สวัสดีครับ ผมพูดไม่เก่งนะ พยามอ่านหน่อยนะครับ จริงๆอยากฝากหลายๆเรื่องแหละ มัดรวมในกระทู้นี้เลย
เรื่องแรก
คือผมเห็นกระทู้ตัดพ้อ เหนื่อย ฯลฯ ของหลายๆคนที่จีบใครซักคนอยู่แล้วไม่สมหวัง แล้วพูดเหมือนคนที่คุณไปจีบเขาเป็นผู้ร้ายยังไงยังงั้น
คืออยากจะบอกว่า “กรูก็มีสิทธิเลือกนะ”
คือการที่คุณกำลังจีบใครสักคน คนคนนั้นเขาผ่านการแสกนจากความรู้สึกของคุณใช่ไหม ว่าคนเนี่ย ชอบ
ไม่ว่าจะเหตุผลทางรูปร่างหน้าตา กิริยา รสนิยม ฯลฯ แต่คุณเคยคิดในมุมกลับไหมว่าคนที่คุณกำลังเข้าไปจีบเขาก็กำลังประเมิณคุณอยู่เหมือนกัน
ทันทีที่คุณก้าวเข้ามาในอนาเขตของเขา เขาเองก็มีเหตุผลของเขาที่จะชอบคุณหรือไม่ชอบคุณก็ตาม คุณต้องเผื่อใจดิ
บางครั้งผมหงุดหงิดหัวใจเวลาเห็นโพสอะไรที่เปรยประมาณว่า ฉันทั้งรัก ทั้งทุ่มเท เหนื่อยวิ่งตาม บลาๆๆ
“กรูผิดใช่ไหม ที่ไม่ชอบเมิงกลับ?” … อยากถาม
ผมก็เคยเป็นฝ่ายจีบ แต่ก็ไม่สมหวัง แต่ผมก็ไม่เคยคิดแม้แต่น้อยที่จะว่าเขาคนนั้น เขาก็มีสิทธิจะเลือกนิ
แต่ที่ผมประสบมาทั้งตัวเอง และมองจากคนรอบข้าง หรือกระทู้ต่างๆ ผมรู้สึกว่ามันเป็นความใคร่ มากกว่าจะเป็นความรัก
เหมือนเด็กที่ร้องเอาของเล่นจากพ่อแม่ แต่ไม่ได้แล้วงอแง อะไรอย่างนั้นเลย ดูเอาแต่ใจตัวเองและไม่น่าอยู่ด้วยเลย
ความรักไม่เหมือนเล่นขายของนะคุณ มันเกี่ยวข้องกับคนคนนึงที่เราจะอยู่ด้วยไปทั้งชีวิต อยากฝากถึงคนที่จะจีบคนอื่นทุกท่าน
เรื่องที่สอง เกี่ยวเนื่องกับข้อแรก
อยากบอกผู้หญิงทุกคนที่ตั้งกระทู้ด่าผู้ชายว่าเลวอย่างนั้นอย่างนี้ คืออยากจะบอกว่าฝ่ายผมเองบางทีก็เจอหนักเหมือนกัน แต่ผู้ชายไม่ค่อยพูดเรื่องอะไรแบบนี้
เพราะด้วยสังคมจะตราหน้า รุมประนาม บลาๆๆ ว่าไม่แมน อย่างนั้นอย่างนี้
ดังนั้นผู้หญิงมักไม่เจอเรื่องราวความร้ายกาจของผู้หญิงที่ฝ่ายชายเป็นผู้เสียหายซักเท่าไหร่ เหมือนเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อไปนี้
หน้าที่การงานเกือบจะเสีย เพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาจีบแต่ผมไม่เลือกเธอ เธอจึงเปลี่ยนความรัก(ความใคร่) เป็นความร้าย
เธอเป็นเพื่อนร่วมงานครับ เข้ามาใหม่ไม่นานก็ Add friend มา ทันทีที่ Add รับเธอ เธอก็รุกทันที เริ่มซักประวัติผม
ผมเองก็ดู Timeline เธอ ก็พบว่ามีแฟนอยู่แล้ว เป็นตำรวจ
วันที่ 2 เธอก็จีบผมทันที สารภาพว่าชอบ แต่ผมก็แสดงจุดยืนว่าผมรับความรู้สึกเธอไม่ได้ เพราะหนึ่งเธอมีแฟนแล้ว สองถ้าไม่มีแฟนผมก็ต้องขอดูว่าเราจะเข้ากันได้รึป่าวโดยเริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อน
วันที่ 3 เธอชวนผมไปหาที่ห้อง ชวนมีอะไรกัน ผมบอกว่าไม่ เพราะเธอมีแฟนแล้ว นี่มันชู้ชัดๆ เธอตอบผมว่า ทำไมล่ะก็แค่ Sex เองต่างคนต่างได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
วันที่ 4 เธอบอกว่าเธอบอกเลิกแฟนเธอแล้วเพราะเห็นผมลำบากใจ ผมก็เฮ้ย ทำไมต้องทำขนาดนี้ ไม่สงสารแฟนตัวเองรึไง เธอบอกว่าดูไม่มีอนาคต
-------------------
ถึงตอนนี้ความรู้สึกผมคือ ผู้หญิงคนนี้อันตรายแน่นอน
-------------------
เธอก็เข้ามาคุยเล่นกับผม ชวนผมไปนอนด้วยทุกวันๆ จนมีอยู่วันนึงผมนึกสนุก ก็เลยพูดตามน้ำขำๆไปว่า เออ..ได้เลย
เดี๋ยวว่างๆก่อน
ไม่มีพันธะใช่ไหมจริงใช่ไหมที่พูดน่ะ คือไม่ได้คิดจะไปมีอะไรกับเธอจริงๆเลยสาบานได้ เท่านั้นแหละ ด่าผมเลย ว่าผู้ชายแม้งก็เลวอย่างนี้หมดแหละ
ผมก็ Stun ไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าจะโดนด่า พอตั้งสติได้ก็ถามไปว่า ก็เห็นชวนยิกๆๆ แค่ Sex เองอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ใช่หรอ
แล้วทีนี้มาด่าแบบนี้ทำไม.. . . .. หลังจากนั้นบทสทนาจบลง ต่างคนต่างเงียบ แต่เธอไปโพส Timeline ว่า
”กูอยากคุยกูทักเมิงก่อนตลอด แล้วเมิงก็ทำความรู้สึกกูพังตลอด”
ผมก็อืมดี.. จบๆไป แต่ไม่ใช่อย่างนั้น เช้ามาเธอทักทายผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แล้วเวลากับบ้านก็จะชอบโทรมาคุยจนเครื่องร้อน ผมบอกคุยต่อทางเฟสละกัน หูร้อน ไม่ไหวแล้วจริงๆ เธอก็จะงอน
คุยก็ชวนทะเลาะตลอด ไม่ก็ด่าเพื่อนที่ทำงานให้ฟัง ผมก็สอนเธอ เพื่อให้เธอจะได้ไม่ต้องเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคิดตั้งแง้จงเกลียดจงชังคนอื่นมากนัก
ชีวิตจะได้มีความสุข แต่เธอเอาไปโพส Timeline ว่า”คนอื่นเขามีความคิด ไม่ต้องมาสอนหรอก บลาๆๆๆ” ใช้สรรพนามว่า”เธอ”ก็ไม่ได้ด้วยนะ โมโห
ผมก็นิ่งเฉย คือไม่อยากยุ่งแล้ว แต่พอเธอมาง้อ ก็ใจอ่อนทุกที โดยส่วนตัวผมเป็นคนใจดีนะ เธอคงอ่านผมออก
ตลอดเวลาที่คุยกัน เธอก็จะแทรกเป็นระยะ ว่าเธอรัก เธอชอบผมต่างๆนาๆ เมื่อไหร่จะยอมเธอซักที ผมก็บอกเธอว่าจะไปกันรอดหรอ
ขนาดเป็นเพื่อนกันยังขนาดนี้
“ตลอดเวลาพี่เห็นหนูเป็นแค่เพื่อนเองหรอ, ไม่สงสารหนูบ้างหรอที่ต้องวิ่งตาม”
เธอเริ่มดราม่า ผมก็ถามเธอกลับว่าตั้งแต่แรกเราคุยกันว่ายังไง เป็นเพื่อนกันก่อนใช่ไหม ศึกษากันก่อนใช่ไหม ? เธอเงียบ
จากนั้นเธอก็ไปโพส Timeline ว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่ชอบคนอย่างเธอ ที่ผ่านมาจะคิดว่าเดินเหยียบ”ขี้หมา”ละกัน
ทันทีที่ผมเห็นข้อความคือรู้สึกหน้าชา คือเปรียบผมได้ต่ำมาก ทั้งที่ผมไม่เคยดูถูกอะไรเธอเลย แต่เธอมักจะดูถูกผมเสมอ ทุกๆเรื่อง ตั้งแต่หน้าตา ทรงผม
การแต่งกาย มีอยู่วันเห็นผมใส่ขาสั้น ก็มาสำรวจร่างกายผมแล้วบอก ยี๋ตาตุ่มดำปี๋ คือขนาดนั้นเลย ไม่ก็เบ้ปากใส่ผมเวลาผมอยากแชร์ปัญหาของผมบ้าง
มีแต่ผมนี่ชมเธอในเรื่องดีๆ
-------------------
ผมเริ่มจะเบื่อหน่าย รู้สึกปรับจูนยังไงก็ไม่มีทางเข้ากันได้ เป็นเพื่อนกันยังยากเลย
-------------------
เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นวนลูปซ้ำๆ จนมาถึงช่วงสุดท้าย เธอดูถูกผมอย่างแรง ผมคิดว่ายังไงก็ต้องบอกซักหน่อย
ผมก็บอกเธอไปตรงๆว่าผมไม่ชอบนะแบบนี้ ใจคอจะดูถูกกันไปทั้งชีวิตเลยหรือยังไงนิ ไหนว่ารัก ชอบ แล้วนี่อะไรนิ ผมเหลืออดก็เลยบอกไปว่า
นี่คงจะดูถูกคนที่เธอรักไปทั้งชีวิตละมั๊งนิ คนจะใช้ชีวิตร่วมกันเขาต้องสนับสนุนกัน ให้กำลังใจกัน ดูแลกันสิ
เท่านั้นแหละครับ โพสด่าผมบน Timeline เลย “เรื่องของเมิงเหอะ เหี่ย!” แล้วยังมีโพสใน LINE ด้วยนะว่า รักฉันแบบที่ฉันเป็น
เหตุการณ์นี้ผมบอกตัวเอง ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะให้โอกาสคนคนนี้อีกแล้ว ทุกอย่างจบลงแบบเงียบๆ ผมไม่ต้องการคำอธิบายใดๆจากเธออีก
ผมเสียความรู้สึกมาก
ผมไม่เคยใช้ กู / เมิง คำหยาบคายอะไรกับเธอเลย
มาถึงจุดที่ผมบอกการงานจะเสียก็คือ ด้วยความที่เธอเป็นคนคุยเก่ง เธอจึงไปตีสนิทกับคนโน้นคนนี้ และแน่นอนเธอจะต้องพยามพูดให้คนเกลียดชังผม เหมือนที่เธอพยามพูดเรื่องคนที่เธอเกลียดให้ผมเกลียดตาม
เพื่อนๆพนักงานหลายคนเริ่มมองผมผิดปกติไป บางคนถึงกับลืมตัวจ้องหน้าผมแบบไม่พูดอะไร ทั้งที่ปกติยิ้มทั้งทายกันตลอด
ไม่เว้นแม้กระทั้งเพื่อนผู้ชาย ผมไม่เข้าใจคนเหล่านี้เหมือนกันนะ มาเกลียดผมเพราะฟังคนอื่น
ทราบมาว่าเธอถึงขนาดไปพูดว่าผมเป็นเกย์เลยทีเดียว
บางทีเดินสวนกับผมโดยผมเดินมากับแม่ พอเธอเห็นก็เอามือป้องหูเพื่อนที่เธอเดินมาด้วยกันแล้วพูดอะไรสักอย่างแต่ตามองผมกับแม่
เป็นกิริยาที่ผมรู้สึกขยะแขยงมากๆ
ทุกวันนี้ถือคติที่ว่า ทำไม่ดีกับคนอื่นอย่างไง ก็จงรับไปอย่างนั้นร้อยเท่าพันเท่า รอธรรมชาติลงโทษเอง
----------------------------------------------------
นี่แหละครับ ความรักที่เปลี่ยนเป็นความร้าย ด้วยเหตุผลที่ไม่รับรักคนที่มาจีบ
อย่าเอาความใคร่ ที่คุณเรียกว่าความรักไปทำร้ายคนอื่นเลยครับ
เลิกบ่นว่าเหนื่อยที่จะวิ่งตาม ถ้าคุณเป็นเนื้อคู่กันเขาจะหยุดรอคุณเอง ผมเชื่ออย่างนั้น
ฝากถึงคนกำลังจีบ จากความรู้สึกของคนที่เป็นฝ่ายถูกจีบ และเรื่องราว "ความรัก"ที่กลายเป็น"ความร้าย" ของคนที่เข้ามาจีบ
เรื่องแรก
คือผมเห็นกระทู้ตัดพ้อ เหนื่อย ฯลฯ ของหลายๆคนที่จีบใครซักคนอยู่แล้วไม่สมหวัง แล้วพูดเหมือนคนที่คุณไปจีบเขาเป็นผู้ร้ายยังไงยังงั้น
คืออยากจะบอกว่า “กรูก็มีสิทธิเลือกนะ”
คือการที่คุณกำลังจีบใครสักคน คนคนนั้นเขาผ่านการแสกนจากความรู้สึกของคุณใช่ไหม ว่าคนเนี่ย ชอบ
ไม่ว่าจะเหตุผลทางรูปร่างหน้าตา กิริยา รสนิยม ฯลฯ แต่คุณเคยคิดในมุมกลับไหมว่าคนที่คุณกำลังเข้าไปจีบเขาก็กำลังประเมิณคุณอยู่เหมือนกัน
ทันทีที่คุณก้าวเข้ามาในอนาเขตของเขา เขาเองก็มีเหตุผลของเขาที่จะชอบคุณหรือไม่ชอบคุณก็ตาม คุณต้องเผื่อใจดิ
บางครั้งผมหงุดหงิดหัวใจเวลาเห็นโพสอะไรที่เปรยประมาณว่า ฉันทั้งรัก ทั้งทุ่มเท เหนื่อยวิ่งตาม บลาๆๆ
“กรูผิดใช่ไหม ที่ไม่ชอบเมิงกลับ?” … อยากถาม
ผมก็เคยเป็นฝ่ายจีบ แต่ก็ไม่สมหวัง แต่ผมก็ไม่เคยคิดแม้แต่น้อยที่จะว่าเขาคนนั้น เขาก็มีสิทธิจะเลือกนิ
แต่ที่ผมประสบมาทั้งตัวเอง และมองจากคนรอบข้าง หรือกระทู้ต่างๆ ผมรู้สึกว่ามันเป็นความใคร่ มากกว่าจะเป็นความรัก
เหมือนเด็กที่ร้องเอาของเล่นจากพ่อแม่ แต่ไม่ได้แล้วงอแง อะไรอย่างนั้นเลย ดูเอาแต่ใจตัวเองและไม่น่าอยู่ด้วยเลย
ความรักไม่เหมือนเล่นขายของนะคุณ มันเกี่ยวข้องกับคนคนนึงที่เราจะอยู่ด้วยไปทั้งชีวิต อยากฝากถึงคนที่จะจีบคนอื่นทุกท่าน
เรื่องที่สอง เกี่ยวเนื่องกับข้อแรก
อยากบอกผู้หญิงทุกคนที่ตั้งกระทู้ด่าผู้ชายว่าเลวอย่างนั้นอย่างนี้ คืออยากจะบอกว่าฝ่ายผมเองบางทีก็เจอหนักเหมือนกัน แต่ผู้ชายไม่ค่อยพูดเรื่องอะไรแบบนี้
เพราะด้วยสังคมจะตราหน้า รุมประนาม บลาๆๆ ว่าไม่แมน อย่างนั้นอย่างนี้
ดังนั้นผู้หญิงมักไม่เจอเรื่องราวความร้ายกาจของผู้หญิงที่ฝ่ายชายเป็นผู้เสียหายซักเท่าไหร่ เหมือนเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อไปนี้
หน้าที่การงานเกือบจะเสีย เพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาจีบแต่ผมไม่เลือกเธอ เธอจึงเปลี่ยนความรัก(ความใคร่) เป็นความร้าย
เธอเป็นเพื่อนร่วมงานครับ เข้ามาใหม่ไม่นานก็ Add friend มา ทันทีที่ Add รับเธอ เธอก็รุกทันที เริ่มซักประวัติผม
ผมเองก็ดู Timeline เธอ ก็พบว่ามีแฟนอยู่แล้ว เป็นตำรวจ
วันที่ 2 เธอก็จีบผมทันที สารภาพว่าชอบ แต่ผมก็แสดงจุดยืนว่าผมรับความรู้สึกเธอไม่ได้ เพราะหนึ่งเธอมีแฟนแล้ว สองถ้าไม่มีแฟนผมก็ต้องขอดูว่าเราจะเข้ากันได้รึป่าวโดยเริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อน
วันที่ 3 เธอชวนผมไปหาที่ห้อง ชวนมีอะไรกัน ผมบอกว่าไม่ เพราะเธอมีแฟนแล้ว นี่มันชู้ชัดๆ เธอตอบผมว่า ทำไมล่ะก็แค่ Sex เองต่างคนต่างได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
วันที่ 4 เธอบอกว่าเธอบอกเลิกแฟนเธอแล้วเพราะเห็นผมลำบากใจ ผมก็เฮ้ย ทำไมต้องทำขนาดนี้ ไม่สงสารแฟนตัวเองรึไง เธอบอกว่าดูไม่มีอนาคต
-------------------
ถึงตอนนี้ความรู้สึกผมคือ ผู้หญิงคนนี้อันตรายแน่นอน
-------------------
เธอก็เข้ามาคุยเล่นกับผม ชวนผมไปนอนด้วยทุกวันๆ จนมีอยู่วันนึงผมนึกสนุก ก็เลยพูดตามน้ำขำๆไปว่า เออ..ได้เลย เดี๋ยวว่างๆก่อน
ไม่มีพันธะใช่ไหมจริงใช่ไหมที่พูดน่ะ คือไม่ได้คิดจะไปมีอะไรกับเธอจริงๆเลยสาบานได้ เท่านั้นแหละ ด่าผมเลย ว่าผู้ชายแม้งก็เลวอย่างนี้หมดแหละ
ผมก็ Stun ไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าจะโดนด่า พอตั้งสติได้ก็ถามไปว่า ก็เห็นชวนยิกๆๆ แค่ Sex เองอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ใช่หรอ
แล้วทีนี้มาด่าแบบนี้ทำไม.. . . .. หลังจากนั้นบทสทนาจบลง ต่างคนต่างเงียบ แต่เธอไปโพส Timeline ว่า
”กูอยากคุยกูทักเมิงก่อนตลอด แล้วเมิงก็ทำความรู้สึกกูพังตลอด”
ผมก็อืมดี.. จบๆไป แต่ไม่ใช่อย่างนั้น เช้ามาเธอทักทายผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แล้วเวลากับบ้านก็จะชอบโทรมาคุยจนเครื่องร้อน ผมบอกคุยต่อทางเฟสละกัน หูร้อน ไม่ไหวแล้วจริงๆ เธอก็จะงอน
คุยก็ชวนทะเลาะตลอด ไม่ก็ด่าเพื่อนที่ทำงานให้ฟัง ผมก็สอนเธอ เพื่อให้เธอจะได้ไม่ต้องเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคิดตั้งแง้จงเกลียดจงชังคนอื่นมากนัก
ชีวิตจะได้มีความสุข แต่เธอเอาไปโพส Timeline ว่า”คนอื่นเขามีความคิด ไม่ต้องมาสอนหรอก บลาๆๆๆ” ใช้สรรพนามว่า”เธอ”ก็ไม่ได้ด้วยนะ โมโห
ผมก็นิ่งเฉย คือไม่อยากยุ่งแล้ว แต่พอเธอมาง้อ ก็ใจอ่อนทุกที โดยส่วนตัวผมเป็นคนใจดีนะ เธอคงอ่านผมออก
ตลอดเวลาที่คุยกัน เธอก็จะแทรกเป็นระยะ ว่าเธอรัก เธอชอบผมต่างๆนาๆ เมื่อไหร่จะยอมเธอซักที ผมก็บอกเธอว่าจะไปกันรอดหรอ
ขนาดเป็นเพื่อนกันยังขนาดนี้
“ตลอดเวลาพี่เห็นหนูเป็นแค่เพื่อนเองหรอ, ไม่สงสารหนูบ้างหรอที่ต้องวิ่งตาม”
เธอเริ่มดราม่า ผมก็ถามเธอกลับว่าตั้งแต่แรกเราคุยกันว่ายังไง เป็นเพื่อนกันก่อนใช่ไหม ศึกษากันก่อนใช่ไหม ? เธอเงียบ
จากนั้นเธอก็ไปโพส Timeline ว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่ชอบคนอย่างเธอ ที่ผ่านมาจะคิดว่าเดินเหยียบ”ขี้หมา”ละกัน
ทันทีที่ผมเห็นข้อความคือรู้สึกหน้าชา คือเปรียบผมได้ต่ำมาก ทั้งที่ผมไม่เคยดูถูกอะไรเธอเลย แต่เธอมักจะดูถูกผมเสมอ ทุกๆเรื่อง ตั้งแต่หน้าตา ทรงผม
การแต่งกาย มีอยู่วันเห็นผมใส่ขาสั้น ก็มาสำรวจร่างกายผมแล้วบอก ยี๋ตาตุ่มดำปี๋ คือขนาดนั้นเลย ไม่ก็เบ้ปากใส่ผมเวลาผมอยากแชร์ปัญหาของผมบ้าง
มีแต่ผมนี่ชมเธอในเรื่องดีๆ
-------------------
ผมเริ่มจะเบื่อหน่าย รู้สึกปรับจูนยังไงก็ไม่มีทางเข้ากันได้ เป็นเพื่อนกันยังยากเลย
-------------------
เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นวนลูปซ้ำๆ จนมาถึงช่วงสุดท้าย เธอดูถูกผมอย่างแรง ผมคิดว่ายังไงก็ต้องบอกซักหน่อย
ผมก็บอกเธอไปตรงๆว่าผมไม่ชอบนะแบบนี้ ใจคอจะดูถูกกันไปทั้งชีวิตเลยหรือยังไงนิ ไหนว่ารัก ชอบ แล้วนี่อะไรนิ ผมเหลืออดก็เลยบอกไปว่า
นี่คงจะดูถูกคนที่เธอรักไปทั้งชีวิตละมั๊งนิ คนจะใช้ชีวิตร่วมกันเขาต้องสนับสนุนกัน ให้กำลังใจกัน ดูแลกันสิ
เท่านั้นแหละครับ โพสด่าผมบน Timeline เลย “เรื่องของเมิงเหอะ เหี่ย!” แล้วยังมีโพสใน LINE ด้วยนะว่า รักฉันแบบที่ฉันเป็น
เหตุการณ์นี้ผมบอกตัวเอง ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะให้โอกาสคนคนนี้อีกแล้ว ทุกอย่างจบลงแบบเงียบๆ ผมไม่ต้องการคำอธิบายใดๆจากเธออีก
ผมเสียความรู้สึกมาก
ผมไม่เคยใช้ กู / เมิง คำหยาบคายอะไรกับเธอเลย
มาถึงจุดที่ผมบอกการงานจะเสียก็คือ ด้วยความที่เธอเป็นคนคุยเก่ง เธอจึงไปตีสนิทกับคนโน้นคนนี้ และแน่นอนเธอจะต้องพยามพูดให้คนเกลียดชังผม เหมือนที่เธอพยามพูดเรื่องคนที่เธอเกลียดให้ผมเกลียดตาม
เพื่อนๆพนักงานหลายคนเริ่มมองผมผิดปกติไป บางคนถึงกับลืมตัวจ้องหน้าผมแบบไม่พูดอะไร ทั้งที่ปกติยิ้มทั้งทายกันตลอด
ไม่เว้นแม้กระทั้งเพื่อนผู้ชาย ผมไม่เข้าใจคนเหล่านี้เหมือนกันนะ มาเกลียดผมเพราะฟังคนอื่น
ทราบมาว่าเธอถึงขนาดไปพูดว่าผมเป็นเกย์เลยทีเดียว
บางทีเดินสวนกับผมโดยผมเดินมากับแม่ พอเธอเห็นก็เอามือป้องหูเพื่อนที่เธอเดินมาด้วยกันแล้วพูดอะไรสักอย่างแต่ตามองผมกับแม่
เป็นกิริยาที่ผมรู้สึกขยะแขยงมากๆ
ทุกวันนี้ถือคติที่ว่า ทำไม่ดีกับคนอื่นอย่างไง ก็จงรับไปอย่างนั้นร้อยเท่าพันเท่า รอธรรมชาติลงโทษเอง
----------------------------------------------------
นี่แหละครับ ความรักที่เปลี่ยนเป็นความร้าย ด้วยเหตุผลที่ไม่รับรักคนที่มาจีบ
อย่าเอาความใคร่ ที่คุณเรียกว่าความรักไปทำร้ายคนอื่นเลยครับ
เลิกบ่นว่าเหนื่อยที่จะวิ่งตาม ถ้าคุณเป็นเนื้อคู่กันเขาจะหยุดรอคุณเอง ผมเชื่ออย่างนั้น