เรามีไรสู้เกาหลีไม่ได้ ทั้งๆที่เราก็ไม่มีไรด้อยกว่าเลย

สงครามเราก็ไม่เคยโดนแบบเขา เราออกตัวก่อนเขาอีก
ตอนนั้นเมกาก็เขาหาเราแถบว่างรากฐานเศรษกิจให้

แล้วเราไปสดุจตอนไหนผมยังงงๆอยู่ถึงทุกวันนี้เลย
เรามาถึงจุดที่ไร้เป้าหมายอยู่ไปวันๆได้ไงสมัยก่อนมันมีใช้นิ เป้าหมายเราออกจะเยอะ เหอะทุกวันนี้ทำตัวเหมือยอยู่ไปวันๆ

คุณภาพคนผมว่าไม่ใช้คนไทยเราเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกหรอก

ขนาดเล่นหุ้นยังหลอก-เงินกันเองได้เลยชิมิ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
ขอตอบในฐานะมีแฟนเป็นคนเกาหลีมามากกว่า 10 ปี และเคยศึกษาเรื่องนี้มาบ้าง นะครับ

ในภาวะประเทศสูญเสียจากสงคราม รัฐบาลหลังจากยุคนั้นเข้ามาปฎิรูปการศึกษาอย่างจริงจัง เช่นการส่งครู ไปยังชนบทสอนหนังสือตั้งแต่เด็กยันคนแก่เฒ่า ให้มีความรู้ครับ ในระบบการศึกษาหลักก็ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งนั่นทำให้ระดับความคิดของคนขึ้นมาถัดเทียมกัน ก็เรื่องที่ผิดก็ช่วยกันต่อต้าน คนรังเกียจพวกใช้ชีวิตสบายๆไปวันๆ ดีแต่พูดแต่ไม่ทำอะไร เพราะทุกคนควรช่วยกันคนละไม้ละมือในการสร้างชาติครับ

สังคมเกาหลีเป็นชาตินิยมและค่อนข้างจะปิดกั้นคนต่างชาติ เพราะเคยถูกเอาเปรียบต่างๆนา ซึ่งนั่นทำให้ความต้องการเอาชนะในเวทีระดับโลกโดยเฉพาะเอาชนะญี่ปุ่น ทำให้เกิดการผลักดันระดับประเทศโดยรัฐบาลจะหนุนหลังบริษัทใหญ่ๆพวก Samsung(technology), Posco(เหล็ก), SK (telecom) และบริษัทอื่นๆ

หลังจากรัฐบาลที่ปูพื้นทางการศึกษา ผลัดเปลี่ยน มีรัฐบาลถัดมากวาดล้างเรื่อง Corruption ให้หายไปทเกือบทั้งหมดได้ และจัดตั้งกฎกมายที่ควบคุมทั้งนักการเมือง และตำรวจให้เป็นหน่วยงานบริการประชาชน ไม่ใช่เจ้านายของประชาชนครับ

เป้าหมายการเป็น advance country นั้น ประเทศต้องผลักดันทุกภาคส่วนแต่ส่วนสำคัญที่สุดคือประชาชนในประเทศ ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้หรอกครับ ผลสะท้อนทางลบคือมีอัตราความเครียดและการฆ่าตัวตายสูง ในบริษัทอย่าง Samsung นั้น กลุ่ม engineer เอง ยังสามารถประกอบโทรศัพท์เล่นกันเอง ภาคบริการอะไรที่ใช้แรงงานคนที่ราคาสูงมากนะครับ คุณภาพก็ตามมา และเมื่อค่าครองชีพแพงขึ้น คนก็ผลักดันตัวเองให้สูงขึ้น ทำให้สามารถส่งลูกไปเรียนที่ US UK หรือ EUROPE เป็นเรืองธรรมดานะครับ ดังนั้นเด็กที่จบมาเค้าก็จะมีความฝันทำงานที่ UN Google ฯลฯ

กลับมาที่ประเทศไทย ...

ส่วนตัวผมคิดว่าคำพูดว่า 'ไม่แพ้ชาติใดในโลก' ไร้สาระมากนะครับ เพราะโลกนี้เป็นการแข่งขันเสรีตั้งนานแล้ว และการที่คนไทยไม่สามารถยืนได้ในเวทีโลก 'จำนวนมาก' ได้นั้นบอกในตัวอยู่แล้วว่าเราเยาะแยะแค่ไหน

***
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนเมืองที่มีการศึกษา (ไม่ได้หมายถึงเฉพาะในกทม)  คิดไปว่าตัวเองนั่งอ่านหนังสือแล้ว ทำตัวรู้ไปซะทุกอย่าง พูดเก่ง แสดงความคิดเห็นเก่ง แต่แท้จริงไม่ได้ลงมือปฎิบัติหรือมีประสบการณ์ใดๆ

แม้แต่งานตัวเองที่ต้องทำยังทำไม่ได้เรื่อง ... ไม่สามารถรับผิดชอบกระทั้งครอบครัวของตัวเองให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ นั่นแหละครับปัญหาหลักของประเทศไทย โดยยังไม่ต้องเปรียบเทียบกับใครหรอกนะครับ
ความคิดเห็นที่ 4
- นิสัย พฤติกรรมในการทำงานและการใช้ชีวิตที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
- ไร้วินัยในการทำงาน
- ชอบสอดเรื่องของคนอื่น (ทั้งๆที่เขาไม่ได้เต็มใจ)  -----> สำหรับเรื่องที่เขาทำถูกทำสมควรนะ ถ้าเขาทำผิด อันนี้อีกเรื่องนึง
- หน้าที่ของตัวเองไม่ทำ แต่เรื่องไม่ใช่เรื่องของตัวเองนี่เก่งนัก ลืมไปว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร
- สนใจแต่เรื่องไร้สาระ วันๆตามแต่ข่าวไร้สาระ ดราม่ากันไปวันๆ
  ไม่คิดศึกษาพัฒนาศักยภาพตัวเองให้สูงขึ้น
- ไม่คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ให้เป็น จับใจความในการสื่อสารแย่มากๆ
  ตรรกะในการคิดเห็นต่างบางอย่างก็โง่ๆ
- เห็นคนอื่นเด่นไม่ได้ ต้องไปเตะตัดแข้งตัดขา
- ความคิดเห็นของตัวเป็นเอก ความคิดเห็นคนอื่นเป็นรอง
- ผิดเราแค่จิ๊บๆ ผิดของคนอื่นทำจะเป็นจะตาย
- "ยอมรับผิด" และ "ขอโทษ" ไม่มีในหัวสมองของคนไทยส่วนใหญ่มากๆๆๆๆๆเลย
- กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้ได้กับ "ทุกชนชั้น"  เงินใครหนา คนนั้นแหละรอด

และเรื่องใหญ่ที่สุดเลย "ความเสียสละ" ทุกวันนี้หายไปไหน?
"ไม่ใช่เรื่องของตัว ข้าไม่ยุ่ง หรือถ้าทำได้ก็โยนให้คนที่ทำได้ทำไปสิ"

เป็นกันตั้งแต่รากหญ้ายันท่านที่อยู่สูงๆน่ะนะ (โดยส่วนใหญ่ด้วย)

เรื่องภาษาที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ยังใช้กันไม่ค่อยจะถูกเลย
หวังอะไรกับความเจริญในชาติล่ะ? หืม

ทั้งหมดนี่แหละครับ มันถึงมาตรงจุดๆนี้ได้

ใครจะด่าผมก็ด่านะ แต่นี่คือสิ่งที่ผมมอง ณ ตอนนี้ มันเป็นเรื่องจริง
ปัญหาอยู่ที่ว่ารับได้ หรือว่ารับไม่ได้แค่นั้น แล้วถ้ารับได้ ปรับปรุงตัวได้มั้ย
ความคิดเห็นที่ 2
http://ppantip.com/topic/32323372

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

http://news.voicetv.co.th/thailand/78436.html
http://news.voicetv.co.th/thailand/183438.html

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

http://news.voicetv.co.th/thailand/94384.html
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE9UazBOemt3Tmc9PQ==
http://www.project-syndicate.org/print/yuriko-koike-criticizes-democratic-countries--indifference-to-the-threat-posed-by-the-thai-opposition-s-strategy-of-protest

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



ความคิดเห็นที่ 24
ผู้นำครับ คำเดียว. เราต้องการคนที่มีมองไกลเหมือนลีกวนยู อะไรประมาณนั้น.  เมื่อมีคนนำทางที่ดี เราผู้ตามก็จะทำตาม. คิดง่ายๆ เราอยู่ในบริษัทเราทำตามหัวหน้า. เราไม่เก่งแต่เจอหัวหน้าที่เก่ง เราก็จะทำตามเค้า.

ผู้นำไทย นายกแต่ล่ะคน ไม่มีวิสัยทัศน์ จ้องแต่จะเข้ามาโกง เอาประโยชน์กับคนชั้นล่าง หรือคนกระจอกกว่า ไม่เคยคิดสู้กับคนเก่ง. หรือออกไปค้าขายต่างชาติ เอาแต่จ้องจะทำยังไงกับพวกเรา อิจฉาไม่ส่งเสริมเอกชน
เช่น ตึกใบหยกควรจะเหมือนปิโตนาส.  impact bitectควรจะมีรถไฟฟ้าวิ่งไปหา
รัฐไม่ส่งเสริมให้พวกเราไปสู้ มีแต่โกงๆๆ ให้ตัวเอง ใครหืมก็เล่นพวก
เน่าครับ ตีกันเอง ไม่ส่งเสริม โกง อิจฉา ไม่แข่งขัน ไม่innovation เอาแต่กินของเก่า
เจาะยางกันเอง. มันจะไปแข่งกับใครได้
คนไทยต้องการคนนำที่ดีและเก่ง
ความคิดเห็นที่ 30
ด้วยความเคารพ ศึกษาเกาหลีใต้มาพอสมควร ขออนุญาตเสนอประเด็นดังนี้ครับ

หลังยุคสมคราม เกาหลีใต้เริ่มตั้งหลักได้ในสมัยประธานาธิบดีปาร์คจุงฮีจอมเผด็จการ(เป็นบิดาของประธานาธิบดีหญิงคนปัจจุบัน - เขารอดจากหน่วยลับเกาหลีเหนือบุกฆ่าถึงทำเนียบแต่แต่ถูกเพื่อนเก่าข้างกายลอบสังหารในเวลาต่อมา) ซึ่งตรงกับยุคพลเอกเปรม ตอนนั้นค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่ในไทยเป็นยุคนักศึกษาต่อต้านสหรัฐและญี่ปุ่น มีการถอนฐานทัพอเมริกันออกจากประเทศ สหรัฐตอบโต้ด้วยการยกอาวุธกลับหมดแม้แต่กระสุนปืน ซึ่งต่อมาเมื่อไทยมีปัญหากับเพื่อนบ้าน ไม่มีกระสุนปืนใหญ่ใช้รบ ขอความช่วยเหลือ สหรัฐตอบกลับว่าต้องซื้อเงินสด ไทยจึงไปขอจากอินโนนีเซียซึ่งเขาจะส่งมาให้ทั้งกระสุนและปืนใหญ่(มิตรแท้จริงๆ) แต่ตอนหลังจีนมาช่วยไว้ ไทยจึงปฏิเสธอินโดฯไปด้วยความซาบซึ้ง

ในขณะเดียวกัน สหรัฐได้ยกให้ เกาหลีใต้ จีนไต้หวัน อิสราเอล ฟิลลิปปินส์เป็นประเทศกันชนในสงครามเย็น ได้ให้เงินช่วยเหลือทั้งทางตรงและทางอ้อมแต่ละประเทศมากกว่างบประมาณแผ่นดินของไทยเสียอีก รวมทั้งสิทธิพิเศษทางการค้า

อุตสาหกรรมหนักของเกาหลีเริ่มต้นได้เพราะสหรัฐช่วยเหลือมากๆๆๆๆ (รวมทั้งอุตสาหกรรมอิเลคโทรนิคส์ในไต้หวัน อุตสาหกรรมอาวุธในอิสราเอล)  ความเก่งมีส่วนหนึ่ง แต่ที่สำเร็จเพราะมียักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐมาอุ้มด้วยครับ (น่าเสียดายที่ฟิลิปปินส์ผู้นำคือมากอสจอมโกง)  ในขณะที่ไทยเริ่มต้นอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เกาหลีเริ่มอุตสาหกรรมหนัก เหล็กกล้าและรถยนต์ รถแดวูซึ่งก๊อปเทคโนโลยีจากรถมิตซูบิชิในยุคแรกๆนั้นสามารถส่งไปขายในสหรัฐได้ทั้งๆที่ต่ำกว่ามาตรฐานของสหรัฐเอง อุ้มกันขนาดไหนคิดดู ส่วนไทยนั้นพัฒนาแบบโดดเดี่ยวครับ

ความสำเร็จอีกอย่างหนึ่งของอุตสาหกรรมกลุ่มแชโบลในเกาหลีก็คือ ตั้งแต่สมัยปาร์คจุงฮี รัฐบาลได้บังคับให้ธนาคารในเกาหลีปล่อยกู้ให้อุตสาหกรรมในดอกเบี้ยที่ต่ำมากๆเพื่อให้แข่งขันได้ ซึ่งก็ทำให้คนฝากเงินได้รับดอกเบี้ยเงินฝากน้อย และแบงค์เกาหลีแคะแกรนกว่าที่ควรจะเป็น เราจึงเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่เกาหลีอาละวาดไปทั่วโลก แต่แบงค์เกาหลีกลับเงียบกริบเพราะอ่อนแอกว่าที่ควรจะเป็น ที่ดินและทรัพย์ยากรของประเทสไปกองอยู่ที่กลุ่มยักษ์ใหญ่แชโบลเหล่านี้จนหมด (ทำให้เมื่อลูกสาวปาร์คจุงฮีมาสมัครเลือกตั้ง แชโบลเหล่านี้จึงตอบแทนบุญคุณสนับสนุนกันเต็มที่)

ส่วนเรื่องสปิริตของชาติ ท่านที่เคยไปเกาหลีคนสังเกตเห็นว่าร้านอาหารเกือบทุกร้าน จะใช้จานกับตะเกียบเหล็กกล้า สาเหตุเพราะ ในยุคอุตสาหกรรมเหล็กของเกาหลีตกต่ำ รัฐบาลได้ขอให้ประชาชนทุกคนอุดหนุนอุตสาหกรรมเหล็ก เช่นเดียวกับหนังเกาหลี มีกฏหมายบังคับให้ดรงหนังทุกโรงต้องฉายหนังเกาหลีอย่างน้อย170วันต่อปี(โรงหนังในเกาหลีจึงต้องอ้อนวอนหนังเกาหลีให้มาฉายโรงของตน)  ลองคิดดูครับว่าถ้ารัฐบาลไทยขอให้ท่านทำแบบเดียวกันนี้ ท่านจะรีบทำหรือจะด่า

กรุณาอย่ามองชาติอื่นเก่งเกินจริงเพื่อมาบรัฟชาติตัวเองกันเลยครับ ถ้าคิดว่าคนเกาหลีเก่ง หรือแม้แต่คนเวียดนามเก่ง เราก็น่าจะรีบพัฒนาตัวเองกันให้มากๆ อย่างที่เค้าว่าเด็กเวียดนามอ่านหนังสือกันปีละ60เล่มเท่าเด็กสิงคโปร์ เราก็ควรมาคิดว่าตอนนี้เราอ่านหนังสือปีละกี่เล่ม พูดภาษาต่างประเทสอะไรได้บ้าง?  ถ้ายังสู้เค้าไม่ได้ก็ต้องรีบอ่าน รีบเรียนภาษา ขยันขึ้นให้มากๆ อย่างน้อยก็เริ่มเป็นคนหนึ่งในสังคมที่เหนือกว่าคนชาติอื่น และเป็นผลดีกับอาชีพของแต่ละท่านเองด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่