น้ำปุ๋ย..ฟาร์มสีเขียว รดเพิ่มผลผลิต

ช่วงวิกฤตภัยแล้ง น้ำไม่พอเพียงในการรดผลผลิต เกษตรกรสามารถใช้น้ำปุ๋ยจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ผ่านการบำบัดด้วยระบบไบโอแก๊ส และคุณภาพตามมาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษได้


“น้ำปุ๋ย” ที่เกษตรกรเรียกกันติดปาก คือน้ำปนมูลสุกรผ่านการบำบัดด้วยระบบไบโอแก๊ส และถูกนำมาพักในบ่อตกตะกอน บ่อสุดท้าย มีคุณภาพตามมาตรฐานที่ผ่านกระบวนการบำบัดของกรมควบคุมมลพิษ

ธาตุอาหารที่อยู่ในน้ำปุ๋ย จากที่มีการศึกษาพบว่า มีสารอาหารสำหรับพืชผล 2 ตัวหลัก คือ มีโปแตสเซียม 297 มก.ต่อน้ำ 1 กก. และมีไนโตรเจน 154 มก.ต่อน้ำ 1 กก.

โปแตสเซียมเป็นแร่ธาตุที่เหมาะกับพืชตระกูลอ้อย ช่วยให้อ้อยเติบโตดีและช่วยเพิ่มความหวานของอ้อย  ส่วนไนโตรเจนเป็นธาตุอาหารที่ช่วยบำรุงต้นใบอ้อยให้เขียว แตกกอได้ดี  นอกจากนั้น น้ำปุ๋ยยังมีโซเดียม, แมกนีเซียม, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส ซึ่งมีประโยชน์ต่อพืชอีกด้วย

ชาวไร่อ้อยรอบฟาร์มสุกรในต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ยังคงยิ้มได้ ไม่ต้องกังวลว่าอ้อยจะเสียหายจากการขาดน้ำ... เพราะต่างได้รับการแบ่งปัน “น้ำปุ๋ย”  เนื่องจากพื้นที่อยู่นอกเหนือเขตชลประทานทำให้บางปีต้นอ้อยต้องตาย เนื่องจากขาดน้ำ แต่หลังจากได้น้ำปุ๋ยจากฟาร์มหมูติดต่อกันมา 5 ปี นอกจากต้นอ้อยจะไม่เคยขาดน้ำแล้ว จากเดิมที่เคยได้อ้อยไร่ละ 6-7 ตัน กลับได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งที่ใช้ปุ๋ยน้อยกว่าเมื่อก่อนครึ่งหนึ่ง รายได้เพิ่ม รายจ่ายลดลง และช่วยประหยัดเงินค่าปุ๋ยได้มาก หากในปีต่อไปมีการไถปรับพื้นที่ให้ดีขึ้น น้ำปุ๋ยจะได้ไหลเข้าทั่วแปลง ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มให้ผลผลิตให้มากขึ้น

“เพราะการรดต้นอ้อยด้วยน้ำปุ๋ย ได้ทั้งน้ำ ได้ทั้งปุ๋ยบำรุงต้นอ้อยไปพร้อมกัน และเพื่อความมั่นใจว่าใช้แล้วดีจริง ชาวบ้านยังได้ให้หมอดินประจำอำเภอ มาตรวจสภาพดินด้วยว่าเป็นอย่างไร พบว่าดินที่ใช้น้ำปุ๋ยมีสภาพเป็นกลาง เหมาะกับการปลูกพืชทุกชนิด ยิ่งช่วยให้เกษตรกรมั่นใจที่จะใช้น้ำปุ๋ยต่อไป” คุณชำนาญ เพ็ชรปานกัน หนึ่งในชาวไร่อ้อยที่ได้น้ำปุ๋ยแบ่งปันน้ำจากฟาร์มมาใช้ในไร่ของตนเองกว่า 60 ไร่

ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/508946
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่