ใช้ชีวิตอยู่กับเชื้อเอชไอวี อย่างไรดี???
1. จะต้องทำอย่างไรที่บ้าน
2. จะมีเพศสัมพันธ็ได้ไหม
3. จะมีบุตรได้ไหม
4. จะเดินทางไปต่างประเทศได้ไหม
จะต้องทำอย่างไรที่บ้าน
คุณอาจวิตกกังวลว่าคุณสามารถแพร่เชื้อเอชไอวีไปสู่คนอื่นๆที่อาศัยอยู่ในบ้าน โดยเฉพาะเด็กๆในบ้าน อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ตกอยู่ในความเสี่ยงของการติดเชื้อเพียงเพราะอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับคุณ
เชื้อเอชไอวีไม่ได้แพร่ไปโดยการสัมผัสระหว่างผู้ที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน การจูบ การกอด การหยอกล้อเล่นกัน การรับประทานอาหาร นอนเตียงเดียวกัน หรือใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านร่วมกัน เช่น จาน ถ้วยชากาแฟ ช้อนส้อมและมีด จะไม่แพร่กระจายเชื้อเอชไอวี
สุขภาพของคุณเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคุณมีเชื้อเอชไอวี ระบบภูมิคุ้มกันของคุณทำงานไม่ได้ดีดังก่อน และคุณเสี่ยงกับการรับเชื้ออื่นๆ จากคนที่แวดล้อมคุณ ซึ่งทำให้เกิดผลตามมาที่รุนแรงต่อสุขภาพของคุณได้
เพื่อเป็นการป้องกันการกระจายของการติดเชื้อ สิ่งที่ควรป้องกันไว้ก่อนเหล่านี้ควรปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรประจำวันที่บ้าน;
• ทุกๆคนในบ้านควรล้างมือหลังการใช้ห้องส้วมและก่อนการเตรียม อาหาร
• สวมุถงมือทุกครั้งเมื่อต้องทำความสะอาดเลือดและของเหลวอื่น ๆ ของร่างกาย ทำความสะอาดพื้นที่นั้นด้วยกระดาษเช็ดมือก่อน ตามด้วยการล้างด้วยน้ำสบู่ และในขั้นสุดท้าย พื้นที่นั้นควรได้รับการฆ่าเชื้อโรคด้วยน้ำยาบลีช (น้ำยาฟอกขาวที่เรียกบลีช, Bleach) โดยทำตามคำแนะนำที่ภาชนะบรรจุบอกไว้ เช็ดบริเวณนั้นให้แห้งด้วยกระดาษเช็ดมือที่สะอาด
• ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดหรือของเหลวอื่นๆของร่างกาย ควรแยกซักต่างหาก
• หลีกเลี่ยงการจูบและการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นหวัดหรือเป็นไข้ และเด็กที่เป็นโรคต่างๆ เช่น อีสุกอีใส คางทูมหรือหัด
จะมีเพศสัมพันธ์ได้ไหม
การมีเชื้อเอชไอวีไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องงดการมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามคุณอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการมีเพศสัมพันธ์บ้างบางอย่าง
มีหลายๆสิ่งที่ควรพิจารณาดังนี้;
คุณจำเป็นต้องปกป้องคู่นอนของคุณจากการติดเชื้อเอชไอวี ถ้าหากเขา/เธอไม่มีเชื้อเอชไอวีโดยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
• การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยหมายถึง การใข้ถุงยางอนามัย (Condom) แผ่นแดม (Dam) และสารหล่อลื่นที่ใช้น้ำเป็นส่วนประกอบหลัก (Water based lubricant) ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเชื้อไวรัสเอชไอวีที่อยู่ในเลือด น้ำอสุจิหรือของเหลวในช่องคลอดของคุณ ไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือดของคู่นอนของคุณ
• เพศสัมพันธ์ทางปาก (Oral sex) มีโอกาสน้อยมากในการแพร่เชื้อเอชไอวี อย่างไรก็ตามหากคู่นอนของคุณมีรอยบาดหรือแผลในปาก หรือเพิ่งทำฟันมา การใช้ถุงยางอนามัยและแผ่นแดมเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
• การบำบัดรักษาเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพ (เช่น ปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดของคุณมีอยู่ต่ำมากทำให้การตรวจสอบหาไวรัลโหลดไม่สามารถตรวจจับได้) ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อได้ ปรึกษาแพทย์ของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
• การจูบ กอด และการร่วมกันสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองและการนวดต่างๆถือเป็นการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
• การบอกกับใครว่าคุณมีเชื้อเอชไอวีเป็นเรื่องยากและลำบากใจ ปรึกษากับแพทย์ของคุณ หรือนักสังคมสงเคราะห์ (หรือเจ้าหน้าที่แนะแนว หรือผู้เชี่ยวชาญด้านดูแลสุขภาพ) สำหรับคำแนะนำ
ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ได้ป้องกันกับคู่นอนของคุณ มีความเป็นไปได้ว่าเขา/เธอ อาจติดเชื้อเอชไอวีไปด้วย และควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี
ถ้าคู่นอนของคุณมีเชื้อเอชไอวีเช่นเดียวกัน คุณอาจตกลงร่วมกันว่าจะมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ต้องป้องกัน แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่าการติดเชื้อเอชไอวีจากอีกสายพันธุ์หนึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายหรือไม่ คุณควรปรึกษากับแพทย์ของคุณให้แน่ใจ แต่สุดท้ายแล้วคุณและคู่นอนของคุณจะต้องเป็นคนตัดสินใจร่วมกัน
จำไว้ว่า, การมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นระหว่างคุณและคู่นอนของคุณ, และคุณทั้งคู่มีความรับผิดชอบร่วมกันในการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
จะมีบุตรได้ไหม
ไม่ว่าคุณจะมีเชื้อเอชไอวีหรือไม่ก็ตาม คุณอาจต้องการมีบุตร, ในประเทศออสเตรเลีย ผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถมีบุตรที่สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงได้
ถ้าคุณวางแผนจะมีบุตรหรือเพิ่งทราบว่าตนแองกำลังตั้งครรภ์ โปรดปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์จะอธิบายทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการตั้งครรค์และเอชไอวี
ภายใต้การดูแลทางการแพทย์ที่ดี คุณจะให้โอกาสที่ดีที่สุดกับตัวคุณเองในการมีบุตรที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มารดาที่ติดเชื้อเอชไอวีสามารถลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อสู่บุตรโดย;
• รับประทานยาต้านไวรัสเอชไอวี ระหว่างตั้งครรภ์
• คลอดบุตรโดยวิธีผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องแทนการคลอดทางช่องคลอด
• ไม่เลี้ยงทารกด้วยนมมารดา
• ให้บุตรรับประทานยาต้านไวรัสเอชไอวี (Anti Retroviral Treatment) หลังจากคลอดเป็นเวลาหกสัปดาห์
จะเดินทางไปต่างประเทศได้ไหม
ได้, แต่มีหลายสิ่งที่คุณควรพิจารณาในการเดินทาง เพราะว่าร่างกายของคุณอาจจะติดเชื้อโรคได้ง่ายกว่า การป้องกันไว้ก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อโรคเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะถ้าคุณป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี
• บอกแพทย์ให้ทราบถึงแผนการเดินทางของคุณ แพทย์ของคุณสามารถช่วยในเรื่องความจำเป็นด้านการใช้ยา หรือกรณีฉุกเฉินที่ท่านอาจต้องประสบ
• ติดต่อสภาโรคเอดส์ในเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับบริการต่างๆ ที่คุณอาจจำเป็นต้องรู้ในประเทศที่คุณวางแผนจะเดินทางไป
• ถ้าคุณกำลังรับการรักษาหรือได้รับยาอย่างใดอย่างหนื่งอยู่ ต้องแน่ใจว่าคุณมียาเพียงพอสำหรับใช้ตลอดระยะเวลาที่เดินทาง ในบางประเทศยังไม่มียาสำหรับการรักษาเชื้อไอวี หรือถ้ามีก็แพงมาก ควรหาข้อมูลสำหรับขั้นตอนต่าง ๆในประเทศเหล่านั้น ถ้ายาของท่านเกิดเสียหายหรือสูญหาย
• ปรึกษาแพทย์ถึงเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรค วัคซีนบางอย่างไม่ควรใช้กับผู้มีเชื้อเอชไอวี เช่นวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง (เยลโลว์ ฟีเวอร์, yellow fewer) ในขณะที่วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบเอและโรคตับอักเสบบี แนะนำให้ฉีด
• บรรจุถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่นไว้ในการะเป๋าเดินทางด้วย บางประเทศอาจไม่มีสินค้าเหล่านี้ หรือถ้ามีก็เป็นชนิดที่ด้อยคุณภาพ
Report : LIV Capsule
ใช้ชีวิตอยู่กับเชื้อเอชไอวี อย่างไรดี???
1. จะต้องทำอย่างไรที่บ้าน
2. จะมีเพศสัมพันธ็ได้ไหม
3. จะมีบุตรได้ไหม
4. จะเดินทางไปต่างประเทศได้ไหม
จะต้องทำอย่างไรที่บ้าน
คุณอาจวิตกกังวลว่าคุณสามารถแพร่เชื้อเอชไอวีไปสู่คนอื่นๆที่อาศัยอยู่ในบ้าน โดยเฉพาะเด็กๆในบ้าน อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ตกอยู่ในความเสี่ยงของการติดเชื้อเพียงเพราะอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับคุณ
เชื้อเอชไอวีไม่ได้แพร่ไปโดยการสัมผัสระหว่างผู้ที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน การจูบ การกอด การหยอกล้อเล่นกัน การรับประทานอาหาร นอนเตียงเดียวกัน หรือใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านร่วมกัน เช่น จาน ถ้วยชากาแฟ ช้อนส้อมและมีด จะไม่แพร่กระจายเชื้อเอชไอวี
สุขภาพของคุณเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคุณมีเชื้อเอชไอวี ระบบภูมิคุ้มกันของคุณทำงานไม่ได้ดีดังก่อน และคุณเสี่ยงกับการรับเชื้ออื่นๆ จากคนที่แวดล้อมคุณ ซึ่งทำให้เกิดผลตามมาที่รุนแรงต่อสุขภาพของคุณได้
เพื่อเป็นการป้องกันการกระจายของการติดเชื้อ สิ่งที่ควรป้องกันไว้ก่อนเหล่านี้ควรปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรประจำวันที่บ้าน;
• ทุกๆคนในบ้านควรล้างมือหลังการใช้ห้องส้วมและก่อนการเตรียม อาหาร
• สวมุถงมือทุกครั้งเมื่อต้องทำความสะอาดเลือดและของเหลวอื่น ๆ ของร่างกาย ทำความสะอาดพื้นที่นั้นด้วยกระดาษเช็ดมือก่อน ตามด้วยการล้างด้วยน้ำสบู่ และในขั้นสุดท้าย พื้นที่นั้นควรได้รับการฆ่าเชื้อโรคด้วยน้ำยาบลีช (น้ำยาฟอกขาวที่เรียกบลีช, Bleach) โดยทำตามคำแนะนำที่ภาชนะบรรจุบอกไว้ เช็ดบริเวณนั้นให้แห้งด้วยกระดาษเช็ดมือที่สะอาด
• ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดหรือของเหลวอื่นๆของร่างกาย ควรแยกซักต่างหาก
• หลีกเลี่ยงการจูบและการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นหวัดหรือเป็นไข้ และเด็กที่เป็นโรคต่างๆ เช่น อีสุกอีใส คางทูมหรือหัด
จะมีเพศสัมพันธ์ได้ไหม
การมีเชื้อเอชไอวีไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องงดการมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามคุณอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการมีเพศสัมพันธ์บ้างบางอย่าง
มีหลายๆสิ่งที่ควรพิจารณาดังนี้;
คุณจำเป็นต้องปกป้องคู่นอนของคุณจากการติดเชื้อเอชไอวี ถ้าหากเขา/เธอไม่มีเชื้อเอชไอวีโดยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
• การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยหมายถึง การใข้ถุงยางอนามัย (Condom) แผ่นแดม (Dam) และสารหล่อลื่นที่ใช้น้ำเป็นส่วนประกอบหลัก (Water based lubricant) ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเชื้อไวรัสเอชไอวีที่อยู่ในเลือด น้ำอสุจิหรือของเหลวในช่องคลอดของคุณ ไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือดของคู่นอนของคุณ
• เพศสัมพันธ์ทางปาก (Oral sex) มีโอกาสน้อยมากในการแพร่เชื้อเอชไอวี อย่างไรก็ตามหากคู่นอนของคุณมีรอยบาดหรือแผลในปาก หรือเพิ่งทำฟันมา การใช้ถุงยางอนามัยและแผ่นแดมเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
• การบำบัดรักษาเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพ (เช่น ปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดของคุณมีอยู่ต่ำมากทำให้การตรวจสอบหาไวรัลโหลดไม่สามารถตรวจจับได้) ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อได้ ปรึกษาแพทย์ของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
• การจูบ กอด และการร่วมกันสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองและการนวดต่างๆถือเป็นการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
• การบอกกับใครว่าคุณมีเชื้อเอชไอวีเป็นเรื่องยากและลำบากใจ ปรึกษากับแพทย์ของคุณ หรือนักสังคมสงเคราะห์ (หรือเจ้าหน้าที่แนะแนว หรือผู้เชี่ยวชาญด้านดูแลสุขภาพ) สำหรับคำแนะนำ
ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ได้ป้องกันกับคู่นอนของคุณ มีความเป็นไปได้ว่าเขา/เธอ อาจติดเชื้อเอชไอวีไปด้วย และควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี
ถ้าคู่นอนของคุณมีเชื้อเอชไอวีเช่นเดียวกัน คุณอาจตกลงร่วมกันว่าจะมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ต้องป้องกัน แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่าการติดเชื้อเอชไอวีจากอีกสายพันธุ์หนึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายหรือไม่ คุณควรปรึกษากับแพทย์ของคุณให้แน่ใจ แต่สุดท้ายแล้วคุณและคู่นอนของคุณจะต้องเป็นคนตัดสินใจร่วมกัน
จำไว้ว่า, การมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นระหว่างคุณและคู่นอนของคุณ, และคุณทั้งคู่มีความรับผิดชอบร่วมกันในการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
จะมีบุตรได้ไหม
ไม่ว่าคุณจะมีเชื้อเอชไอวีหรือไม่ก็ตาม คุณอาจต้องการมีบุตร, ในประเทศออสเตรเลีย ผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถมีบุตรที่สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงได้
ถ้าคุณวางแผนจะมีบุตรหรือเพิ่งทราบว่าตนแองกำลังตั้งครรภ์ โปรดปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์จะอธิบายทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการตั้งครรค์และเอชไอวี
ภายใต้การดูแลทางการแพทย์ที่ดี คุณจะให้โอกาสที่ดีที่สุดกับตัวคุณเองในการมีบุตรที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มารดาที่ติดเชื้อเอชไอวีสามารถลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อสู่บุตรโดย;
• รับประทานยาต้านไวรัสเอชไอวี ระหว่างตั้งครรภ์
• คลอดบุตรโดยวิธีผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องแทนการคลอดทางช่องคลอด
• ไม่เลี้ยงทารกด้วยนมมารดา
• ให้บุตรรับประทานยาต้านไวรัสเอชไอวี (Anti Retroviral Treatment) หลังจากคลอดเป็นเวลาหกสัปดาห์
จะเดินทางไปต่างประเทศได้ไหม
ได้, แต่มีหลายสิ่งที่คุณควรพิจารณาในการเดินทาง เพราะว่าร่างกายของคุณอาจจะติดเชื้อโรคได้ง่ายกว่า การป้องกันไว้ก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อโรคเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะถ้าคุณป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี
• บอกแพทย์ให้ทราบถึงแผนการเดินทางของคุณ แพทย์ของคุณสามารถช่วยในเรื่องความจำเป็นด้านการใช้ยา หรือกรณีฉุกเฉินที่ท่านอาจต้องประสบ
• ติดต่อสภาโรคเอดส์ในเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับบริการต่างๆ ที่คุณอาจจำเป็นต้องรู้ในประเทศที่คุณวางแผนจะเดินทางไป
• ถ้าคุณกำลังรับการรักษาหรือได้รับยาอย่างใดอย่างหนื่งอยู่ ต้องแน่ใจว่าคุณมียาเพียงพอสำหรับใช้ตลอดระยะเวลาที่เดินทาง ในบางประเทศยังไม่มียาสำหรับการรักษาเชื้อไอวี หรือถ้ามีก็แพงมาก ควรหาข้อมูลสำหรับขั้นตอนต่าง ๆในประเทศเหล่านั้น ถ้ายาของท่านเกิดเสียหายหรือสูญหาย
• ปรึกษาแพทย์ถึงเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรค วัคซีนบางอย่างไม่ควรใช้กับผู้มีเชื้อเอชไอวี เช่นวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง (เยลโลว์ ฟีเวอร์, yellow fewer) ในขณะที่วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบเอและโรคตับอักเสบบี แนะนำให้ฉีด
• บรรจุถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่นไว้ในการะเป๋าเดินทางด้วย บางประเทศอาจไม่มีสินค้าเหล่านี้ หรือถ้ามีก็เป็นชนิดที่ด้อยคุณภาพ
Report : LIV Capsule