เรื่องเล่าจาก.........(ผญ .ของสามี)เราเองค่ะ

อันนี้ประสบการณ์ส่วนตัว นะคะ เหตการณ์ก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ เป็นเรื่องส่วนตัวที่อยากแชร์ ให้คนอื่นรับรู้ สำหรับเราปัญหาที่คล้ายๆแบบนี้มักจะเกิดกับคนใกล้เสมอ ได้รับรู้อยู่ตลอด จึงไม่เคยคิดว่าปัญหาที่มันเกิดขึ้นกับเรา มันจะเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสไปกว่าคนอื่น จนบางทีเจอเพื่อน คำทักแรกนี่คือ E heer ไปเดินไกลๆ เดี๋ยวเขา มาเกี่ยวกะเขากู 555.....
         เริ่มจาก อีจอง1(นามสมมุตินะจ้ะ) เรามารู้เรื่องของเธอก็ประมาณ ลูกคนโตประมาณ2ขวบ (ตอนนี้13 แล้วค่ะ) เรื่องมาแตกก็วันหนึ่งที่สามีออกไปทำงานตอนแต่เช้า ติดต่อไม่ได้เลย โทรเข้ามือถือก็ไม่รับ โทรหลายครั้งมากกกกก จนเราเป็นห่วง
ช่วงเย็นเลยโทรเข้าบริษัท ต่อ เข้าแผนก ปลายสายบอกว่า วันนี้ไม่ได้เข้ามา โทรมาลาหยุดตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว  ประมาณค่ำๆสามีโทรมา บอกว่าทำงานอยู่นะ ยุ่งมากเลย โทรศัพท์ลืมไว้บนรถพี่ที่ทำงานที่ติดรถมาด้วยเมื่อเช้านี้ เลยไม่ได้รับโทรศัพท์ เราเองก็อือๆ ยังไม่ได้ถามอะไรหรอกตอนนั้นแต่ใจมันเต้นตูมตาม ไปแล้ว สรุปว่าคืนนั้นมันกลับห้อง เกือบตีหนึ่ง ไอ้เราก็ตั้งท่า ปะฉะดะ อยู่แล้ว ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องผญ.คนนี้นะคะ สามีมันก็โกหกไปเรื่อย ระหว่างกำลังฉะกันอยู่ ผญ.โทรเข้ามาหลายครั้งแต่สามีไม่ยอมรับ เรามือเร็วก็คว้าโทรศัพท์มารับเอง ได้ยินเป็นเสียงผู้หญิง ถามเลยว่าใคร นางว่าทำไมไม่ถามสามีเธอดู นาทีนั้นสั่นยังกะเจ้าเข้า (คิดภาพตามนะคะ55) วางโทรศัพท์ มาเคลียร์กะสามี ว่าอะไร ยังไง ทำไม กุไม่ดีตรงไหน ทำไมทำแบบนี้ นาทีนี้ขึ้นขึ้นกู ละค่ะ ของขึ้นมากมาย เอาเป็นว่าเดี๋ยวย่อๆช่วงเคลียร์นะคะ จับใจความได้ว่า คบกันตั้งแต่ช่วงเราท้อง ตอนที่ไปจีบผญ.ๆไม่รู้ว่ามีเมียและกำลังท้อง พอรู้ผญ.เสียใจผช.ก็ไปง้อ และพูดให้ความหวังทางโน้นว่าไม่ได้รักเรา แต่เห็นแก่ลูกสงสารลูกไรงี้ รอนะ สักวันจะเป็นของเรา และเราจะได้มาอยู่ด้วยกัน ฮิ้วววววววว รอไปรอมาเกือบ3ปี นางเริ่มจะไม่ไหวที่ต้องหลบๆซ่อนๆ (จริงๆก็หลบแต่เราคนเดียวนะ เพราะคนที่โรงงานเค้ารู้กันทั่วว่าเมิงเป็นไรกัน สลัดดดดด) มาโป๊ะแตกวันที่สามีหายไปนั่นล่ะค่ะ เขาไปเคลียร์กันมาทั้งวันกับอีกครึ่งคืน แต่ยังไม่ลงตัว เลยโทรมาอีกสักรอบบ สุดท้ายเราถามว่าจะเอาไง เก็บเสื้อผ้าออกไปเลยไม๊ ไปอยู่กะมันโน้น มันรออยู่ บอกมันว่าจะมาเคลียร์กะกูนิ ไปสิไอ้เห้.....(ปกติจะไม่พูดคำหยาบเลยนะคะแต่ตอนนั้นมันไม่ไหวจริงๆ) สรุปมันไม่ไป กอดแข้งกอดขาจะให้ทำไงก็ได้แต่อย่าเลิกกันได้ไม๊ ไม่ทำอีกแล้ว(ตอนนั้นคิดว่าจะเลิกค่ะ หยามกันเกิ๊นน) เธอไม่สงสารลูกหรอ (ทีตอนนี้ล่ะคิดได้) ความรู้สึกตอนนั้นหรอคะ เคียดแค้น ชิงชัง รังเกียจ สารพัดสารเพ แหลกค่ะความรู้สึก  แต่หน้าที่ความรับผิดชอบก็ยังต้องมี 11โมงอาบน้ำแต่งตัว แต่งหน้าทาปาก ไปทำงาน(ตอนนั้นทำงานขาย คสอ.ในห้างค่ะ) สรุปเคสแรกนี้เราบอก แม่สามีๆ ก็มาเคลียร์ค่ะ ต่อมาไม่นาน ออกรถใหม่ป้ายแดง พร้อมกับ ขยับขยายไปเช่าบ้านอยู่ ใกล้กับที่ทำงานของเรา ส่วนรถสามีก็ใช้ค่ะ เพราะที่ทำงานอยู่ไกล ถ้าวันไหนกลับดึกก็จะมารับ ถ้าไม่ดึกก็สองแถวล่ะค่ะตามยถากรรม555 เพราะเวลาทำงานเราไม่ตรงกัน  ของสามี ออกจากบ้านหกโมงเช้า กลับประมาณ2ทุ่ม ทำโอค่ะ ของเรา10:00-19:00 และ 12:00-21:00 วันไหนเลิก3ทุ่มนั่นล่ะ ถึงจะมารับ
เนื่องจากวันทำงานและวันหยุด ไม่ตรงกัน มันจึงเป็นช่องว่างทำให้เราได้ทำอะไรตามใจตัวเองกันอย่างเต็มที่(ลูกอยู่ตจวค่ะ แม่สามีดูให้เพราะตอนนั้นเราต้องทำงานทั้งสองคน)
        ไม่นานเท่าไร เริ่มมีกลิ่นไม่ดีมาอีกแล้ว สามีนอนดึกค่ะเป็นประจำ ชอบเล่นกีตาร์ ร้องเพลง ทำงานอยู่หน้าคอม นานๆบางทีก็แอบยิ้ม แบบไม่รู้ตัว ตอนนั้น คือแอบคุยสาวค่ะ เราเริ่มผิดสังเกตุ แต่ยังนิ่งและรอเวลา ในระหว่างนี้ทำเป็นไม่สนใจ ทำเป็นดูทีวี เล่นเกมส์โทรศัพท์ ไปเรื่อย ดูท่าทีอยู่หลายวันค่ะ มีจังหวะให้เราแอบดูบ้างเวลาเค้าลงไปกินข้าว เข้าห้องน้ำ เราก็แอบดูไปเรื่อยๆ ทั้งประวัติการสนทนา รายชื่อเพื่อน คาใจอยู่1คน พอดีกับที่สามี log in emailไว้ เราก็เช็คค่ะมีประวัติรับส่ง ข้อความอยู่หลายอัน บางอันเป็นกลอนหวานซึ้ง เราปริ๊นซ์ ออกมาทุกอัน แต่มีอยู่อันนึงส่งเป็นวีดีโอ ที่ตัวเองเล่นกีตาร์และร้องเพลงส่งไปให้ผญ. (อีจอง2)พอได้ดู ได้อ่านข้อความ ใจเต้นรัว อีกตามเคย ไอ้เห้....ทีกุยังไม่เคยทำแบบนี้ให้เลย เคลียร์สิคะรอไร เอกสารหลักฐาน พร้อมแล้ว เหลือเพียงคำให้การของจำเลย 55 คำตอบก็ประมาณว่า ไม่มีไร คุยเล่นๆ เฉยๆ ว่าไปนู้นนน รอบนี้สาวไปไม่ถึงต้นตอ ก็เลยจบแบบไม่มีอะไรอย่างที่สามีบอก
       ประมาณปี 2553 เราออกจากงานประจำ เพราะเหตุผลหลายๆอย่าง ประกอบกับสามีเห็นว่าตอนนั้นเงินเดือนเค้าคนเดียวก็เพียงพอที่จะรับภาระทุกๆอย่างได้แล้ว แพลนไว้ว่าจะมีลูกอีกคนและตั้งใจที่จะเลี้ยงเอง เพราะตอนมีคนโตเราต้องทำงาน เลยไม่ค่อยมีเวลาให้ เลยย้ายกลับไปอยู่ ตจว.ขายของเล็กๆน้อยๆ สามีก็กลับไปด้วยแต่ยังทำงานที่เดิมขับรถไกลกว่าเดิมนึดนึงบ้านที่พักอยู่ตอนนั้น ไม่มีที่จอดรถต้องไปจอดที่เค้ารับฝากใกล้ๆกัน และเดินข้ามฟากมาเข้าบ้าน เราก็โรคจิตค่ะ ชอบแอบดูเวลาสามีเอารถไปจอด เขาจะยังไม่เข้าบ้านต้องคุยโทรศัพท์ทุกครั้ง สักพักใหญ่ๆค่อยเข้าบ้าน ตัวสามีไม่รู้ตัวหรอกค่ะว่าเราแอบดูพฤติกรรมของเค้าอยู่นานค่ะหลายวันเลยจนจะเป็นเดือนด้วยซ้ำ พอเข้าบ้านเขาก็จะไม่โทรไม่รับ เหมือนเค้าจะคุยกันไว้แล้วว่า เข้าบ้านล่ะนะไม่ต้องโทรมาไรงี้มั้ง อันนี้เดาจ่ะ55 แต่ถ้าเป็นเบอร์อื่นก็รับปกติค่ะ คืนหนึ่ง สามีชวนเพื่อนมากินเหล้าที่บ้าน ก็กินกันไปคุยไป พอมึนๆ โทรศัพท์เข้า รับค่ะ แต่รับแล้วทำเป็นเดินขึ้นไปข้างบน ไปคุยในห้องนอน เราเองทำเป็นไม่สนใจค่ะ ตอนแรก แต่พอเข้าห้องเราเลยแอบย่องตามขึ้นไป แอบฟัง ชัดเจนว่า  
คุยกับผญ.แน่นอน เปิดประตูปังถามว่าคุยกับใคร แล้วแย่งโทรศัพท์มาคุยเอง แต่ผญ.คนนี้เค้าว่าไม่คุยให้ไปคุยกันเอง โอ๊ะอีนี่ อันนี้นึกในใจนะคะ555
เหมือนเดิมละคะ ถ้าไม่เห็นตอนมันขี่กันอยู่นี่ใครจะยอมรับเนอะ ณ ตอนนั้นผช.ก็ว่าแค่คุยเฉยๆไม่มีอะไร สบายใจได้ พอได้ฟังนี่ โถวววๆพ่อคุณกุนี่สบายใจมากๆเลยนะ อารมณ์เสีย ลืมบอกไปว่าเป็นคนเดียวกับที่ได้รับเกียติจากสามีดิชั้นที่เล่นกีตาร์และร้องเพลงไปให้ฟังคร่าาาานั่นคือ อีจอง2นั่นเอง.
ตอนที่เห็นชื่อที่เมมไว้ที่โทรศัพท์นี่ อึ้งค่ะไม่อยากให้เป็นคนเดียวกันเลยแต่มันใช่ค่ะ ตอนนั้นไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับผญ.คนนี้เท่าไหร่รู้แต่ชื่อ กะอีเมลล์
ต้องทำการบ้านกันหน่อยค่ะ โทรไปหาแหล่งข้อมูลหลักนั่นคือ อีจอง1ค่ะ (ตอนนั้นที่เคลียร์กันเธอรับปากค่ะว่าจะไม่ยุ่งกะสามีเราอีกแต่ถ้ามีคนอื่นเธอก็ไม่รับรู้นะ  แหน่ะว่าไปนั่นเชียว 555) เราเลือกได้ถูกคนค่ะ นางเล่ามาแบบหมดทุกเม็ด ทุกคำที่พูดมาเรารับรู้ได้ว่านางอิจฉา อีจอง2 มากกกที่สุด แต่บางทีก็มีเก็บอาการว่า ก็ไม่อะไรหรอกนะเรา โมโหแทนเธอหน่ะ 555 เท่าที่เล่ามาก็ประมาณว่า นั่งกินข้าวด้วยกันทุกวัน ออกไปข้างนอกด้วยกันบ่อยมาก (จอง1 จอง2 สามี ทำงานที่เดียวกันค่ะ ณตอนนั้น) รถที่นางใช้ สามีของนางทำงานที่ไหน ถามว่าจะเอาเบอร์ผัวมันมั้ยจะหาให้ ว่างั้น 5555
แต่ตอนนั้นเราไม่ได้เอามานะเบอร์โทรอ่ะ แล้วเรื่องก็เงียบไปด้วยคำว่าจะไม่ทำอีกจะไม่คุยแล้ว ว่างั้น แต่เราแน่ใจมากว่ายังไงมันก็ต้องคุยกันอยู่ เพราะเรื่องมันหลายปีต่อเนื่อง มันเลิกไม่ได้ขาดแน่นอน ลืมเล่าไปอีกเรื่องที่เราปรี๊ดดดๆมากๆอีกเรื่อง พอดีช่วงนั้นบริษัทส่งสามีไปทำงานที่มาเลเซีย กลับมาก็ซื้อรองเท้า1คู่ นาฬิกา 1 เรือน มาให้เรา รองเท้าหน่ะเอาจริงๆ เราก็ไม่ได้ชอบแต่ก็ดีใจค่ะที่ซื้อมาฝาก นั่นล่ะค่ะพอจับได้เรื่องโทรศัพท์ เราก็เข้าไปเช็คเมลล์ของสามี เจอเลยค่ะมีส่งเมลล์มาหาอีจอง2ค่ะ ประมาณว่าเลือกรองเท้ารึยัง ไรประมาณนี้
ตอนนั้นไม่แน่ใจว่าส่งมาเป็นไฟลล์ภาพ หรือ อะไรเราก็ลืมแล้วค่ะ นานนแล้ว เราก็มึนไปสิครับ อะไรวะทีกุทำไมไม่ให้กุเลือกบ้างล่ะ อินี่มันมีอภิสิทธิ์ อะไรมากขนาดนั้น แล้วมาบอกไม่มีอะไร ไม่ต้องคิดมาก 5555 เห็นกุเป็นควายสินะ ไม่ต้องบอกเลยเรื่องคิดมงคิดมาก เพราะกุคิดมาตั้งแต่ร้องเพลงให้มันฟังแล้วล่ะ สึดดดด พอเช็คเรื่องนี้เสร็จก็ไปเช็ค โทรออกสามี ย้อนหลังสามเดือน ได้ผลดังนี้ ประมาณว่าเช้าขึ้นรถนี่ต้องโทรรายงานกันเลย ทั้งเวลาออกจากบ้านและกลับถึงบ้าน ไม่ทุกวันหรอกนะคะ แต่ก็บ่อยมาก จนต้องมานั่งนึกว่า ตกลงกุกะนี่ใช่ผัวเมียกันจริงๆช่ะ คืองงอ่ะ ทีกะเมียนี่ไม่เห็นต้องรายงานกันขนาดนี้ โทรมาแต่ละครั้ง 30 วิ ไม่เคยเกิน เอาหน่ะ สามีบอกว่าไม่มีอะไร ก็ไม่มีอะไรสิคะ อย่าคิดมาก 555
    ข่าวคราวเงียบหายไป 2-3ปี นึกว่าไปได้ดี.......โถ่ววววววๆ มาอีกละค่ะ ประมาณปลายปี54 เราคลอดลูกคนที่สองค่ะ ก็เลี้ยงลูกไปไรไป กับสามีก็เรื่อยๆเหมือนเดิม หลังจากน้ำท่วมปี54 จากนั้นไม่นานสามีก็ออกจากงานค่ะ ไปทำที่ใหม่ ทราบทีหลังว่า อีจอง1 ก็กลับไปทำงานที่บ้านเกิด 555เช่นกัน (น่าจะหลังจากที่น้ำท่วมมั้งคะ) ประมาณปลายปี56 วันนั้นหยิบโทรศัพท์สามีมาดู เจอคุยสาวอยู่ 2 คน เอาคนแรกก่อนนะคะ ขอแทนว่า อีจอง3 (ผญ.คนนี้เป็นเพื่อนกะสามีค่ะเคยเรียนด้วยกันน่าจะประมาณประถมมัธยม แล้วบ้านอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ อันนี้สามีเล่าให้ฟังก่อนที่จะมีเรื่องนี้นะคะ แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาเริ่มอยากจะกอดกันตั้งแต่ตอนไหน 55 อาจจะเพราะงานที่สามีทำอยู่ทำให้ต้องเจอผญ.คนนี้บ่อยๆ) ที่คุยกันก็ประมาณว่า คิดถึงๆ อยากกอด จะให้กอดได้ยัง สุดท้ายจะนัดไปกอดกันยังไงก็ไม่ทราบ ให้ผญ.เลือกว่าจะไปไหนดี เลือกวันมานะ ไรงี้ ส่วนผญ.ก็ประมาณว่าผ.มีสัมนาสิ้นเดือนนะ เป็นช่วงนี้มั้ย  เออดีเนอะผัวก็มีแล้วนี่ยังจะมากอดกะผัวกูอีกเนอะ ขาดความอบอุ่นนะ ดีออกกกก. อ่านไลน์ปุ๊บก็แคปส่งเข้าเมลล์ตัวเองไว้ก่อนค่ะ เพราะเรายังไม่ได้คุยกะสามีตอนนั้น ต้องเย็นก่อนค่ะเดี๋ยวไก่ตื่น  
สามีก็ออกไปทำงานค่ะ สักพักเราส่งไลน์ข้อความที่แคปไว้ ให้สามีดู ...ก็เหมือนเดิมอ่ะค่ะ ไม่มีอะไร จีบเล่นๆ คุยเฉยๆยังไม่มีอะไรหรอก ก็งั้นสิคะมันยังไม่สิ้นเดือนนี่ ถ้าเห็นช้ากว่านี้ไม่รู้จะไปกอดกันจากไหนถึงไหน  พอคุยกะสามีเสร็จ ก็มานั่งคิดว่าจะคุยกับ อีจอง3 ไงดี พอดีว่าเราไม่ถนัดด่านะคะ คืออยากพูดน้อยๆแต่ให้มันได้ผลมากที่สุด ดีกว่าด่ากันไปด่ากันมา มันเหนื่อยค่ะ และส่วนใหญ่มันจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เราส่งไลน์ทักไปก่อนค่ะ รอนานเหมือนกันกว่านางจะอ่าน คงทำงานอยู่ พอเปิดอ่านปุ๊บนางก็ส่งรูปทักมาค่ะ ประมาณว่าใครอ่ะ  เรารออยู่ค่ะ แล้วส่งรูปที่แคปไว้ทั้งหมดให้นางดู  พอทุกรูปเปิดดูหมดแล้วเราโทรไปค่ะ พอรับเราก็บอกว่า. นี่แฟน.....นะ ดูรูปแล้วใช่มั้ยมันคืออะไรอ่ะ เธอก็ว่า ไม่มีอะไร คุยงานหน่ะ เป็นเพื่อนกัน บลาๆเยอะค่ะ เราก็ฟังค่ะให้พูดให้พอใจ  พอนางเงียบเราก็เลยถามว่าสามีก็มีแล้วทำไมทำแบบนี้ เห็นว่าทำงาน ที่เดียวกันใช่มั้ย(เรารู้ว่านางงานที่ไหนค่ะ) บ้านพ่อแม่ก็อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง จากบ้านเรานี่เดินไปแป๊บเดียวก็ถึงเนอะ ข้อความเนี่ยเรา ปริ๊นไว้แล้วล่ะอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าแฟนคุณ พ่อกับแม่คุณได้อ่านเขาจะรู้สึกยังไง ไหนจะคนแถวบ้านอีกอ่ะ อายเขานะ อย่าทำแบบนี้เลยสงสารพ่อกับแม่คุณนะ จะอายคนเขาป่าวๆ นี่ไม่ได้ขอร้อง แต่คิดเอาเองล่ะกัน มันไม่คุ้มกันหรอกนะ  (อีจอง3 นี่เรารู้สึกว่านางแค่อาจชอบความตื่นเต้น กับการแอบมีผช.ลับหลังสามี แต่ถึงขนาดนัดกันไปกอด 555 นี่ก็นะ ผัวดิชั้นนะคุณ มันไม่กอดนานหรอกนะอย่างอื่นมันก็ทำ)
พอพูดจบ นางก็เงียบไปค่ะ แล้วบอกว่า จะไม่มีแบบนี้อีก ต่อไปจะคุยแค่เรื่องงานเท่านั้น  คนนี้เรารู้สึกว่ามันจบจริงค่ะ เพราะคิดว่าไม่น่าจะกล้าอีก หรือถ้าจะสานต่อกันอีก ถ้าจับไม่ได้เราไม่ซีเรียสหรอกค่ะ ก็มันไม่มีหลักฐานนี่เนอะ ให้ทำไงล่ะ เนอะๆๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่