สวัสดีค่ะ เราจะมาเล่าประสบการณ์จริง เกิดขึ้นจริงกับการลดน้ำหนักของตัวเราเอง โดยไม่ต้องพึ่งยาหรืออาหารเสริมใดๆทั้งสิ้นทุกคนพร้อมกันรึยังค่ะ ที่จะเข้าสู่โลกแห่งการลดน้ำหนักของเรา ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลยจ้า
ขอเริ่มจากการบรรยายความบวมของตัวเองก่อนเลย เราอ้วนมาตั้งแต่เด็กๆเลยจ้า พ่อ แม่เลี้ยงดีมากเลยอืดขึ้นทุกวันจนอายุ 22 กับน้ำหนักที่ทะลุถึง 90.5 กิโลกรัม อีกนิดนึงจะถึง 100 กิโลแล้ว โหดร้ายมากชีวิต เราเองมีความคิดที่จะลดน้ำหนักหลายครั้งมาก เลย ไม่รู้ว่าเราเองหาข้ออ้างเรื่องเวลาในการลดน้ำหนักรึป่าวเลยปล่อยให้มันเลยมาถึง 90.5 กิโลได้
และแล้วจุดเปลี่ยนของชีวิตเราก็มาถึงค่ะทุกคน ในช่วงปิดเทอมของมหาวิทยาลัยเราได้มีโอกาสมาทำงานกับญาติของเราที่ระยองเป็นเวลา 45 วันโดยประมาณ งานของเรานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ ตัวเราเองเลยตั้งใจว่าจะใช้โอกาสนี้เพื่อลดน้ำหนักตัวเอง วันนึง เฮีย(พี่ที่เป็นญาติกับเราและเป็นเจ้าของบริษัท อนุญาตเรียกว่า เฮีย)ได้ยื่นข้อเสนอนึงมาให้กับเรา ข้อเสนอของเฮียมีอยู่ว่า เฮียจัดแคมเปญลดน้ำหนักขึ้น ลายละเอียดของแคมเปญนี้คือ
1.น้ำหนักที่ลดลงไปได้นั้น กิโลกรัมละ 2,000 บาท
2.ลดน้ำหนักได้อย่างไรต้องสามารถบอกลายละเอียดได้ ว่า ใช้วิธีไหน อย่างไร
3.ในเฟสบุ๊คของเราต้องมีการอัพเดตความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก
4.ถ้าเข้าร่วมแคมเปญนี้ เงินเดือนที่ต้องจ่ายทุกสิ้นเดือนจะไม่ได้ แต่จะได้เงินจากการลดน้ำหนักแทน
เรายังไม่ได้รับข้อเสนอนี้ทันที เราตัดสินใจอยู่สองสามวัน โทรหาแม่เพื่อปรึกษาเลย แม่ขำเราใหญ่เลยแต่แม่เราบอกว่าดีทำไปเถอะ พี่เฟิร์นที่เป็นญาติเราที่มาทำงานด้วยกันก็บอกให้เรารับแคมเปญนี้ เราเลยเอาวะงานนี้เป็นไงเป็นกัน ยังไงก็คิดจะลดน้ำหนักอยู่แล้ว แต่อีกใจแอบกลัวทำไม่ได้เหมือนกันกลัวน้ำหนักไม่ลง แม่ไม่ได้ตังค์ซักบาทแหงเลย
เราตัดสินใจเข้าแคมเปญลดน้ำหนักของเฮีย โดยเฮียมีตัวช่วยให้เราคือพี่เฟิร์น ให้ช่วยกันคิด หาวิธีต่างๆในการลดน้ำหนัก เราเลยได้พี่เฟิร์นมาเป็นโค้ช โดยเป้าหมายในการลดน้ำหนักที่ตกลงกับเฮียไว้คือ 10กิโลกรัมนั่นก็เท่ากับว่าน้ำหนักของเราจะต้องเหลือ 80.5กิโลกรัม เรากับพี่เฟิร์นช่วยกันหาข้อมูลเยอะแยะเลย อ่านหนังสือเกี่ยวการลดน้ำหนัก สูตรอาหารต่างๆ แคลลอรี่ของอาหาร เรากลายเป็นคนบ้าแคลลอรี่ของอาหารอยู่พักนึงเลยเหมือนกัน
ช่วงแรกของการเริ่มลดน้ำหนัก น้ำหนักจะลดลงเร็วมาก สัปดาห์แรกน้ำหนักของเราลดลงไป 3 กิโล โดยเราเน้นการดูแคลลอรี่ของอาหารเป็นหลัก โดยหาข้อมูลจากเว็บไซต์ เรางดกิน ของหวาน ของมัน ของทอด น้ำตาล และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เรายังไม่ได้ออกกำลังกายในช่วงแรกๆ เพราะเราเคยเกิดอุบัติเหตุทำให้ข้อเท้าเราเส้นเอ็นอักเสบ ถ้าออกกำลังกายที่หนักมากข้อเท้าเราจะเจ็บขึ้นมา เราเลยกลัวว่ามันจะอักเสบขึ้นมาอีก แต่พี่เฟิร์นบอกเราว่าถ้าเราไม่ออกกำลังกายเลย คุมอาหารอย่างเดียวไม่ได้นะ เราควรออกกำลังกายคู่กันไปด้วยเลยตกลงกันได้ว่าเราจะออกกำลังกายกันด้วยการเดิน เดินไปมาธรรมดานี่แหละค่ะ แล้วเราก็เลยทำตารางประจำวันกันขึ้นมา เราออกกำลังกายอะไร กินอะไร ในแต่ะวัน น้ำหนักแต่ละวันเท่าไหร่ก็ใส่ลงไปในตาราง

หลายๆครั้งนะที่เรารู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อ แต่เราไม่ได้หยุดที่จะทำมัน เราก็ทำไปเรื่อยๆ เราเป็นคนชอบฟังเพลง ในช่วงที่เราออกกำลังกาย เช้าและเย็นเราจะฟังเพลงไปด้วยและกำหนดไปว่าเราจะออกกำลังกายไป 10เพลง 15เพลง ถ้ายังไม่ครบเราก็ยังไม่หยุดเหนื่อยเหมือนกันนะแต่เราก็ไม่หยุดที่จะทำ ในช่วงแรกๆกับการออกกำลังกายมันอาจจะหนัก เพราะอาการปวดตามแขนตามขาจะเกิดขึ้นและปวดมากจนไม่อยากทำต่อเลย เราโชคดีที่พี่เฟิร์นคอยพูดคอยเตือนเราว่าถ้าเราไม่ออกกำลังกายให้มันชินทุกวันมันจะปวดหนักกว่าเก่ามากถ้ารอจนหายปวดแล้วกลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง
การทำอะไรต่างๆ ย่อมมีอุปสรรคจริงไหมทุกคน กับการลดน้ำหนักของเราก็มีเหมือนกัน มีอยู่ช่วงนึงฝนตกหนักทำให้เราไม่ได้ออกกำลังกาย เราก็หาวิธีออกกำลังกายในบ้านแทนซะเลย ทั้งเดินในบ้าน ออกกำลังกายตามวีดีโอในยูทูปบ้าง บางครั้งเราเดินในบ้าน จนเท้าพอง ทรมานมากอ่ะ แสบเท้ามากเวลาเดิน นอกจากนี้ในช่วงเย็นเราก็ต้องออกไปรับน้องที่เป็นลูกสาวของเฮีย ทำให้การออกกำลังกายในช่วงเย็นขาดไป เราเลยได้วิธีใหม่ ในระหว่างที่น้องเรียนพิเศษอยู่เรากับพี่เฟิร์นก็ไปเดินเล่นกัน หรือบางวันพี่เฟิร์นจะไปตีปิงปองเราก็จะไปเดินแถวนั้นด้วยเพื่อจะได้ออกกำลังกายไปในตัว และแล้ววันนึงเราได้เจอกับโค้ชที่มาสอนเด็กๆตีปิงปอง ที่เค้าแนะนำวิธีการออกกำลังการด้วยการเดินมาให้เราก็คือ การเดินเร็วไปพร้อมกับการแกว่งแขนอย่างต่อเนื่องกันเป็นเวลา 25 นาที แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นไปทีละ 5-10 นาที แล้วก็ควรทานน้ำเปล่าที่อุณหภูมิปกติไม่ควรทานน้ำเย็น ยิ่งถ้าทานน้ำอุ่นได้ก็ยิ่งดี เรากฎทำตามที่โค้ชสอนปิงปองบอกมาเรื่องการเดิน เราจะเดินออกกำลังกายสองเวลาเช้า-เย็นช่วงละ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างมากน้อยสุด 30 นาที ช่วงนึงที่การเดินเร็วของเราต้องหยุดไปเพราะแขนของเราเสียดสีกับเสื้อจนเป็นแผลถลอกทำให้แกว่งแขนไม่ได้เราเลยหันไปเล่นเครื่องออกกำลังกายแทน แต่พอแขนเราหายดีแล้ว ข้อเท้าของเราก็เป็นแผลจ้าทีนี้เพราะความซุ่มซ่ามของตัวเอง ประตูบ้านกระแทกเข้าเต็มที่ข้อเท้าด้านหลังเป็นแผลเลือดออก และเขียวๆม่วงๆเต็มเลย เลยทำให้เราเดินเร็วไม่ได้เพราะการเดินเร็วต้องใส่รองเท้ากีฬาเพื่อป้องกันไม่ให้เท้าเราพอง และรองเท้ากีฬาของเรานั้นขอบรองเท้าด้านบนดีมากแข็งแรงพอดีกับแผลที่ข้อเท้าเวลาใสเดินทิ่มเต็มๆแผลเลย เราเลยต้องเล่นเครื่องออกกำลังกายแทนมาจนถึงตอนนี้ เราไม่ได้ออกกำลังกายทุกวันก็จริงเพราะงานที่เราทำในบ้างครั้งก็มีงานด่วนเข้ามาทำให้เราต้องเดินทางไปที่อื่นบ้าง หรือบางครั้งเราไม่สบายจากการใช้สายตาในการทำงานมาก ไมเกรนเลยขึ้น บางทีก็ปวดประจำเดือนเลยทำให้การออกกำลังกายของเราหยุดชะงักไปบ้าง แต่เราก็ไม่ได้คิดที่จะหยุดตลอดไปเราก็สู้ต่อเพื่อที่จะลดน้ำหนักลงให้ได้ตามเป้าหมาที่ตั้งไว้ จริงๆเราก็ไม่คิดว่าเราจะลดได้หรอกเพราะน้ำหนักเราก็ขึ้นๆลงอย่างที่ทุกคนเห็นในตารางนั่นแหละ แต่เราก็สะกดจิตตัวเองว่า เราต้องทำได้ เราทำได้ น้ำหนักเราต้องเหลือ 80.5 ให้ได้ และแล้วเราก็มาถึงจุดนี้จนได้ วันที่น้ำหนักเราลดลงมา 80.5 กิโลกรัม ทุกคนรอบตัวเรามีความสุขและดีใจไปกับเราในความพยามของเราที่ประสบความสำเร็จจนได้กับการลดน้ำหนักครั้งนี้ แม่เรายังบอกอีกว่ากลับมาบ้านก็ต้องลดต่อไปนะ 555555 เราก็คิดว่าเราจะทำต่อไป อยากใส่ชุดรับปริญญาแล้วดูดี 55555555
สรุปการลดน้ำหนักของเรา ดังนี้
1.กินอาหารไม่เกินพลังงานที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน
2.ไม่กิน ของหวา มัน เค็ม ของทอด น้ำเย็น และแอลกอฮอล์
3.ออกกำลังกายเบาๆ ทุกเช้า-เย็น ครั้งละ 30-60นาที
4.กรอกข้อมูลการกิน น้ำหนักแต่ละวัน และการออกกำลังลงในตาราง เพื่อเช็คตัวเอง
5.ดื่มน้ำก่อนทานอาหารแต่ละมื้อ 1-2 แก้ว
จากการลดน้ำหนักที่ผ่านมาของเรามันทำให้เรารู้ว่า จริงๆแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักจริงๆ คือใจของคนคนนั้นล้วนเลย ว่าเค้าจะอดทนได้ไหม เค้าพยามแค่ไหน มีระเบียบวินัยกับตัวเองรึเปล่า และที่สำคัญอีกข้อคือ ควบคุมตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าควบคุมตัวเองได้ ควบคุมใจตัวเองได้ ไม่ต้องหาสูตรลดอะไรที่ยุ่งยากหรอกค่ะ คุณลดน้ำหนักของคุณได้อยู่แล้ว
การลดน้ำหนักของแต่ละคนแตกต่างกันไป ไม่มีใครผิดหรือถูกหรอกนะค่ะ เพราะคนเราแต่ละคนแตกต่างกันสำคัญที่ใจ
คนที่เข้าฟิตเนตหรือออกกำลังกายมาหนักๆ แล้วกลับมากินเท่าเดิมที่กินปกติ เพราะคิดว่าพรุ่งนี้ก็เบิร์นออกได้อีก จริงๆแล้วน้ำหนักของคุณก็ไม่หายไปไหนหรอกนะค่ะ คุณจะกลายเป็นลูกหมูที่แข็งแรงแทน ระวังนะ
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแคลลอรี่ของอาหาร และการคำนวณพลังงานที่ร่างกายต้องการได้ที่
http://kcal.memo8.com/bmr/
กินไม่เกินที่ร่างกายต้องการใช้ และหมั่นออกกำลังกาย ใจสู้ มีวินัย ทำได้ก็ลดได้แน่นอนจ้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะจ้า และขอบคุณทุกความคิดเห็นนะค่ะ
นี่เป็นภาพโดยรวมจากการลดน้ำหนักในแต่ละวันของเรา
เริ่มที่ก่อนลดน้ำหนักเลยจ้า
ภาพรวมการออกกำลังกาย
อาหารการกิน ส่วนใหญ่ไม่ใส่น้ำตาล และไม่มันจ้า

แอบมีตบะแตกด้วยแหละ 555
นี่เป็นพัฒาการน้ำหนักตัวที่ลดลงของเรา
ผลที่ได้หลังการการลดน้ำหนักจ้า

ดูผอมลงบ้างรึป่าวก็ไม่รู้ 55555
ขอขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ สำหรับทุกความคิดเห็น และทุกคนที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างเล็กน้อยก็ยังดี ขอบคุณค่ะ
ลดจริง 10 กิโล กับ 40 วัน ไม่ต้องหักโหมคุณเองก็ทำได้ประสบการณ์ตรงจากตัวเองเลยจ้า
ขอเริ่มจากการบรรยายความบวมของตัวเองก่อนเลย เราอ้วนมาตั้งแต่เด็กๆเลยจ้า พ่อ แม่เลี้ยงดีมากเลยอืดขึ้นทุกวันจนอายุ 22 กับน้ำหนักที่ทะลุถึง 90.5 กิโลกรัม อีกนิดนึงจะถึง 100 กิโลแล้ว โหดร้ายมากชีวิต เราเองมีความคิดที่จะลดน้ำหนักหลายครั้งมาก เลย ไม่รู้ว่าเราเองหาข้ออ้างเรื่องเวลาในการลดน้ำหนักรึป่าวเลยปล่อยให้มันเลยมาถึง 90.5 กิโลได้
และแล้วจุดเปลี่ยนของชีวิตเราก็มาถึงค่ะทุกคน ในช่วงปิดเทอมของมหาวิทยาลัยเราได้มีโอกาสมาทำงานกับญาติของเราที่ระยองเป็นเวลา 45 วันโดยประมาณ งานของเรานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ ตัวเราเองเลยตั้งใจว่าจะใช้โอกาสนี้เพื่อลดน้ำหนักตัวเอง วันนึง เฮีย(พี่ที่เป็นญาติกับเราและเป็นเจ้าของบริษัท อนุญาตเรียกว่า เฮีย)ได้ยื่นข้อเสนอนึงมาให้กับเรา ข้อเสนอของเฮียมีอยู่ว่า เฮียจัดแคมเปญลดน้ำหนักขึ้น ลายละเอียดของแคมเปญนี้คือ
1.น้ำหนักที่ลดลงไปได้นั้น กิโลกรัมละ 2,000 บาท
2.ลดน้ำหนักได้อย่างไรต้องสามารถบอกลายละเอียดได้ ว่า ใช้วิธีไหน อย่างไร
3.ในเฟสบุ๊คของเราต้องมีการอัพเดตความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก
4.ถ้าเข้าร่วมแคมเปญนี้ เงินเดือนที่ต้องจ่ายทุกสิ้นเดือนจะไม่ได้ แต่จะได้เงินจากการลดน้ำหนักแทน
เรายังไม่ได้รับข้อเสนอนี้ทันที เราตัดสินใจอยู่สองสามวัน โทรหาแม่เพื่อปรึกษาเลย แม่ขำเราใหญ่เลยแต่แม่เราบอกว่าดีทำไปเถอะ พี่เฟิร์นที่เป็นญาติเราที่มาทำงานด้วยกันก็บอกให้เรารับแคมเปญนี้ เราเลยเอาวะงานนี้เป็นไงเป็นกัน ยังไงก็คิดจะลดน้ำหนักอยู่แล้ว แต่อีกใจแอบกลัวทำไม่ได้เหมือนกันกลัวน้ำหนักไม่ลง แม่ไม่ได้ตังค์ซักบาทแหงเลย
เราตัดสินใจเข้าแคมเปญลดน้ำหนักของเฮีย โดยเฮียมีตัวช่วยให้เราคือพี่เฟิร์น ให้ช่วยกันคิด หาวิธีต่างๆในการลดน้ำหนัก เราเลยได้พี่เฟิร์นมาเป็นโค้ช โดยเป้าหมายในการลดน้ำหนักที่ตกลงกับเฮียไว้คือ 10กิโลกรัมนั่นก็เท่ากับว่าน้ำหนักของเราจะต้องเหลือ 80.5กิโลกรัม เรากับพี่เฟิร์นช่วยกันหาข้อมูลเยอะแยะเลย อ่านหนังสือเกี่ยวการลดน้ำหนัก สูตรอาหารต่างๆ แคลลอรี่ของอาหาร เรากลายเป็นคนบ้าแคลลอรี่ของอาหารอยู่พักนึงเลยเหมือนกัน
ช่วงแรกของการเริ่มลดน้ำหนัก น้ำหนักจะลดลงเร็วมาก สัปดาห์แรกน้ำหนักของเราลดลงไป 3 กิโล โดยเราเน้นการดูแคลลอรี่ของอาหารเป็นหลัก โดยหาข้อมูลจากเว็บไซต์ เรางดกิน ของหวาน ของมัน ของทอด น้ำตาล และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เรายังไม่ได้ออกกำลังกายในช่วงแรกๆ เพราะเราเคยเกิดอุบัติเหตุทำให้ข้อเท้าเราเส้นเอ็นอักเสบ ถ้าออกกำลังกายที่หนักมากข้อเท้าเราจะเจ็บขึ้นมา เราเลยกลัวว่ามันจะอักเสบขึ้นมาอีก แต่พี่เฟิร์นบอกเราว่าถ้าเราไม่ออกกำลังกายเลย คุมอาหารอย่างเดียวไม่ได้นะ เราควรออกกำลังกายคู่กันไปด้วยเลยตกลงกันได้ว่าเราจะออกกำลังกายกันด้วยการเดิน เดินไปมาธรรมดานี่แหละค่ะ แล้วเราก็เลยทำตารางประจำวันกันขึ้นมา เราออกกำลังกายอะไร กินอะไร ในแต่ะวัน น้ำหนักแต่ละวันเท่าไหร่ก็ใส่ลงไปในตาราง
หลายๆครั้งนะที่เรารู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อ แต่เราไม่ได้หยุดที่จะทำมัน เราก็ทำไปเรื่อยๆ เราเป็นคนชอบฟังเพลง ในช่วงที่เราออกกำลังกาย เช้าและเย็นเราจะฟังเพลงไปด้วยและกำหนดไปว่าเราจะออกกำลังกายไป 10เพลง 15เพลง ถ้ายังไม่ครบเราก็ยังไม่หยุดเหนื่อยเหมือนกันนะแต่เราก็ไม่หยุดที่จะทำ ในช่วงแรกๆกับการออกกำลังกายมันอาจจะหนัก เพราะอาการปวดตามแขนตามขาจะเกิดขึ้นและปวดมากจนไม่อยากทำต่อเลย เราโชคดีที่พี่เฟิร์นคอยพูดคอยเตือนเราว่าถ้าเราไม่ออกกำลังกายให้มันชินทุกวันมันจะปวดหนักกว่าเก่ามากถ้ารอจนหายปวดแล้วกลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง
การทำอะไรต่างๆ ย่อมมีอุปสรรคจริงไหมทุกคน กับการลดน้ำหนักของเราก็มีเหมือนกัน มีอยู่ช่วงนึงฝนตกหนักทำให้เราไม่ได้ออกกำลังกาย เราก็หาวิธีออกกำลังกายในบ้านแทนซะเลย ทั้งเดินในบ้าน ออกกำลังกายตามวีดีโอในยูทูปบ้าง บางครั้งเราเดินในบ้าน จนเท้าพอง ทรมานมากอ่ะ แสบเท้ามากเวลาเดิน นอกจากนี้ในช่วงเย็นเราก็ต้องออกไปรับน้องที่เป็นลูกสาวของเฮีย ทำให้การออกกำลังกายในช่วงเย็นขาดไป เราเลยได้วิธีใหม่ ในระหว่างที่น้องเรียนพิเศษอยู่เรากับพี่เฟิร์นก็ไปเดินเล่นกัน หรือบางวันพี่เฟิร์นจะไปตีปิงปองเราก็จะไปเดินแถวนั้นด้วยเพื่อจะได้ออกกำลังกายไปในตัว และแล้ววันนึงเราได้เจอกับโค้ชที่มาสอนเด็กๆตีปิงปอง ที่เค้าแนะนำวิธีการออกกำลังการด้วยการเดินมาให้เราก็คือ การเดินเร็วไปพร้อมกับการแกว่งแขนอย่างต่อเนื่องกันเป็นเวลา 25 นาที แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นไปทีละ 5-10 นาที แล้วก็ควรทานน้ำเปล่าที่อุณหภูมิปกติไม่ควรทานน้ำเย็น ยิ่งถ้าทานน้ำอุ่นได้ก็ยิ่งดี เรากฎทำตามที่โค้ชสอนปิงปองบอกมาเรื่องการเดิน เราจะเดินออกกำลังกายสองเวลาเช้า-เย็นช่วงละ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างมากน้อยสุด 30 นาที ช่วงนึงที่การเดินเร็วของเราต้องหยุดไปเพราะแขนของเราเสียดสีกับเสื้อจนเป็นแผลถลอกทำให้แกว่งแขนไม่ได้เราเลยหันไปเล่นเครื่องออกกำลังกายแทน แต่พอแขนเราหายดีแล้ว ข้อเท้าของเราก็เป็นแผลจ้าทีนี้เพราะความซุ่มซ่ามของตัวเอง ประตูบ้านกระแทกเข้าเต็มที่ข้อเท้าด้านหลังเป็นแผลเลือดออก และเขียวๆม่วงๆเต็มเลย เลยทำให้เราเดินเร็วไม่ได้เพราะการเดินเร็วต้องใส่รองเท้ากีฬาเพื่อป้องกันไม่ให้เท้าเราพอง และรองเท้ากีฬาของเรานั้นขอบรองเท้าด้านบนดีมากแข็งแรงพอดีกับแผลที่ข้อเท้าเวลาใสเดินทิ่มเต็มๆแผลเลย เราเลยต้องเล่นเครื่องออกกำลังกายแทนมาจนถึงตอนนี้ เราไม่ได้ออกกำลังกายทุกวันก็จริงเพราะงานที่เราทำในบ้างครั้งก็มีงานด่วนเข้ามาทำให้เราต้องเดินทางไปที่อื่นบ้าง หรือบางครั้งเราไม่สบายจากการใช้สายตาในการทำงานมาก ไมเกรนเลยขึ้น บางทีก็ปวดประจำเดือนเลยทำให้การออกกำลังกายของเราหยุดชะงักไปบ้าง แต่เราก็ไม่ได้คิดที่จะหยุดตลอดไปเราก็สู้ต่อเพื่อที่จะลดน้ำหนักลงให้ได้ตามเป้าหมาที่ตั้งไว้ จริงๆเราก็ไม่คิดว่าเราจะลดได้หรอกเพราะน้ำหนักเราก็ขึ้นๆลงอย่างที่ทุกคนเห็นในตารางนั่นแหละ แต่เราก็สะกดจิตตัวเองว่า เราต้องทำได้ เราทำได้ น้ำหนักเราต้องเหลือ 80.5 ให้ได้ และแล้วเราก็มาถึงจุดนี้จนได้ วันที่น้ำหนักเราลดลงมา 80.5 กิโลกรัม ทุกคนรอบตัวเรามีความสุขและดีใจไปกับเราในความพยามของเราที่ประสบความสำเร็จจนได้กับการลดน้ำหนักครั้งนี้ แม่เรายังบอกอีกว่ากลับมาบ้านก็ต้องลดต่อไปนะ 555555 เราก็คิดว่าเราจะทำต่อไป อยากใส่ชุดรับปริญญาแล้วดูดี 55555555
สรุปการลดน้ำหนักของเรา ดังนี้
1.กินอาหารไม่เกินพลังงานที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน
2.ไม่กิน ของหวา มัน เค็ม ของทอด น้ำเย็น และแอลกอฮอล์
3.ออกกำลังกายเบาๆ ทุกเช้า-เย็น ครั้งละ 30-60นาที
4.กรอกข้อมูลการกิน น้ำหนักแต่ละวัน และการออกกำลังลงในตาราง เพื่อเช็คตัวเอง
5.ดื่มน้ำก่อนทานอาหารแต่ละมื้อ 1-2 แก้ว
จากการลดน้ำหนักที่ผ่านมาของเรามันทำให้เรารู้ว่า จริงๆแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักจริงๆ คือใจของคนคนนั้นล้วนเลย ว่าเค้าจะอดทนได้ไหม เค้าพยามแค่ไหน มีระเบียบวินัยกับตัวเองรึเปล่า และที่สำคัญอีกข้อคือ ควบคุมตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าควบคุมตัวเองได้ ควบคุมใจตัวเองได้ ไม่ต้องหาสูตรลดอะไรที่ยุ่งยากหรอกค่ะ คุณลดน้ำหนักของคุณได้อยู่แล้ว
การลดน้ำหนักของแต่ละคนแตกต่างกันไป ไม่มีใครผิดหรือถูกหรอกนะค่ะ เพราะคนเราแต่ละคนแตกต่างกันสำคัญที่ใจ
คนที่เข้าฟิตเนตหรือออกกำลังกายมาหนักๆ แล้วกลับมากินเท่าเดิมที่กินปกติ เพราะคิดว่าพรุ่งนี้ก็เบิร์นออกได้อีก จริงๆแล้วน้ำหนักของคุณก็ไม่หายไปไหนหรอกนะค่ะ คุณจะกลายเป็นลูกหมูที่แข็งแรงแทน ระวังนะ
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแคลลอรี่ของอาหาร และการคำนวณพลังงานที่ร่างกายต้องการได้ที่
http://kcal.memo8.com/bmr/
กินไม่เกินที่ร่างกายต้องการใช้ และหมั่นออกกำลังกาย ใจสู้ มีวินัย ทำได้ก็ลดได้แน่นอนจ้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะจ้า และขอบคุณทุกความคิดเห็นนะค่ะ
นี่เป็นภาพโดยรวมจากการลดน้ำหนักในแต่ละวันของเรา
เริ่มที่ก่อนลดน้ำหนักเลยจ้า
ภาพรวมการออกกำลังกาย
อาหารการกิน ส่วนใหญ่ไม่ใส่น้ำตาล และไม่มันจ้า
แอบมีตบะแตกด้วยแหละ 555
นี่เป็นพัฒาการน้ำหนักตัวที่ลดลงของเรา
ผลที่ได้หลังการการลดน้ำหนักจ้า
ดูผอมลงบ้างรึป่าวก็ไม่รู้ 55555
ขอขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ สำหรับทุกความคิดเห็น และทุกคนที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างเล็กน้อยก็ยังดี ขอบคุณค่ะ