อรัมภบท ไม่มีเวลาอ่านโปรดข้าม

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อย่างที่หลายคนคงทราบดีว่า เราเคยยกประเด็นเรื่องหน้าม้ามา 1 ครั้งแล้ว แต่ด้วยความสัตย์จริง เราไม่ได้หมายถึงการล่อลวงหลอกใดๆ เราเพียงแต่เห็นว่า มีบางกลุ่มบางก้อน ที่เมื่อเวลาออกความเห็นใดๆ หรือตั้งกระทู้ใดๆ จะมีคนออกมาให้ความเห็นซ้ำๆ และยึดถือตัวบุคคล อย่างเช่น เมื่อมีข้อความใดๆ2 ข้อความ ที่มีความหมายเหมือนกัน แต่ข้อความของทั้งสองนั้น ได้รับความนิยม หรือตอบสนองไม่เท่ากัน ทำให้ในบางครั้ง เราเกิดการสับสนว่า คนส่วนใหญ่ นิยมชมชอบ หรือมีแนวคิดไปในทางเดียวกัน ด้วยเหตุของเนื้อหาที่มีผู้ตอบ หรือด้วยเหตุแห่งตัวบุคคลที่เป็นผู้ตอบ

เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า ตัวบุคคล มีอิทธิพลต่อความชื่นชอบ ในเนื้อหาบทความ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เราไม่ได้มีปัญหาอะไรกับตรงนี้ เพราะเราเชื่ออยู่ลึกๆ ว่า เมื่อคุณอยู่ในสังคม ที่มีความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ย่อมต้องการผูกมิตร มีการกระทำใดๆ เพื่อแสดงออกถึงมิตรภาพ และเชื่อมั่นลึกๆว่า เมื่อถึงเหตุอันจำเป็น ที่จะต้องใช้เหตุผล ในการตัดสินใจ ทุกคนมีสำนึกเพียงพอ ที่จะแยกแยะ ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกับเหตุผล ออกจากกันได้

ซึ่งจริงเรื่องนี้ เราไม่ได้ซีเรียสอะไรเลย การใช้คำว่าหน้าม้า ก็ไม่ได้แปลว่า เป็นการหลอกลวงหรือต้มตุ๋น หรือล่อหลอกให้ใครมาเห็นด้วย หรือมาอวย คำว่าหน้าม้า ก็เป็นเพียงคำคำนึง ที่เอาไว้ใช้บอกว่า มีพวกเยอะ มีเพื่อนเยอะ และมีคนเชียร์เยอะ ก็เหมือนกับงานคอนเสิร์ตทั่วไป หรือรายการเกมโชว์ ที่ในห้องส่งหรือหน้าเวที จะมีคนอยู่ประเภทหนึ่ง ที่คอยผลักดันให้คนกรี๊ด หรือปรบมือ ลุกขึ้นมาเต้น ตามสัญญาณของผู้แสดง พิธีกร มันก็แค่นั้นเอง ซึ่งในความหมายทั่วไป ของใช้ในความหมายนี้ การล่อหลอกหรือลวงหลอก เดี๋ยวนี้มักจะใช้คำว่านกต่อมากกว่า






ประเด็นขัดแย้ง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากการที่มีความเห็นหนึ่ง ที่มีเนื้อหาคล้ายคลึงกับความเห็นอื่นๆในกระทู้ เนื้อหาไม่ได้มีความหมายอะไรมาก หลายคนในกระทู้ตอบไปในทางเดียวกัน แต่เราเห็นความเห็นหนึ่ง ที่มีคนตอบสนองเยอะ ก็คือกด emo นั่นแหละ มากกว่าความเห็นอื่น ทั้งที่มีความหมายเดียวกันกับความเห็นอื่น เราก็ไม่ได้คิดมากอะไร แค่แซวไปเล่นว่าหน้าม้าเยอะจัง

กลับมีคนคนหนึ่ง พยายามที่จะตำหนิเรา ว่าคำว่าหน้าม้านั้น เป็นคำที่ไม่ให้เกียรติกัน และพยายามพูดให้เรา เกิดความรู้สึกเกรงใจคนที่กด emo ทั้งหลาย พยายามอ้างต่างๆ นานา ให้เราเกิดความรู้สึกไม่ดี จนต้องขอโทษขอโพย ทั้งๆ ที่เราบอกว่า เราแค่พูดเล่นๆ ไม่ได้ซีเรียส และไม่อยากให้ซีเรียสกับคำคำนี้ เพราะเราแค่ยกมาแซว และมันมีความหมายพื้นๆมาก อย่างที่แสดงให้ดู


ก็แค่แซว ก็คือกัด จิก อะไรไปตามเนื้อเรื่อง มันจะอะไรกันนักหนา

กะอิแค่คำว่าหน้าม้า รับไม่ได้ แล้วอย่างอื่น จะไปทนได้ยังไง

ไม่เป็นไร หลังจากเราขอโทษขอโพยเจ้าตัวไป ก็ไม่คิดจะใช้คำนี้อีก และพยายาเลี่ยงมาตลอด ก็เห็นคนเริ่มใช้กันเยอะขึ้น ก็ยังคิดๆ ว่า ไม่เห็นมีใครซีเรียสอะไร พี่สาวฯเอย ทวดฯ เอย จะใครก็แล้วแต่ ไม่เห็นมีใครต้องเกรงใจในการใข้คำนี้ แต่เราก็อดปากไว้

สุดท้าย เมื่อวานนี้ เจ้าตัวที่พร่ำพรรณา โวยวาย จะเป็นจะตายให้ได้ ตอนที่เราใช้คำนี้เรียกเขา กลับใช้คำนี้กับกลุ่มแก๊งอย่างสนุกสนาน เหมือนไม่เคยไปตำหนิใคร ว่า มันแสดงออกถึงความไม่เกรงใจ และจอให้เราไปใช้คำอื่นแทน

แถมยังมาแถว่า "ทีพรทำ บอกเองว่าไม่ซีเรียส แล้วคนอื่นทำจะซีเรียสทำไม"

เด่วนะ -_- ถ้าคิดว่าจะทำตามแล้ว "ตำหนิ" คนอื่นทำไม

สุดยอดการแถคือ "เขาก้าวข้ามคำว่าหน้าม้าไปแล้ว"
สองวันที่นายนั่งตำหนิเรา จะเป็นจะตายให้ได้ 1 วันในการก้าวข้าม โครตแน่เลยว่ะ

เราว่า คนแบบนี้ tures ที่สุดในสามโลก

เอาเป็นว่า "หน้าม้า" ไม่ใช่คำหยาบคาย พูดได้ไม่ต้องเกรงใจกัน เพราะเราไม่เห็นจะมีใครเกรงใจใครเลย

ส่วนคนที่ ตำหนิเราแล้วทำเอง เรามองว่า หาเรื่อง ไร้ราคาที่จะใช้คำว่า "เตือนด้วยใจบริสุทธิ์" กับเราอีก เพราะคุณมันไม่บริสุทธิ์ใจในการกระทำเอาสะเลย หาเรื่องมาม่ากับเราไปวันๆ ไม่มีเรื่อง ก็ทำให้เป็นเรื่อง

มองแต่พวกพ้องทำได้ คนอื่นทำแล้วผิด
อ้างความสนิทสนม ในการทำเรื่องที่ควรตำหนิ เราเวทนาว่ะ คิดได้แค่นี้

ส่วนใครคิดว่า เป็นเรื่องน่าตำหนิจริงๆ ก็บอกมา ถ้าเป็นคนนอกบอกเราจะยอมรับ แต่ถ้าเป็นคนกลุ่มแก๊งนี้ บอกเลย เสียราคา