กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เขียนจริงๆจังๆออกมาจากอีกด้านนึงของความรู้สึก
อาจจะเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่ง บวกกับความรู้สึกชาๆที่กำลังพิมพ์อยู่ตอนนี้
อาจทำให้บางท่อน บางเนื้อหามันดูแปล่งๆไปบ้าง ก็ขออภัยล่วงหน้าไว้ก่อนเลยนะครับ
-----
สวัสดีครับ ผมเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ใช้ชีวิตปกติทั่วไปตั้งแต่สมัยการเป็นนักเรียนจนมาสู่ชีวิตการทำงาน
หนักบ้าง เหนื่อยบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง เหงาบ้าง สุดเหวี่ยงเต็มที่ ลั่ลล้า บลาๆ ก็ตามประสาผู้ชายแหละครับ
ใช้ชีวิตตามปกติเรื่อยมา จน... ไม่รู้ว่าวันนึงมาถึงจุดๆนี้ได้ยังไง
จุดที่... บางความรู้สึกมันจางหายไป แต่กลับกลายเป็น อีกความรู้สึกที่มาปกป้องความรู้สึกนั้นแทน
จากที่ครั้งนึง เคยมีความสุขกับความรู้สึกที่ใครๆก็บอกว่ามันทำให้โลกนี้หมุนได้
จนวันนึงความรู้สึกนั้นมันถูกทำลายจนจบลง แถมเจ็บอีกต่างหาก
ก็รู้สึกว่า เออ เราคงต้องเซฟตัวเองแล้วล่ะ
ก็ค่อยๆ ก่อร่างสร้างอิฐผสมปูนโบกแปะโบกทับมาเรื่อยๆ
สถาปัตยกรรมที่ใครๆก็เรียกมันว่า... "กำแพง"
วัสดุแรกที่ผมเลือกใช้ เป็นวัสดุทึบครับ ก็อิฐปูนทั่วไปนั่นแหละ
ระหว่างการสร้าง ก็มีผู้คนมากหน้าหลายตา ดอกไม้ สายลม ผ่านมาแวะเวียนทักทายบ้าง
ผมเองก็ไม่ใช่คนถือตัวอะไรนัก ก็คุยไปดูไป พร้อมสร้างกำแพงไปเรื่อยตามกำลังของหัวใจ
ไม่อยากให้หัวใจทำงานหนักครับ...
บ้างแค่ขอมายืนดู
บ้างเข้ามาพูดคุย แต่สร้างอิมแพคเหลือเกิน
บ้างไม่สนใจในตัวตนและสิ่งที่ผมกำลังทำ
บ้างมาเงียบๆ แบบตั้งใจจะดับเครื่องชน
มาเคาะๆ ถามว่าวัสดุแบบไหน ข้างในว่างมั้ย อยากจะขอเข้ามายิ้มด้วยอย่างเดียวเลย ก็มีครับ
จนมารู้ตัวอีกที... ว่า อ้าว อยู่คนเดียวอีกแล้ว
แถมกำแพงที่ตั้งใจว่าจะทำให้แข็งแรงเพื่อเซฟความรู้สึก
ตอนนี้ไม่เพียงแต่มันยังไม่เสร็จและไม่แข็งแรง
แต่มันยังมีรอยแตกรอยร้าว บางส่วนก็สึกหรอเลยทีเดียว
เอ๊ะ หรือผมจะเลือกวัสดุและออกแบบโครงสร้างไม่ดีพอครับ...
โอเค ผมเลยเลือกที่จะเปลี่ยนวัสดุและวิธีการที่จะสร้างสถาปัตยกรรมหัวใจนี้ใหม่ครับ
ผมได้เรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งที่แล้ว
ผมเลือกที่จะไม่สนใจผู้คน ดอกไม้ สายลมที่พัดผ่านเข้ามากระทบ ตั้งตาตั้งตาสร้างกำแพง
และวัสดุที่ผมเลือกเพิ่มเข้ามา ก็คือ... กระจกครับ
เป็นกระจกชนิดพิเศษ มีความหนาที่สามารถมาทำเป็นกำแพงได้
เรียกง่ายๆก็เป็นช่อง "หน้าต่าง" นั่นแหละครับ
เหตุผลก็เพราะอย่างน้อย เราจะได้เห็นหน้าเห็นตากันและกัน
อย่างน้อยก็เพิ่มโอกาสและเซฟความรู้สึกตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
จนเมื่อ โอเค... ทุกอย่างเสร็จ
ผมพร้อมที่จะออกเดินทางอีกครั้งไปพร้อมกับความแข็งแรงที่ผมสร้างขึ้นแล้วครับ
เหมือนทุกอย่างจะไปได้ดี มีผู้คน ดอกไม้ สายลม พัดผ่านเข้ามากระทบ
มีทั้งเสียงชื่นชม และคำสบประมาทต่างๆนานา
อื้ม... ใช้ได้นะ ความแข็งแรง เซฟตัวเองได้ในนะดับนึงเลยทีเดียว ชีวิตดี๊ดีในระดับหนึ่ง ณ จุดๆนั้น ^^
-----
จนวันนึงไม่คาดคิด ก็มีสิ่งมีชีวิตไม่คาดฝันมาทักทายผ่านช่องกระจกช่องเดิม
แต่ครั้งนี้มันแปลกไป แว็บนั้นเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง เงียบสงบ
และผมก็แอบเผลอรู้สึกอิ่มเอมไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จนอยู่ๆกลับกลายเป็นว่ากำแพงนั้นสั่นไหวซะแล้ว
ระยะเวลาผ่านไป เหมือนทุกอย่างจะไปได้ดี การกระทำและคำพูดแสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตนั้นมาดี
อยากจะเข้ามาจริงๆนะ ช่วยรื้อกำแพงให้เข้ามาหน่อยได้มั้ย...
ผมเองก็ลังเล แต่ก็ตัดสินใจยอมที่จะรื้อกำแพงนั้นออก
โดยที่มีสิ่งมีชีวิตนั้นคอยให้กำลังใจและช่วยรื้อไปพร้อมกันครับ
รื้อบ้าง ยื้อยุดฉุดกระชากกันบ้าง ก็ตามประสาช่วงโปรโมชั่น ค่อยรื้อไปเรื่อยทีละนิด ทีละนิด...
และแล้ว...
ใช่ครับ... มันเกิดขึ้นจริงๆ
ในขณะที่รื้อไปรื้อมา รู้ตัวอีกที ผมก็ถูกทิ้งให้รื้ออยู่คนเดียวที่กลางทางซะแล้ว...
ยังไงล่ะ... ทำไมกัน... เพราะอะไร...
เข่าอ่อน ล้มลง เหนื่อย หมดแรง นั่งดูซากปรักหักพังนั้นอีกครั้ง...
-----
ไม่ไหวแล้ว... เหนื่อยเหลือเกิน อยากจะบินไปไกลๆ ไม่ต้องเจอสิ่งเร้าอะไรต่อไปอีกแล้ว
(ขนาดตอนที่พิมพ์อยู่นี้ ยังรู้สึกชาๆเลยครับ)
ขอพักสักหน่อยแล้วกัน หานู่นนี่ทำบ้าบอไปเรื่อย... ให้เวลาได้ทำหน้าที่ของมันไป...
แม้เวลาจะยังเดินมาจุดเดิม แต่ผมคนเดิมต้องมีการพัฒนาขึ้นสิ...
ช่วงเวลาผ่านไป อะไรๆเริ่มดีขึ้น...
เอาละ วัสดุใหม่ในครั้งนี้ที่ผมเลือกใช้แทนอิฐทึบๆ ก็คือกระจก
แต่เป็นกระจกพิเศษแบบที่คนนอกมองไม่เห็นคนข้างในครับ
และคราวนี้ ผมก็ไม่ลืมที่จะสร้าง "ประตู" เพื่อจะได้เป็นลู่ทางที่ถูกที่ควรในการเข้าออก
และจะได้รักษาโครงสร้างส่วนใหญ่ไว้
ก็ก่อร่างสร้างมาเรื่อยๆ ไม่หวั่น ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
และแล้วมันก็เสร็จครับ
สถาปัตยกรรมหัวใจ มันแข็งแรง มันมั่นคง... และแน่นอนครับผมพร้อมอีกครั้งแล้ว
ผู้คน ดอกไม้ สายลม ก็พัดผ่านมาเรื่อย
บ้างก็มองว่าแข็งแรงไปมั้ย
บ้างก็มองว่าแปลกดีนะ
บ้างก็มองว่า โห... แลดูสูงขนาดนั้น หนาขนาดนี้ ใครจะเข้าไปถึง...
ทุกอย่างที่พัดผ่านมาก็ไม่ลืมที่จะมาสร้างรอย สั่นไหวให้กับกำแพง แต่ทำไม...
ไม่มีใครมองเห็น "ประตู" ที่ผมตั้งใจสร้างขึ้นมาเลยล่ะ
ผมเองก็ได้แต่มอง แล้วคิดว่าเออ แปลกดีนะ มาเขย่ามาทุบแต่จะทำลายกำแพงนั่นแหละ
ทำไมไม่เดินมาเคาะประตูแล้วพูดกันดีๆก่อนกันนะ...
สิ่งเร้าเข้ามากระทบกำแพงเรื่อยๆ เรื่อยๆ แต่ภายในเงียบสงบ
ยอมรับเลยว่าครั้งนี้โครงสร้างดีเยี่ยม (บางทีอาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ ฮ่าฮ่า)
ช่างมีความสุขดีนะครับ มองข้างนอกเค้าวุ่นวายหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามกระแส
บางเรื่องก็เกิดขึ้นเดิมซ้ำๆ แค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนตัวละคร
บางทีเบื่อๆ ผมก็จะขึ้นไปดาดฟ้า ไปนั่งสงบเงียบๆ แล้วมองดูข้างล่าง แล้วยิ้มให้เบาๆ
จนบางทีนึกขำๆ ว่าเราขึ้นมาอยู่จุดนี้ได้ยังไงนะ... ใช่ครับ จุดนั้นแหละ ที่ใครหลายๆคนก็ขึ้นมาน่ะครับ
ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตปกติลั่ลล้าบ้าบอไปเรื่อย จนบางทีก็ไม่ได้สนใจผู้คน ดอกไม้ สายลม
ความรู้สึกนั้นที่เคยมีความสุข หรือแม้แต่กำแพงที่ได้สร้างขึ้นมาเองเลยครับ
คือ ก็มั่นใจว่ามันแข็งแรงพอ แต่มันก็ไม่ได้ทึบจนมองไม่เห็นโลกภายนอก
แถมยังมีประตูให้เดินผ่านเข้าออกตามที่มันควรจะเป็น ก็สบายใจในระดับนึงครับ ^^
สุดท้ายนี้ อยากฝาก ถึงบรรดาผู้พิชิตกำแพงทั้งหลาย ถ้าไม่คิดจะจิงจัง ไม่คิดจะใส่ใจ
ไม่พร้อม ไม่แน่ใจความรู้สึกตัวเอง ว่าแค่เหงา แค่อยากมีใครสักคน
หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันไม่ชัดเจนกับความรู้สึกตัวเอง
อย่าไปสร้างภาระทางหัวใจ ทำลายความรู้สึก ทำลายความเชื่อมั่น ของคนที่เขาศรัทธาเลยครับ
เพราะบางที บางคนเค้าอาจจะไม่มองว่าโลกนี้สวยงามอีกต่อไป ก็เป็นได้นะครับ...
แล้วเพื่อนๆ เคยสร้างกำแพงของตัวเองกันมั้ยครับ เป็นยังไงบ้าง หนาแค่ไหน สูงเท่าไหร่
หรือมีผู้พิชิตมาร่วมสร้างสถาปัตยกรรมใหม่แล้วครับ
ขอบคุณพื่นที่ที่ให้แบ่งปันเรื่องราวเล็กๆ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ...
เรื่องเล่าของกำแพง: เคยสร้างกำแพงของตัวเองกันมั้ยครับ ?
อาจจะเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่ง บวกกับความรู้สึกชาๆที่กำลังพิมพ์อยู่ตอนนี้
อาจทำให้บางท่อน บางเนื้อหามันดูแปล่งๆไปบ้าง ก็ขออภัยล่วงหน้าไว้ก่อนเลยนะครับ
-----
สวัสดีครับ ผมเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ใช้ชีวิตปกติทั่วไปตั้งแต่สมัยการเป็นนักเรียนจนมาสู่ชีวิตการทำงาน
หนักบ้าง เหนื่อยบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง เหงาบ้าง สุดเหวี่ยงเต็มที่ ลั่ลล้า บลาๆ ก็ตามประสาผู้ชายแหละครับ
ใช้ชีวิตตามปกติเรื่อยมา จน... ไม่รู้ว่าวันนึงมาถึงจุดๆนี้ได้ยังไง
จุดที่... บางความรู้สึกมันจางหายไป แต่กลับกลายเป็น อีกความรู้สึกที่มาปกป้องความรู้สึกนั้นแทน
จากที่ครั้งนึง เคยมีความสุขกับความรู้สึกที่ใครๆก็บอกว่ามันทำให้โลกนี้หมุนได้
จนวันนึงความรู้สึกนั้นมันถูกทำลายจนจบลง แถมเจ็บอีกต่างหาก
ก็รู้สึกว่า เออ เราคงต้องเซฟตัวเองแล้วล่ะ
ก็ค่อยๆ ก่อร่างสร้างอิฐผสมปูนโบกแปะโบกทับมาเรื่อยๆ
สถาปัตยกรรมที่ใครๆก็เรียกมันว่า... "กำแพง"
วัสดุแรกที่ผมเลือกใช้ เป็นวัสดุทึบครับ ก็อิฐปูนทั่วไปนั่นแหละ
ระหว่างการสร้าง ก็มีผู้คนมากหน้าหลายตา ดอกไม้ สายลม ผ่านมาแวะเวียนทักทายบ้าง
ผมเองก็ไม่ใช่คนถือตัวอะไรนัก ก็คุยไปดูไป พร้อมสร้างกำแพงไปเรื่อยตามกำลังของหัวใจ
ไม่อยากให้หัวใจทำงานหนักครับ...
บ้างแค่ขอมายืนดู
บ้างเข้ามาพูดคุย แต่สร้างอิมแพคเหลือเกิน
บ้างไม่สนใจในตัวตนและสิ่งที่ผมกำลังทำ
บ้างมาเงียบๆ แบบตั้งใจจะดับเครื่องชน
มาเคาะๆ ถามว่าวัสดุแบบไหน ข้างในว่างมั้ย อยากจะขอเข้ามายิ้มด้วยอย่างเดียวเลย ก็มีครับ
จนมารู้ตัวอีกที... ว่า อ้าว อยู่คนเดียวอีกแล้ว
แถมกำแพงที่ตั้งใจว่าจะทำให้แข็งแรงเพื่อเซฟความรู้สึก
ตอนนี้ไม่เพียงแต่มันยังไม่เสร็จและไม่แข็งแรง
แต่มันยังมีรอยแตกรอยร้าว บางส่วนก็สึกหรอเลยทีเดียว
เอ๊ะ หรือผมจะเลือกวัสดุและออกแบบโครงสร้างไม่ดีพอครับ...
โอเค ผมเลยเลือกที่จะเปลี่ยนวัสดุและวิธีการที่จะสร้างสถาปัตยกรรมหัวใจนี้ใหม่ครับ
ผมได้เรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งที่แล้ว
ผมเลือกที่จะไม่สนใจผู้คน ดอกไม้ สายลมที่พัดผ่านเข้ามากระทบ ตั้งตาตั้งตาสร้างกำแพง
และวัสดุที่ผมเลือกเพิ่มเข้ามา ก็คือ... กระจกครับ
เป็นกระจกชนิดพิเศษ มีความหนาที่สามารถมาทำเป็นกำแพงได้
เรียกง่ายๆก็เป็นช่อง "หน้าต่าง" นั่นแหละครับ
เหตุผลก็เพราะอย่างน้อย เราจะได้เห็นหน้าเห็นตากันและกัน
อย่างน้อยก็เพิ่มโอกาสและเซฟความรู้สึกตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
จนเมื่อ โอเค... ทุกอย่างเสร็จ
ผมพร้อมที่จะออกเดินทางอีกครั้งไปพร้อมกับความแข็งแรงที่ผมสร้างขึ้นแล้วครับ
เหมือนทุกอย่างจะไปได้ดี มีผู้คน ดอกไม้ สายลม พัดผ่านเข้ามากระทบ
มีทั้งเสียงชื่นชม และคำสบประมาทต่างๆนานา
อื้ม... ใช้ได้นะ ความแข็งแรง เซฟตัวเองได้ในนะดับนึงเลยทีเดียว ชีวิตดี๊ดีในระดับหนึ่ง ณ จุดๆนั้น ^^
-----
จนวันนึงไม่คาดคิด ก็มีสิ่งมีชีวิตไม่คาดฝันมาทักทายผ่านช่องกระจกช่องเดิม
แต่ครั้งนี้มันแปลกไป แว็บนั้นเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง เงียบสงบ
และผมก็แอบเผลอรู้สึกอิ่มเอมไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จนอยู่ๆกลับกลายเป็นว่ากำแพงนั้นสั่นไหวซะแล้ว
ระยะเวลาผ่านไป เหมือนทุกอย่างจะไปได้ดี การกระทำและคำพูดแสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตนั้นมาดี
อยากจะเข้ามาจริงๆนะ ช่วยรื้อกำแพงให้เข้ามาหน่อยได้มั้ย...
ผมเองก็ลังเล แต่ก็ตัดสินใจยอมที่จะรื้อกำแพงนั้นออก
โดยที่มีสิ่งมีชีวิตนั้นคอยให้กำลังใจและช่วยรื้อไปพร้อมกันครับ
รื้อบ้าง ยื้อยุดฉุดกระชากกันบ้าง ก็ตามประสาช่วงโปรโมชั่น ค่อยรื้อไปเรื่อยทีละนิด ทีละนิด...
และแล้ว...
ใช่ครับ... มันเกิดขึ้นจริงๆ
ในขณะที่รื้อไปรื้อมา รู้ตัวอีกที ผมก็ถูกทิ้งให้รื้ออยู่คนเดียวที่กลางทางซะแล้ว...
ยังไงล่ะ... ทำไมกัน... เพราะอะไร...
เข่าอ่อน ล้มลง เหนื่อย หมดแรง นั่งดูซากปรักหักพังนั้นอีกครั้ง...
-----
ไม่ไหวแล้ว... เหนื่อยเหลือเกิน อยากจะบินไปไกลๆ ไม่ต้องเจอสิ่งเร้าอะไรต่อไปอีกแล้ว
(ขนาดตอนที่พิมพ์อยู่นี้ ยังรู้สึกชาๆเลยครับ)
ขอพักสักหน่อยแล้วกัน หานู่นนี่ทำบ้าบอไปเรื่อย... ให้เวลาได้ทำหน้าที่ของมันไป...
แม้เวลาจะยังเดินมาจุดเดิม แต่ผมคนเดิมต้องมีการพัฒนาขึ้นสิ...
ช่วงเวลาผ่านไป อะไรๆเริ่มดีขึ้น...
เอาละ วัสดุใหม่ในครั้งนี้ที่ผมเลือกใช้แทนอิฐทึบๆ ก็คือกระจก
แต่เป็นกระจกพิเศษแบบที่คนนอกมองไม่เห็นคนข้างในครับ
และคราวนี้ ผมก็ไม่ลืมที่จะสร้าง "ประตู" เพื่อจะได้เป็นลู่ทางที่ถูกที่ควรในการเข้าออก
และจะได้รักษาโครงสร้างส่วนใหญ่ไว้
ก็ก่อร่างสร้างมาเรื่อยๆ ไม่หวั่น ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
และแล้วมันก็เสร็จครับ
สถาปัตยกรรมหัวใจ มันแข็งแรง มันมั่นคง... และแน่นอนครับผมพร้อมอีกครั้งแล้ว
ผู้คน ดอกไม้ สายลม ก็พัดผ่านมาเรื่อย
บ้างก็มองว่าแข็งแรงไปมั้ย
บ้างก็มองว่าแปลกดีนะ
บ้างก็มองว่า โห... แลดูสูงขนาดนั้น หนาขนาดนี้ ใครจะเข้าไปถึง...
ทุกอย่างที่พัดผ่านมาก็ไม่ลืมที่จะมาสร้างรอย สั่นไหวให้กับกำแพง แต่ทำไม...
ไม่มีใครมองเห็น "ประตู" ที่ผมตั้งใจสร้างขึ้นมาเลยล่ะ
ผมเองก็ได้แต่มอง แล้วคิดว่าเออ แปลกดีนะ มาเขย่ามาทุบแต่จะทำลายกำแพงนั่นแหละ
ทำไมไม่เดินมาเคาะประตูแล้วพูดกันดีๆก่อนกันนะ...
สิ่งเร้าเข้ามากระทบกำแพงเรื่อยๆ เรื่อยๆ แต่ภายในเงียบสงบ
ยอมรับเลยว่าครั้งนี้โครงสร้างดีเยี่ยม (บางทีอาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ ฮ่าฮ่า)
ช่างมีความสุขดีนะครับ มองข้างนอกเค้าวุ่นวายหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามกระแส
บางเรื่องก็เกิดขึ้นเดิมซ้ำๆ แค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนตัวละคร
บางทีเบื่อๆ ผมก็จะขึ้นไปดาดฟ้า ไปนั่งสงบเงียบๆ แล้วมองดูข้างล่าง แล้วยิ้มให้เบาๆ
จนบางทีนึกขำๆ ว่าเราขึ้นมาอยู่จุดนี้ได้ยังไงนะ... ใช่ครับ จุดนั้นแหละ ที่ใครหลายๆคนก็ขึ้นมาน่ะครับ
ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตปกติลั่ลล้าบ้าบอไปเรื่อย จนบางทีก็ไม่ได้สนใจผู้คน ดอกไม้ สายลม
ความรู้สึกนั้นที่เคยมีความสุข หรือแม้แต่กำแพงที่ได้สร้างขึ้นมาเองเลยครับ
คือ ก็มั่นใจว่ามันแข็งแรงพอ แต่มันก็ไม่ได้ทึบจนมองไม่เห็นโลกภายนอก
แถมยังมีประตูให้เดินผ่านเข้าออกตามที่มันควรจะเป็น ก็สบายใจในระดับนึงครับ ^^
สุดท้ายนี้ อยากฝาก ถึงบรรดาผู้พิชิตกำแพงทั้งหลาย ถ้าไม่คิดจะจิงจัง ไม่คิดจะใส่ใจ
ไม่พร้อม ไม่แน่ใจความรู้สึกตัวเอง ว่าแค่เหงา แค่อยากมีใครสักคน
หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันไม่ชัดเจนกับความรู้สึกตัวเอง
อย่าไปสร้างภาระทางหัวใจ ทำลายความรู้สึก ทำลายความเชื่อมั่น ของคนที่เขาศรัทธาเลยครับ
เพราะบางที บางคนเค้าอาจจะไม่มองว่าโลกนี้สวยงามอีกต่อไป ก็เป็นได้นะครับ...
แล้วเพื่อนๆ เคยสร้างกำแพงของตัวเองกันมั้ยครับ เป็นยังไงบ้าง หนาแค่ไหน สูงเท่าไหร่
หรือมีผู้พิชิตมาร่วมสร้างสถาปัตยกรรมใหม่แล้วครับ
ขอบคุณพื่นที่ที่ให้แบ่งปันเรื่องราวเล็กๆ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ...