สวัสดีนี่เป็นกระทู้ที่สองของ จขกท. ส่วนกระทู้แรกคืออะไรช่างมันเถอะ คือที่มาตั้งกระทู้นี้เพราะเห็นคนอื่นเขาเล่ากันแล้ว เราเลยอยากเล่าเรื่องของเราให้ฟังบ้าง ไม่ขอเรียกเป็นเรื่องผีนะ เรียกว่าเหตุการณ์แปลกๆดีกว่า
เริ่มที่เรื่องแรก เกิดขึ้นตอนเราอายุประมาณ 5 ขวบได้มั้ง ทั้งๆที่ตอนนั้นเราเด็กมากแต่ไม่รู้ทำไมถึงจำมันได้ขึ้นใจ
เรื่องที่หนึ่ง งานศพตา
ตอนนั้นเรากำลังอยู่ชั้นอนุบาลที่โรงเรียนใกล้บ้าน เรามาอยู่กรุงเทพตั้งแต่เด็กมากๆ แต่บ้านเกิดเราอยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วันนั้นจำได้ว่ากำลังนั่งเล่นตัวต่ออยู่กับเพื่อนแล้วคุณครูก็มาเรียกบอกว่าพี่มารับ เราก็เดินออกไปทันที เห็นพี่ร้องไห้เราก็งงๆเลยถามว่าเป็นอะไร พี่บอกมาว่า
ตาตายแล้ว ตอนที่ได้ยินเราจำไม่ค่อยได้ว่าแสดงท่าทางแบบไหนออกไปแต่พี่รีบพาเราไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปอยุธยา นั่งรถไฟกันไปแล้วต่อด้วยการเหมารถสองแถวไปบ้าน ระหว่างทางเกิดเรื่องฮานิดหน่อยข้ามไปละกันเนอะ พอจะผ่านวัดพ่อกับแม่ก็ลงไปก่อนและให้เรา พี่สาวของเรา น้าและน้าเขยกลับไปอาบน้ำอีกรอบแล้วค่อยมาวัด
ตอนไปถึงมันค่อนข้างเย็นแล้วละ กว่าจะเก็บของเตรียมตัวกันก็มืดแล้วเราที่อาบเป็นคนแรกก็ออกมาแต่งตัวแล้วยืนหวีผมที่กระจกของโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งถ้าเรายืนหันหน้าเข้าหากระจก เราก็จะมองเห็นหน้าต่างที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งตอนนั้นมันเปิดอ้าอยู่ แล้วเรื่องแปลกๆที่ทำให้เราจำมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือ
ระหว่างที่เราหวีผมอยู่หน้ากระจก เราก็เห็นเหมือนเป็นเงาคนมืดๆตัดกับแสงไฟแล้วมันก็ดูชัดเจนอยู่นะในความคิดเรา ผ่านแว้บไปเราก็วางหวีแล้ววิ่งไปดูก็ไม่มีอะไร พอเรากลับมาหวีผมต่อเงาเดิมก็ผ่านกลับมาเราก็วิ่งไปดูอีกหันมองซ้ายขวาก็ไม่เจออะไร จนต้องรีบไปเคาะประตูบอกน้าว่าเร็วๆหน่อย อยากไปหาแม่
นอกจากเหตุการณ์ข้างบนแล้วก็ยังมีอีกหลายเหตุการณ์แปลกๆ เพราะตอนกลางคืนทุกคนจะนอนที่วัดแต่จู่ๆยายของเราก็บอกว่าจะกลับไปนอนบ้าน น้าเขยก็เลยขับรถไปส่งแล้วก็ค่อยวนกลับมาวัด เพราะฉะนั้นที่บ้านก็มีแค่ยายคนเดียว เช้ามาพอยายมาถึงก็เดินด่าน้าเราใหญ่เลยบอกว่าเมื่อคืนตามาเข้าฝันบอกว่าทำไมไม่ปิดประตูและหน้าต่าง ถ้าโจรเข้ามาขโมยของจะทำยังไง พอได้ยินแบบนั้นน้าเราก็งงใหญ่เลยเพราะจำได้ว่าก่อนออกจากบ้านก็เช็คดีแล้วว่าปิดหน้าต่างทุกบาน แล้วก็ล็อครั้วอย่างดี น้าเขยที่ไปส่งยายก็บอกว่าก่อนจะขับรถกลับมาวัดก็ล็อครั้วอย่างดีแล้ว สรุปเรื่องนี้ก็ตกไป
ทุกวันนี้เราเลยเก็บมาคิดว่า เงาที่เราเห็นคือตา หรือว่าขโมยแต่ก็ไม่มีของในบ้านหายไปนะ
นอกจากเรื่องข้างบนยังมีเรื่องเกี่ยวกับงานศพตาคือทุกครอบครัวก็คงต้องมีอยู่แล้วใช่มั้ยที่มีการถ่ายรูปกัน เราก็ถ่าย แต่ของเราคือเราถ่ายคนเดียวแต่บนหัวเราในรูปมันมีเป็นดวงไฟกลมๆไม่ใหญ่มากลอยอยู่บนหัว ตอนแรกแม่บอกว่าอาจเป็นรอยไฟไหม้หรืออะไร แต่พี่เรา(ลูกชายของลุง)ที่เป็นคนไปล้างรูปบอกว่ารูปยังไม่โดนอะไรเลย เพิ่งเอาออกมาจากอัลบั้มมาให้ดูเนี้ย ถ้าไฟไหม้ด้านหลังก็ต้องมีรอยสิ แม่ก็บอกอีกว่าอาจเป็นแสงตกกระทบ แต่ที่แปลกคือรูปไหนที่มีเรา รูปนั่นก็จะมีดวงไฟไปลอยอยู่บนหัวทุกรูปแม้แต่รูปที่ทึบแสง ส่วนของพี่สาวเรามีแค่รูปเดียวคือตอนถ่ายรวมลูกหลาน
เรื่องแรกก็มีแค่นี้แหละ แต่ในชีวิตที่ผ่านมาของเราเรื่องแปลกๆเยอะพอสมควร แล้วเราจะมาทยอยเราให้ฟังนะ
เรื่องที่ 2 คห.ที่ 2 นะ
เ รื่ อ ง ร า ว แ ป ล ก ๆ ที่ เ กิ ด ขึ้ น .
เริ่มที่เรื่องแรก เกิดขึ้นตอนเราอายุประมาณ 5 ขวบได้มั้ง ทั้งๆที่ตอนนั้นเราเด็กมากแต่ไม่รู้ทำไมถึงจำมันได้ขึ้นใจ
เรื่องที่หนึ่ง งานศพตา
ตอนนั้นเรากำลังอยู่ชั้นอนุบาลที่โรงเรียนใกล้บ้าน เรามาอยู่กรุงเทพตั้งแต่เด็กมากๆ แต่บ้านเกิดเราอยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วันนั้นจำได้ว่ากำลังนั่งเล่นตัวต่ออยู่กับเพื่อนแล้วคุณครูก็มาเรียกบอกว่าพี่มารับ เราก็เดินออกไปทันที เห็นพี่ร้องไห้เราก็งงๆเลยถามว่าเป็นอะไร พี่บอกมาว่า ตาตายแล้ว ตอนที่ได้ยินเราจำไม่ค่อยได้ว่าแสดงท่าทางแบบไหนออกไปแต่พี่รีบพาเราไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปอยุธยา นั่งรถไฟกันไปแล้วต่อด้วยการเหมารถสองแถวไปบ้าน ระหว่างทางเกิดเรื่องฮานิดหน่อยข้ามไปละกันเนอะ พอจะผ่านวัดพ่อกับแม่ก็ลงไปก่อนและให้เรา พี่สาวของเรา น้าและน้าเขยกลับไปอาบน้ำอีกรอบแล้วค่อยมาวัด
ตอนไปถึงมันค่อนข้างเย็นแล้วละ กว่าจะเก็บของเตรียมตัวกันก็มืดแล้วเราที่อาบเป็นคนแรกก็ออกมาแต่งตัวแล้วยืนหวีผมที่กระจกของโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งถ้าเรายืนหันหน้าเข้าหากระจก เราก็จะมองเห็นหน้าต่างที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งตอนนั้นมันเปิดอ้าอยู่ แล้วเรื่องแปลกๆที่ทำให้เราจำมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือ
ระหว่างที่เราหวีผมอยู่หน้ากระจก เราก็เห็นเหมือนเป็นเงาคนมืดๆตัดกับแสงไฟแล้วมันก็ดูชัดเจนอยู่นะในความคิดเรา ผ่านแว้บไปเราก็วางหวีแล้ววิ่งไปดูก็ไม่มีอะไร พอเรากลับมาหวีผมต่อเงาเดิมก็ผ่านกลับมาเราก็วิ่งไปดูอีกหันมองซ้ายขวาก็ไม่เจออะไร จนต้องรีบไปเคาะประตูบอกน้าว่าเร็วๆหน่อย อยากไปหาแม่
นอกจากเหตุการณ์ข้างบนแล้วก็ยังมีอีกหลายเหตุการณ์แปลกๆ เพราะตอนกลางคืนทุกคนจะนอนที่วัดแต่จู่ๆยายของเราก็บอกว่าจะกลับไปนอนบ้าน น้าเขยก็เลยขับรถไปส่งแล้วก็ค่อยวนกลับมาวัด เพราะฉะนั้นที่บ้านก็มีแค่ยายคนเดียว เช้ามาพอยายมาถึงก็เดินด่าน้าเราใหญ่เลยบอกว่าเมื่อคืนตามาเข้าฝันบอกว่าทำไมไม่ปิดประตูและหน้าต่าง ถ้าโจรเข้ามาขโมยของจะทำยังไง พอได้ยินแบบนั้นน้าเราก็งงใหญ่เลยเพราะจำได้ว่าก่อนออกจากบ้านก็เช็คดีแล้วว่าปิดหน้าต่างทุกบาน แล้วก็ล็อครั้วอย่างดี น้าเขยที่ไปส่งยายก็บอกว่าก่อนจะขับรถกลับมาวัดก็ล็อครั้วอย่างดีแล้ว สรุปเรื่องนี้ก็ตกไป
ทุกวันนี้เราเลยเก็บมาคิดว่า เงาที่เราเห็นคือตา หรือว่าขโมยแต่ก็ไม่มีของในบ้านหายไปนะ
นอกจากเรื่องข้างบนยังมีเรื่องเกี่ยวกับงานศพตาคือทุกครอบครัวก็คงต้องมีอยู่แล้วใช่มั้ยที่มีการถ่ายรูปกัน เราก็ถ่าย แต่ของเราคือเราถ่ายคนเดียวแต่บนหัวเราในรูปมันมีเป็นดวงไฟกลมๆไม่ใหญ่มากลอยอยู่บนหัว ตอนแรกแม่บอกว่าอาจเป็นรอยไฟไหม้หรืออะไร แต่พี่เรา(ลูกชายของลุง)ที่เป็นคนไปล้างรูปบอกว่ารูปยังไม่โดนอะไรเลย เพิ่งเอาออกมาจากอัลบั้มมาให้ดูเนี้ย ถ้าไฟไหม้ด้านหลังก็ต้องมีรอยสิ แม่ก็บอกอีกว่าอาจเป็นแสงตกกระทบ แต่ที่แปลกคือรูปไหนที่มีเรา รูปนั่นก็จะมีดวงไฟไปลอยอยู่บนหัวทุกรูปแม้แต่รูปที่ทึบแสง ส่วนของพี่สาวเรามีแค่รูปเดียวคือตอนถ่ายรวมลูกหลาน
เรื่องแรกก็มีแค่นี้แหละ แต่ในชีวิตที่ผ่านมาของเราเรื่องแปลกๆเยอะพอสมควร แล้วเราจะมาทยอยเราให้ฟังนะ
เรื่องที่ 2 คห.ที่ 2 นะ