ผมจะขอพูดสั้นๆไม่เวิ่นเว้อในประเด็นความเห็นทางวิชาการในมุมมองของชาวบ้านคนหนึ่ง...???
กฏหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่ทั่วโลกบัญญัติและบังคับใช้กรณีผู้ต้องหาหรือจำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา...
วิธีพิจารณา..ก็คือจะต้องนำโจทย์ผู้กล่าวหาและจำเลยผู้ถูกกล่าวหาเข้าเบิกความเพื่อต่อสู้กันในชั้นศาลเพื่อใหศาลพิจารณาตามคำเบิกความหรือให้การของแต่ละฝ่ายและหักล้างกันไปตามกระบวนการพิจารณา....ศาลจะยึดตามพยานที่แต่และฝ่ายนำสืบและกล่าวอ้างเท่านั้น...แล้วก็จะตัดสินตามการเบิกความใครมีพยานหรือข้อเท็จจริงที่ปราศสิ้นข้อสงสัยส่วนมากมักเป็นผู้ชนะไป
และหากโจทย์หรือจำเลยไม่มาศาลกระบวนการพิจารณาก็จะไม่สามารถทำต่อไปได้..ศาลจะออกหมายจับเพื่อให้ผู้มีหน้าที่อย่างตำหนวดจับโจทย์หรือจำเลย...กลับมาเข้าสู่กระบวนการเพื่อพิจารณาคดีต่อไป...
แต่หากไม่สามารถนำฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาศาลได้..ศาลก็จะจำหน่ายคดีออกจากสาระบบชั่วคราวก่อน จนกว่าจะจับตัวมาได้โดยมีอายุความมากน้อยตามแต่มูลเหตุแห่งคดี...นี่คือหลักทั่วไปของกฏหมาย
กรณีกฏหมายที่บัญญัติมาใหม่..สำหรับวิธีพิจารณาอาญา..ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา และถูกประกาศใช้ในราชกิจจานุเษกษาแล้ว....จะสามารถเอาผิดคดีอาญาทางการเมืองที่ไม่สามารถนำจำเลย ที่ถูกกล่าวหาหรือได้กระทำผิด ก่อนหน้ากฎหมายฉบับนี้บัญญัติ มาเข้าสู่กระบวศาลยุติธรรม นั้นสามารถทำได้หรือไม่...
หลักกฏหมายที่สากลทั่วโลกบังคับใช้คือ"กฏหมายไม่สามารถใชับังคับย้อนหลังในมูลเหตุที่เป็นโทษได้แต่ต้องใช้กฏหมายใหม่ในเหตุที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดโดยทันที"
พูดภาษาชาวบ้านก็คือไม่มีกฏหมายก็ไม่มีความผิดไม่มีบทลงโทษก็ไม่สามารถเอาโทษได้ณ.ขณะกระทำการใดๆก็ตาม..
กรณีจะรื้อคดีของทักษิณที่หนีคดีไปมาพิจารณาใหม่...ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่อยู่ในแวดวงยุติธรรม ถ้าหากยึดมั่นตามกฎเกณฑ์ หรือหลักการยุติธรรม เอาความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง..ผมเชื่อว่าไม่มีคนในแวดวงยุติธรรมคนใหน ที่จะกล้าออกมาการันตรีว่า...สามารถทำได้และไม่ขัดกับหลักยุติธรรม...เพื่อขายหน้าตัวเองว่า"เรียนมาจากสถาบันใหน..ให้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงของสถาบัน...???
เพราะ...???
พฤติกรรมและการกระทำที่ทักษิณถูกกล่าวหานั้น..เกิดขึ้นตั้งแต่กฏหมายฉบับนี้ยังไม่ได้บัญญัติ..ดังนั้นการบัญญัติกฏหมายฉบับนี้ จึงเป็นโทษแก่จำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหา มันจึงไม่สามารถบังคับใช้ได้..
.แต่กฏหมายฉบับนี้จะใช้ได้กับนักการเมืองทุกคนหรือพิจารณาลับหลังนักการเมืองได้ทุกคน นับจากที่ประกาศใช้แล้วนักการเมืองพวกนี้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญา...
สมมุติเอาง่ายๆแล้วกัน..
วันนี้ผมหมั่นไส้คุณเกรียน ที่คุยโม้โอ้อวดว่ารวยนักรวยหนา ผมเอาขรี้ไปสาดหน้าคุณเกรียน แต่ไม่มีกฏหมายข้อใหนว่าการสาดขรี้ใส่หน้าเป็นการสร้างความเดือดร้อนรำคาญหรือทำร้ายร่างกายหรือทำให้อับอายขายขี้หน้า...และกำหนดโทษไว้...ผมก็ไม่ต้องรับโทษหรือรับผิดกับสิ่งที่ผมทำไป...
และ..ในอีก2วันต่อมา...
ป้ามาลาลิงทราบข่าว และเห็นว่าคุณเกรียนเป็นเพื่อนที่แสนดีชอบของแปลกๆเหมือนกัน และตัวเองเป็นผู้มีอำนาจ..สามารถออกกฏหมายให้คุณให้โทษกับใครก็ได้...ต้องการจะกำจัดผมให้หายไปจากโลกนี้เลย..เขียนกฏขี้นมาว่า"การสาดขรี้ใส่หน้าบุคคลอื่นเป็นความผิดอย่างร้ายแรงทำให้ผู้ถูกกระทำอับอายขายขี้หน้าประชาชี..จึงบัญญัติกฏหมายว่า"บุคคลใดกระทำความผิดสาดขรี้ใส่หน้าคนอื่นมีความผิดต้องระวางโทษประหาชีวิต....เพื่อหวังจะจัดการผม..
บทบัญญัติในมาตรานี้ไม่สามารถนำมาใช้หรือเอาผิดกับผมที่ได้สาดขรี้ใส่หน้าคุณเกรียนไปเมื่อ2วันที่แล้วได้แต่อย่างไร...แต่จะสามารถเอาผิดหรือประหารชีวิต"คุณจกหรือคุณหล่อได้หากในวันข้างหน้า..สองคนนี้เอาขรี้ไปสาดหน้าคุณเกรียนอย่างที่ผมได้เคยกระทำมา...ได้แบบไม่มีข้อยกเว้น..นี่คือหลักกฏหมายพื้นๆทั่วไป
กลับกัน
หากมีกฏหมายเดิมบัญญัติไว้ไว้"การสาดขรี้ใส่หน้าคนอื่นเป็นความผิดมีโทษประหารชีวิต..เมื่อสองวันที่แล้ว ผมสาดใส่คุณเกรียนและถูกคุมขังรอประหารอยู่..
.แต่คุณจกหรือคุณหล่อเป็นผู้มีอำนาจบ้าง..สงสารผมก็เลยออกกฏหมายมาใหม่ว่า"การสาดขรี้ใส่คนอื่นไม่ถือเป็นความผิดและไม่ต้องรับโทษ. หรือพูดง่ายๆก็คือยกเลิกกฏหมายมาตรานี่นั่นแหละ...
ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องที่กักขังผมไว้รอประหาร ก็จะต้องปล่อยตัวผมทันที...และในวันต่อมาอีกผมเอาขรี้ไปสาดใส่คุณเกรียนอีกผมก็ไม่ต้องรับโทษและไม่ผิกกฏหมาย...
เปรียบเทียบกับคดีของทักษิณที่บางกลุ่มอ้างว่า...สามารถทำได้. และถูกกฏหมายตามหลักพิจารณากระบวนการยุติธรรม.
.ผมก็อยากรู้เช่นกันครับว่า.. คนที่บอกว่า สามารถทำได้ และไม่เป็นการบังคับใช้กฎหมายย้อนหลัง เขาใช้ตรรกะไหน ในการคิดในการพิจารณา และสถาบันการศึกษา หรือสำนักกฎหมาย ไหนที่สอนมาแบบนี้ .ผมจะได้บอกลูกหลานว่าไม่ต้องไปเรียนมันหรอก..
"ย้อนหลังหรือไม่อย่างไร..กรณีอัยการสูงสุดจะรื้อคดีทักษิณ..???
กฏหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่ทั่วโลกบัญญัติและบังคับใช้กรณีผู้ต้องหาหรือจำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา...
วิธีพิจารณา..ก็คือจะต้องนำโจทย์ผู้กล่าวหาและจำเลยผู้ถูกกล่าวหาเข้าเบิกความเพื่อต่อสู้กันในชั้นศาลเพื่อใหศาลพิจารณาตามคำเบิกความหรือให้การของแต่ละฝ่ายและหักล้างกันไปตามกระบวนการพิจารณา....ศาลจะยึดตามพยานที่แต่และฝ่ายนำสืบและกล่าวอ้างเท่านั้น...แล้วก็จะตัดสินตามการเบิกความใครมีพยานหรือข้อเท็จจริงที่ปราศสิ้นข้อสงสัยส่วนมากมักเป็นผู้ชนะไป
และหากโจทย์หรือจำเลยไม่มาศาลกระบวนการพิจารณาก็จะไม่สามารถทำต่อไปได้..ศาลจะออกหมายจับเพื่อให้ผู้มีหน้าที่อย่างตำหนวดจับโจทย์หรือจำเลย...กลับมาเข้าสู่กระบวนการเพื่อพิจารณาคดีต่อไป...
แต่หากไม่สามารถนำฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาศาลได้..ศาลก็จะจำหน่ายคดีออกจากสาระบบชั่วคราวก่อน จนกว่าจะจับตัวมาได้โดยมีอายุความมากน้อยตามแต่มูลเหตุแห่งคดี...นี่คือหลักทั่วไปของกฏหมาย
กรณีกฏหมายที่บัญญัติมาใหม่..สำหรับวิธีพิจารณาอาญา..ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา และถูกประกาศใช้ในราชกิจจานุเษกษาแล้ว....จะสามารถเอาผิดคดีอาญาทางการเมืองที่ไม่สามารถนำจำเลย ที่ถูกกล่าวหาหรือได้กระทำผิด ก่อนหน้ากฎหมายฉบับนี้บัญญัติ มาเข้าสู่กระบวศาลยุติธรรม นั้นสามารถทำได้หรือไม่...
หลักกฏหมายที่สากลทั่วโลกบังคับใช้คือ"กฏหมายไม่สามารถใชับังคับย้อนหลังในมูลเหตุที่เป็นโทษได้แต่ต้องใช้กฏหมายใหม่ในเหตุที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดโดยทันที"
พูดภาษาชาวบ้านก็คือไม่มีกฏหมายก็ไม่มีความผิดไม่มีบทลงโทษก็ไม่สามารถเอาโทษได้ณ.ขณะกระทำการใดๆก็ตาม..
กรณีจะรื้อคดีของทักษิณที่หนีคดีไปมาพิจารณาใหม่...ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่อยู่ในแวดวงยุติธรรม ถ้าหากยึดมั่นตามกฎเกณฑ์ หรือหลักการยุติธรรม เอาความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง..ผมเชื่อว่าไม่มีคนในแวดวงยุติธรรมคนใหน ที่จะกล้าออกมาการันตรีว่า...สามารถทำได้และไม่ขัดกับหลักยุติธรรม...เพื่อขายหน้าตัวเองว่า"เรียนมาจากสถาบันใหน..ให้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงของสถาบัน...???
เพราะ...???
พฤติกรรมและการกระทำที่ทักษิณถูกกล่าวหานั้น..เกิดขึ้นตั้งแต่กฏหมายฉบับนี้ยังไม่ได้บัญญัติ..ดังนั้นการบัญญัติกฏหมายฉบับนี้ จึงเป็นโทษแก่จำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหา มันจึงไม่สามารถบังคับใช้ได้..
.แต่กฏหมายฉบับนี้จะใช้ได้กับนักการเมืองทุกคนหรือพิจารณาลับหลังนักการเมืองได้ทุกคน นับจากที่ประกาศใช้แล้วนักการเมืองพวกนี้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญา...
สมมุติเอาง่ายๆแล้วกัน..
วันนี้ผมหมั่นไส้คุณเกรียน ที่คุยโม้โอ้อวดว่ารวยนักรวยหนา ผมเอาขรี้ไปสาดหน้าคุณเกรียน แต่ไม่มีกฏหมายข้อใหนว่าการสาดขรี้ใส่หน้าเป็นการสร้างความเดือดร้อนรำคาญหรือทำร้ายร่างกายหรือทำให้อับอายขายขี้หน้า...และกำหนดโทษไว้...ผมก็ไม่ต้องรับโทษหรือรับผิดกับสิ่งที่ผมทำไป...
และ..ในอีก2วันต่อมา...
ป้ามาลาลิงทราบข่าว และเห็นว่าคุณเกรียนเป็นเพื่อนที่แสนดีชอบของแปลกๆเหมือนกัน และตัวเองเป็นผู้มีอำนาจ..สามารถออกกฏหมายให้คุณให้โทษกับใครก็ได้...ต้องการจะกำจัดผมให้หายไปจากโลกนี้เลย..เขียนกฏขี้นมาว่า"การสาดขรี้ใส่หน้าบุคคลอื่นเป็นความผิดอย่างร้ายแรงทำให้ผู้ถูกกระทำอับอายขายขี้หน้าประชาชี..จึงบัญญัติกฏหมายว่า"บุคคลใดกระทำความผิดสาดขรี้ใส่หน้าคนอื่นมีความผิดต้องระวางโทษประหาชีวิต....เพื่อหวังจะจัดการผม..
บทบัญญัติในมาตรานี้ไม่สามารถนำมาใช้หรือเอาผิดกับผมที่ได้สาดขรี้ใส่หน้าคุณเกรียนไปเมื่อ2วันที่แล้วได้แต่อย่างไร...แต่จะสามารถเอาผิดหรือประหารชีวิต"คุณจกหรือคุณหล่อได้หากในวันข้างหน้า..สองคนนี้เอาขรี้ไปสาดหน้าคุณเกรียนอย่างที่ผมได้เคยกระทำมา...ได้แบบไม่มีข้อยกเว้น..นี่คือหลักกฏหมายพื้นๆทั่วไป
กลับกัน
หากมีกฏหมายเดิมบัญญัติไว้ไว้"การสาดขรี้ใส่หน้าคนอื่นเป็นความผิดมีโทษประหารชีวิต..เมื่อสองวันที่แล้ว ผมสาดใส่คุณเกรียนและถูกคุมขังรอประหารอยู่..
.แต่คุณจกหรือคุณหล่อเป็นผู้มีอำนาจบ้าง..สงสารผมก็เลยออกกฏหมายมาใหม่ว่า"การสาดขรี้ใส่คนอื่นไม่ถือเป็นความผิดและไม่ต้องรับโทษ. หรือพูดง่ายๆก็คือยกเลิกกฏหมายมาตรานี่นั่นแหละ...
ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องที่กักขังผมไว้รอประหาร ก็จะต้องปล่อยตัวผมทันที...และในวันต่อมาอีกผมเอาขรี้ไปสาดใส่คุณเกรียนอีกผมก็ไม่ต้องรับโทษและไม่ผิกกฏหมาย...
เปรียบเทียบกับคดีของทักษิณที่บางกลุ่มอ้างว่า...สามารถทำได้. และถูกกฏหมายตามหลักพิจารณากระบวนการยุติธรรม.
.ผมก็อยากรู้เช่นกันครับว่า.. คนที่บอกว่า สามารถทำได้ และไม่เป็นการบังคับใช้กฎหมายย้อนหลัง เขาใช้ตรรกะไหน ในการคิดในการพิจารณา และสถาบันการศึกษา หรือสำนักกฎหมาย ไหนที่สอนมาแบบนี้ .ผมจะได้บอกลูกหลานว่าไม่ต้องไปเรียนมันหรอก..