ได้ปฏิบัติธรรม เมื่ออายุ 23 - 24 ปี ก็ภาวานาตลอด กำหนดภาวนาทุกขณะ เจริญสติระลึกอยู่เนื่องๆ ติดต่อเป็นปี จนเป็นหลายปี จนเป็นสิบๆ ปี แม้จะต้องทำงานเลี้ยงครอบครัว ก็ยังกระทำไว้อยู่ในใจเนื่องๆ บางคราวก็เพียรเพ่งอย่างแรงกล้าเกินกำลังของผู้คนทั่วไปเมื่อกำลังญาณเจริญขึ้น กระทำจนเป็นความเคยชิน พึ่งค่อยผ่อนคลายลงเมื่อ เกือบ 2 ปีมานี้เอง ด้วยข้อกังขาของตนเองนั้นได้ตกไปแล้ว และเพื่อผ่อนคลายร่างกายและเส้นเลือดและสมอง ที่เกิดอุดตันอย่างเฉียบพลันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว.
ในทางกายภาพ
เคยเพ่งรู้ความรู้สึกในส่วนหัว จนเสมือนสมองกระตุก
เคยเพ่งหัวใจที่เต้นอยู่ จนหยุดเต้นไปบางขณะ
ยามมีกามราคะเขม็งตึง ขณะตื่นจากนอนหลับ หรือเผลอขณะตื่นอยู่ สามารถเพ่งระงับหมดไปในทันทีได้
ในทางกายภาพและความรู้สึกจนถึงจิต
กำหนดภาวนาเพ่งรู้ความง่วงนอนที่เกิดอยู่ ดับแวบหายไปมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ในทันที่
กำหนดเพ่งความขุ่นเคือง ความโกรธ ที่กำลังดำเนินอยู่ ดับแวบหายไปในทั่นที่
กำหนดรู้หยุดความคิดตนเองได้ทันที กำหนดรู้หยุดความฟุ้งซ้านความสงสัยลังเลที่กำลังเดินอยู่ในใจดับหายได้ทันที
เคยกำหนดภาวนาจนหลับไป เมื่อแค่จิตไหวตัวตื่นขึ้นก็กำหนดภาวนาติดต่อกัน ดังเป็นอัตโนมัต จนรู้เต็มทุกส่วนของร่างกาย เป็นเวลาติดต่อหลายวัน
เคยกำหนดภาวนา จากที่สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ จนดับหมดทั้งการรับรู้+ความรู้สึกภายใน+จิต แล้วปรากฏขึ้นใหม่ในทันทีอย่างมีสติสัมปชัญญะทั่วพร้อมทั้งกายและใจ มีใจที่สะอาดบริสุทธิ์ หลายครั้ง
ที่ปฏิบัติมานั้นยังถือว่าน้อยอยู่ เพราะพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า กำหนดภาวนารู้อยู่ทุกลมหายใจ
ดังนั้น เฉพาะการอ่าน การศึกษาตำรา และการคิดวิเคราะห์ จึงยังไม่เพียงพอต่อพระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ซึ้งต้องปฏิบัติธรรมด้วย และการปฏิบัติธรรมนั้นไม่ใช่เป็นการปฏิบัติธรรมเพียงชั่วครู่ชั่วคราว ต้องปฏิบัติธรรมอยู่เนื่องๆ ต่อเนื่องเป็น วันๆ เดือนๆ ปีๆ เป็นสิบๆ ปี หรือจนกระทั้งหมดชีวิตจากโลกนี้ไป.
การดำรงณ์อยู่เป็นชาวพุทธในพุทธศาสนานั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่มีศีลมีธรรม ก็เป็นพุทธมามะกะได้ แต่การที่จะทำให้ที่สุดแห่งทุกข์นั้นต้องปฏิบัติธรรมอยู่เนื่องๆ กระทำโดยไม่หยุด อย่างไม่จม(ละเลย) ไม่ลอย(เพียรจนวิปปลาส) ย่อมถึงที่สุดแห่งทุกข์ วันใดก็วันหนึ่ง.
เมื่อเราได้ปฏิบัติธรรม ก็ภาวานาตลอด กำหนดภาวนาทุกขณะ ระลึกเนื่องๆ เป็นปี จนเป็นหลายปี จนเป็นสิบๆ ปี
ในทางกายภาพ
เคยเพ่งรู้ความรู้สึกในส่วนหัว จนเสมือนสมองกระตุก
เคยเพ่งหัวใจที่เต้นอยู่ จนหยุดเต้นไปบางขณะ
ยามมีกามราคะเขม็งตึง ขณะตื่นจากนอนหลับ หรือเผลอขณะตื่นอยู่ สามารถเพ่งระงับหมดไปในทันทีได้
ในทางกายภาพและความรู้สึกจนถึงจิต
กำหนดภาวนาเพ่งรู้ความง่วงนอนที่เกิดอยู่ ดับแวบหายไปมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ในทันที่
กำหนดเพ่งความขุ่นเคือง ความโกรธ ที่กำลังดำเนินอยู่ ดับแวบหายไปในทั่นที่
กำหนดรู้หยุดความคิดตนเองได้ทันที กำหนดรู้หยุดความฟุ้งซ้านความสงสัยลังเลที่กำลังเดินอยู่ในใจดับหายได้ทันที
เคยกำหนดภาวนาจนหลับไป เมื่อแค่จิตไหวตัวตื่นขึ้นก็กำหนดภาวนาติดต่อกัน ดังเป็นอัตโนมัต จนรู้เต็มทุกส่วนของร่างกาย เป็นเวลาติดต่อหลายวัน
เคยกำหนดภาวนา จากที่สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ จนดับหมดทั้งการรับรู้+ความรู้สึกภายใน+จิต แล้วปรากฏขึ้นใหม่ในทันทีอย่างมีสติสัมปชัญญะทั่วพร้อมทั้งกายและใจ มีใจที่สะอาดบริสุทธิ์ หลายครั้ง
ที่ปฏิบัติมานั้นยังถือว่าน้อยอยู่ เพราะพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า กำหนดภาวนารู้อยู่ทุกลมหายใจ
ดังนั้น เฉพาะการอ่าน การศึกษาตำรา และการคิดวิเคราะห์ จึงยังไม่เพียงพอต่อพระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ซึ้งต้องปฏิบัติธรรมด้วย และการปฏิบัติธรรมนั้นไม่ใช่เป็นการปฏิบัติธรรมเพียงชั่วครู่ชั่วคราว ต้องปฏิบัติธรรมอยู่เนื่องๆ ต่อเนื่องเป็น วันๆ เดือนๆ ปีๆ เป็นสิบๆ ปี หรือจนกระทั้งหมดชีวิตจากโลกนี้ไป.
การดำรงณ์อยู่เป็นชาวพุทธในพุทธศาสนานั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่มีศีลมีธรรม ก็เป็นพุทธมามะกะได้ แต่การที่จะทำให้ที่สุดแห่งทุกข์นั้นต้องปฏิบัติธรรมอยู่เนื่องๆ กระทำโดยไม่หยุด อย่างไม่จม(ละเลย) ไม่ลอย(เพียรจนวิปปลาส) ย่อมถึงที่สุดแห่งทุกข์ วันใดก็วันหนึ่ง.