...และมาถึงบทส่งท้าย ช่วงเวลาสุดท้าย ของความรักครั้งนี้ ที่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่อยูในใจเสมอ
*อยู่ในใจอยู่ได้นาน กว่า อยู่ด้วยกัน*
เวลาผ่านไปกับการทำงานในแต่ละวัน ก็เริ่มลงตัวในหลายๆ ที่ ทำงานในกะเช้าผมเองก็วุ่นวายหน่อย ต้อง support หลายที่ ลูกน้องส่วนใหญ่ของผมก็รับผิดชอบงานตัวเองได้ค่อนข้างดี ไม่ต้องพูดไรมาก วุ่นๆ บ้างสลับกันไป เรื่องลามาสายส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยซีเรียส ยกเว้นงานมันเยอะจริงๆ ก็ว่ากันไปตามนั้น
เธอเองทำงานได้ดี ไม่ค่อยได้ตามเยอะ รู้หน้าที่ ช่วงหลังมานี้มีอะไรผมก็บอกและเล่าให้เธอฟังหมด ปกติผมไม่ค่อยคุยกับใครเท่าไหร่ หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาผมก็คอยถามเธอว่ามีปัญหาอะไรไหมในแต่ละวัน
“พี่เอ็นดูเรานะ ห่วงเป็นพิเศษกว่า ทุกคน อันนี้โอเคไหม?” ก็อยากให้มีอะไรเธอบอกมาได้
“ดิชั้นยังไม่ตายวันนี้พรุ่งนี้ค่ะ” พะนะ ดูตอบเข้า เจ้าดื้อเอ้ย...
“ก็น้อนสาวอะนะ ห่วงพิเศษ” ผมตอบด้วยการรักษาระยะหน่อย
“ไม่สบายจริงๆ ไม่ได้งอนใคร ยกเว้นสุดจะทนจริงๆ”
“งอนพี่ได้ ถ้าผิดจริง 55” ผมก็หยอกเธอเล่นๆ ไป
“แล้วคนอื่นไม่มีปัญหาเหรอ ทำไมอ่ะ น้องเรื่องมากกว่าทุกคนเหรอ”
“ไม่ครับ พี่แค่เป็นห่วงเฉยๆ” ผมตอบเธอไปทันทีว่าไม่เลย
“แต่น้องว่าไม่เพราะตอนที่ได้ย้ายมีแต่คนขำ” เธอหมายถึงเรื่องคนที่ตำแหน่งเก่า ที่หลายๆ คนไม่โอเคที่จะทำงานด้วย
“คร้าาา เจ้าดื้อ”
“ดื้อแด้อะไร”
“ไม่ดื้อเลยค่ะ พักผ่อนนะ เย็นนี้เจอกัน” ผมทิ้งท้ายก่อนปล่อยเธอไปพักผ่อน ยาวอีกแล้วช่วงนี้ นอนสายตลอด ผมนะ ส่วนเธอคงปกตินอนสาย ผมเริ่มรู้สึกตัวเองเริ่มอาการหนักเข้าไปละ ชอบแอบนึกถึงเธอในเวลาว่างๆ อยู่เรื่อยๆ เลย พอละสายละ ได้เวลาพักผ่อนก่อนไปทำงานเย็นนี้
วันเวลาผ่านไปในกลางเดือนกรกฎาคม ทำงานเราก็คุยกันตลอด อืมมม ผมชวนคุยทั้งวันแหละ เลิกงาน เย็น ก่อนนอน ผมก็สนใจเพียงแต่เธอคนนี้ อาการเริ่มหนักละ ถามไถ่ ห่วงใย บอกฝันดี ผมว่าเธอคงจะสงสัยหรือรับรู้หรือป่าวนะ
หลังจากคุยกันเรื่อยเปื่อยได้เวลาลาเจ้าดื้อไปนอน
“ฝันดี 24 ชั่วโมง”
“ขอบคุณจร้า แต่ตอนนี้พึ่งตื่น”
“ไงก็หาข้าวกินแล้วพักผ่อนนะ”
“เที่ยงๆ ตีหนึ่งละมั่งจะนอนอีกที”
คืนนี้ดูเหมือนผมจะพูดมากไป พูดเยอะ ห่วงเยอะ จนทำให้เธอรู้สึก หรือมีคำถาม
“เจอกัน ฝันดี กินข้าว ห่มผ้า อย่าตกเตียง”
“ตั้งใจพิมพ์เนอะ” เทอแซะมานิดนึง
“ครับ แค่ใส่ใจ Only you”
“Flirting me?” เธอส่งสติ๊กเกอร์ตกใจมาและพิมพ์คำถามมาว่า จีบเธอหรอ
ในใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เอาไงดีว่ะทีนี้
“Don't think too much. มันจะไม่มีไรเปลี่ยนแปลงเหอะ แค่อย่าเกลียดกันก็พอ” ผมพยายามพูดให้เธอรู้สึกเบาไม่คิดมาก
“ก็รู้สึกดีที่มีคนมาชอบ เพราะไม่มีคนเกลียดก็ดีแล้ว” เธอคงรับรู้แล้ว ผมก็โล่งใจที่ได้บอกเธอไป
“พี่ชอบในแบบของพี่จริงๆ ไม่เหมือนใคร”
“ก็ชอบไปสิ ชั้นห้ามได้มั้ยล่ะ สภาพมอมๆ แบบนี้ ก็ยอมใจนะ” เธอก็ตอบมาตรงๆ
หลังจากนั้น เราก็คุยกันไปเรื่องที่ผมเริ่มชอบเธอเมื่อไหร่ยังไง เธอก็เหมือนจะรับรู้ สักพักแล้วแต่ไม่ได้รังเกลียดอะไร ก็คุยได้ เลยเป็นระยะเวลาที่เราเริ่มคุยเยอะขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ใส่ใจเธอตลอด เสมอๆ จนมาวันนึง เธอเงียบผิดปกติ บอกก่อนว่าผมค่อนข้างจะรู้สึกถึงอารมณ์ของเธอเสมอ วันนี้เป็นวันที่ผมออกโอที สาเหตุเพราะคนที่อยู่กับผมป่วย ผมจะแทนนามว่าเขาละกัน และ ผมก็คุยกับทีมงาน เธอน่าจะได้ยิน ซึ่งผมเองก็อยู่ใกล้ๆ แล้วทุกอย่างก็เงียบสงัด ก่อนเลิกงาน ผมทักเธอไป ไม่อ่าน ไม่ตอบ เธอน่าจะกำลังใช้ความคิด เธอตอบมาช่วงหัวค่ำ
“เราคุยกันให้น้อยลงดีกว่า คุยแบบคนรู้จักกันดีกว่า”
“ห่วงอยู่ห่างๆ เอง” ผมก็ตอบกลับเธอไป
หลังจากวันนั้น ผมกับเธอเราก็คุยกันแค่เรื่องงาน แม้ในใจผมจะรู้สึกแย่แค่ไหน ผมก็ทำได้แค่นั้น บอกฝันดีเธอทุกคืน แม้จะเป็นข้อความส่งอย่างเดียว
วันนึงผมตั้งคำถาม และตัดสินใจถามเธอออกไปว่า “เกลียดผมไหม คุยกันไม่ได้เลยหรอ” เธอตอบกลับมา “ไม่ได้เกลียด คุยปกติ” แต่ผมรู้ ปกติที่ว่าคือ คุยกันน้อยลง เฉพาะงาน ผมรู้ เธอกำลังถอย กลัวความรู้สึกมันเกินจากนี้ เธอถาม “รักเขาหรือเปล่า ถ้ารัก เราคุยกันน้อยลงถูกแล้ว” ซึ่งผมก็อธิบายเธอไป สำหรับผมกับเขามันไม่มีอะไรเหมือนเดิม ซึ่งรู้ดีว่าใจผมมันอยู่ที่ไหน แต่ผมทำอะไรตอนนี้ไม่ได้เท่านั้นเอง เราโต้วาทีในลักษณะแชทกันนานพอสมควร แล้วเหมือนทุกอย่างจะต่อติดกลับมานิดนึง
“ไม่เข้าใจและไม่อยากเข้าใจด้วย อยากบอกคำว่าคิดถึงหรือเป็นห่วง หึง หวง กับคนไม่มีพันธะ จบนะ” ความรู้สึกของเทอเหมือนถูกพ่นออกมา
“เราก็เฉยๆ อยู่ดี” ผมตอบกลับไป
“จะรู้สึกได้ไงพี่มีแฟนอยู่แล้ว” ประโยคนี้แหละที่ผมไม่สามารถ จัดการอะไรได้ในตอนนี้
“พี่รู้ แต่ใจมันยั้งได้ด้วยหรอ”
“ได้สิ ถ้าเห็นแก่ตัวหน่อยยั้งได้แน่นอน” ก็ถูกนะ เธอมักใช้สมองนำ และ จัดการความรู้สึกได้เก่งมาก
เราก็คุยกันยืดยาวต่อไปเรื่อยๆ เกี่ยวกับความรู้สึกของผม เธอก็บอกวิธี move on คือไม่ทักเลยดีกว่า แต่นี่เล่นทักมาทุกวัน ไม่เห็นตั้งใจตัด เธอชอบบอกว่าผมเหมือนหมาเด็กขี้น้อยใจ แสนงอน อืม แต่ผมชอบนะ เขาก็บอกให้ผมไปทำตัวเองให้เคลียร์ก่อน เขาเชื่อการกระทำมากกว่าคำพูด นั่นละเธอที่ผมชอบ ชอบมากสิ
หลังจากคืนนั้นที่คุยกัน เราก็กลับมาคุยกันมากขึ้นอีกครั้ง ตัวผมเองจะคอยรายงานเธอตลอด ไม่ว่าทำอะไรก็ตาม เพราะผมค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่เชื่อเถอะ กับเธอคนนี้คนเดียว
“พี่กำลังอาบน้ำให้เจ้าขวัญ take care na” (เจ้าขวัญ คือน้องหมาของผมเอง)
“รายงานตัวเก่ง”
“ทำไรอยู่หืม”
“กินตำมะม่วง”
“อร่อยไหมครับ”
“เผ็ดนิดหน่อย”
ผมตั้งใจคุยกับเธอมาก ยิ่งวันหยุดผมยิ่งคิดถึงเจ้าดื้อ วันนั้นที่เธอเงียบใส่ก็มาบอกวันนี้ว่า วันนั้นเธองอนจริงๆ และมีคนลืมวันหยุดนะ จะมาทำงานวันหยุดซะงั้น ดีนะเบรกไว้ทัน ผมก็ได้ทีแซวไม่หยุดเลยสิ เธอบอกผมนิสัยเหมือนหมาเด็ก ฮ่าๆๆ และเธอก็ตั้งชื่อไลน์ผมว่า “หม๋าเด็ก” เธอหัวเราะผมเรื่องผมพูดใส่โทรศัพท์ให้พิมพ์เป็นประโยค ว่าผมเหมือนคนแก่ เห็นคนแก่ชอบทำ แต่งานผมทำแบบนั้นจริง บางทีเร่งรีบ
หลังจากนี้เราเริ่มคุยกันแนวหวานขึ้น มีงอน มีง้อ มีบอกรัก คิดถึง และผมก็รู้สึกได้ว่า เธอก็รู้สึกระดับนึงกับผมแล้ว แต่ผมกลับยังไม่เคลียร์ตัวเองให้สามารถดูแลเธอได้สักที ช่วงต้นเดือนสิงหาคม เราคุยกัน เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน ผมก็มีเสียใจ ง้อ นอย น้อยใจ ทั้งที่ตัวเองไม่ควรเลย ผมเข้าใจเธอทุกอย่าง ที่เธอเป็นแบบนี้เพราะมันรู้สึกไปแล้ว เธอเห็นรูปผมกับเขา เธอเลยเงียบ ผมง้อ พูดต่างๆ นาๆ และผมคิดตำหนิตัวเองมากที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อเธอได้เลย เธอให้ผมฟังเพลงนี้ “ไปจบกับเขาจริงๆ ให้ได้ก่อน” ถ้อยคำในแชท ผมก็กลับไปอ่านและบันทึกไว้อ่านซ้ำๆ เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด ที่ได้ฟังความรู้สึกเธอ
และแล้วจุดจบของผมและเธอก็มาถึงในวันที่ 11 สิงหาคม
“ตอนเห็นรูปพี่กับแฟนที่เราทะเลาะกันวันนั้น ตอนเห็นปวดใจหนึบๆ เลยไม่อยากไปมากกว่านี้ละ ถอยดีกว่า”
“พี่ก็เจ็บนะ”
เราคุยกันไปสักพัก สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ เรื่องของเรา เขารับรู้แล้ว สิ่งที่ผมตั้งใจคือ ผมเองอยากอยู่ในจุดที่ไม่มีใครแล้วไปจีบเธอ แต่เรื่องมันเป็นแบบนี้ไปแล้ว ผมเป็นคนที่ไม่สามารถทำตามใจได้เลย ถ้าเขาเดินจากผมไปก่อนหน้ามันคงไม่เป็นแบบนี้ ผมอยากส่งเขาให้สุดทาง แม้ว่าตัวผมในตอนนั้น เลือกทำสิ่งที่ถูกมากกว่าสิ่งที่รักและตัวเองมีความสุข..
และผลของมันทั้งหมดก็ฝังในใจผมจนถึงวันนี้ จากวันนั้นที่ผมเลิกคุยกับเธอ แต่ละวันผมไม่มีใจอยากทำอะไรเสียเลย ผมเริ่มอยู่กับเสียงเพลง และฝืนยิ้มกับบางอย่าง ระบายความในใจลงกระดาษและพับไว้ ไม่ให้ใครรับรู้ แม้ว่าวันนี้เธอจะไม่รับรู้อะไรแล้วก็ตาม ผมก็ยังจะบันทึกมันไปทุกครั้งที่ผมยังคิดถึงเธอ
สุขกว่าการที่ได้ครอบครอง คือ ได้มองคนที่เรารักมีความสุข มีชีวิตที่ดี แม้ความสุขนั้นจะไม่ได้เกิดกับเราก็ตาม
ฝากถึง..เจ้าดื้อของพี่.
ห้วงอากาศ
ห้วงความคิดถึง บทส่งท้าย
*อยู่ในใจอยู่ได้นาน กว่า อยู่ด้วยกัน*
เวลาผ่านไปกับการทำงานในแต่ละวัน ก็เริ่มลงตัวในหลายๆ ที่ ทำงานในกะเช้าผมเองก็วุ่นวายหน่อย ต้อง support หลายที่ ลูกน้องส่วนใหญ่ของผมก็รับผิดชอบงานตัวเองได้ค่อนข้างดี ไม่ต้องพูดไรมาก วุ่นๆ บ้างสลับกันไป เรื่องลามาสายส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยซีเรียส ยกเว้นงานมันเยอะจริงๆ ก็ว่ากันไปตามนั้น
เธอเองทำงานได้ดี ไม่ค่อยได้ตามเยอะ รู้หน้าที่ ช่วงหลังมานี้มีอะไรผมก็บอกและเล่าให้เธอฟังหมด ปกติผมไม่ค่อยคุยกับใครเท่าไหร่ หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาผมก็คอยถามเธอว่ามีปัญหาอะไรไหมในแต่ละวัน
“พี่เอ็นดูเรานะ ห่วงเป็นพิเศษกว่า ทุกคน อันนี้โอเคไหม?” ก็อยากให้มีอะไรเธอบอกมาได้
“ดิชั้นยังไม่ตายวันนี้พรุ่งนี้ค่ะ” พะนะ ดูตอบเข้า เจ้าดื้อเอ้ย...
“ก็น้อนสาวอะนะ ห่วงพิเศษ” ผมตอบด้วยการรักษาระยะหน่อย
“ไม่สบายจริงๆ ไม่ได้งอนใคร ยกเว้นสุดจะทนจริงๆ”
“งอนพี่ได้ ถ้าผิดจริง 55” ผมก็หยอกเธอเล่นๆ ไป
“แล้วคนอื่นไม่มีปัญหาเหรอ ทำไมอ่ะ น้องเรื่องมากกว่าทุกคนเหรอ”
“ไม่ครับ พี่แค่เป็นห่วงเฉยๆ” ผมตอบเธอไปทันทีว่าไม่เลย
“แต่น้องว่าไม่เพราะตอนที่ได้ย้ายมีแต่คนขำ” เธอหมายถึงเรื่องคนที่ตำแหน่งเก่า ที่หลายๆ คนไม่โอเคที่จะทำงานด้วย
“คร้าาา เจ้าดื้อ”
“ดื้อแด้อะไร”
“ไม่ดื้อเลยค่ะ พักผ่อนนะ เย็นนี้เจอกัน” ผมทิ้งท้ายก่อนปล่อยเธอไปพักผ่อน ยาวอีกแล้วช่วงนี้ นอนสายตลอด ผมนะ ส่วนเธอคงปกตินอนสาย ผมเริ่มรู้สึกตัวเองเริ่มอาการหนักเข้าไปละ ชอบแอบนึกถึงเธอในเวลาว่างๆ อยู่เรื่อยๆ เลย พอละสายละ ได้เวลาพักผ่อนก่อนไปทำงานเย็นนี้
วันเวลาผ่านไปในกลางเดือนกรกฎาคม ทำงานเราก็คุยกันตลอด อืมมม ผมชวนคุยทั้งวันแหละ เลิกงาน เย็น ก่อนนอน ผมก็สนใจเพียงแต่เธอคนนี้ อาการเริ่มหนักละ ถามไถ่ ห่วงใย บอกฝันดี ผมว่าเธอคงจะสงสัยหรือรับรู้หรือป่าวนะ
หลังจากคุยกันเรื่อยเปื่อยได้เวลาลาเจ้าดื้อไปนอน
“ฝันดี 24 ชั่วโมง”
“ขอบคุณจร้า แต่ตอนนี้พึ่งตื่น”
“ไงก็หาข้าวกินแล้วพักผ่อนนะ”
“เที่ยงๆ ตีหนึ่งละมั่งจะนอนอีกที”
คืนนี้ดูเหมือนผมจะพูดมากไป พูดเยอะ ห่วงเยอะ จนทำให้เธอรู้สึก หรือมีคำถาม
“เจอกัน ฝันดี กินข้าว ห่มผ้า อย่าตกเตียง”
“ตั้งใจพิมพ์เนอะ” เทอแซะมานิดนึง
“ครับ แค่ใส่ใจ Only you”
“Flirting me?” เธอส่งสติ๊กเกอร์ตกใจมาและพิมพ์คำถามมาว่า จีบเธอหรอ
ในใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เอาไงดีว่ะทีนี้
“Don't think too much. มันจะไม่มีไรเปลี่ยนแปลงเหอะ แค่อย่าเกลียดกันก็พอ” ผมพยายามพูดให้เธอรู้สึกเบาไม่คิดมาก
“ก็รู้สึกดีที่มีคนมาชอบ เพราะไม่มีคนเกลียดก็ดีแล้ว” เธอคงรับรู้แล้ว ผมก็โล่งใจที่ได้บอกเธอไป
“พี่ชอบในแบบของพี่จริงๆ ไม่เหมือนใคร”
“ก็ชอบไปสิ ชั้นห้ามได้มั้ยล่ะ สภาพมอมๆ แบบนี้ ก็ยอมใจนะ” เธอก็ตอบมาตรงๆ
หลังจากนั้น เราก็คุยกันไปเรื่องที่ผมเริ่มชอบเธอเมื่อไหร่ยังไง เธอก็เหมือนจะรับรู้ สักพักแล้วแต่ไม่ได้รังเกลียดอะไร ก็คุยได้ เลยเป็นระยะเวลาที่เราเริ่มคุยเยอะขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ใส่ใจเธอตลอด เสมอๆ จนมาวันนึง เธอเงียบผิดปกติ บอกก่อนว่าผมค่อนข้างจะรู้สึกถึงอารมณ์ของเธอเสมอ วันนี้เป็นวันที่ผมออกโอที สาเหตุเพราะคนที่อยู่กับผมป่วย ผมจะแทนนามว่าเขาละกัน และ ผมก็คุยกับทีมงาน เธอน่าจะได้ยิน ซึ่งผมเองก็อยู่ใกล้ๆ แล้วทุกอย่างก็เงียบสงัด ก่อนเลิกงาน ผมทักเธอไป ไม่อ่าน ไม่ตอบ เธอน่าจะกำลังใช้ความคิด เธอตอบมาช่วงหัวค่ำ
“เราคุยกันให้น้อยลงดีกว่า คุยแบบคนรู้จักกันดีกว่า”
“ห่วงอยู่ห่างๆ เอง” ผมก็ตอบกลับเธอไป
หลังจากวันนั้น ผมกับเธอเราก็คุยกันแค่เรื่องงาน แม้ในใจผมจะรู้สึกแย่แค่ไหน ผมก็ทำได้แค่นั้น บอกฝันดีเธอทุกคืน แม้จะเป็นข้อความส่งอย่างเดียว
วันนึงผมตั้งคำถาม และตัดสินใจถามเธอออกไปว่า “เกลียดผมไหม คุยกันไม่ได้เลยหรอ” เธอตอบกลับมา “ไม่ได้เกลียด คุยปกติ” แต่ผมรู้ ปกติที่ว่าคือ คุยกันน้อยลง เฉพาะงาน ผมรู้ เธอกำลังถอย กลัวความรู้สึกมันเกินจากนี้ เธอถาม “รักเขาหรือเปล่า ถ้ารัก เราคุยกันน้อยลงถูกแล้ว” ซึ่งผมก็อธิบายเธอไป สำหรับผมกับเขามันไม่มีอะไรเหมือนเดิม ซึ่งรู้ดีว่าใจผมมันอยู่ที่ไหน แต่ผมทำอะไรตอนนี้ไม่ได้เท่านั้นเอง เราโต้วาทีในลักษณะแชทกันนานพอสมควร แล้วเหมือนทุกอย่างจะต่อติดกลับมานิดนึง
“ไม่เข้าใจและไม่อยากเข้าใจด้วย อยากบอกคำว่าคิดถึงหรือเป็นห่วง หึง หวง กับคนไม่มีพันธะ จบนะ” ความรู้สึกของเทอเหมือนถูกพ่นออกมา
“เราก็เฉยๆ อยู่ดี” ผมตอบกลับไป
“จะรู้สึกได้ไงพี่มีแฟนอยู่แล้ว” ประโยคนี้แหละที่ผมไม่สามารถ จัดการอะไรได้ในตอนนี้
“พี่รู้ แต่ใจมันยั้งได้ด้วยหรอ”
“ได้สิ ถ้าเห็นแก่ตัวหน่อยยั้งได้แน่นอน” ก็ถูกนะ เธอมักใช้สมองนำ และ จัดการความรู้สึกได้เก่งมาก
เราก็คุยกันยืดยาวต่อไปเรื่อยๆ เกี่ยวกับความรู้สึกของผม เธอก็บอกวิธี move on คือไม่ทักเลยดีกว่า แต่นี่เล่นทักมาทุกวัน ไม่เห็นตั้งใจตัด เธอชอบบอกว่าผมเหมือนหมาเด็กขี้น้อยใจ แสนงอน อืม แต่ผมชอบนะ เขาก็บอกให้ผมไปทำตัวเองให้เคลียร์ก่อน เขาเชื่อการกระทำมากกว่าคำพูด นั่นละเธอที่ผมชอบ ชอบมากสิ
หลังจากคืนนั้นที่คุยกัน เราก็กลับมาคุยกันมากขึ้นอีกครั้ง ตัวผมเองจะคอยรายงานเธอตลอด ไม่ว่าทำอะไรก็ตาม เพราะผมค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่เชื่อเถอะ กับเธอคนนี้คนเดียว
“พี่กำลังอาบน้ำให้เจ้าขวัญ take care na” (เจ้าขวัญ คือน้องหมาของผมเอง)
“รายงานตัวเก่ง”
“ทำไรอยู่หืม”
“กินตำมะม่วง”
“อร่อยไหมครับ”
“เผ็ดนิดหน่อย”
ผมตั้งใจคุยกับเธอมาก ยิ่งวันหยุดผมยิ่งคิดถึงเจ้าดื้อ วันนั้นที่เธอเงียบใส่ก็มาบอกวันนี้ว่า วันนั้นเธองอนจริงๆ และมีคนลืมวันหยุดนะ จะมาทำงานวันหยุดซะงั้น ดีนะเบรกไว้ทัน ผมก็ได้ทีแซวไม่หยุดเลยสิ เธอบอกผมนิสัยเหมือนหมาเด็ก ฮ่าๆๆ และเธอก็ตั้งชื่อไลน์ผมว่า “หม๋าเด็ก” เธอหัวเราะผมเรื่องผมพูดใส่โทรศัพท์ให้พิมพ์เป็นประโยค ว่าผมเหมือนคนแก่ เห็นคนแก่ชอบทำ แต่งานผมทำแบบนั้นจริง บางทีเร่งรีบ
หลังจากนี้เราเริ่มคุยกันแนวหวานขึ้น มีงอน มีง้อ มีบอกรัก คิดถึง และผมก็รู้สึกได้ว่า เธอก็รู้สึกระดับนึงกับผมแล้ว แต่ผมกลับยังไม่เคลียร์ตัวเองให้สามารถดูแลเธอได้สักที ช่วงต้นเดือนสิงหาคม เราคุยกัน เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน ผมก็มีเสียใจ ง้อ นอย น้อยใจ ทั้งที่ตัวเองไม่ควรเลย ผมเข้าใจเธอทุกอย่าง ที่เธอเป็นแบบนี้เพราะมันรู้สึกไปแล้ว เธอเห็นรูปผมกับเขา เธอเลยเงียบ ผมง้อ พูดต่างๆ นาๆ และผมคิดตำหนิตัวเองมากที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อเธอได้เลย เธอให้ผมฟังเพลงนี้ “ไปจบกับเขาจริงๆ ให้ได้ก่อน” ถ้อยคำในแชท ผมก็กลับไปอ่านและบันทึกไว้อ่านซ้ำๆ เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด ที่ได้ฟังความรู้สึกเธอ
และแล้วจุดจบของผมและเธอก็มาถึงในวันที่ 11 สิงหาคม
“ตอนเห็นรูปพี่กับแฟนที่เราทะเลาะกันวันนั้น ตอนเห็นปวดใจหนึบๆ เลยไม่อยากไปมากกว่านี้ละ ถอยดีกว่า”
“พี่ก็เจ็บนะ”
เราคุยกันไปสักพัก สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ เรื่องของเรา เขารับรู้แล้ว สิ่งที่ผมตั้งใจคือ ผมเองอยากอยู่ในจุดที่ไม่มีใครแล้วไปจีบเธอ แต่เรื่องมันเป็นแบบนี้ไปแล้ว ผมเป็นคนที่ไม่สามารถทำตามใจได้เลย ถ้าเขาเดินจากผมไปก่อนหน้ามันคงไม่เป็นแบบนี้ ผมอยากส่งเขาให้สุดทาง แม้ว่าตัวผมในตอนนั้น เลือกทำสิ่งที่ถูกมากกว่าสิ่งที่รักและตัวเองมีความสุข..
และผลของมันทั้งหมดก็ฝังในใจผมจนถึงวันนี้ จากวันนั้นที่ผมเลิกคุยกับเธอ แต่ละวันผมไม่มีใจอยากทำอะไรเสียเลย ผมเริ่มอยู่กับเสียงเพลง และฝืนยิ้มกับบางอย่าง ระบายความในใจลงกระดาษและพับไว้ ไม่ให้ใครรับรู้ แม้ว่าวันนี้เธอจะไม่รับรู้อะไรแล้วก็ตาม ผมก็ยังจะบันทึกมันไปทุกครั้งที่ผมยังคิดถึงเธอ
สุขกว่าการที่ได้ครอบครอง คือ ได้มองคนที่เรารักมีความสุข มีชีวิตที่ดี แม้ความสุขนั้นจะไม่ได้เกิดกับเราก็ตาม
ฝากถึง..เจ้าดื้อของพี่.
ห้วงอากาศ