[CR] เทศกาลชีวิต Burning Man



เมื่อปีที่แล้วได้ไป Burning Man เป็นครั้งแรกในชีวิต เพื่อนๆก็ถามกันว่า มันน่าไปมั้ย มันเป็นยังไง ก็ตอบได้แค่ว่าปีนี้ก็กำลังจะไปอีกเป็นปีที่ 2 ติดกันอะ ทั้งที่มันก็หลายตังอยู่ คิดเองเอาละกันว่าน่าไปขนาดไหน ก็เลยมาเล่าเป็น review/teaser ละกัน เผื่อใครกำลังตัดสินใจลังเลว่าจะไปไม่ไป จะได้ตัดสินใจได้หลังอ่านจบว่าต้องไปให้ได้! ไม่มีคำว่าครั้งนึงในชีวิตอะ เพราะลองถ้าได้ไปครั้งนึงแล้ว ก็จะต้องไปแล้วไปอีกหลายๆครั้ง เหมือนเรานี่ไง ๕๕๕

Burning Man คืออะไร? ไม่ใช่คอนเสิร์ต ไม่เชิงสวนสนุก แต่เป็นเทศกาลกลางทะเลทรายที่จัดขึ้นที่ Black Rock City, Nevada ที่ให้เราไปใช้ชีวิตอย่างไม่ต้องแคร์อะไร เป็นที่ให้เรามาปล่อยติสท์ ปล่อยบ้า แสดงความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่อย่างที่ปกติอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำ และแลกเปลี่ยนกันทั้งทางความคิด วัฒนธรรม ศิลปะ ดนตรี จิตวิญญาณ หรือสุดแท้แต่จะเลือกเลย

หมดตังไปเท่าไร? ก็ถ้าไม่นับค่าตั๋วเครื่องบิน ก็ประมาณ 6 หมื่นกว่าบาท ก็ไม่แย่เท่าไรนะ เทศกาลมันตั้งเกือบ 2 อาทิตย์ ค่าตั๋วเข้างานมันก็หมื่นกว่าๆเข้าไปละ ส่วนใหญ่จะเป็นค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าขนส่งซะมาก เพราะต้องขนของไปเยอะมาก แค่น้ำเปล่าก็ 60 ลิตรแล้วอ้ะ ไหนจะจักรยานที่ต้องแบกไป รถคันนึงเลยนั่งได้แค่ไม่กี่คน ส่วนของชิ้นใหญ่ๆอื่น เช่นพวกโซฟา โต๊ะ เก้าอี้ ก็หารกันเช่ารถพ่วงคอนเทนเนอร์ไป



ส่วนตัวคิดว่า ถ้ามนุษย์ต่างดาวอยากถามมนุษย์โลกว่า มนุษย์โลกทำอะไรได้บ้าง เราจะบอกให้ไปดูได้ที่นี่แหละ สิ่งมหัศจรรย์ทุกอย่างรวมไว้ที่นี่หมดแล้ว การที่คนร่วมแสนมารวมตัวกันในทะเลทรายเปล่าๆได้ มีน้ำมีไฟฟ้าใช้กันแบบมหาศาลเป็นแรมเดือน ไฟสว่างเหมือนเป็นเมืองใหญ่ๆ เสียงเพลงดังก้องออกไปเป็นสิบๆโล นี่ก็นับได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่แล้ว

สิ่งนึงที่จะต้องรู้ก่อนเข้างานก็คือ มันจะมีกฏหลวมๆอยู่ ก็ไม่ได้มีใครมานั่งดูหรอก อยู่ที่สำนึกล้วนๆ ข้อแรกคือ ให้ใช้วิชาไปมาไร้ร่องรอย (Leave No Trace) คือก่อนมาเที่ยวสภาพเป็นยังไง ออกไปก็ให้เป็นอย่างนั้น เพื่อรักษาระบบนิเวศไว้ให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขยะทุกชิ้นที่เราผลิตขึ้นมา ก็ต้องขนออกไปทิ้งที่บ้านเอง ทั้งขวดเอยบรรจุภัณฑ์เอย ไรงั้น

กฏอีกข้อก็คือ ที่นี่จะไม่มีอะไรขายทั้งนั้น ไม่มีระบบเงินตรา อยากได้อะไรก็จะใช้วิธีแลกเปลี่ยนเอา แบบไก่แลกไข่ วัวแลกม้า ถ้าไม่มีอะไรจะแลก ให้กอดให้หอมแก้ม งั้นงี้ก็ยังได้ ๕๕๕ ใครขี้เมานี่ มาที่นี่สบายมาก เหล้ามีให้กินฟรีๆทุกหย่อมทราย เกิดอยากกินตรงไหน ก็เดินเข้าไปขอเลย เค้าก็ให้หมด เหมือนทุกคนเตรียมของมาเพื่อแบ่งปันคนอื่นอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวร่างกายขาดน้ำเลย หิวก็เดินดุ่มๆเข้าไปขอใครก็ได้ ทีแรกก็ไม่ค่อยกล้าหรอก แต่พอลองเท่านั้นแหละ มันสนุกดีนะ ลุ้นดีว่าเค้าจะตอบกลับมายังไง มีอะไรอร่อยๆให้กินป่าว ๕๕๕



หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นที่นี่ คืออยากได้อะไรก็จะได้ตามที่หวัง ตอนแรกที่ได้ยินจากเพื่อนก็ไม่เชื่อหรอก ก็เลยลองเทสท์ดู มีอยู่คืนนึงมันหนาวๆ เราก็เลยคิดในใจว่า อยากกินซุปจัง เดินไปเดินมา ก็เจอเต๊นท์แจกซุปมิโสะซะงั้น โดยต้องเต้นให้เค้าดูเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน อีกครั้งนึงเดินจนเมื่อยขาแล้ว แค่เผลอคิดไปว่า อีกไกลมั้ยเนี่ยกว่าจะเดินถึง ก็มีคนขี่จักรยาน 3 ตอนผ่านมาพอดี แล้วตะโกนถามเราว่าไปด้วยกันมั้ย (คงเห็นเราทำหน้าเหนื่อยมั้ง ๕๕๕) หลังจากนั้นก็เชื่อแล้ว ว่าอยากได้อะไร อยากเห็นอะไร มันมีหมดทุกอย่างจริงๆ ทุกสิ่งที่พอจะจินตนาการได้ว่ามนุษย์สามารถทำได้ มันมีอยู่ที่นี่หมด มีกระทั่งคนขับเครื่องบินมาระเบิดโชว์ให้ดู​ (คนรวยนี่มันก็รวยจริงน้อ) หลังจากนั้น ก็คิดไม่ออกแล้วอะ ว่าอยากเห็นอะไรที่มันจะเจ๋งไปกว่านั้น มันเกินความสามารถสมองจริงๆนะ เพราะไม่เคยรับรู้มาก่อนว่ามันมีแบบนี้ในโลกด้วย ก็ปล่อยไปตามจังหวะของมันละกัน



กฏหลักๆอีกข้อก็คือ ห้ามขับรถเร็วเกิน 5 km/h เพราะไม่งั้นทรายมันจะฟุ้งแล้วไปรบกวนคนอื่นเอาได้ และใครที่เอารถดัดแปลงมา ก็ต้องมาจดทะเบียนรถที่กรมขนส่งด้วย เค้าเปิดกรมขนส่งเฉพาะกิจให้ปีละครั้ง ศิลปินจากทั่วโลกก็จะมาทำรถให้เป็นงานศิลปะกัน ประชันกันเต็มที่



นี่คือหน้าตาแค้มป์หลักของพวกเรา ชื่อว่า Flirt Camp คอนเซ็ปต์จะทะลึ่งๆหน่อย ก็เป็นเพื่อนๆกันจากที่ทำงาน และก็เพื่อนของเพื่อนของเพื่อนไรงี้ รวมๆกันประมาณ 40 คน ก็คล้ายๆเดินป่าเดินเขาแหละ ทุกคนก็แบ่งๆหน้าที่กัน ทำอาหารบ้าง ล้างจานบ้าง เก็บกวาดนั่นนี่บ้าง เราสบายหน่อยเป็นดีเจนั่งเปิดเพลง ๕๕๕





สมมติถ้าใครเข้ามาขอเหล้ากินหรือมานั่งหลบแดดฟังเพลงเล่นๆ เราก็จะขอตีก้นเพียะๆ ไม่ก็ให้เต้นรูดเสาเป็นการแลกเปลี่ยน ๕๕๕ นอกจากนี้ เนื่องจากชาวแค้มป์เราประกอบอาชีพอินดี้กันมาก มีทั้งจิตแพทย์ทางเลือก หมอฝังเข็ม ช่างสัก เราก็บริการให้ทุกอย่างแลกกับอะไรก็ได้ นอกจากนี้ก็ยังมีนวดน้ำมัน นั่งสมาธิ ไปยันรับปรึกษาปัญหาชีวิตคู่ก็โอเคหมดจ้ะ

อีกอย่างนึงที่ถ้าไม่ทำที่นี่ก็ไม่รู้จะไปทำที่ไหนแล้วละ โอกาสปล่อยผี ใส่คอสตูมอะไรก็ได้กันทั้งอาทิตย์ที่มันบรรเจิดมากๆ มันให้ความรู้สึกอิสระอย่างบอกไม่ถูก วันแรกๆก็ไม่ชินกับอากาศเท่าไร กลางวันมันเกือบ 40 องศานะ ก็เลยใส่เกงยีนส์เพราะนึกว่ามันจะกันฝุ่นกันร้อนได้ ที่ไหนได้เหงื่อท่วมซะไม่มี วันต่อๆมาก็เลยลดชิ้นลงเรื่อย จนวันหลังๆแก้ผ้าเดินล่อนจ้อนเลยจ้ะ (ล่อนจ้อนด้วย ร่อนจ้อนด้วย ๕๕๕) สบายกายสบายใจมากกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว (ขอไม่ลงรูปนู้ดตัวเองนะ เอ้ย ไม่ได้ถ่ายไว้สิ~~~) ส่วนกลางคืนก็จะติดไฟกันเต็มที่ บางทีดูไกลๆก็นึกว่าหลอดนีออนบินได้ ๕๕๕



อาณาบริเวณมันประมาณ 6x6 km ก็ไม่ไกลเกินเดิน แต่ด้วยแดด ลม และพายุ ก็มีน้อคได้ พาหนะหลักจึงเป็นจักรยาน พอกลางคืนก็ต้องติดไฟไว้เยอะๆ ความเท่นั่นก็ส่วนนึง แต่จริงๆแล้วเพื่อความปลอดภัยของคนอื่นมากกว่านะ ถ้าออกไปไกลๆ มันจะมืดมาก เดี๋ยวจะพาลเหยียบใครเอาซะเปล่าๆ





ถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่ the man ถ้าหลงทางก็เดินตามหาเจ้านี่ก่อนเลย ถนนนี้ชื่อว่า Rod's Road ตั้งตามชื่อคนออกแบบแผนผังเมืองนี้



ละก็คิดในใจท้าทายมันดูเล่นๆว่า อยากต่อยคนโว้ย มีให้ต่อยมะ สรุปคือมีครับ! อันนี้เป็นที่ๆให้คนใส่นวมโฟมแล้วมาต่อยกันเล่นๆ เอาฮา เชียร์มั่วๆส่งเดชก็ครื้นเครงดีนะ



ออกจากเขตที่พักอาศัยไปจะเรียกว่า Deep Playa ก็เป็นทะเลทรายเวิ้งว้างสุดตา เราขี่จักรยานออกไปกันตอนตี 2 สนุกมากกกกกกก ให้ตายตรงนี้เถิด ทริปพิเศษอันนี้เค้าจะเรียกกันว่า Transformation คือก่อนออกจากแค้มป์ เราก็มานั่งล้อมวงกันก่อน แสดงเจตจำนงว่า คืนนี้เราอยากค้นหาอะไร เราอยากเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเรา อยากได้อะไรกลับมาจากการออกไปทริปนี้ เพราะจะว่าน่ากลัวก็ได้นะ คือมันมืดซะจนเราไม่รู้ว่าข้างหน้ามันจะมีอะไรบ้าง จะได้กลับมารึเปล่า







เอาจริงๆก็ไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอก การที่เรามีชีวิตรอดกลับมาเขียนตอนนี้อยู่ก็เป็นสิ่งยืนยันแล้วป้ะ คนนึงก็บอกว่าเพิ่งเสียคนรักไป ก็อยากค้นหาใจตัวเองกลับมา อะไรประมาณนั้น เหมือนจะน้ำเน่าแต่นี่เค้าจริงจังกันนะคุยกันใต้แสงเทียน ของเราบอกไปว่าอะไรจำไม่ได้แล้วอะ แต่น่าจะประมาณว่าอยากค้นหาตัวเอง (คิดไม่ออก มักง่ายน่ะ ๕๕๕)



ในทะเลทรายนั้น พวกศิลปินเค้าจะแอบวางผลงานไว้ตามจุดต่างๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจให้ใครมาหาเจอหรอก บางอันนี่ซ่อนซะมิดเชียว คือเนื่องจากมันมืดมาก ก็ขี่จักรยานไปในความมืดมิด มั่วไปมั่วมา เจองานศิลปะทีก็ดีใจที ก็เข้าไปสำรวจดู อ่านนั่นนี่ดู (ถ้าเค้าเขียนไว้อะนะ ว่าผลงานมีแนวคิดยังไง ที่มาที่ไปเป็นไง) คล้ายๆเกมตามล่าสมบัติ ด้วยความมืดแล้วเนี่ยมันหลงทางออกไปง่ายมาก แต่เรากลับไม่กลัวเลย กลับรู้สึกสนุกยิ่งขึ้นไปอีก คือแบบมันลุ้นดีอะ ว่าจะได้เจองานศิลปะชิ้นถัดไป หรือจะตกหลุมทรายขาหักนะ เอ้ะ รึจะเจอยาม ๕๕๕ (ถ้าเลยเขตออกไปมากๆ จะมียามอาสาสมัครคอยลาดตระเวนอยู่ป้องกันคนหลงออกไปจริงๆ แต่เค้าจะพยายามแอบๆ เพื่อไม่ให้เราเสียอรรถรสและประสบการณ์)

สิ่งเดียวที่เห็นเมื่ออยู่กลางทะเลทรายอันมืดมิดก็คือ ดาวครับ จักรวาลครับ มองไม่เห็นแม้กระทั่งมือของตัวเอง เราจ้องดาวอยู่นานมาก ลมที่พัดมาอ่อนๆทำให้รู้สึกถึงส่วนลึกสุดของใจและร่างกายเลยว่า เรากับจักรวาลเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นสิ่งเดียวกัน คนทุกคน หินทุกก้อน น้ำทุกหยด ดาวทุกดวง ล้วนเชื่อมโยงถึงกัน



มาถึงสิ่งที่เรารักที่สุด และคือสิ่งสำคัญที่ทำให้เราจะกลับไปอีกหลายๆครั้ง ก็คือวัดหลังนี้ โดยทุกๆปีก็จะเปลี่ยนแบบเปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ แต่ที่เหมือนกันก็คือเป็นวัดที่ทำจากไม้ล้วนๆ ใช้เวลาสร้างก็หลายเดือนอยู่ วัดนี้มีไว้เพื่อให้เราเข้าไปภาวนาสวดมนต์ ขอพร ระลึกถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยไม่จำกัดศาสนา แค่ก้าวเท้าเข้าไป ก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกทุกแบบที่ท่วมท้น มีทั้งเสียงหัวเราะ มีทั้งเสียงร้องไห้ บางครั้งอยู่ดีๆก็เงียบสนิท อินอะ เคปะ ๕๕๕





พอวันสุดท้าย ก็จะเผาสิ่งก่อสร้างทั้งหลาย ทั้ง the man ทั้งวัดและสิ่งเตือนใจต่างๆที่คนเอามาวางไว้ก็ถูกเผาไปพร้อมๆกัน เพราะทุกสิ่งไม่จีรัง และก็กลับไปที่กฏ Leave No Trace ด้วย คือไปมาไร้ร่องรอย เคยมีวัด เคยมี the man ก็กลับไปที่ความไม่มี คืนสุดท้ายก่อนปิดงาน ทุกอย่างที่สร้างมาก็จะเผาทิ้งหมด ทุกคนก็จะไปยืนดูกัน บางคนก็เงียบๆไว้อาลัย บางคนก็เต้นไปกับมัน ส่วนเรานั่งปิ้งฮ้อทดอกกินแกล้มสุรา ๕๕๕ ก็มันหนาวนี่





ก่อนกลับบ้าน ก็เดินตรวจตราทุกตารางนิ้ว เพื่อความไปมาไร้ร่องรอย เก็บขยะทุกชิ้นใส่ตู้คอนเทนเนอร์ไปทิ้งที่บ้าน



พักเหนื่อย/เก๊กครับ โซฟา โต๊ะ จักรยาน และของชิ้นใหญ่ๆก็จะอยู่ในนี้ทั้งหมด



ตั๋วปีนี้เพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ เย้~ เดี๋ยวไปรอบนี้จะตั้งใจถ่ายรูปมาให้เยอะกว่านี้นะ อยากไปยัง ตามมานะ ปีนี้แค้มป์เราอยู่ซอย 9:15 ตัดกับ Freak Show เค เจอกาน~

ชื่อสินค้า:   Burning Man
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่