"พิจารณาความยินดีพอใจ"
เล่าให้คุณแม่ฟังว่าชอบกินปลานิลทอดมาก ท่านให้ไปพิจารณาว่าชอบมันที่ตรงไหน กลับไปกินอยู่หลายรอบ จนพบว่าแท้จริงแล้วที่ชอบไม่ใช่ปลานิลทอด แต่เป็นน้ำจิ้ม เอาปลาแบบไหนมาทอดจิ้มกับน้ำจิ้มแบบนี้ก็ชอบ หลงเข้าใจตัวเองผิดอยู่ตั้งนาน แท้จริงแล้วชอบน้ำจิ้ม
คุณแม่ท่านว่างั้นก็กินแต่น้ำจิ้มเพราะพอใจที่น้ำจิ้ม มานั่งดูน้ำจิ้ม มีซีอิ๋ว มะนาว น้ำตาล พริก หอมแดง ให้กินแต่น้ำจิ้มก็ไม่เอา ตั้งแต่นั้นมาความชอบและอยากกินปลานิลทอดก็หายไป เพราะใจรู้ความจริงแล้วว่า แท้จริงแล้วชอบที่ตรงไหน
คุณแม่ท่านสอนให้พิจารณาทุกๆ เรื่องที่เกิดความยินดีพอใจ และมองให้เห็นโทษของมัน พิจารณาตั้งแต่ของนอกกาย กายเรา ไปจนถึงสิ่งที่อยู่ข้างในใจ พอใจจานนี้เพราะอะไร พอใจคนนี้ที่ตรงไหน พอใจทำแบบนี้เพราะอะไร พอใจยี่ห้อนี้ตรงไหน พอใจคันนี้ตรงไหน พอใจใบนี้เพราะอะไร พอใจคู่นี้ที่ตรงไหน พอใจที่นี่ตรงไหน พอใจบ้านหลังนี้เพราะอะไร
ท่านสอนให้เห็นความจริงแท้ที่อยู่ข้างในใจของเรา เพื่อจะได้ถอนความรู้สึกยึดติดและจะได้พิจารณาให้ถ่องแท้ มีสติยั้งคิดก่อนที่จะทำ จะพูด จะตัดสินใจทำการใดๆ อย่าได้ตัดสินใจเพียงเพราะความยินดีพอใจ
พิษภัยที่ยิ่งใหญ่ของความยินดีพอใจ คือใจที่ไปยึดเกาะเหนียวแน่น เกิดชาติใดก็จะกินแบบนี้ ชอบแบบนี้ ทำแบบนี้ เลือกแบบนี้ สำคัญที่สุดคือวินาทีสุดท้ายของชีวิต ใจที่ไปผูกกับใคร สถานที่ สิ่งของ อาหาร ก็จักนำพาเรามาเกิดใกล้กับสิ่งเหล่านั้น
ใจยึดเกาะสิ่งใดนั่นคือภพชาติ แม้แต่ใจที่ยึดเกาะในบุญหรือความดีที่ทำนั่นก็คือภพ ทำเพราะเผื่อเราอาจจะยังมีภพชาติอยู่ แต่ใจไม่ไปยึดเกาะ คุณแม่มักถามเสมอ...ยังพอใจที่จะกลับมาเกิดอีกหรือ แค่นี้ยังทุกข์ไม่พออีกหรือ ถ้าไม่ก็จงละทั้งความยินดีและความยินร้าย เราไม่ทำเองก็ไม่มีใครจักช่วยได้ แม่ก็ช่วยเราไม่ได้ ครูบาอาจารย์ท่านก็ช่วยเราไม่ได้ ภพชาติจะหมดก็อยู่ที่เรา
ธรรมะปฏิบัติกับคุณแม่ชีเกณฑ์ จากเพจ สวนปฏิบัติธรรมชมวิว อ.สังคม จ.หนองคาย ชุดที่ 1
เล่าให้คุณแม่ฟังว่าชอบกินปลานิลทอดมาก ท่านให้ไปพิจารณาว่าชอบมันที่ตรงไหน กลับไปกินอยู่หลายรอบ จนพบว่าแท้จริงแล้วที่ชอบไม่ใช่ปลานิลทอด แต่เป็นน้ำจิ้ม เอาปลาแบบไหนมาทอดจิ้มกับน้ำจิ้มแบบนี้ก็ชอบ หลงเข้าใจตัวเองผิดอยู่ตั้งนาน แท้จริงแล้วชอบน้ำจิ้ม
คุณแม่ท่านว่างั้นก็กินแต่น้ำจิ้มเพราะพอใจที่น้ำจิ้ม มานั่งดูน้ำจิ้ม มีซีอิ๋ว มะนาว น้ำตาล พริก หอมแดง ให้กินแต่น้ำจิ้มก็ไม่เอา ตั้งแต่นั้นมาความชอบและอยากกินปลานิลทอดก็หายไป เพราะใจรู้ความจริงแล้วว่า แท้จริงแล้วชอบที่ตรงไหน
คุณแม่ท่านสอนให้พิจารณาทุกๆ เรื่องที่เกิดความยินดีพอใจ และมองให้เห็นโทษของมัน พิจารณาตั้งแต่ของนอกกาย กายเรา ไปจนถึงสิ่งที่อยู่ข้างในใจ พอใจจานนี้เพราะอะไร พอใจคนนี้ที่ตรงไหน พอใจทำแบบนี้เพราะอะไร พอใจยี่ห้อนี้ตรงไหน พอใจคันนี้ตรงไหน พอใจใบนี้เพราะอะไร พอใจคู่นี้ที่ตรงไหน พอใจที่นี่ตรงไหน พอใจบ้านหลังนี้เพราะอะไร
ท่านสอนให้เห็นความจริงแท้ที่อยู่ข้างในใจของเรา เพื่อจะได้ถอนความรู้สึกยึดติดและจะได้พิจารณาให้ถ่องแท้ มีสติยั้งคิดก่อนที่จะทำ จะพูด จะตัดสินใจทำการใดๆ อย่าได้ตัดสินใจเพียงเพราะความยินดีพอใจ
พิษภัยที่ยิ่งใหญ่ของความยินดีพอใจ คือใจที่ไปยึดเกาะเหนียวแน่น เกิดชาติใดก็จะกินแบบนี้ ชอบแบบนี้ ทำแบบนี้ เลือกแบบนี้ สำคัญที่สุดคือวินาทีสุดท้ายของชีวิต ใจที่ไปผูกกับใคร สถานที่ สิ่งของ อาหาร ก็จักนำพาเรามาเกิดใกล้กับสิ่งเหล่านั้น
ใจยึดเกาะสิ่งใดนั่นคือภพชาติ แม้แต่ใจที่ยึดเกาะในบุญหรือความดีที่ทำนั่นก็คือภพ ทำเพราะเผื่อเราอาจจะยังมีภพชาติอยู่ แต่ใจไม่ไปยึดเกาะ คุณแม่มักถามเสมอ...ยังพอใจที่จะกลับมาเกิดอีกหรือ แค่นี้ยังทุกข์ไม่พออีกหรือ ถ้าไม่ก็จงละทั้งความยินดีและความยินร้าย เราไม่ทำเองก็ไม่มีใครจักช่วยได้ แม่ก็ช่วยเราไม่ได้ ครูบาอาจารย์ท่านก็ช่วยเราไม่ได้ ภพชาติจะหมดก็อยู่ที่เรา