http://ppantip.com/topic/33923998 part1
http://ppantip.com/topic/33925556 part2
วันที่5 วันสุดท้ายของการสวดศพ
และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของการสวดศพคุณยายที่บ้าน บรรยากาศรอบบ้านดูแน่นขนัดตาเพราะชาวบ้านมาจุดธุป กราบศพคุณยาย หลังจากไหว้เสร็จ ก็ขอตัวกลับ บ้างก็ไปพูดคุยกับแม่ผมและญาติๆ แม่ครัว(ก็ชาวบ้านแถวนั้นแหละครับที่มาช่วย ต่างวุ่นวายการเตรียมอาหารทั้งช่วงบ่าย ช่วงค่ำ แต่ไม่มีใครปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว) ทุกคนต่างทำหน้าที่ได้อย่างแข่งขัน ส่วนตัวผมนั้นต้องเตรียมตัวโกนผมเพื่อห่มผ้าเหลืองในช่วงเช้าตรู่ของอีกวัน เมื่อพระฉันข้าวเรียบร้อย ก็ถึงเวลาโกนผม คุณตาก็โกนผมให้คนแรกแล้วตามด้วยคุณแม่ คุณพ่อ แล้วก็ญาติๆ เมื่อโกนเสร็จผม คุณตาได้บอกผมว่า วันนี้ท่องขอบวชเป็นพระให้ได้นะ ผมก็รับปากว่าจะตั้งใจท่องให้ได้ อีกข้อหนึ่งวันนี้นอนเร็วๆหน่อย จะได้ตื่นเช้า(ผมเป็นคนนอนดึก) เอาหล่ะครับขอรวบรัดไปในช่วงค่ำหลังจากพิธีสวดเสร็จเลยนะครับ อย่างที่ผมบอกว่าหลังจากสวดเสร็จ ชาวบ้านทยอยกลับ แต่จะมีชาวบ้านบางกลุ่มนั่งกินเหล้า เล่นไพ่
แต่ว่าวันนี้ไม่มี!!!!!!!!! เพราะทุกคนต้องกลับไปเตรียมงานพรุ่งนี้ที่สำคัญที่สุดคือต้องนำร่างคุณยายไปเผาครับ เพราะฉะนั้นในบ้านจะเหลือเพียงคุณตา คุณแม่ คุณพ่อและน้องๆอีก3คน รวม7คนเท่านั้น ทุกๆอย่างในบ้านและรอบบ้านเงียบสงัด เวลาประมาณ 23.30 น. ผมเตรียมตัวที่จะอาบน้ำ ห้องอาบน้ำของบ้านมี3ห้องน้ำ ห้องน้ำแรกอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน ห้องน้ำที่สองอยู่หลังบ้าน ห้องน้ำที่สามอยู่ชั้นที่สองของบ้านครับ ห้องน้ำที่ผมจะต้องอาบน้ำคือชั้นสอง ผมจึงเดินขึ้นไปอาบน้ำอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะอะไรถึงกลัวเพราะชั้นสองของบ้าน
จะมีห้องนอนของคุณน้าและคุณตา รวมถึงคุณยาย!! (ลืมบอกครับ บ้านไม้สักทองทั้งหลัง มีสองชั้น ห้องน้ำชั้น2จะตรงข้ามกับห้องนอนคุณยายครับ) ข้างบนของบ้านเป็นทางยาวมืดสนิท มีเพียงหลอดไฟหน้าห้องน้ำที่เปิด ในใจผมแอบตำหนิว่าทำไมไม่เปิดไฟชั้น2 ทั้งหมดวะ ครั้นจะเดินไปเปิดสวิสไฟ ก็ไม่กล้าเดินไปกดครับ เพราะสวิสไฟมันอยู่อีกฝั่งของทางยาวเกือบ20เมตร พูดตรงๆผมไม่กล้าเดินออกไปจากแสงไฟหน้าห้องน้ำเลย อีกอย่างหน้าห้องน้ำมันมีโต๊ะเครื่องแป้งที่เป็นกระจกใหญ่พอจะสะท้อนเห็นทางเดินทั้งหมด หากผมเดินไปอีกฝั่งเพื่อกดสวิสไฟจะต้องเดินกลับมาซึ่งมันจะตรงกระจกพอดี ผมกลัวจะเห็นคุณยายในกระจกจริงๆตอนเดินกลับมาหน้าห้องน้ำ (ทุกท่านลองนึกภาพตามที่ผมบอก) ผมตัดสินใจว่าไม่ไปดีกว่า ผมเริ่มทำธุระส่วนตัวคืออาบน้ำ อาบไปกลัวไป เสียงน้ำจากฝักบัวไหลกระทบผิวกายท่ามกลางความเงียบ อากาศหนาวเย็น (คุณยายผมเสียช่วงฤดูหนาว) ผมภาวนาในใจขอให้คุณแม่หรือใครก็ได้ขึ้นมาบนบ้านเสียที
ไม่นานเกินรอมีเสียง เหมือนใครบางคนกำลังเดินขึ้นบันไดมาแต่ไกล (ห้องน้ำติดทางขึ้นบันไดครับ) และเริ่มชัดเจนขึ้น เอี๊ยดอ๊าดดดด!! หากบ้านใครเป็นบ้านไม้จะรู้ครับเวลาเดินจะมีเสียง ยิ่งช่วงหน้าหนาวแล้วด้วยเสียงจะดังชัดครับ เพราะไม้หดตัว
เอี๊ยดดดด อ๊าดดดดดด ผมดีใจที่มีคนขึ้นมาบนบ้าน ผมจึงตะโกนเบาๆ เรียก “คุณแม่ครับ!!! คุณแม่!” “ เรียกอีกทีคุณน้าๆๆ” ............................เงียบบบ!! ไม่มีเสียงขานรับกลับมา ใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่ม..... เสียงเดินมาหยุดที่โต๊ะเครื่องแป้ง ซักพักเสียงประตูห้องคุณยายเปิด แต่เสียงมันเหมือนค่อยๆเปิดครับ
.......แกร๊กกกกกกก...แอ๊ดดดดดดดดดดดดด….. ผมคิดในใจสงสัยคุณตาขึ้นมารออาบน้ำ(คุณตาสามารถเข้าห้องคุณยายได้) ผมรีบจัดแจงธุระให้เรียกร้อยเดินออกมาจากห้องน้ำ เงียบกริบบบบ!!!!!! ภาพที่คิดว่าประตูห้องคุณยายเปิด มันกลับปิดอยู่เหมือนเดิม ผมอาบน้ำใหม่เหงื่อซึมเลยครับ ไม่กล้าหันแม้แต่มองกระจก ผมรีบเดินลงไปชั้นล่าง !!ตาสอดส่ายหาความผิดปกติ แต่ไม่หันกลับไปมองบนบันไดแน่นอน เมื่อไปถึงข้างล่างก็เจอคุณแม่ คุณน้า กำลังคุยปรึกษากันอยู่เกี่ยวกับงานพรุ่งนี้ แต่ผมไม่เห็นคุณตาแฮะ ก็เลยเบาใจว่าสงสัยคุณตาเข้าห้องนอนคุณยายรออาบน้ำ โล่งใจเลยผม แต่อยู่ๆคุณแม่ก็บอกว่า
“อาบน้ำนานมาก รู้ไหมทุกคนเขารอ คุณตาก็รอไม่ไหวออกไปเดินเล่นนอกบ้าน” เหมือนโลกถล่มตรงหน้า ผมเหมือนจะเป็นลม ผมเลยถามคุณแม่อีกครั้ง “ แม่แน่ใจหรอว่าคุณตาออกไปนอกบ้านจริงๆ” คุณน้าก็พูดแย้งบอกว่า
“ ใช่ เพราะถ้าคุณตาจะขึ้นไปอาบน้ำก็ต้องเดินผ่าน ทุกคนก็ต้องเห็นสิ” เฮ้ยยยยยยยย!!!มันก็จริงอย่างที่คุณน้าบอกครับว่า จะไปอาบน้ำชั้นสอง ยังไงๆก็ต้องเดินผ่านที่แม่ๆน้าๆผมรีบเกาะแขนคุณแม่แล้วบอกว่า “ผมได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันได แล้วเปิดประตูไปห้องคุณตา” ทุกคนที่ประชุมนั่งเงียบกริบ ไม่นานซักพักคุณตาก็เดินเข้ามาแล้วไล่ให้ลูกๆไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน
จากเหตุการณ์ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร เสียงที่เดินขึ้นบันไดกับเสียงเปิดประตูคุณยายหน้าห้องน้ำดังชัดแน่นอนผมไม่ได้หูฝาด
เดี๋ยวมาต่อครับ .........................
ประสบการณ์สยองขวัญกับความรัก part 3
http://ppantip.com/topic/33925556 part2
วันที่5 วันสุดท้ายของการสวดศพ
และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของการสวดศพคุณยายที่บ้าน บรรยากาศรอบบ้านดูแน่นขนัดตาเพราะชาวบ้านมาจุดธุป กราบศพคุณยาย หลังจากไหว้เสร็จ ก็ขอตัวกลับ บ้างก็ไปพูดคุยกับแม่ผมและญาติๆ แม่ครัว(ก็ชาวบ้านแถวนั้นแหละครับที่มาช่วย ต่างวุ่นวายการเตรียมอาหารทั้งช่วงบ่าย ช่วงค่ำ แต่ไม่มีใครปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว) ทุกคนต่างทำหน้าที่ได้อย่างแข่งขัน ส่วนตัวผมนั้นต้องเตรียมตัวโกนผมเพื่อห่มผ้าเหลืองในช่วงเช้าตรู่ของอีกวัน เมื่อพระฉันข้าวเรียบร้อย ก็ถึงเวลาโกนผม คุณตาก็โกนผมให้คนแรกแล้วตามด้วยคุณแม่ คุณพ่อ แล้วก็ญาติๆ เมื่อโกนเสร็จผม คุณตาได้บอกผมว่า วันนี้ท่องขอบวชเป็นพระให้ได้นะ ผมก็รับปากว่าจะตั้งใจท่องให้ได้ อีกข้อหนึ่งวันนี้นอนเร็วๆหน่อย จะได้ตื่นเช้า(ผมเป็นคนนอนดึก) เอาหล่ะครับขอรวบรัดไปในช่วงค่ำหลังจากพิธีสวดเสร็จเลยนะครับ อย่างที่ผมบอกว่าหลังจากสวดเสร็จ ชาวบ้านทยอยกลับ แต่จะมีชาวบ้านบางกลุ่มนั่งกินเหล้า เล่นไพ่ แต่ว่าวันนี้ไม่มี!!!!!!!!! เพราะทุกคนต้องกลับไปเตรียมงานพรุ่งนี้ที่สำคัญที่สุดคือต้องนำร่างคุณยายไปเผาครับ เพราะฉะนั้นในบ้านจะเหลือเพียงคุณตา คุณแม่ คุณพ่อและน้องๆอีก3คน รวม7คนเท่านั้น ทุกๆอย่างในบ้านและรอบบ้านเงียบสงัด เวลาประมาณ 23.30 น. ผมเตรียมตัวที่จะอาบน้ำ ห้องอาบน้ำของบ้านมี3ห้องน้ำ ห้องน้ำแรกอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน ห้องน้ำที่สองอยู่หลังบ้าน ห้องน้ำที่สามอยู่ชั้นที่สองของบ้านครับ ห้องน้ำที่ผมจะต้องอาบน้ำคือชั้นสอง ผมจึงเดินขึ้นไปอาบน้ำอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะอะไรถึงกลัวเพราะชั้นสองของบ้าน จะมีห้องนอนของคุณน้าและคุณตา รวมถึงคุณยาย!! (ลืมบอกครับ บ้านไม้สักทองทั้งหลัง มีสองชั้น ห้องน้ำชั้น2จะตรงข้ามกับห้องนอนคุณยายครับ) ข้างบนของบ้านเป็นทางยาวมืดสนิท มีเพียงหลอดไฟหน้าห้องน้ำที่เปิด ในใจผมแอบตำหนิว่าทำไมไม่เปิดไฟชั้น2 ทั้งหมดวะ ครั้นจะเดินไปเปิดสวิสไฟ ก็ไม่กล้าเดินไปกดครับ เพราะสวิสไฟมันอยู่อีกฝั่งของทางยาวเกือบ20เมตร พูดตรงๆผมไม่กล้าเดินออกไปจากแสงไฟหน้าห้องน้ำเลย อีกอย่างหน้าห้องน้ำมันมีโต๊ะเครื่องแป้งที่เป็นกระจกใหญ่พอจะสะท้อนเห็นทางเดินทั้งหมด หากผมเดินไปอีกฝั่งเพื่อกดสวิสไฟจะต้องเดินกลับมาซึ่งมันจะตรงกระจกพอดี ผมกลัวจะเห็นคุณยายในกระจกจริงๆตอนเดินกลับมาหน้าห้องน้ำ (ทุกท่านลองนึกภาพตามที่ผมบอก) ผมตัดสินใจว่าไม่ไปดีกว่า ผมเริ่มทำธุระส่วนตัวคืออาบน้ำ อาบไปกลัวไป เสียงน้ำจากฝักบัวไหลกระทบผิวกายท่ามกลางความเงียบ อากาศหนาวเย็น (คุณยายผมเสียช่วงฤดูหนาว) ผมภาวนาในใจขอให้คุณแม่หรือใครก็ได้ขึ้นมาบนบ้านเสียที ไม่นานเกินรอมีเสียง เหมือนใครบางคนกำลังเดินขึ้นบันไดมาแต่ไกล (ห้องน้ำติดทางขึ้นบันไดครับ) และเริ่มชัดเจนขึ้น เอี๊ยดอ๊าดดดด!! หากบ้านใครเป็นบ้านไม้จะรู้ครับเวลาเดินจะมีเสียง ยิ่งช่วงหน้าหนาวแล้วด้วยเสียงจะดังชัดครับ เพราะไม้หดตัว
เอี๊ยดดดด อ๊าดดดดดด ผมดีใจที่มีคนขึ้นมาบนบ้าน ผมจึงตะโกนเบาๆ เรียก “คุณแม่ครับ!!! คุณแม่!” “ เรียกอีกทีคุณน้าๆๆ” ............................เงียบบบ!! ไม่มีเสียงขานรับกลับมา ใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่ม..... เสียงเดินมาหยุดที่โต๊ะเครื่องแป้ง ซักพักเสียงประตูห้องคุณยายเปิด แต่เสียงมันเหมือนค่อยๆเปิดครับ.......แกร๊กกกกกกก...แอ๊ดดดดดดดดดดดดด….. ผมคิดในใจสงสัยคุณตาขึ้นมารออาบน้ำ(คุณตาสามารถเข้าห้องคุณยายได้) ผมรีบจัดแจงธุระให้เรียกร้อยเดินออกมาจากห้องน้ำ เงียบกริบบบบ!!!!!! ภาพที่คิดว่าประตูห้องคุณยายเปิด มันกลับปิดอยู่เหมือนเดิม ผมอาบน้ำใหม่เหงื่อซึมเลยครับ ไม่กล้าหันแม้แต่มองกระจก ผมรีบเดินลงไปชั้นล่าง !!ตาสอดส่ายหาความผิดปกติ แต่ไม่หันกลับไปมองบนบันไดแน่นอน เมื่อไปถึงข้างล่างก็เจอคุณแม่ คุณน้า กำลังคุยปรึกษากันอยู่เกี่ยวกับงานพรุ่งนี้ แต่ผมไม่เห็นคุณตาแฮะ ก็เลยเบาใจว่าสงสัยคุณตาเข้าห้องนอนคุณยายรออาบน้ำ โล่งใจเลยผม แต่อยู่ๆคุณแม่ก็บอกว่า “อาบน้ำนานมาก รู้ไหมทุกคนเขารอ คุณตาก็รอไม่ไหวออกไปเดินเล่นนอกบ้าน” เหมือนโลกถล่มตรงหน้า ผมเหมือนจะเป็นลม ผมเลยถามคุณแม่อีกครั้ง “ แม่แน่ใจหรอว่าคุณตาออกไปนอกบ้านจริงๆ” คุณน้าก็พูดแย้งบอกว่า “ ใช่ เพราะถ้าคุณตาจะขึ้นไปอาบน้ำก็ต้องเดินผ่าน ทุกคนก็ต้องเห็นสิ” เฮ้ยยยยยยยย!!!มันก็จริงอย่างที่คุณน้าบอกครับว่า จะไปอาบน้ำชั้นสอง ยังไงๆก็ต้องเดินผ่านที่แม่ๆน้าๆผมรีบเกาะแขนคุณแม่แล้วบอกว่า “ผมได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันได แล้วเปิดประตูไปห้องคุณตา” ทุกคนที่ประชุมนั่งเงียบกริบ ไม่นานซักพักคุณตาก็เดินเข้ามาแล้วไล่ให้ลูกๆไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน
จากเหตุการณ์ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร เสียงที่เดินขึ้นบันไดกับเสียงเปิดประตูคุณยายหน้าห้องน้ำดังชัดแน่นอนผมไม่ได้หูฝาด
เดี๋ยวมาต่อครับ .........................