนเป็นเหตุให้ส่งผลไปยังชาติภพหน้า ที่ทั้งคู่ต้องกลับมาเจอกันและผจญวิบากรักกันอีก....
        
      โดยเรื่องราวของนางสิบสองไว้ดังนี้....
      นิทานพื้นบ้านเรื่องนางสิบสอง นางสิบสองเป็นลูกเศรษฐี ( วลงกรณ์ จับใจ ) และแม่มณี ( ธนนันทน์ แก้วพวง ) ซึ่งมีใจเมตตากรุณาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ชาวบ้านซึ่งอยู่ในตำบลนั้นเป็นอย่างยิ่ง แต่เดิมเศรษฐีและเมียของเศรษฐีไม่มีลูกมาก่อนเลย จึงได้บนบานศาลกล่าวและขอลูกจากเทวดาอารักษ์ เทวดาจึงให้นางสิบสองมาเกิดเป็นลูกเศรษฐี เมื่อเศรษฐีมีลูกถึง 12 คน ก็เกิดยากจนถึงขนาดไม่มีจะกิน ฐานะที่เคยร่ำรวยก็ตกต่ำลง จนในที่สุดก็ต้องใช้อุบายเอาลูกไปปล่อยไว้ในป่า ให้นางทั้งสิบสองคนผจญชีวิตอยู่ในป่า นางทั้งสิบสองซึ่งมีนางเภา ( วิรัญยา เจียมสุวรรณ ) เป็นคนสุดท้อง นางเภาเป็นลูกสาวที่มีหน้าตาสวย มีจิตใจเมตากรุณาผิดกว่าพวกพี่ๆ ทุกคน จึงได้รอยแรมอยู่ในป่า และหลงทางเข้าไปในเมืองของนางยักษ์ชื่อว่า นางสันตา ( อภิสรา รักชาติ ) ได้เห็นนางสิบสองคนเข้าก็มีใจเมตตากรุณาเลี้ยงเอาไว้เป็นลูกจนกระทั้งนางทั้งสิบสองเติบโตเป็นสาว และได้ล่วงรู้ความลับว่านางสันตาเป็นยักษ์โดยการไปพบโครงกระดูกอยู่ในอุโมงค์ นางทั้งสิบสองมีความหวาดกลัวจึงได้พยายามหลบหนีออกมาจากอุโมงค์ รอดพ้นจากเมืองของนางสันตา

         ในขณะนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าชายรถสิทธิ์ ( ศิริปัญญา จันทิหล้า) ได้เสด็จประพาสป่า และได้มาพบนางทั้งสิบสองคน พระองค์ก็ทรงพึงพอใจในความงามของนางทั้งสิบสองคนจึงเอาไปเลี้ยงไว้เป็นพระมเหสี ทำความโกรธแค้นให้นางสันตาเป็นอย่างยิ่ง ที่รู้ว่านางสิบสองมาซ่อนตัวที่เมืองกุตลนครแห่งนี้ และแปลงกายเป็นสาวงามเข้าเมือง กุตลนครและใช้เวทมนต์ เพื่อทำให้ท้าวรถสิทธิ์ลุ่มหลง และรักใคร่นางต่อมาท้าวรถสิทธิ์ก็ได้ขับไล่นางสิบสองและนางยักสันตาให้ทหารพาไปขังไว้ในถ้ำและให้ทหารควักดวงตาของนางสิบสอง นางเภาซึ่งเป็นมเหสีองค์สุดท้ายโดนควักเพียงข้างเดียว ต่อมานางเภาได้คลอดลูกในอุโมงค์ คือ รถเสน ( ไชยวัฒน์ ผายสุวรรณ ) รถเสนเป็นเด็กดีมีกตัญญูต่อแม่และป้า ได้หลบหนีออกมาจากอุโมงค์และออกมาหาข้าวและหาอาหารไปให้แม่และป้ากิน จนกระทั่งวันหนึ่งรถเสนได้เข้าไปชนะพนันตีไก่ที่ในหมู่บ้าน และขอข้าวทั้งสิบสองเพื่อเอาไปฝากแม่และป้าซึ่งอยู่ในอุโมงค์ ต่อมาท้าววันตาแห่งเมืองจินดาได้ท้าตีไก่ ท้าวรถสิทธิ์เลยต่อให้ทหารหาไก่ที่ดีที่สุดในมืองเพื่อมาตีกับไก่ท้าววันตา โดยใช้เมืองเป็นเดิมพัน  

           ต่อมาท่านขุนยศ  ( นพวรรธน์ อภิภัสร์เดชากุล   )  ทหารคนสนิทเดินออกหาไก่ในหมู่บ้านจนพบไก่ ของรถเสนจึงคว้าไก่ของรถเสนและบอกว่าจะเอาไปให้ท้าวรถสิทธิ์ใช้ตีไก่กับท้าววันตาในวันพรุ่งนี้ รถเสนได้กลับไปหาตาที่เป็นเทวดา เทวดาเล่าเรื่องราวให้รถเสนฟัง รถเสนอยากโตเร็วเทวดาจึงเสกกล้วยให้รถเสนกินและร่างกายก็ใหญ่โตเป็นหนุ่ม รถเสนเดินไปเมืองกุตลนครเพื่อไปเอาไก่เทวดา ระหว่างทางได้พบนางสันตา ทำให้นางสันตารู้ว่ารถเสนนั้นเป็นใครต่อมา เมื่อไก่เทวดาชนขนะท้าววันตา ท้าวรถสิทธิ์ชอบใจมากจึงถามถึงชื่อเสียงเรียงนามของรถเสน ระหว่างที่รถเสนกำลังจะบอกชื่อแม่ นางยักสันตาก็แกล้งป่วย จึงออกอุบายให้รถเสนถือราชสาส์นของนางไปยังนางเมรี ในสาส์นนั้นเขียนว่า ถึงกลางวันให้ฆ่ากลางวัน ถึงกลางคืนให้ฆ่ากลางคืน แล้วให้ท้าวรถเสนถือไปยังเมืองของนางทันที ในระหว่างทางที่เดินทางไป รถเสนมีความเหนื่อยอ่อนมาก บริเวณนั้นมีพระฤาษีอยู่องค์หนึ่ง ซึ่งเป็นพระฤาษีที่หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทรทั้งหมดก็ทราบว่ารถเสนจะต้องไปตายแน่ จึงจัดการแปลงข้อความในสาส์นเสียใหม่ คือถ้ามาถึงกลางวันก็ให้แต่งงานกลางวัน ถ้ามาถึงกลางคืนก็ให้แต่งงานกลางคืน เมื่อรถเสนตื่นขึ้นถือราชสาส์นไปหานางเมรี

    นางเมรี ( อมลวรรณ์  ศิริกิตติรัตน์ ) เมื่ออ่านจดหมายแล้ว ก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมนางสันทะมาลาซึ่งเป็นแม่จึงได้ส่งเอาคู่ครองมาให้ รถเสนก็หน้าตาดีเป็นชายหนุ่มรูปงามพอที่จะเป็นสวามีปกครองเมืองได้ จึงเต็มใจรับรถเสนให้อยู่ในเมืองตั้งแต่นั้นมา เมื่อรถเสนได้มาอยู่กินกับนางเมรี นางเมรีความหึงหวงและรักใคร่ในตัวรถเสนอย่างยิ่ง รถเสนพยายามสืบหาที่ซ้อนดวงตาของแม่และป้าจนรู้ถึงที่ซ้อน และได้มอมเหล้าเมรี และลักเอาดวงตาของนางทั้งสิบสองขึ้นมาหนีนางเมรีมา เมื่อฟื้นขึ้นมาไม่พบรถเสน นางรู้สึกเสียใจมากรู้ว่ารถเสนต้องหนีนางแน่ๆ จึงออกติดตามมาและขณะที่เกือบจะทันกันอยู่ รถเสนก็รักและสงสารนางแต่ความรักของแม่และป้ามีมากกว่า จึงได้ใช่ห่อยาวิเศษที่พระฤาษีให้ติดตัวมา ขว้างลงไป กลายเป็นทะน้ำกรดกั้นนางเมรีไว้ไม่ให้ติดตามรถเสนมาทัน นางเมรีจึงได้อธิษฐานว่า ชาตินี้นางตามรถเสนมาด้วยความรัก เมื่อถึงชาติหน้าขอให้รถเสนเป็นฝ่ายติดตามนางไปบ้าง แล้วนางก็สิ้นใจตายรถเสนจึงนำยามารักษาแม่และป้าจนกระทั่งหาย และขึ้นกราบทูลให้ทาวรถสิทธิผู้เป็นพระราชบิดารู้เรื่องราวทั้งหมด นางสันตาเห็นว่าตัวเองมีความผิดจึงคิดจะฆ่าทุกคน จนรถเสนใช้ไม้เท้าชี้เป็นชี้ตายชี้ไปยังนางยักษ์สันตาจนทำให้นางยักษ์สันตาสิ้นลมหายใจ ตั้งแต่นั้นมาพ่อแม่ลูกนางทั้งสิบสองก็มีชีวิตอยู่ต่อมาด้วยความสุข




แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่