☆ ที่มาของคติ - อย่าไปเที่ยวว่าอะไรใครเขา ให้ดูแต่ตัวของเราเอง ☆

.

พระพุทธพจน์


น ปเรสํ วิโลมานิ                    น ปเรสํ กตากตํ

อตฺตโน ว อเวกฺเขยฺย              กตานิ อกตานิ จ.



บุคคลไม่ควรทำคำแสยงขนของคนเหล่าอื่นไว้ในใจ,

ไม่ควรแลดูกิจที่ทำแล้วและยังมิได้ทำของคนเหล่าอื่น,

พึงพิจารณากิจที่ทำแล้วและยังมิได้ทำของตนเท่านั้น.



ที่มา : อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปุปผวรรคที่ ๔
เรื่องปาฏิกาชีวก
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=14&p=6



บางส่วนจากเรื่อง ปาฏิกาชีวก


เรื่องปาฏิกาชีวกข้างบนนี้ อุบาสิกาฟังธรรมไม่รู้เรื่องเพราะมัวแต่ส่งใจไปคิดถึงคำพูดของอาชีวกะ
ถ้าเอาใจมาไว้กับพระธรรมที่ทรงแสดงก็จะเข้าใจธรรมได้

นั่นก็คือทรงสอนว่า

อย่าเอาใจใส่กับคำพูดตำหนิติเตียนของใครๆ ให้เอาใจใส่เฉพาะกิจที่เรากำลังทำอยู่เท่านั้น




พระพุทธพจน์นี้ จึงไม่ใช่การห้ามตักเตือน หรือห้ามทักท้วง เมื่อมีคนทำผิด กล่าวผิด ผิดธรรมนองคลองธรรม
(ตามชื่อกระทู้)



ในพรหมชาลสูตร พระพุทธเจ้าทรงสอนวิธีปฏิบัติเมื่อมีคนติเตียนพระรัตนตรัย ว่า

“ถึงคนพวกอื่นจะพึงกล่าวติเตียนเรา กล่าวติเตียนพระธรรมหรือกล่าวติเตียนพระสงฆ์ก็ตาม
พวกเธอไม่ควรผูกอาฆาตแค้นเคืองขุ่นใจคนพวกนั้น
ถ้าพวกเธอโกรธเคืองหรือไม่พอใจพวกเขา พวกเธอก็จะประสบอันตราย เพราะความโกรธเคืองนั้นได้” ...

คำติเตียนนั้น ถ้าเป็นเรื่องไม่จริง พวกเธอควรชี้แจงให้เห็นชัดว่า
‘เรื่องนี้เป็นเรื่องไม่จริง ไม่ถูกต้อง ไม่มี และไม่ปรากฏในพวกเรา”


พรหมชาลสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=9&A=0&Z=1071&pagebreak=0



.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่