นอกจากให้เงินขอทานแล้วจะช่วยอะไรได้อีก?

หนูกำลังเรียนมหาลัยวิทยาลัยอยู่ ตอนนี้ขึ้นปี 2 มีโครงการหางานให้ขอทานและคนลำบาก[ตามถนน-สะพาน]ทุกคนในประเทศไทยอยู่ค่ะ โดยมุ่งหมายจะช่วยให้พวกเขาสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นผ่านการมีงานที่ยั่งยืนและมั่นคงในตัวเอง
วันนี้มีคำถามสองข้อ ที่หนูอยากให้ลองช่วยแก้ไขหรือเสนอหน่อยค่ะ

คิดมาตั้งนานแล้วว่าอยากช่วย เพราะอดสงสารและเห็นใจไม่ได้ทุกทีที่เดินผ่านหน้าพวกเขา อย่างมากก็ให้เงินหรือให้อาหาร แต่เราไม่เคยลงมือทำอะไรที่จะเปลี่ยนชีวิต
พวกเขาจริงๆ จนวันนี้ตัดสินใจได้ว่าจะลงมือทำ หนูกับเพื่อนอีกคนเลยออกเดินทางหาขอทานเพื่อสัมภาษณ์ ปัญหาแรกที่เจอทันทีคือการแยกแยะ “คนนี้เป็นขอทานหรือเปล่า”- การนั่งขายพวงกุญแจหรือลูกอมถือว่ามั้ย? เช้านั้นพวกเราเจอผู้ชายเก็บขยะ พวกเราไม่แน่ใจว่าเขาจะได้ประโยชน์จากการช่วยเหลือของเรามั้ย เพราะเราคาดว่า เราอาจไม่ควรเข้าหาพูดคุยกับเขา อาจสื่อสารไม่รู้เรื่อง อะไรต่างๆนานา พูดตรงๆหนูก็กลัวที่จะเข้าไปพูดคุยกับเขาด้วย  สุดท้ายเจอน้องผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนนั่งเล่นขลุ่ยขอเงินที่สะพานลอย เลยตัดสินใจเข้าไปถาม ไม่ได้คิดคำสัมภาษณ์หรือประโยคที่จะพูดไปเลย

"สวัสดีค่ะ คือเรา...มีโครงการหางานให้คนลำบากทุกคนในประเทศไทย คือว่า"
"ค่ะ อะไรคะ หนูทำค่ะ" เขาตอบแบบแทบไม่ลังเลเลย หนูยังไม่พูดเลยว่าต้องทำอะไร เลยตอบไปตรงๆว่า
"เราก็ยังไม่รู้ เลยต้องมาสัมภาษณืก่อนว่าน้องทำอะไรได้มั่ง จะได้ช่วยหางานให้ถูก"

เชื่อมั้ยว่าคนๆนึงสามารถรวมปัญหาสังคมทั้งประเทศได้ มีน้องชายสองคน คนนึงพิการ 7 ปี อีกคน 14 ปี
อยู่กับยายอีกคนอายุ 80 ร้อยพวงมาลัยขาย พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว ถามว่าอยากเรียนต่อด้านไหน เขาบอกเขาเคยอยากแต่ตอนนี้ไม่อยากแล้ว
ตั้งแต่แม่ไม่อยู่ ถามว่าแม่ไปไหน เขาบอกว่าแม่ออกไปทำงานแล้วไม่กลับบ้านมาปีครึ่ง
เขาต้องทำงานความสะอาด Apartment อาทิตย์ละสองวัน วันไหนว่างก็มานั่งที่นี่
ทำงานประจำไม่ได้เพราะน้องยังเล็กอยู่ ไม่รู้ว่าวันไหนต้องช่วยน้อง
เคยขอความช่วยเหลือ ก็จะไปอยู่ประชาสงเคราะห์แต่ผู้หญิงกับผู้ชายต้องแยกกันแล้วทั้งสองที่ห่างกันมาก เห็นน้องร้องไห้เขาทำใจไม่ได้
และกลัวว่าน้องชายอายุ 14 จะดูแลน้อง 7 ปีไม่ได้เพราะเขาก็พิการด้วยและสองคนก็ยังเด็ก
หนูเลยขอเบอร์โทรเขาไว้ บอกว่าจะโทรไปถ้าคิดอะไรออก

หนูมีคำถามว่า:
1. หนูจะช่วยเขาได้อย่างไร?
2. หางานจากไหนให้เขา แล้วควรทำยังไงต่อไป?

เคสที่สอง

เจอป้าขายถาดหวาย และชามหวาย ที่สะพานลอยเช่นกัน หนูก็เข้าไปพูดแบบที่หนูพูดกับน้องคนนี้
ป้าเป็นคนสุรินทร์ นามีแค่ 4-5 ไร่ ทำปีละครั้ง ถ้าน้ำแห้งก็ทำไม่ได้แล้ว หนูถามว่าทำไมไม่ทำบ่อเก็บน้ำ หนูก็คิดถึงหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ของในหลวงเลยถามไป ป้าบอกไม่มีเงินขุดบ่อ ต้องใช้ปูนและคอนกรีตมีค่าใช้จ่าย เลยมาขายถาดชามที่นี่ หนูหันไปมีเพียง 10-20 ใบรวมๆกัน
หนูถามเขาว่ากี่วันหมด เขาบอกขายเป็น 2-3 เดือนกว่าจะหมด คาดว่ามีอยู่ที่บ้านอีก คนที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว
นานๆทีจะมีคนไทยซื้อ สุรินทร์ไม่มีแหล่งท่องเที่ยว เลยไม่มีนักท่องเที่ยว เขาไม่รู้จะขายใคร หนูขอเบอร์โทรศัพท์เขา
เขาบอกไม่มี หนูเลยถามเขาว่าเขาติดต่อคนอื่นยังไง เขายิ้มหัวเราะเหมือนไม่เข้าใจว่าการติดต่อสื่อสารสำคัญตรงไหน ลูกๆไปมีครอบครัวหมดแล้ว
ลูกๆต่างต้องดูแลครอบครัวตัวเอง เป็นคนงานอยู่ฉะเชิงเทรา ลำบากอยู่เหมือนกัน

หนูเลยให้เบอร์หนูกับป้าไป บอกว่าเดือนหน้าลองโทรมาเผื่อหนูหาวิธีช่วยป้าได้
ตอนนี้ก็เลยมาคิดแบบจริงจัง หนูคิดว่าจะต้องทำเว็ปเพจ หรือเฟสบุ๊ค ขายของพวกนี้ แล้วรับป้าไปส่ง ไม่ก็หาร้านที่จะรับซื้อของเหล่านี้
เพราะป้าบอกคนในหมู่บ้านก็ทำแบบนี้อยู่หลายคน

คำถาม เหมือนข้อที่แล้วค่ะ

ตอนนี้หนูมีความตั้งใจว่าจะช่วยสองคนนี้ให้ได้และดีทีสุดก่อน แล้วจะมาดูว่าคนต่อๆไปจะทำอย่างไร

ขอบคุณทุกคนที่ตอบล่วงหน้านะคะ หนูจะรอฟัง ระหว่างนี้ก็สมัคร ebay เพื่อลองขายถาดและชามหวายอยู่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่