▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวต่างประเทศ
นักท่องเที่ยว
[CR] ครั้งนึงในชีวิตกับเทศกาล Burning Man - รีวิว ปสก 1st Burn @Burning Man 2019
ปกติเรากับแฟนเป็นแนวชอบเที่ยวแบบลุยๆ หาที่แปลกใหม่บ้าง (อย่างทริปนี้เป็นต้น😆) ทริปนี้แฟนเราเป็นคนเสนอมา คือเคยอยากไปตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว แต่ว่าซื้อตั๋วไม่ได้ ปีนี้ดันฟลุ๊ค เข้าไปซื้อตั๋วในเวบได้ซะงั้น ถือว่าโชคดีมาก เพราะเค้าจะมีช่วงเวลาขายตั๋ว และจำกัดจำนวนคนเข้างานต่อปีเทศกาลเบิร์นนิ่งแมนจัดขึ้นทุกปีที่ทะเลทรายแบล็ค ร็อค รัฐเนวาด้า ประเทศอเมริกา ตั๋วจะเริ่มเปิดขายประมาณเดือน 3 หรือเดือน 4 ของทุกปี สามารถเข้าไปดูรายละเอียดในเวบนี้ได้ค่ะ https://burningman.org/ และงานจะขึ้นในวันจันทร์สัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม และจะสิ้นสุดในวันจันทร์แรกของเดือนกันยายนของทุกปี ก่อนไปเราก็ต้องทำการบ้านเยอะมาก เพราะ ปสก การตั้งแคมป์นอนเต็นท์เองนี่แทบเป็นศูนย์ แต่เราก็หาข้อมูลแล้วสุดท้ายก็จบที่ว่าเราซื้อเต็นท์กับอุปกรณ์ที่เมืองไทยแล้วแบกไปเอง (ขอข้ามขั้นตอนเรื่องการซื้อตั๋วเครื่องบินและขอวีซ่านะคะ เพราะคิดว่ามีหลายคนทำรีวิวละเอียดไว้แล้ว) เราบินจากไทยไปลงที่ ซานฟราน แล้วก็เช่ารถจากซานฟรานขับไปที่เมืองรีโน รัฐเนวาด้า ใช้เวลาขับ 4 ชม โดยประมาณ พอถึงรีโน เราก็ไปร้านขายจักรยานมือ 2 ซึ่งเราจองไว้แล้วตั้งแต่ที่ไทย ชื่อร้าน Kiwanis (http://www.kiwanisbikes.org/) คุณป้าที่ร้านเฟรนด์ลี่และน่ารักมาก เค้าก็จะคอยแนะนำและให้เราลองจักรยานที่ชอบ แล้วค่อยขนไป
พอได้จักรยานแล้ว เราก็ ไปหาซื้อเสบียงตุนไว้ก่อนที่ Walmart ส่วนมากก็จะเป็นพวก power bar และขนมปัง ให้พอสำหรับอยู่ได้ 5 วัน หลังจากนั้นก็กลับไป โรงแรม นอนพักเก็บแรง 1 คืน ก่อนที่จะออกเดินทางไปทะเลทราย การเดินทางไป แบล็ค ร็อค ซิตี้ ไปได้หลายทาง จะขับรถไปเอง หรือ เช่า RV ไป หรือไป join กับคนอื่นที่เค้ามีแคมป์อยู่ก็ได้ แต่ของเราเนื่องจากเป็นมือใหม่สมัครเล่น เราเลือกจองรถบัสกับทางที่เค้าจัดอีเว้นท์นี้เลย เรียกว่า Burner Express (ต้องจองล่วงหน้าก่อน รายละเอียดใน ลิงค์นี้ https://burningman.org/) ซึ่งการเดินทางก็ถือว่าสะดวกมาก เพราะเค้าให้โควต้าโหลดจักรยานต่อคน และซื้อน้ำดื่มต่อคน (ถ้าจำไม่ผิดคนละ 20 แกลลอน) ที่ทะเลทราย โดยที่เราไม่ต้องแบกน้ำไปเอง แต่ไปเอาน้ำที่นั่น แต่ว่าต้องเตรียมพวกแกลลอนใส่น้ำไปเองนะ สถานที่ขึ้นรถบัสคือ สนามบินรีโน (มีป้ายเด่นชัดเจน อยู่หน้าเทอมินัล) แฟนเราก็ขับรถมา drop เรากับจักรยาน และกระเป๋า และเอารถไปคืนที่สนามบิน
เราขึ้นรถบัสรอบบ่าย 2 นั่งรถไปประมาณ 3 ชม พอถึงเราก็กลางเต้นใกล้ๆตรงจุดที่ลงรถบัส เรียกว่า โซน Hoverlandia (ซึ่งเป็นที่ตั้งแคมป์สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวมา) โซนนี้สะดวกสบายมากเพราะใกล้ที่เอาน้ำ แล้วก็ไม่ไกลจาก center camp และยังใกล้กับจุดขึ้นรถบัสในวันกลับอีกด้วย
พอตั้งเต็นท์เสร็จเรากับแฟนก็ขับจักรยานไปสำรวจที่รอบๆก่อน และที่ขาดไม่ได้คือสำรวจห้องน้ำ ห้องน้ำที่นี่เป็นห้องน้ำแบบตู้สี่เหลี่ยมพลาสติก ข้างในเป็นส้วมหลุมไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ เพราะฉะนั้นถ้าจะเข้าเวลากลางคืนควรสวมสายลัดไฟฉายที่หัวไปด้วย เพื่อความสะดวกสบาย ที่นี่ไม่มีไฟเพราะงั้นต้องนำตะเกียงที่จะใช้ในเต็นท์มาเอง และไม่มีคลื่นมือถือด้วยนะ ส่วนการชาร์จแบต เราเอา powerbank ไปหลายอันไว้ชาร์จมือถือกับแบต Gopro ที่ใช้ถ่ายรูป และเอาถ่านสำรองไปสำหรับคะเกียงและไฟฉาย
รุ่งเช้าวันที่สอง เราก็ตื่นแต่เช้าขับจักรยานไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ตรงลานทะเลทรายกว้างๆ ซึ่งลานกว้างๆนี้มีงานศิลปะจัดวาง หรือที่เรียกกันว่า Art Installation เยอะมาก ที่นี่คนส่วนใหญ่เดินทางกันด้วยรถจักรยาน เพราะพื้นที่มันกว้างมาก แนะนำให้เอาที่ล๊อคจักรยานมาด้วยและจำที่จอดให้ดี เพราะจักรยานที่นี่มีเป็นพันๆคันถ้าหายคือร้องไห้หนักมาก เพราะเดินเที่ยวไม่ไหวแน่นอน และก่อนออกจากเต็นท์ ควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมคือแว่น แนะนำให้เตรียมแว่นก๊อกเกิ้ล และผ้าปิดจมูกหรือ buff มาเพราะที่นี่มีพายุทราย ตลอดเกือบทั้งวัน อากาศที่นี่ค่อนข้างแปรปรวน กลางคืนประมาณ 13-15 องศา และมีลมแรง ส่วนกลางวันแดดแรงอุณหภูมิถึง 37 องศา บวกกับมีพายุฝุ่น หรือทรายตลอดวัน
ช่วงกลางวันที่แดดแรงมากๆ เรากับแฟนก็จะไปสิงอยู่ที่ center camp ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมอีกแห่ง ในแคมป์ก็มีขายชาและกาแฟ (ที่นี่เป็นจุดเดียวที่ใช้เงินได้) และจะมีซุ้มเวทีให้คนมาแชร์ประสบการณ์ตัวเอง โดยจะมี topic แต่ละวัน และลานตรงกลางก็จะมีคนมาเต้นแบบ Contact Improvisation Dance ตลอดเวลา
พอตกเย็น แดดเริ่มเบา เราก็จะขี่จักรยานไปสำรวจแคมป์ต่างๆ ซึ่งแต่ละแคมป์ก็จะมีกิจกรรมต่างกัน เช่น แคมป์ชิมไวน์ แคมป์เต้นรำ แคมป์สอนทำเบเกอรี่ แคมป์เพ้นท์สี....ที่นี่มีกิจกรรมเป็นร้อยๆกิจกรรม โดยเราสามารถดูจากสมุดเล่มเล็กที่เค้าแจกให้ได้ ในสมุดก็จะบอกว่ากิจกรรมเปิดวันไหน เวลาไหน อยู่ที่พิกัดไหน แล้วเราสนใจอันไหนก็ไปอันนั้น
พอตกกลางคืนแต่ละแคมป์ก็จะมีไฟประดับ และรถ art car ก็จะเปิดไฟพร้อมเปิดเพลง EDM ให้คนเต้นได้ตลอดทั้งคืน อ้อส่วนจักรยาน เราควรเอาพวกไฟติดจักรยานในเวลากลางคืนด้วยเพื่อให้คนมองเห็น คนที่นี่จะแต่งตัวจัดเต็มกันมาก มีแต่งตัวแปลกๆ แบบหลุดโลกเลยก็เยอะ คือที่นี่ใครอยากจะทำอะไรจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่มีใครมาว่า คือเค้าให้เราหลุดได้เต็มที่
ส่วน ไฮไลท์ของงานนี้คือ เสาร์ที่สองของงาน เวลาสามทุ่ม ทุกคนจะไปรวมตัวกันที่หุ่น The Man ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทศการนี้ เพื่อดูการเผาหุ่น ตอนที่เค้าเผา The Man เราก็รู้สึกใจหายเหมือนกันเพราะเหมือนเจอหุ่นนี้ทุกวันจนเหมือนเป็นเพื่อนเรา 555
(The Man ก่อน เผา)
(Burn The Man)
ลืมบอกไปว่า พวก Art Installation ที่จัดแสดงที่นี่ส่วนใหญ่จะถูกเผา จะมีแค่บางชิ้นเท่านั้นที่เค้าจะเก็บไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์
เรื่องการอาบน้ำที่นี่คือยากมาก เพราะเค้ามีกฎว่าห้ามเทน้ำลงพื้น เห็นมีบางแคมป์ก็จัดที่อาบน้ำขึ้นมาแต่ว่าเค้าต้องอาบบนผ้าใบหรืออะไรสักอย่างเพื่อให้น้ำมันระเหยและไม่ลงพื้นทราย ส่วนเรานี่บอกเลยไม่ได้อาบตลอดทริป แต่เราขน ผ้าเปียกหรือ baby wipes ไปเช็ดหน้าเช็ดตัวเยอะมาก ก็ยังโอเคนะ เพราะที่นี่อากาศแห้ง ไม่ได้ร้อนชื้นแบบบ้านเรา นอกจากกฎเรื่องน้ำแล้วที่นี่ยังห้ามทิ้งขยะ คือใครนำอะไรมาก็ต้องนำกลับไปด้วย หรือที่เค้าเรียกกันว่า Leave no trace แต่ของเราดีอย่างที่นั่งมากับ Burner Express เค้าให้ ถุงขยะมาคนละสองถุงสำหรับ ขยะทั่วไป (Landfills) และ recycle โดยวันกลับเค้าจะทิ้งขยะให้จากถุงที่เค้าให้เรามาเท่านั้น
วันกลับเรากลับวันอาทิตย์หลังจากที่เค้าเผา The Man โดยการขึ้นรถบัสเช่นเคย แต่ขากลับเราจองรอบเช้ามาก็คือ 6 โมงเช้า เพราะฉะนั้นเราต้องตื่นตีสามครึ่งมาเก็บเต็นท์ท่ามกลางอากาศที่เย็นและลมพัดแรงมากและไปรอรถตอนตีสี่ครึ่ง (เค้าจะให้มา standby อย่างน้อย 1 ชม) รถบัสออกจาก แบล็ค ร็อค ตอน 6 โมงเช้า มาถึงสนามบินรีโน 8 โมงครึ่ง พอถึงเราก็เอาจักรยานไปวางที่จุดรับบริจาคจากร้านที่เราซื้อมาซึ่งเค้าจะมารับที่สนามบินรีโนเลย และก็เช็ดกระเป๋าเดินทางกับเปลี่ยนรองเท้าที่สนามบินเลยเพราะว่าฝุ่นเยอะและเน่ามาก555 พอเสร็จเราก็เช่ารถจากสนามบินรีโนขับกลับมาที่ซานฟรานเลย (ประมาณ 3 ชม) แล้วก็พักผ่อน พร้อมไปต่อที่อื่น ทริป Burning Man ก็จบเพียงเท่านี้ค่ะ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนจบนะคะ 😍
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้