ประเพณี เสียผี ของกลุ่มชาติติพันธ์ที่เอาเปรียบเด็กผู้หญิง

กระทู้คำถาม
ขอความคิดเห็นจากทุกคนหน่อยค่ะ
ท้าวความก่อนเราเป็นเด็กผู้หญิงกลุ่มชาติติพันธ์กะเหรี่ยงโปซึ่งเราไม่เห็นด้วยกับประเพณีในชุมชนที่สืบทอดกันมายาวนานคือประเพณีเสียผี(การเสียตัว) สำหรับเด็กผู้หญิงในชุมชนหากมีการมีเซ็กส์กับแฟนหรือผู้ชายคนอื่นต้องบอกพ่อแม่หรือปราญช์ชุมชน เพื่อไปทำพิธีเลี้ยงผีหมู่บ้าน(เป็นการขอขมาหรือขอโทษผีหมู่บ้าน) หากไม่ได้ทำพิธีนี้ หมู่บ้านจะมีสิ่งแปลกแปลกเช่น วัว ควาย หมู จะเจ็บป่วยหรือล้มตาย ปลูกอะไรจะไม่ขึ้นดินจะเสียน้ำจะแห้ง คนในชุมชนจะไม่สบายจะเจ็บป่วย จะเกิดเรื่องไม่ดีต่างๆ (เป็นความเชื่อดั้งเดิมที่พูดต่อๆกันมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน)ซึ่งในการบอกครอบครัวหรือปราญช์ชุมชนนี้จะมีกลุ่มชาวบ้านหรือพวกมนุษย์ป้าที่รับรู้ถึงเรื่องต่างๆจะมีการซุบซิบนินทาหรือว่าร้ายต่อเด็กผู้หญิงซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของเด็ก  ส่งผลต่อจิตใจเด็กทำให้อับอาย เสียชื่อเสียง ด้วยความสนุกปากของคนกลุ่มเดียวที่ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเด็ก ด้วยการกระทำในข้อนี้ขัดต่อการเลือกปฏิบัติและการสร้างภาพลักษ์ที่ไม่เป็นธรรมต่อเด็กผู้หญิงในชุมชน ซึ่งประเพณีนี้จะเจาะจงแค่เด็กผู้หญิงเท่านั้น เด็กผู้ชายจะไม่มีความผิดใดใด นั่นก็ถือเป็นการละเมิดสิทธิและความเท่าเทียมทางเพศ หากเกิดในยุคอดีตเข้าใจได้ว่าผู้หญิงดูมีคุณค่าน้อยกว่าผู้ชาย จึงมีข้อเสียเปรียบมากกว่าแต่ในปัจจุบันยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนมีสิทธิของมนุษยชนสากลเกิดขึ้นทำให้ผู้หญิงเทียบเท่ากับผู้ชายซึ่งประเพณีนี้ ยังขัดต่อสิทธิมนุษยชนสากล เด็กผู้หญิงยังเป็นผู้ที่เสียเปรียบแม้ยุคจะเปลี่ยนไปแล้ว จากที่กล่าวมาเป็นข้อเสียแต่ไม่ใช่ว่าจะมีข้อดีซึ่งสำหรับเราประเพณีนี้มีข้อดีคือทำให้เด็กผู้หญิงในชุมชนรักนวลสงวนตัวไม่มีการชิงสุกก่อนห่าม ลดอัตราการท้องก่อนวัยเรียนเพื่อไม่เป็นภาระของสังคม แต่ในการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มเยาวชนผู้หญิงมีความคิดเห็นว่ามีข้อเสียมากกว่าซึ่งตนเป็นผู้เสียหายในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นความคิดต่างๆของเด็กยุคใหม่เริ่มเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลง ไปเป็นแบบคนในเมืองซึ่งอาจมาจากการไปเล่าเรียนข้างนอกทำให้วิธีคิดของเด็กเยาวชนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปจากเดิมเทียบกับเมื่อก่อน เนื่องจากคุณยุคก่อนไม่ได้ออกไปเล่าเรียนข้างนอกจึงมีสิ่งแวดล้อมเดิมๆและมีชุดความคิดเดิมๆ บวกกับการที่ได้รับการศึกษาที่ไม่ทั่วถึง จึงเชื่อความคิดเดิมๆจากบรรพบุรุษมากกว่า 
ทั้งนี้จากที่กล่าวมาโดยส่วนตัวที่อาศัยอยู่ในชุมชนนี้รู้สึกไม่ชอบพฤติกรรมคนบางกลุ่มในชุมชนที่มีการซุบซิบนินทาเด็กผู้หญิงซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าเรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ซึ่งตนเองก็ผ่านจุดนั้นมา โดยส่วนตัวคิดว่าเด็กผู้หญิงควรได้รับการคุ้มครองที่ดีกว่านี้ หรือหากมีประเพณีนี้ต่อควรทำให้เท่าเทียมกันทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศ ตามรอย
  โดยส่วนตัวเป็นเด็กอายุ 22 ที่จะเริ่มเข้าสู่วัยทำงานแต่ยังกลัวการว่าร้ายจากการมีเซ็กส์และการถูกประณามของคนในชุมชนซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน จากประเพณีนี้ทำให้ดิฉันเกิดการกลัวการมีเซ็กส์ เพราะถ้าหากเรามีเซ็กส์ก่อนแต่งงานเราจะถูกคนในชุมชนประณามทำให้เกิดความอับอายและเสียเสียชื่อเสียง ซึ่งเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไม่ควรได้รับการกระทำแบบนี้ จากอดีตมีเด็กผู้หญิงตกเป็นเป้าของสังคมหลายคนแต่พวกเขาเหล่านั้นไม่กล้าที่จะออกมาเรียกร้องสิทธิของตนเองและปล่อยผ่านให้เรื่องมันผ่านไป ในฐานะที่ดิฉันเป็นนักศึกษาพัฒนาชุมชนและเป็นว่าที่นักพัฒนาชุมชนในอนาคตดิฉันตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิชยชนสากลของเด็กผู้หญิงทุกคนในชุมชนที่ไม่ควรได้รับการกระทำแบบนี้อีกต่อไป ยกอย่างเช่น ป้า ก. มีลูกสาว แล้วลูกสาวป้ากมีแฟน อยู่ มาวันหนึ่งมีไก่ขันซึ่งเป็นธรรมชาติของไก่ที่จะขันเป็นปกติ แต่ด้วยคำพูดที่เราต่อกันมาหากมีไก่ขันคือเด็กผู้หญิงในชุมชนจะมีคนท้อง ซึ่งป้ากอคนนี้ก็คิดว่าเป็นลูกตัวเองและยัดเยียดถามลูกด่าทอลูก และถามหลานสาว ซึ่งเพียงแค่มีไก่ขันจึงทำให้ป้าคนนี้คิดเป็นตุเป็นตะ ด้วยความคิดเห็นส่วนตัวดิฉันคิดว่าความเชื่อบางอย่างของคนในชุมชนเป็นสิ่งที่ผิด ซึ่งบางอย่างมันไม่สมเหตุสมผล ด้วยความที่คุณเป็นผู้ใหญ่แล้วมีลูกแล้วควรมีชุดความคิดที่มีเหตุมีผลมากกว่านี้และในการรับข่าวสารควรคิดว่าอันไหนเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้เพราะด้วยอายุของพวกเขา ไม่ใช่น้อยๆ
 ขอสอบถามความคิดเห็นจากชาวเน็ตและผู้เชี่ยวชาญให้ความคิดเห็นกับเรื่องนี้หน่อยค่ะ ว่าคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้ เพราะหนูคิดว่าในอีกหนึ่งปีข้างหน้าหนูจะเรียนจบและเป็นว่าที่นักพัฒนาชุมชนในอนาคตและนี่คือสิ่ง เรื่องใกล้ตัวของฉัน หากในชุมชนของฉันยังไม่พัฒนา หรือหนูยังเรียกร้องสิทธิมนุษยชนสากลของเด็กผู้หญิงในชุมชนไม่ได้  หลังจากเรียนจบหนูคงพัฒนาชุมชนอื่นไม่ได้เพราะเนื่องจากชุมชนตัวเองยังพัฒนาหรือเรียกร้องสิทธิยังไม่ได้เลยนี่คือจุดเล็กๆของนักศึกษาปีที่สี่ที่เริ่มคิดจะทำวิจัยเรียกร้องสิทธิของมนุษยชนของเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง
สรุปพอสังเขป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่