สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน เชื่อว่าหลายคนคงเคยสงสัยเหมือนผมใช่มั้ยครับว่าไอ้คำว่า Slow Life ที่ช่วงนี้มันกำลังเป็นกระแสและหลายคนกำลังพูดถึงอยู่เนี่ย มันคืออะไรกันแน่ วันนี้ผมไปอ่านเจอบทความน่าสนใจอันนึงมาจากเพจ Level Up Thailand เลยอยากมาบอกต่อให้เพื่อนๆลองอ่านกันดูครับ
Credit :
https://www.facebook.com/LvUpTh
ผมเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงเคยได้ยินคำนี้ผ่านหูมาบ้าง และก็นึกสงสัยว่าจริงๆแล้วไอ้คำว่า Slow Life เนี่ย.. มันแปลว่าอะไร ? แล้วทำไมบางคนถึงอินกับคำนี้เหลือเกิน ในขณะที่บางคนก็โจมตีคำนี้ว่าดัดจริต บ้างอะไรบ้าง
คำๆนี้มีจุดเริ่มต้นที่มาจาก นายลีโอ บาบัว ผู้ก่อตั้งบล็อค Zen Habits เว็บบล็อคยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลกประจำปี 2010 โดยเค้าได้ให้นิยามของคำว่า Slow Life ไว้ดังนี้ “การใช้ชีวิตย้อนกลับไปสู่ความเรียบง่าย เบรกตัวเองออกจากความเร่งรีบ ถอยห่างจากระบบอุตสาหกรรมและโลกทุนนิยม หันมาพึ่งพิงสิ่งใกล้ตัว เพื่อตัวเองและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ซึ่งเหมารวมทุกอิริยาบถของชีวิต เปลียนมากินอาหารที่ใส่ใจสุขภาพ เรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเอง อย่างการปลูกผักกินเองหรือการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น” ฟังๆไปแล้วก็แอบคล้ายกับ เศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเราเลยนะครับ ดังนั้นนิยามที่โน้ต อุดมใช้โจมตีแขวะกัดชีวิต Slow Life ว่าคือการนั่งร้านกาแฟหรูๆ ร้านอาหารแพงๆ ถ่ายรูปลง IG ทำตัวรสนิยมสูงแต่รายได้ต่ำนั้น จึงไม่เป็นความจริงหรือแม้แต่ใกล้เคียงกับนิยามของคำว่า Slow Life เลยครับ
ผมเคยเขียนเรื่องการทำงานหนักทั้งชีวิตโดยที่สุดท้ายไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร ทำไมเราไม่หยุดพักมองปัจจุบัน และใช้ชีวิตกับสิ่งที่เรารักจริงๆ ซึ่งบทความนั้นก็ค่อนข้างที่จะไปด้วยกันกับนิยามของคำว่า Slow Life… เพราะตั้งแต่เมื่อไหร่ของประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่เราต้องถูกกำหนดว่าการทำมาก = มีมาก และการมีมาก = สุขมาก ? หลายคนที่ผมรู้จักทำงานหนักมาทั้งชีวิต พักกลางวันก็ต้องเอาข้าวมากินหน้าคอมส์ กลางคืนกว่าจะเลิกงานปาเข้าไป 3-4 ทุ่ม บางวันเลยไปถึงเที่ยงคืนก็มี แล้วถ้านี่คือชีวิตการทำงานของบางคน ลองนึกสิครับว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปอีก 30-40 ปี แล้วมีเงินมหาศาลตอนเกษียรคือชีวิตที่คุณต้องการหรือเปล่า ? ถึงเวลานั้นถ้าไม่เอาเงินไปให้ลูกหลานใช้ ก็เอามาเป็นค่ารักษาพยาบาลตัวเองครับ เพราะถึงตอนนั้นคงแทบไม่มีแรงใช้เงินแล้วล่ะ
“ชีวิตมันเป็นเรื่องง่ายๆครับ แต่เราทำให้มันยากเอง”
อย่างไรก็ดี ผมเองก็เห็นหลายคนเช่นกันที่เอาคำว่า Slow Life มาใช้แทนคำว่า “ขี้เกียจ” อย่างที่กล่าวไว้ด้านบน คำว่า Slow Life ไม่ได้แปลว่าคุณจะนั่งทำงานแบบ Slowly เอื่อยๆ ชิลๆจนสุดท้ายทำงานส่งไม่ทัน Deadline… มันไม่ได้แปลว่าคุณจะทำตัวขาดความรับผิดชอบเพราะมองว่าชีวิตนี้จะเอาอะไรมาก ใช้ชีวิตไปวันๆก็พอ บ้านรวย ยังไงก็ไม่ลำบาก ? มันไม่ได้แปลว่าคุณจะลาออกจากงานมานั่งอยู่กับบ้านเฉยๆ ดูทีวี เล่นเนต ทำตัวเรื่อยเปือย แล้วเรียกตัวเองว่าใช้ชีวิตแบบ Slow Life… ไม่ครับ ถ้าทำแบบนั้นคุณมันก็แค่ ”ขี้เกียจ”
ผมมองว่าการที่คนเราจะใช้ชีวิต Slow Life นั้น หมายถึงเราใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันครับ อดีตตเป็นอย่างไรช่างมัน อนาคตแม้วางแผนได้ แต่มันก็ยังแป็นเรื่องของอนาคต การที่เราทำงานหนักจนไม่สนใจปัจจุบันนั้นแปลว่าเรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในอนาคตที่เราวาดฝันไว้ครับ ส่วนการใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันนั้นคือ ไม่ว่างานปัจจุบันของคุณภาระมันจะมากแค่ไหน แต่คุณก็รู้จักหยุด หันมองสิ่งต่างๆรอบตัวและคนที่คุณรัก แฟนคุณ เพื่อนคุณ พ่อแม่คุณ ลองถามตัวเองว่าทุกวันนี้ให้เวลากับคนเหล่านี้พอรึยัง ครั้งสุดท้ายที่คุณมีเวลาไปเที่ยวชิลๆกับเพื่อน กับแฟนมันเมื่อไหร่ ? Family Trip ครั้งสุดท้ายไม่ได้ไปมานานแค่ไหนแล้ว?
และที่สำคัญที่สุดคืออย่าลืมให้เวลากับตัวเองด้วยครับ… ทุกครั้งเวลาไปทำงานตอนเช้าอย่ามัวแต่รีบ ขับรถผ่านสะพาน เคยสังเกตุบ้างมั้ยว่าวิวกรุงเทพตอนเช้ามันสวยแค่ไหน เดินผ่านเด็กเล่นกันเราสนุกไปกับพวกเค้าด้วยรึปล่าว… การที่เรารู้จักหยุดมองและมีความสุขกับสิ่งรอบตัวเรา แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ถ้ามันทำคุณมีความสุขมาจากข้างใน ผมมองว่านี่คือการใช้ชีวิตแบบ Slow Life อย่างแท้จริงครับ !
PS. แทคอาจจะดูงงๆนิดนึงเพราะไม่แน่ใจว่าจะแทคอะไรดีให้เข้ากับหัวข้อครับ
Credit :
https://www.facebook.com/LvUpTh
Slow Life กับนิยามที่หลายคนเข้าใจผิด !
Credit : https://www.facebook.com/LvUpTh
ผมเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงเคยได้ยินคำนี้ผ่านหูมาบ้าง และก็นึกสงสัยว่าจริงๆแล้วไอ้คำว่า Slow Life เนี่ย.. มันแปลว่าอะไร ? แล้วทำไมบางคนถึงอินกับคำนี้เหลือเกิน ในขณะที่บางคนก็โจมตีคำนี้ว่าดัดจริต บ้างอะไรบ้าง
คำๆนี้มีจุดเริ่มต้นที่มาจาก นายลีโอ บาบัว ผู้ก่อตั้งบล็อค Zen Habits เว็บบล็อคยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลกประจำปี 2010 โดยเค้าได้ให้นิยามของคำว่า Slow Life ไว้ดังนี้ “การใช้ชีวิตย้อนกลับไปสู่ความเรียบง่าย เบรกตัวเองออกจากความเร่งรีบ ถอยห่างจากระบบอุตสาหกรรมและโลกทุนนิยม หันมาพึ่งพิงสิ่งใกล้ตัว เพื่อตัวเองและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ซึ่งเหมารวมทุกอิริยาบถของชีวิต เปลียนมากินอาหารที่ใส่ใจสุขภาพ เรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเอง อย่างการปลูกผักกินเองหรือการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น” ฟังๆไปแล้วก็แอบคล้ายกับ เศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเราเลยนะครับ ดังนั้นนิยามที่โน้ต อุดมใช้โจมตีแขวะกัดชีวิต Slow Life ว่าคือการนั่งร้านกาแฟหรูๆ ร้านอาหารแพงๆ ถ่ายรูปลง IG ทำตัวรสนิยมสูงแต่รายได้ต่ำนั้น จึงไม่เป็นความจริงหรือแม้แต่ใกล้เคียงกับนิยามของคำว่า Slow Life เลยครับ
ผมเคยเขียนเรื่องการทำงานหนักทั้งชีวิตโดยที่สุดท้ายไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร ทำไมเราไม่หยุดพักมองปัจจุบัน และใช้ชีวิตกับสิ่งที่เรารักจริงๆ ซึ่งบทความนั้นก็ค่อนข้างที่จะไปด้วยกันกับนิยามของคำว่า Slow Life… เพราะตั้งแต่เมื่อไหร่ของประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่เราต้องถูกกำหนดว่าการทำมาก = มีมาก และการมีมาก = สุขมาก ? หลายคนที่ผมรู้จักทำงานหนักมาทั้งชีวิต พักกลางวันก็ต้องเอาข้าวมากินหน้าคอมส์ กลางคืนกว่าจะเลิกงานปาเข้าไป 3-4 ทุ่ม บางวันเลยไปถึงเที่ยงคืนก็มี แล้วถ้านี่คือชีวิตการทำงานของบางคน ลองนึกสิครับว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปอีก 30-40 ปี แล้วมีเงินมหาศาลตอนเกษียรคือชีวิตที่คุณต้องการหรือเปล่า ? ถึงเวลานั้นถ้าไม่เอาเงินไปให้ลูกหลานใช้ ก็เอามาเป็นค่ารักษาพยาบาลตัวเองครับ เพราะถึงตอนนั้นคงแทบไม่มีแรงใช้เงินแล้วล่ะ
“ชีวิตมันเป็นเรื่องง่ายๆครับ แต่เราทำให้มันยากเอง”
อย่างไรก็ดี ผมเองก็เห็นหลายคนเช่นกันที่เอาคำว่า Slow Life มาใช้แทนคำว่า “ขี้เกียจ” อย่างที่กล่าวไว้ด้านบน คำว่า Slow Life ไม่ได้แปลว่าคุณจะนั่งทำงานแบบ Slowly เอื่อยๆ ชิลๆจนสุดท้ายทำงานส่งไม่ทัน Deadline… มันไม่ได้แปลว่าคุณจะทำตัวขาดความรับผิดชอบเพราะมองว่าชีวิตนี้จะเอาอะไรมาก ใช้ชีวิตไปวันๆก็พอ บ้านรวย ยังไงก็ไม่ลำบาก ? มันไม่ได้แปลว่าคุณจะลาออกจากงานมานั่งอยู่กับบ้านเฉยๆ ดูทีวี เล่นเนต ทำตัวเรื่อยเปือย แล้วเรียกตัวเองว่าใช้ชีวิตแบบ Slow Life… ไม่ครับ ถ้าทำแบบนั้นคุณมันก็แค่ ”ขี้เกียจ”
ผมมองว่าการที่คนเราจะใช้ชีวิต Slow Life นั้น หมายถึงเราใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันครับ อดีตตเป็นอย่างไรช่างมัน อนาคตแม้วางแผนได้ แต่มันก็ยังแป็นเรื่องของอนาคต การที่เราทำงานหนักจนไม่สนใจปัจจุบันนั้นแปลว่าเรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในอนาคตที่เราวาดฝันไว้ครับ ส่วนการใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันนั้นคือ ไม่ว่างานปัจจุบันของคุณภาระมันจะมากแค่ไหน แต่คุณก็รู้จักหยุด หันมองสิ่งต่างๆรอบตัวและคนที่คุณรัก แฟนคุณ เพื่อนคุณ พ่อแม่คุณ ลองถามตัวเองว่าทุกวันนี้ให้เวลากับคนเหล่านี้พอรึยัง ครั้งสุดท้ายที่คุณมีเวลาไปเที่ยวชิลๆกับเพื่อน กับแฟนมันเมื่อไหร่ ? Family Trip ครั้งสุดท้ายไม่ได้ไปมานานแค่ไหนแล้ว?
และที่สำคัญที่สุดคืออย่าลืมให้เวลากับตัวเองด้วยครับ… ทุกครั้งเวลาไปทำงานตอนเช้าอย่ามัวแต่รีบ ขับรถผ่านสะพาน เคยสังเกตุบ้างมั้ยว่าวิวกรุงเทพตอนเช้ามันสวยแค่ไหน เดินผ่านเด็กเล่นกันเราสนุกไปกับพวกเค้าด้วยรึปล่าว… การที่เรารู้จักหยุดมองและมีความสุขกับสิ่งรอบตัวเรา แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ถ้ามันทำคุณมีความสุขมาจากข้างใน ผมมองว่านี่คือการใช้ชีวิตแบบ Slow Life อย่างแท้จริงครับ !
PS. แทคอาจจะดูงงๆนิดนึงเพราะไม่แน่ใจว่าจะแทคอะไรดีให้เข้ากับหัวข้อครับ
Credit : https://www.facebook.com/LvUpTh