อ้างอิง
http://headshot.tnews.co.th/contents/216534/
----
วันที่ 11 ธ.ค.59 นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว Chuchart Srisaeng กรณีที่มีบุคคลกลุ่มหนึ่งยื่นฎีกาขอไม่ให้ดำเนินคดีแก่พระธัมมชโย โดยอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งนั้น โดยระบุว่า...
.....เรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๕๙ ว่า " ผู้ต้องคําพิพากษาให้รับโทษอย่างใดๆ หรือผู้ท่ีมีประโยชน์เกี่ยวข้อง เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้าจะทูลเกล้าฯ ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ขอรับพระราชทานอภัยโทษจะยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้ "
.....ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวมีความหมายชัดแจ้งว่า การจะทูลเกล้าฯ ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ขอรับพระราชทานอภัยโทษได้นั้น ผู้ที่ขอรับพระราชทานอภัยโทษต้องถูกฟ้องคดีต่อศาลและศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้ว
.....แต่กรณีของพระธัมมชโย ยังไม่ได้ถูกฟ้องคดีต่อศาลและศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ เมื่อศาลยังไม่ได้ลงโทษ จึงไม่มีโทษที่จะขอรับพระราชทานอภัยโทษตามบทบัญญัติของมาตรา ๒๕๙ ได้
.....ทั้งการยื่นฎีกาดังกล่าวพระธัมมชโยก็ไม่ได้ยื่นด้วยตนเองและกลุ่มบุคคลที่ยื่นก็ไม่ใช่ผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องคือ บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตร ของพระธัมมชโย
.....โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีกฎหมายฉบับใดบัญญัติให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายหรือผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง ทูลเกล้าฯ ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ขอรับพระราชทานอภัยโทษ เพื่อไม่ให้เจ้าพนักงานของรัฐดำเนินคดีแก่ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายได้
.....การยื่นฎีกาดังกล่าว จึงเป็นการกระทำโดยไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายรองรับให้กระทำได้ !
###อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา กล่าวถึง เรื่องธรรมกายยื่นถวายฏีกา###
http://headshot.tnews.co.th/contents/216534/
----
วันที่ 11 ธ.ค.59 นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว Chuchart Srisaeng กรณีที่มีบุคคลกลุ่มหนึ่งยื่นฎีกาขอไม่ให้ดำเนินคดีแก่พระธัมมชโย โดยอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งนั้น โดยระบุว่า...
.....เรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๕๙ ว่า " ผู้ต้องคําพิพากษาให้รับโทษอย่างใดๆ หรือผู้ท่ีมีประโยชน์เกี่ยวข้อง เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้าจะทูลเกล้าฯ ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ขอรับพระราชทานอภัยโทษจะยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้ "
.....ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวมีความหมายชัดแจ้งว่า การจะทูลเกล้าฯ ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ขอรับพระราชทานอภัยโทษได้นั้น ผู้ที่ขอรับพระราชทานอภัยโทษต้องถูกฟ้องคดีต่อศาลและศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้ว
.....แต่กรณีของพระธัมมชโย ยังไม่ได้ถูกฟ้องคดีต่อศาลและศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ เมื่อศาลยังไม่ได้ลงโทษ จึงไม่มีโทษที่จะขอรับพระราชทานอภัยโทษตามบทบัญญัติของมาตรา ๒๕๙ ได้
.....ทั้งการยื่นฎีกาดังกล่าวพระธัมมชโยก็ไม่ได้ยื่นด้วยตนเองและกลุ่มบุคคลที่ยื่นก็ไม่ใช่ผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องคือ บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตร ของพระธัมมชโย
.....โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีกฎหมายฉบับใดบัญญัติให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายหรือผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง ทูลเกล้าฯ ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ขอรับพระราชทานอภัยโทษ เพื่อไม่ให้เจ้าพนักงานของรัฐดำเนินคดีแก่ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายได้
.....การยื่นฎีกาดังกล่าว จึงเป็นการกระทำโดยไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายรองรับให้กระทำได้ !