อัฟเดท"กรณีช่างภาพโนเนมฟ้อง 5 สื่อสำนักใหญ"กรณีภาพถายสะพานมอญโดนละเมิดลิขสิทธิ์

สืบเนื่องจากกระทู้
http://ppantip.com/topic/33860626

วันนี้วันั้ 28 ก.ค 2558 ครบรอบ 2 ปีที่สะพานไม้ หรือสะพานมอญใน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี หักจากน้ำป่าจากผืนป่าทุกใหญ่นเรศวรพัดถล่ม ซึ่งกรณีนั้น ผมเป็นผู้บันทึกภาพเอาไว้ และนำมาโพสท์บนเฟบบุคส่วนตัวจำนวน 2 ภาพ โดยตั้งสเตตัสเป็นสาธารณะเพื่อจุดประสงค์ในการกระจายข่าวออกไปในวงกว้าง มีการแชร์ภาพต่อๆกันไปนับหมื่นครั้ง สื่อสำนักข่าวแทบทุกสำนักต่างแพร่ข่าวออกไปโดยใช้ภาพของผมในสื่อกันแทบทุกสำนัก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของงานสื่อข่าว และเป็นเรื่องที่ไม่ได้ผิดอะไรในแวดวงของโลกโซเชี่ยล

ในเวลาต่อมา ผมบังเอิญไปพบภาพถ่ายสะพานมอญ หรือสะพานไม้ที่ผมโพสท์ลงไปโดนครอปตัดโลโก้ หรือยี่ห้อที่ผมใส่ไว้ในภาพบนสื่ออนไลน์ในสังกัดของสังนักพิมม์ฉบับหนึ่งที่ผมตรวจเช็คแล้วว่าไม่ได้มีการขอกระทำการดังกล่าวมายังผม สื่อออนไลน์ดังกล่าวยังได้ใส่โลโก้ ของตนเองเป็นตัวหนังสื่อพาดแถบยาวบนรูปภาพ สื่อออกไปทางอินเตอร์เน็ตให้เห็นว่าเป็นภาพถ่ายของตนเอง ผมได้ตรวจสอบไปยังสื่ออีกหลายๆสำนักที่ลงข่าวเกี่ยวกับกรณีสะพานมอญ และได้พบว่ามีสื่ออีก 5 สำนักได้กระทำการเดียวกัน รวมไปถึงสื่อของหน่วยงานรัฐ ผมจึงตัดสินใจรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแจ้งความทางอาญาไว้ที่ สำนักงานตำรวจนครบาลพหลโยธิน และแต่งตั้งทนายเพื่อดำเนินทางกฎหมายแพ่งกับสื่อที่กระทำการดังกล่าว มาตั้งแต่ปี 2556
จนถึงวันนี้ ศาลได้มีคำสั่งพิจาณาตัดสินคดีให้เป็นที่เด็ดขาดไปแล้ว 4 คดี จาก 5 คดีที่ผมฟ้องร้องตลอดเวลาที่อยู่ในช่วงดำเนินคดี ผมนำเอารายละเอียดต่างๆมาเป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับ พรบ.ลิขสิทธิ์ มาโพสท์ในเว็ปไซด์พันทิบ เพื่อเป็นแนวทางความรู้ และตัวอย่างในการรักษาสิทธิของตนสำหรับผู้ที่โดนละเมิดลิขสิทธิ์ภาพถ่ายจากบุคคล สื่อ หรือองค์กรต่างๆไม่ว่าเป็นภาครัฐ และเอกชน

เมื่อวันที่ 7,8,10,23 ก.ค. 2558 ทางศาลทรัพสินทางปัญญาฯได้ออกบัลลังค์ตัดสินกรณีพิพาทระหว่างผมกับสื่อทั้ง 5 สำนัก โดยทางศาลได้ขอพิจารณาให้เป็นการไกล่เกลี่ยกันหน้าบัลลังค์อีกครั้ง เพื่อผลประโยช์ของทั้งสองฝ่าย และเพื่อไม่ให้เป็นกรณีพิพาทฝังลึกไปจนถึงการตั้งตนจงเกลียดจงชังซึ่งกันและกันหากต้องมีการสู้คดีจนถึงที่สุด โดยทางฝ่ายผมมีข้อเรียกร้องผ่านทางศาลไปยังคู่กรณีให้กระทำการยอมรับความผิด และยอมแก้ใขความผิดพลาดขององค์กรตนในกรณีนำไปซึงภาพถ่ายของผม โดยไม่ได้รับการอนุญาต 3 ประการ คือ

1.ให้ผู้ถูกล่าวหายอมรับความเป็นเจ้าของภาพต่อหน้าศาล
2.ให้ผู้ถูกล่าวหายอมรับถึงความผิดอันเกิดจากความผิดพลาดของตนเองโดยโฆษณายอมรับ และแก้ใขข้อผิดพลาดในสื่อของตนเอง
3.ให้ผู้ถูกกล่าวหาชดใช้ค่าเสียหายตามข้อเรียกร้องตามกฎหมายกำหนด หรือการพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ

จากการเรียกร้องดังกล่าว และการพิจารณาไล่เกลี่ยของศาลฯทำให้ได้ข้อตกลงเป็นที่พอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย 4 คดี ประกอบด้วย สำนักข่าวออนไลน์ไทยพีบีเอส ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ,สำนักข่าวมติชนออนไลน์,สำนักข่าวโพสท์ทูเดย์ออนไลน์ และสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นนิวส์ ยังคงเหลือสำนักข่าวอีก 1 ราย ที่ไม่ประสงค์จะยอมความในชั้นไกล่เกลี่ยของศาล และข้อสู้คดีนี้ในชั้นสืบสวนต่อไป

ในความเห็นส่วนตัวผม และทางทนาย ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิสมบูรณ์ตามกฎหมายที่จะนำพยาน และหลักฐานมาหักล้างเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องชดใช้ และคงต้องว่ากันไปตามกระบวนการพิจาณาของศาล ผมขอไม่วิจารณ์เรื่องการสู้คดีของสื่ออีกราย

ในส่วนของสื่ออีก 4 รายที่มีการพูดคุยและทำข้อตกลงกันในการแก้ใขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ผมได้ติดตามคำสัญญาของคู่กรณีที่ให้ไว้กับศาลอย่างถูกต้อง ซึ่งทางสื่อทั้ง 4 รายได้ทำตามแล้วอย่างสมบูรณ์ รวมไปถึงการชดใช้ค่าเสียหายตามที่ศาลพิจารณาแล้วว่าสมเหตสมผลกับความผิด และเป็นที่ยอมรับได้ของทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีเพียงกรณีของสำนักข่าวไทยพีบีเอสเท่านั้น ที่ได้รับการตัดสินใจร่วมกันทั้งฝ่ายผม ศาล และทางฝ่ายคู่กรณีอื่นๆในการชดใช้ค่าเสียหายน้อยกว่าคู่กรณีอื่นๆ ด้วยเหตุผลการเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่หวังผลกำไรทางธุรกิจ ซึ่งต้องทำงานภายใต้การตรวจสอบมากมาย หลายคนอาจคิดว่าหน่วยงานรัฐทำผิดก็ควรเป็นมาตราฐานเดียวกัน หรือมากกว่า ซึ่งอาจมองได้ในลักษณะนั้น แต่ในความเห็นของผม และการพิจารณาของศาลไม่ได้เอาประเด็นนี้มาพิจารณาเป็นหลัก การยอมรับความผิดพลาดในขั้นตอนการทำงาน และแก้ใขให้ถูกต้อง เป็นสิ่งที่สังคมยอมรับได้ และพร้อมที่จะลดแรงเสียดสีเกลียดชังไปยังผู้กระทำผิด

ผมเอาเรื่องนี้มาอัฟเดท เพื่อให้เป็นกรณีศักษา และองค์ความรู้เล็กๆที่เราคนไทยทุกคนมีสิทธิตามกฎหมายทุกฉบับที่เท่าเที่ยมกันในการเรียกร้องต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และสื่อไปยังผู้ที่มีกรณีเดียวกันว่า การรักษาสิทธิของตัวเองเป็นเรื่องสมควรกระทำ การปล่อยปละละเลย หรือเพิเฉยเท่ากับยอมรับให้ประเพณีแบบนี้เป็นเรื่องที่กระทำได้ และเป็นแบบอย่างที่ผิดไปในที่สุด การเรียกร้องเรื่องราวแบบนี้อาจสูญเสียเวลา เงินทอง แต่มันจะคุ้มค่าในทุกๆด้าน ถ้าสิ่งที่เราเรียกร้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงในเหตุและผล ในส่วนของผู้ที่ละเมิดฯจะกระทำด้วยตั้งใจ หรือระบบพาไปก็ดี เมื่อยอมรับ และจริงใจการร่วมมือกันแก้ใขข้อผิดพลาดให้เป็นบรรทัดฐานที่ดีของสังคมก็เป็นเรื่องที่น่าอภัย และยกย่องในความตั้งใจเพื่อคนรุ่นไหม่ได้มีจริยธรรมในสายงานสาขาอาชีพที่ตนเองรัก

และ..ตามสัญญาลูกผู้ชาย เมื่อทุกสิ่งได้รับการแก้ใขให้ถูกต้องอย่างที่สมควรเป็น ผมจึงได้ยุติคดีความทางอาญา และได้ไปถอนแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สำนักงานตำรวนนครบาลพหลโยธินไว้เป็นที่เรียบร้อยทั้ง 4 ราย ในส่วนของรายที่เหลือการปฎิบัติต่อกันคงแตกต่างกันไป หลังจากจบคดีแพ่งแล้วผมจะปรึกษาทนายในการฟ้องร้องทางอาญาอีกด้าน เพื่อเป็นบทเรียนเล็กๆ และเป็นความรู้เล็กๆของผมในการสู้กับความไม่ถูกต้อง ถึงแม้ความอาญาผมจะไม่ได้รับผลประโยชน์เป็นค่าเสียหาย แต่ก็พอที่จะกระตุ้นให้สังคมได้รับรู้ถึงความแตกต่างของของการทำเพื่อสังคม

บางครั้งผลประโยชน์ก็ไม่ได้หมายความว่าทรัพย์สินเงินทองเพียงอย่างเดียว
ความคืบหน้าของอีกคดี ไว้ผมจะมาอัฟเดทเมื่อสิ้นสุดคดี...ขอบคุณครับ
วีรวาร์ สุขรินทร์ เฟชบุค Wa Sukkharin





แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่